“แล้วเธอพอมีทางช่วยฉันได้ยังไงบ้าง” ดาริกาเอ่ยถาม
“ฉันพอมีคนรู้จักเขาทำงานบนเรือสำราญ เขาบอกว่ากำลังอยากได้คนช่วยงานในครัว ตอนนี้เรือกำลังเทียบท่าที่เกาะร้อยดาว อีกหกวันก็จะออกจากท่าแล้ว ถ้าเธอได้ทำงานที่นั่น ก็ไม่มีใครตามหาเธอพบ เรือสำราญจะล่องไปหลายประเทศ แวะตามท่าต่างๆ รายได้ดีระดับหนึ่งเชียวล่ะ ปกติเขาจะคัดเลือกคนงาน มาทำงานแผนกต่างๆ แต่ฉันมีเส้นสายฉันฝากเธอเข้าทำงานได้”
เชิญขวัญหาทางช่วยเหลือเพื่อนไว้แล้ว เธอมีคนรู้จักกึ่งญาติทำงานในเรือสำราญ ตำแหน่งงานว่างพอดี และไม่ใช่ตำแหน่งสำคัญที่จำเป็นต้องสอบข้อเขียนหรือสัมภาษณ์งานมากมาย ถ้ามีคนรับรองก็สามารถเข้าทำงานได้ทันที
“ขอบคุณมากนะขวัญ เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเลย”
ดาริกาขอบคุณเพื่อนด้วยความซาบซึ้งใจ หากไม่มีเชิญขวัญเธอก็ไม่รู้ว่าจะไปพึ่งใคร
“เพื่อนต้องช่วยเพื่อนสิ ไม่ต้องมาขอบคุณหรอก แล้วเธอมีเงินติดตัวบ้างหรือเปล่า ฉันพอจะให้ยืมได้นะ”
เชิญขวัญเอ่ยถามอย่างอารี ขณะเลี้ยวรถไปจอดยังโรงแรมแห่งหนึ่ง เธอเลือกที่นี่ให้เพื่อนพักค้างคืน รอขึ้นเรือไปเกาะในช่วงเช้า
“คุณพ่อให้กุญแจเซฟที่ธนาคารไว้ ฉันต้องไปเอาของกับเงินที่เก็บไว้ออกมาก่อน เป็นมรดกของคุณแม่ที่ฝากไว้ให้ฉัน”
ดาริกาบอกเพื่อนอย่างไม่ปิดบัง เธอหวังว่ามารดาอาจจะทิ้งเงินไว้ให้สักก้อน พอที่จะเป็นทุนในการเริ่มต้นชีวิตใหม่
“ดีแล้ว โชคดีที่ยังมีสมบัติติดตัว ไม่โดนยายแม่เลี้ยงฮุบไปหมด คืนนี้เธอพักที่นี่ก่อน ฉันเปิดห้องไว้ให้แล้ว ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเธอเอง พรุ่งนี้เราไปธนาคารแล้วค่อยขึ้นเรือไปเกาะกัน”
เชิญขวัญพาดาริกาไปยังห้องพักที่เธอเปิดไว้ สองสาวนอนคุยกันระหว่างรอเวลาให้ถึงเช้า
“ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะช่วยเธอเอง”
เชิญขวัญปลอบโยนเพื่อน รู้ดีว่าดาริกานั้นเป็นคนที่ค่อนข้างอ่อนแอ เธอเคยบอกให้เพื่อนพาบิดาออกมาจากบ้านหลายครั้ง แต่ดาริกาก็ยังทนให้แม่เลี้ยงโขกสับอยู่ตั้งนาน หากอีกฝ่ายไม่ล้ำเส้นจนถึงขั้นบังคับให้แต่งงานใช้หนี้ คนไม่คิดตัดสินใจหนีออกมา
“ฉันเป็นห่วงคุณพ่อ ป่านนี้ไม่รู้ว่าพวกนั้นจะรู้หรือยังว่าฉันหนีออกมา”
ดาริกานึกห่วงบิดา แม่เลี้ยงของเธอเป็นคนโหดร้าย แขไขอาจจะทำอะไรบิดาของเธอก็ได้ คนใจร้ายแบบนั้นคงไม่ยอมให้เธอหนีไปง่ายๆ
“พวกนั้นไม่ทำอะไรพ่อเธอหรอก เธอต้องเข้มแข็งนะ อย่าคิดหวนกลับไปอีก ถ้าเธอหนีไม่รอดก็จะไม่มีโอกาสได้ช่วยพ่อเธอ”
