“มีสระว่ายน้ำด้วย แถมยังตกแต่งอย่างสวย แต่ทำไมถึงติดป้ายห้ามเข้า สงสัยยังไม่เปิดให้ใช้บริการ”
ดารินทร์เดินเมียงมองไปมาจนรู้สึกพอใจแล้ว ก็เดินกลับไปทางเดิม แต่ไม่ทันจะกลับไปยังเขตของที่พักนักท่องเที่ยว ก็สะดุดกับก้อนหินที่วางไว้ หญิงสาวเสียหลักเกือบล้มแต่ถูกใครคนหนึ่งคว้าเอวคอดเอาไว้ทัน
“อ๊ะ ขอโทษค่ะ”
ดารินทร์เอ่ยขอโทษออกมา ก่อนจะรีบผลักร่างหนาออกห่าง เมื่อเห็นหน้าตาราวกับมหาโจรของอีกฝ่าย จำได้ลางๆ ว่าเคยเห็นเขาที่ท่าเรือ อีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยเธอง่ายๆ กลับรัดร่างงามไว้แน่น กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆ ลอยออกมาจากลมหายใจของเขา บ่งบอกว่าเขาดื่มมา ดวงตาคู่คมจ้องมองใบหน้างามด้วยแววตาพราวระยับ
“ปล่อยฉันนะ” ดารินทร์ร้องขึ้น
“ทำไมต้องปล่อย เธอกระโดดเข้ามาในอ้อมกอดของฉันเองนะคนสวย”
อัคคีแค่ดื่มนิดหน่อยไม่ถึงกับเมา เขายินดีกับความสำเร็จจึงฉลองกับเลขาคนสนิท ใครจะคิดว่าพอเดินกลับห้องพัก ก็ได้เจอกับว่าที่เจ้าสาว
เรื่องบังเอิญมีในโลกด้วยหรือ... เขาไม่เคยเชื่อ
“บ้า! ใครไปกระโดดกอดคุณกัน ฉันแค่ล้มสะดุดแค่นั้นเอง”
ดารินทร์แหวเข้าใส่ ผลักไสเขาพัลวัน แต่อีกฝ่ายกลับรัดอ้อมกอดแน่นขึ้นจนเธอแทบหายใจไม่ออก
“วางแผนมาดีนี่ คงกะเซอร์ไพรซ์ว่าที่สามีใช่ไหมคนสวย อยากได้สินสอดเพิ่มหรือว่ามีข้อเสนออะไรก็บอกมาสิ เจ้าหนี้อย่างฉันใจดีอยู่แล้ว”
อัคคีก้มลงมากระซิบข้างหู จมูกโด่งกดลงบนแก้มนวลแรงอย่างถือสิทธิ์ สูดกลิ่นสาวเข้าปอดเสียงดังฟอด
“อ๊ะ ตาบ้า อย่ามาฉวยโอกาสกับฉันนะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ รู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นใคร”
ดารินทร์ตกใจกับการกระทำจาบจ้วงของเขา เกิดมาไม่เคยถูกใครลวนลามแบบนี้ แม้แต่คู่หมั้นอย่างนทีก็ให้เกียรติเธอ ไม่เคยเกินเลยมากกว่าจับมือ กอดก็ไม่เคยกอดด้วยซ้ำ แต่ผู้ชายคนนี้ทั้งกอดทั้งหอมเธอ ยังดีที่ไม่ได้คิดจะจูบเธอ
“รู้สิ เธอคือว่าที่เจ้าสาวของฉันยังไงล่ะ ถึงฉันจะดูหนังดูละครมาน้อยมาก แต่ก็พอรู้ว่าพล็อตแต่งงานใช้หนี้เนี่ย มันโคตรคลาสสิก ไม่คิดว่าจะมีในชีวิตจริง”