เชิญขวัญบีบมือเพื่อน พยายามพูดให้กำลังใจดาริกา หากอีกฝ่ายยอมแพ้กลับไปก็คงไม่มีโอกาสได้หนีอีก ชีวิตที่เหลือคงมืดมนไม่ต่างจากตกนรก ขอเพียงให้ออกไปพ้นจากที่นี่เพื่อนของเธอจะมีชีวิตใหม่
นทีมาเคาะประตูเรียกคู่หมั้นสาวในตอนแปดโมงเช้า เขามาก่อนเวลานัดหมายหนึ่งชั่วโมงเพื่อพาเธอไปรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน
“นอนไม่พอหรือครับ ทำไมดูเพลียๆ”
ชายหนุ่มเอ่ยทักทาย เมื่อเห็นใบหน้าของคู่หมั้นสาวดูอิดโรยเหมือนคนนอนไม่อิ่ม
“เมื่อคืนดาวนอนฝันร้ายค่ะ เลยตื่นมาเพลียๆ ไปกันเถอะค่ะ ดาวหิวแล้ว”
ดารินทร์บอกด้วยน้ำเสียงเนือยๆ ปากบอกว่านอนฝันร้าย ทั้งที่ความจริงไม่ได้นอนทั้งคืน เธอหนีโจรบ้ากามคนนั้นกลับมาได้ ก็รีบไปแปรงฟันบ้วนปากเสียหลายรอบ รอยจูบของเขาเหมือนยังติดอยู่ที่ริมฝีปากของเธอ ความรู้สึกแปลกป่วนชวนให้ขนลุกขนพอง ทำให้เธอนอนไม่หลับทั้งคืน อยากจะไปแจ้งความจับคนบ้ากามคนนั้น แต่ก็เกรงว่าจะกระทบต่อชื่อเสียงของตัวเองและครอบครัว อีกทั้งเธอก็ไม่รู้ว่านายคนเถื่อนจอมโจรปล้นจูบเป็นใคร ตอนเกิดเหตุก็ไม่มีใครรู้เห็นพอจะมาเป็นพยานได้ คิดแล้วได้ไม่คุ้มเสีย จำต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ
“เรือจะออกตอนเก้าโมงเช้าเป็นรอบแรก มีเรือกลับเกาะจนถึงรอบสุดท้ายตอนห้าโมงเย็น ผมจองตั๋วเรือทั้งขาไปและขากลับ ให้คุณน้ำกับคุณหนูดาวเรียบร้อยแล้วครับ ขากลับผมเลือกตอนบ่ายสี่โมงเย็น จะได้มีเวลาเที่ยวชมอะไรในบนฝั่ง”
บรรเจิดเลขาของนทีจัดการจองตั๋วเรือให้เจ้านายทั้งสองเรียบร้อยแล้ว เขานำผู้เป็นนายมายังท่าเรือโดยสารและตามติดไปด้วย ทำหน้าที่ของตัวเองไม่ขาดตกบกพร่อง
“บรรเจิดหาร้านขายมือถือบนฝั่งไว้แล้วใช่ไหม” นทีเอ่ยถามเลขาคนสนิท
“เรียบร้อยแล้วครับ มีร้านใหญ่ที่สุดอยู่ร้านเดียว ที่นี่เป็นจังหวัดเล็กไม่มีร้านให้เลือกเยอะเหมือนที่กรุงเทพครับ แต่ก็มีมือถือยี่ห้อที่คุณหนูดาวใช้ขายด้วย”
บรรเจิดหาข้อมูลไว้ล่วงหน้าแล้ว เขารู้ว่านทีต้องการเอาใจคู่หมั้นสาว หวังให้ดาริกามีความรู้สึกดีๆ กับเขาบ้าง ตามที่ถูกบิดามารดาขอร้องให้เขาทำ
“ผมยังหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว ตลอดจนร้านอาหารขึ้นชื่อไว้ด้วย ทริปนี้ผมขอเป็นไกด์พาคุณทั้งสองเที่ยวเองครับ”
บรรเจิดอาสาพาเที่ยวด้วยตัวเอง เขาอยากให้เจ้านายของตนกับคู่หมั้นสาว สานสัมพันธ์กันอย่างราบรื่น หากต้องแต่งงานกันจะได้มีความสุขทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ถูกบังคับให้แต่งงานทั้งที่ไม่ได้รักกัน
“เรือมาพอดี ไปขึ้นเรือกันเถอะครับ”
เรือมาจอดเทียบท่าแล้ว บรรเจิดรีบนำทางพาเจ้านายทั้งสองไปขึ้นเรือ