เขาเอ่ยขึ้น มือหนายกขึ้นมาจับปลายคางของหญิงสาวให้มองสบตา กระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเห็นอาการตื่นตะลึงของเธอ
คงจะตกใจล่ะสิ ที่เขารู้แกว อัคคีรู้สึกสนุกที่ได้แกล้งว่าที่เจ้าสาว เธอลงทุนพาตัวเองมาหาเขาถึงเกาะร้อยดาว บ่งบอกเจตนาอยู่แล้วว่าคิดอะไรอยู่ จะเป็นอะไรไปหากเขาจะสนองศรัทธาสักหน่อย
“คุณพูดบ้าอะไร ฉันนี่นะเป็นลูกหนี้คุณ ร้อยไม่ใช่พันไม่มีทางใช่ คุณพ่อคุณแม่ของฉันท่านมีหน้ามีตาในสังคม มีสมบัติกินทั้งชาติก็ไม่หมด ที่สำคัญฉันมีคู่หมั้นแล้ว และไม่คิดจะหลงผิดมาแต่งงานกับผู้ชาย หน้าตาเหมือนมหาโจรอย่างคุณหรอก”
ดารินทร์ตอกกลับเป็นชุด นึกเคืองที่อีกฝ่ายแต่งเรื่องโกหกได้ไม่เนียน พูดออกมาได้ว่าเธอเป็นลูกหนี้เขา ต้องมาแต่งงานใช้หนี้ ตระกูลพัชรวงศาแม้ไม่ใช่เศรษฐีติดอันดับของประเทศ แต่ก็ไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกจนถึงขนาดต้องไปกู้ยืมเงินใคร
“หลงผิดเหรอ หน้าตาเหมือนมหาโจรเหรอ...”
อัคคีคำรามในคอด้วยความโมโห ผู้หญิงคนนี้ปากดีเกินไปแล้ว มาเล่นละครบทนางพยศคิดให้เขาอยากปราบเธอให้ยอมศิโรราบ เขาเจอผู้หญิงร้อยเล่ห์มารยามามากมาย รู้ทันทุกมุกทุกเล่ห์ หากไม่รู้ทันเขาคงไม่ลอยตัวมาจนถึงป่านนี้หรอก
“ปล่อยฉันได้แล้วนะ ถ้าไม่ปล่อยฉันจะร้องแล้วนะ ช่วยด้วย ช่วย อุ๊บ!”
ดารินทร์ร้องได้คำเดียว ริมฝีปากร้อนรุมก็ก้มลงมาทาบปิดริมฝีปากอิ่มของเธอเอาไว้ ก่อนที่เขาจะบดขยี้อย่างดุดัน หญิงสาวตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ เขาหน้าตาเหมือนมหาโจรยังไม่พอ ยังมาปล้นจูบแรกในชีวิตสาวของเธอไปอีก ดารินทร์พยายามดิ้นรนขัดขืน แต่สู้แรงคนตัวโตราวกับยักษ์ไม่ได้ ริมฝีปากนุ่มหวานถูกเขาจูบอย่างหนักหน่วง ลมหายใจของเธอแทบหมดลงกับพายุจุมพิตแสนเร่าร้อนนั้น ร่างงามถูกร่างหนากว่ากอดรัดเอาไว้จนแทบจมหายไปในอกของเขา
“หวานไม่เลว อยากให้ฉันเล่นบทโหดหื่นก็ไม่บอก ชอบไหมจูบแบบเถื่อนๆ นี่”
อัคคีถอนริมฝีปากออกอย่างสาสมใจ มองริมฝีปากบวมเจ่อของหญิงสาวแล้วเปรี้ยวปากอยากจะบดขยี้อีกหน เขาเผลอคลายอ้อมกอดเล็กน้อย นั่นคือความผิดพลาด เมื่อหญิงสาวขยับตัวดิ้นรนออกจากอ้อมแขนของเขาได้สำเร็จ ฝ่ามือน้อยๆ ก็ฟาดเปรี้ยงมากระทบแก้มของเขาเต็มเหนี่ยวสามทีซ้อน
เผียะ เผียะ เผียะ !
เสียงตบดังก้องขึ้น มือตบยังไม่พอใจแค่นั้น ยกขาขึ้นเตะผ่าหมากเต็มแรง จนร่างสูงใหญ่ทรุดฮวบเอามือกุมน้องชายสุดที่รักไว้ หน้าเขียวด้วยความจุก ไม่ทันจะได้ลุกขึ้นมาจัดการกับสาวนักตบ เธอก็พาร่างของตัวเองวิ่งหนีเขาไปไกลเสียแล้ว
“ยายตัวแสบ... ฝาก... ฝากเอาก่อนเถอะ”
อัคคีมองตามแผ่นหลังเล็กนั้นไปด้วยประกายวาววับ อย่าให้เขาเห็นเธออีกนะ เขาจะทวงแค้นคืนให้สาสม
ดวงจันทร์ทอแสงสว่างนวลบนท้องฟ้ายามราตรี ทุกสรรพสิ่งในค่ำคืนนี้เงียบสงบ ร่างของใครคนหนึ่งค่อยๆ ย่องออกจากเรือนหลังเล็กมายังประตูด้านหลัง โดยมีกระเป๋าเป้สะพายไว้บนไหล่ มองซ้ายมองขวาจนมั่นใจว่าไม่มีใคร จึงใช้กุญแจเปิดประตูออกไปด้านนอกก่อนจะปิดประตูไว้ดังเดิม แล้วรีบวิ่งเต็มฝีเท้าออกจากตรงนั้นไปอย่างเร่งรีบ ดวงตามีน้ำตาไหลออกมาเมื่อหันกลับไปมองบ้านของตัวเอง
“ลาก่อนค่ะคุณพ่อ อดทนรอหนูดาวนะคะ วันหนึ่งข้างหน้าหนูดาวจะกลับมาหาคุณพ่อ ดูแลตัวเองด้วยนะคะ”
ดาริกาพึมพำบอกลาบิดา เธอเลือกจากมาในตอนที่ท่านหลับไปแล้ว ไม่อาจตัดใจจากในยามที่ท่านตื่น เกรงว่าตัวเองใจแข็งไม่พอ เธอจากไปในวันนี้เพื่อหาโอกาสและหนทางในการมีชีวิตอยู่ เธอจะต้องกลับมารับท่านไปอยู่ด้วยให้ได้ จำใจพรากจากในวันนี้เพื่อความสุขในวันข้างหน้า
เมื่อวิ่งมาถึงถนนหน้าปากซอย ก็รีบหยิบมือถือมาโทรหาเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวคือเชิญขวัญ
“ยายขวัญ ฉันมารอที่หน้าปากซอยแล้ว เธออยู่ที่ไหน”
“มาแล้วเหรอ รอเดี๋ยวนะฉันอยู่ใกล้ๆ นี่ เอง”
รอเพียงครู่หนึ่ง รถยนต์ขนาดเล็กคันหนึ่งก็แล่นมาจอดเทียบฟุตบาท กระจกด้านข้างคนขับเปิดออก
“ขึ้นมาก่อน เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”
เชิญขวัญรีบบอกเพื่อน ดาริการีบเปิดประตูไปนั่งข้างๆ เพื่อน รถแล่นออกจากบริเวณนั้นทันที
“ขอบคุณมากนะขวัญ”
ดาริกาเอ่ยขอบคุณเพื่อนสาว เธอโทรไปขอความช่วยเหลือจากเชิญขวัญเพื่อนสมัยเรียนมัธยม เชิญขวัญเป็นลูกสาวเจ้าของแพปลา มีฐานะดีคนหนึ่งของจังหวัด ทั้งสองเรียนโรงเรียนเดียวกันชั้นเดียวกัน จนกระทั่งจบมัธยมปลายก็แยกย้ายกันไปเรียนต่อ เชิญขวัญไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยในกรุงเทพ ทั้งสองติดต่อกันอยู่เสมอ เชิญขวัญเรียนจบแล้วกลับมาช่วยทางบ้านดูแลกิจการของครอบครัว
“ไม่เป็นไร ฉันดีใจที่เธอกล้าออกมาเสียที ยอมให้ยายแม่เลี้ยงนั่นโขกสับอยู่ได้ตั้งนานสองนาน ถ้าเป็นฉันคงแหลกกันไปข้าง ไม่ปล่อยให้ลอยชายแบบนี้หรอก”
เชิญขวัญรู้เรื่องของดาริกาเป็นอย่างดี เคยออกปากจะช่วยหางานให้เพื่อนทำ แต่ดาริกาไม่อาจทิ้งบิดาไปไหนได้ ยอมให้แม่เลี้ยงอย่างแขไขกดขี่ข่มเหงอยู่แบบนั้น
“ฉันต้องดูแลคุณพ่อ แต่ครั้งนี้มันสุดจะทนจริงๆ น้าแขจะยกฉันให้แต่งงานใช้หนี้ คุณพ่อท่านไม่ยอมแต่น้าแขไปตกลงกับทางนั้นไว้แล้ว ถ้าฉันยังอยู่คงถูกบังคับแน่ๆ”
ดาริกาบอกเล่าด้วยน้ำเสียงขื่นจัด เจ็บช้ำใจ
“ถ้าเธอยอม เธอก็โง่เกินเยียวยาแล้ว แค่ยอมให้เขาโขกสับยิ่งกว่าคนใช้ก็ว่าแย่แล้ว ขืนยอมแต่งงานใช้หนี้อีก ชีวิตจะเหลืออะไร”
เชิญขวัญถอนหายใจแรงๆ ขณะยื่นมือมาบีบมือเพื่อนสาวให้กำลังใจ ชีวิตของดาริกาก็เหมือนนางซินดีๆ นี่เอง แต่โชคร้ายตรงไม่มีเจ้าชายมาตามหารองเท้าแก้ว เธอเลยต้องช่วยเพื่อนเสียเอง
สามแม่ลูกกลับมาถึงบ้านได้ ก็พากันมานั่งปรึกษาหาทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น แขไขใบหน้าเคร่งเครียดจนเห็นรอยย่นเล็กๆ บริเวณหน้าผาก ยามนี้ครีมบำรุงราคาแพงยังช่วยรั้งรอยย่นนั้นแทบไม่ไหว “ใครจะคิดว่า จะมีคนหน้าตาเหมือนนังดาวอยู่ด้วย บ้าบอที่สุด” เจนจรัสเปรยออกมาทำลายความเงียบ หลังจากพากันนั่งคิดจนหัวแทบแตกก็ยังหาทางออกไม่เจอ ระหว่างขับรถกลับบ้านผู้เป็นมารดาได้เล่าเรื่องจับผิดตัวให้เธอกับน้องสาวฟัง “ที่บ้ายิ่งกว่า เราดันจับมันมาผิดตัว เฮ้อ...” นลินรัตน์ถอนหายใจออกมา “นี่แกจะโทษว่าคุณแม่ตาถั่วเหรอ นังลูกวัว” คนเป็นพี่แหวใส่น้องสาว ยามอารมณ์ไม่ดีมักจะเรียกน้องสาวว่าลูกวัวตามมันสมองของอีกฝ่าย คนเป็นน้องโดนเรียกแบบนั้นก็ทนไม่ไหว “ฉันชื่อลูกบัวไม่ใช่ลูกวัวค่ะ คุณพี่เจนจัด” ด่ามาด่ากลับไม่ยอมแพ้ ถึงจะถูกมองว่าสมองน้อยแต่นลินรัตน์ก็ปากดีได้เชื้อมารดามาเต็มๆ ยามร่วมมือกันก็ด่าชาวบ้านได้แสบสันต์ แต่ยามปะทะกันเองก็ไม่เคยราฝีปากให้กันและกัน ดังคำเปรียบเปรยว
ที่โรงพยาบาล ห้องผู้ป่วย นทีสั่งให้บรรเจิดไปจัดการเคลียร์ปัญหากับรถที่ชนคู่หมั้นของเขา จากนั้นก็มาเฝ้าไข้คนเจ็บรอเวลาให้หญิงสาวฟื้นขึ้นมา แพทย์ผู้รักษาบอกว่าอาการของเธอไม่ร้ายแรงมาก แต่ต้องรอดูตอนฟื้นว่ามีผลกระทบอะไรบ้าง “ปวด... ปวดหัว”เสียงครางแผ่วดังขึ้น ปลุกให้คนที่นอนอยู่รีบลุกขึ้นมา นทีขยับลุกจากโซฟายาวมายังเตียงคนเจ็บ“เป็นอะไรหรือเปล่าน้องดาว” เขาเอ่ยถาม ขณะกดกริ่งเรียกพยาบาล“ปวด... ฉันปวดหัว เจ็บไปหมด”หญิงสาวเอ่ยออกมาทั้งที่ตายังไม่ปิดอยู่ มือยกขึ้นแตะบนแผลที่ศีรษะ ใบหน้างามมีรอยเหยเกเมื่อมือสัมผัสโดนแผลที่เจ็บ ค่อยลืมตาขึ้นมาช้าๆ ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง เมื่อแสงสว่างจ้าเกินไป“ไม่เป็นอะไรแล้วนะครับน้องดาว พี่จะดูแลน้องดาวเอง” นทีปลอบโยน เขาจับมือของเธอเอาไว้ มองอาการของคนเจ็บด้วยสายตาห่วงใย คู่หมั้นของเขามีอาการหลับๆ ตื่นๆ ไม่ได้สติมาตลอดสามวัน“คุณเป็นใคร ฉันไม่รู้จักคุณ”ดาริกาดึงมือออก มองชายหนุ่มที่กุมมือเธอด้วยสายตาของคนไม่รู้จักกัน ทำเอานทีใจหายวาบ“พี่เป็นคู่หมั้นของน้องดาว พี่ชื่อนทีหรือพี่น้ำ น้องดาวค่อยๆ นึกนะครับ”“ไม่ ฉันจำอะไรไม่ได้ แล้วที่นี
นทีเดินกลับเข้าไปในร้าน พบกับบรรเจิดที่เดินมาพอดี“อ้าวเจ้านาย มีอะไรหรือเปล่าครับ”“มีคนทำน้ำหวานหกใส่น่ะ ฉันต้องไปล้างก่อน น้องดาวรออยู่ที่รถบรรเจิดไปดูแลเธอด้วยนะ เดี๋ยวฉันตามไป”นทีบอก ก่อนจะเดินไปยังห้องน้ำ เขาเข้าไปล้างคราบน้ำหวานออกจากแขนเสื้อ ใช้ทิชชูซับจนแขนเสื้อหมาด จึงกลับออกมา ก่อนจะนิ่วหน้าเมื่อเห็นร่างคุ้นตาของหญิงสาวคนหนึ่ง เดินย่องไปทางด้านหลังของห้องน้ำ เขานิ่วหน้าด้วยความสงสัยแล้วเดินตามเธอไปทันทีหญิงสาวเดินออกจากประตูหลังร้าน มองซ้ายมองขวาอย่างระแวง ก่อนจะรีบซอยเท้าจะเดินออกไปตามถนนในซอยข้างร้าน ไม่ทันจะเดินไปไกลก็ถูกจับแขนรั้งเอาไว้ก่อน“น้องดาว จะไปไหนหรือครับ”นทีจับข้อมือของหญิงสาวเอาไว้ เอ่ยถามเสียงเข้ม“ปล่อยนะ แก... แกเป็นคนของน้าแขใช่ไหม ปล่อยนะ”ดาริกาสะบัดมือออกจากการจับของนที แล้วรีบวิ่งหนีทันที ชายหนุ่มรีบวิ่งตามไป เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคู่หมั้นสาวถึงทำท่าเหมือนกลัวเขาทำร้ายด้วย แถมยังวิ่งหนีเขาไปอีก“หยุดเดี๋ยวนี้นะน้องดาว!” นทีตะโกนเรียก“อย่านะ อย่าตามมานะ ว้าย!”เอี๊ยด... โครม!รถคันหนึ่งเบรกเสียงดัง ก่อนจะหักพวงมาลัยหลบร่างของคนที่วิ่งตัดหน้ารถ ไปชนเข
หลังจากออกมาจากธนาคาร เชิญขวัญก็พาดาริกามาไหว้พระขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต“ทำบุญไหว้พระแล้ว ต่อไปชีวิตของเธอก็จะเจริญรุ่งเรือง พ้นทุกข์ พ้นเคราะห์เสียทีนะยายดาว”“ฉันก็หวังว่าต่อไป ชีวิตของฉันจะได้พบสิ่งดีๆ บ้าง อย่างน้อยก็ขอให้ได้พบหนทางแก้ปัญหา”ดาริกาพนมมือกราบพระประทานในโบสถ์ ใบหน้ามีร่องรอยแจ่มใสไม่อมทุกข์เหมือนที่ผ่านมา ภาวนาให้ชีวิตข้างหน้าได้พบเจอสิ่งดีๆ หลุดพ้นจากคนชั่วร้ายอย่างแขไข“อีกชั่วโมงกว่าเรือเที่ยวต่อไปจะออก ฉันว่าเราไปเดินเล่นแถวๆ นี้กันดีไหม”เชิญขวัญเห็นว่ามีเวลาเหลือ จึงชวนเพื่อนเดินเล่น ก่อนที่จะพาไปกันไปยังท่าเรือ สองสาวเดินชมเมืองเก่าและแวะเดินดูของที่ระลึก ดาริกาไปติดใจกระเป๋าถัก“ป้าคะ ใบนี้ราคาเท่าไหร่คะ” ดาริกาถามแม่ค้า“ใบละสองร้อยค่ะ เอ... เหมือนเมื่อกี้คุณเพิ่งซื้อไปไม่ใช่หรือคะ”แม่ค้าบอก ก่อนจะทักขึ้นอย่างกังขา ว่าลูกค้าคนนี้เพิ่งซื้อกระเป๋าถักไปเมื่อครู่นี้เอง“เราเพิ่งมาค่ะป้า ป้าจำคนผิดแล้วค่ะ”เชิญขวัญท้วงขึ้น ยิ้มขำเมื่อนึกว่า ป้าแม่ค้าคงจำคนผิด“อ้อ สงสัยป้าจำคนผิดจริงๆ เอาใบนี้นะคะเดี๋ยวป้าใส่ถุงให้นะคะ”แม่ค้ายิ้มเก้อๆ เสไปหยิบถุงมาใส่กร
ในตอนเช้า อัคคีสั่งให้ขจรเช็ครายชื่อแขกที่เข้าพักในรีสอร์ต เพื่อค้นหาตัวว่าที่เจ้าสาวของเขาแต่ก็ไม่มีรายชื่อของดาริกา พัทธนันท์กุล ปรากฏในรายชื่อของคนเข้าพัก สร้างความหงุดหงิดใจให้เจ้าพ่อเกาะร้อยดาวมาก เมื่อคืนเขาปล้ำจูบเธอแต่ถูกอีกฝ่ายสวนกลับจนแทบสูญพันธุ์ ยังเจ็บจุกจนบัดนี้ หากไม่ได้ตัวเธอมาแก้แค้นให้สาสม เขาไม่มีวันหายเจ็บใจ “ดาริกา... หนูดาว ฉันจะให้เธอชดใช้สิ่งที่เธอทำกับฉันให้ได้ ฉันจะทำให้เธอร้องขอความเมตตาจากฉันคนนี้”อัคคีคำรามในคอ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มากดโทรหามารดา เขาต้องการให้ท่านจัดการกับลูกหนี้ขัดดอกคนนี้ให้เขา“คุณแม่ครับ ผมจะจัดงานแต่งที่เกาะร้อยดาว หาฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่สุดให้ผมด้วย”“มาใจร้อนอะไรตอนนี้ เมื่อก่อนบอกให้หาเมียก็ทำยักท่า ตอนนี้ทำใจร้อนอยากแต่งเมีย”คนเป็นแม่เหน็บแนมลูกชายด้วยความหมั่นไส้“ก็ผู้หญิงที่คุณแม่หาให้ ถูกใจผมนี่ครับ ผมเลยอยากแต่งงานไวๆ ว่าแต่ทางนั้นเขาตอบตกลงแล้วใช่ไหมครับ”“คุณแขไขเขาตอบตกลงแล้ว เหลือแค่ทางเราหาวันแต่งเท่านั้นแหละ”อัคคีกระตุกยิ้ม นึกถึงท่าทางพยศของหญิงสาวเมื่อคืนแล้ว ก็แอบคิดว่าอีกฝ่ายคงแกล้งหยั่งเชิง หวังทำให้เขาสนใจ แต่วิ
“ใช่ หนูดาวหนีไปแล้ว ฉันเป็นคนบอกให้ลูกของฉันหนีไปเอง อย่าหวังว่าฉันจะบอกเธอว่าหนูดาวหนีไปไหน เพราะฉันเองไม่มีทางบอกเธอ”นายพิพัฒน์ปัดมือของแขไขออก เขาใช้แรงที่มีทั้งหมด ผลักร่างของผู้หญิงใจร้ายคนนี้จนเซล้ม นั่นทำให้แขไขโกรธยิ่งกว่าเดิม ลุกขึ้นได้ก็เข้ามาทุบตีนายพิพัฒน์ คนป่วยได้แต่ปัดป้องตัวเอง แต่ก็หนีไม่พ้นถูกตีไปหลายตุบ นางแก้วกับนายชมที่ได้ยินเสียงรีบเข้ามาห้าม แต่แขไขกลับเรียกลูกสาวให้มาช่วยกันคนแก่ทั้งสองออกไป“ยายเจน ลูกบัว มาช่วยแม่ด้วย มันรุมแม่!”เจนจรัสกับนลินรัตน์รีบเข้ามายื้อยุดฉุดนายชมกับนายแก้วเอาไว้ แขไขได้โอกาสเข้าไปทุบตีนายพิพัฒน์อีก“โอ๊ย! นังสารเลว นังยักษ์ใจมาร”นายพิพัฒน์ด่าทอภรรยาด้วยความเจ็บแค้น เขาปกป้องตัวเองไม่ได้ แต่ก็ไม่ยอมให้อีกฝ่ายทำร้ายข้างเดียว ด่าทอกลับบ้าง มือทั้งสองปัดป้องการตบตีของแขไขอย่างอ่อนแรง ร่างกายถูกทุบตีจนแดงช้ำหลายแห่ง“ฉันจะไม่ให้คุณกินข้าว จนกว่าคุณจะยอมบอกว่า ยายดาวอยู่ที่ไหน ยายแก้วกับนายชม พวกแกสองคนห้ามเอาข้าวให้คุณพิพัฒน์กิน ถ้าฉันรู้ว่าใครขัดคำสั่ง ฉันจะไล่พวกแกออกจากบ้าน ลูกบัวไปเอากุญแจมาล็อกห้องไว้ ไม่มีคำสั่งจากแม่ อย่าให้ใคร