ในตอนเช้าเกิดความวุ่นวายขึ้น เมื่อแขไขรู้ว่าลูกเลี้ยงของเธอได้หนีไปแล้ว เธอกับลูกสาวถูกวางยานอนหลับจนตื่นสาย ดาริกาแอบลอบหนีไปในตอนกลางดึก
“บอกมานะ ว่าลูกสาวของคุณหนีไปที่ไหน”
แขไขมาคาดคั้นเอาความกับนายพิพัฒน์ อีกฝ่ายนิ่งเงียบไม่ยอมตอบ ทำเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่เธอถาม ทำเอาคนถามถึงกับโมโหขึ้นมา เข้าไปเขย่าตัวคนป่วยแรงๆ
“บอกมาเดี๋ยวนี้ ว่าลูกสาวตัวดีของคุณ หนีไปไหน นี่วางแผนกันไว้ใช่ไหม”
แขไขแผดเสียงใส่สามีด้วยความโมโห เมื่อคืนเธอหลับเป็นตายตื่นมาก็สายโร่ ได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหนี้สอบถามถึงดาริกา อยากให้เธอพาไปหาในวันนี้ แต่พอเรียกหาตัวกลับไม่พบ และเมื่อตามไปที่ห้องก็พบว่าเสื้อผ้าข้าวของบางส่วนของดาริกาหายไปพร้อมกับเจ้าของห้อง เธอไล่เบี้ยกับนายชมและนางแก้ว ทั้งสองบอกเพียงไม่รู้ไม่เห็น จนต้องมาคาดคั้นเอาความจริงจากนายพิพัฒน์อีกคน
สามแม่ลูกกลับมาถึงบ้านได้ ก็พากันมานั่งปรึกษาหาทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น แขไขใบหน้าเคร่งเครียดจนเห็นรอยย่นเล็กๆ บริเวณหน้าผาก ยามนี้ครีมบำรุงราคาแพงยังช่วยรั้งรอยย่นนั้นแทบไม่ไหว “ใครจะคิดว่า จะมีคนหน้าตาเหมือนนังดาวอยู่ด้วย บ้าบอที่สุด” เจนจรัสเปรยออกมาทำลายความเงียบ หลังจากพากันนั่งคิดจนหัวแทบแตกก็ยังหาทางออกไม่เจอ ระหว่างขับรถกลับบ้านผู้เป็นมารดาได้เล่าเรื่องจับผิดตัวให้เธอกับน้องสาวฟัง “ที่บ้ายิ่งกว่า เราดันจับมันมาผิดตัว เฮ้อ...” นลินรัตน์ถอนหายใจออกมา “นี่แกจะโทษว่าคุณแม่ตาถั่วเหรอ นังลูกวัว” คนเป็นพี่แหวใส่น้องสาว ยามอารมณ์ไม่ดีมักจะเรียกน้องสาวว่าลูกวัวตามมันสมองของอีกฝ่าย คนเป็นน้องโดนเรียกแบบนั้นก็ทนไม่ไหว “ฉันชื่อลูกบัวไม่ใช่ลูกวัวค่ะ คุณพี่เจนจัด” ด่ามาด่ากลับไม่ยอมแพ้ ถึงจะถูกมองว่าสมองน้อยแต่นลินรัตน์ก็ปากดีได้เชื้อมารดามาเต็มๆ ยามร่วมมือกันก็ด่าชาวบ้านได้แสบสันต์ แต่ยามปะทะกันเองก็ไม่เคยราฝีปากให้กันและกัน ดังคำเปรียบเปรยว
ที่โรงพยาบาล ห้องผู้ป่วย นทีสั่งให้บรรเจิดไปจัดการเคลียร์ปัญหากับรถที่ชนคู่หมั้นของเขา จากนั้นก็มาเฝ้าไข้คนเจ็บรอเวลาให้หญิงสาวฟื้นขึ้นมา แพทย์ผู้รักษาบอกว่าอาการของเธอไม่ร้ายแรงมาก แต่ต้องรอดูตอนฟื้นว่ามีผลกระทบอะไรบ้าง “ปวด... ปวดหัว”เสียงครางแผ่วดังขึ้น ปลุกให้คนที่นอนอยู่รีบลุกขึ้นมา นทีขยับลุกจากโซฟายาวมายังเตียงคนเจ็บ“เป็นอะไรหรือเปล่าน้องดาว” เขาเอ่ยถาม ขณะกดกริ่งเรียกพยาบาล“ปวด... ฉันปวดหัว เจ็บไปหมด”หญิงสาวเอ่ยออกมาทั้งที่ตายังไม่ปิดอยู่ มือยกขึ้นแตะบนแผลที่ศีรษะ ใบหน้างามมีรอยเหยเกเมื่อมือสัมผัสโดนแผลที่เจ็บ ค่อยลืมตาขึ้นมาช้าๆ ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง เมื่อแสงสว่างจ้าเกินไป“ไม่เป็นอะไรแล้วนะครับน้องดาว พี่จะดูแลน้องดาวเอง” นทีปลอบโยน เขาจับมือของเธอเอาไว้ มองอาการของคนเจ็บด้วยสายตาห่วงใย คู่หมั้นของเขามีอาการหลับๆ ตื่นๆ ไม่ได้สติมาตลอดสามวัน“คุณเป็นใคร ฉันไม่รู้จักคุณ”ดาริกาดึงมือออก มองชายหนุ่มที่กุมมือเธอด้วยสายตาของคนไม่รู้จักกัน ทำเอานทีใจหายวาบ“พี่เป็นคู่หมั้นของน้องดาว พี่ชื่อนทีหรือพี่น้ำ น้องดาวค่อยๆ นึกนะครับ”“ไม่ ฉันจำอะไรไม่ได้ แล้วที่นี
นทีเดินกลับเข้าไปในร้าน พบกับบรรเจิดที่เดินมาพอดี“อ้าวเจ้านาย มีอะไรหรือเปล่าครับ”“มีคนทำน้ำหวานหกใส่น่ะ ฉันต้องไปล้างก่อน น้องดาวรออยู่ที่รถบรรเจิดไปดูแลเธอด้วยนะ เดี๋ยวฉันตามไป”นทีบอก ก่อนจะเดินไปยังห้องน้ำ เขาเข้าไปล้างคราบน้ำหวานออกจากแขนเสื้อ ใช้ทิชชูซับจนแขนเสื้อหมาด จึงกลับออกมา ก่อนจะนิ่วหน้าเมื่อเห็นร่างคุ้นตาของหญิงสาวคนหนึ่ง เดินย่องไปทางด้านหลังของห้องน้ำ เขานิ่วหน้าด้วยความสงสัยแล้วเดินตามเธอไปทันทีหญิงสาวเดินออกจากประตูหลังร้าน มองซ้ายมองขวาอย่างระแวง ก่อนจะรีบซอยเท้าจะเดินออกไปตามถนนในซอยข้างร้าน ไม่ทันจะเดินไปไกลก็ถูกจับแขนรั้งเอาไว้ก่อน“น้องดาว จะไปไหนหรือครับ”นทีจับข้อมือของหญิงสาวเอาไว้ เอ่ยถามเสียงเข้ม“ปล่อยนะ แก... แกเป็นคนของน้าแขใช่ไหม ปล่อยนะ”ดาริกาสะบัดมือออกจากการจับของนที แล้วรีบวิ่งหนีทันที ชายหนุ่มรีบวิ่งตามไป เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคู่หมั้นสาวถึงทำท่าเหมือนกลัวเขาทำร้ายด้วย แถมยังวิ่งหนีเขาไปอีก“หยุดเดี๋ยวนี้นะน้องดาว!” นทีตะโกนเรียก“อย่านะ อย่าตามมานะ ว้าย!”เอี๊ยด... โครม!รถคันหนึ่งเบรกเสียงดัง ก่อนจะหักพวงมาลัยหลบร่างของคนที่วิ่งตัดหน้ารถ ไปชนเข
หลังจากออกมาจากธนาคาร เชิญขวัญก็พาดาริกามาไหว้พระขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต“ทำบุญไหว้พระแล้ว ต่อไปชีวิตของเธอก็จะเจริญรุ่งเรือง พ้นทุกข์ พ้นเคราะห์เสียทีนะยายดาว”“ฉันก็หวังว่าต่อไป ชีวิตของฉันจะได้พบสิ่งดีๆ บ้าง อย่างน้อยก็ขอให้ได้พบหนทางแก้ปัญหา”ดาริกาพนมมือกราบพระประทานในโบสถ์ ใบหน้ามีร่องรอยแจ่มใสไม่อมทุกข์เหมือนที่ผ่านมา ภาวนาให้ชีวิตข้างหน้าได้พบเจอสิ่งดีๆ หลุดพ้นจากคนชั่วร้ายอย่างแขไข“อีกชั่วโมงกว่าเรือเที่ยวต่อไปจะออก ฉันว่าเราไปเดินเล่นแถวๆ นี้กันดีไหม”เชิญขวัญเห็นว่ามีเวลาเหลือ จึงชวนเพื่อนเดินเล่น ก่อนที่จะพาไปกันไปยังท่าเรือ สองสาวเดินชมเมืองเก่าและแวะเดินดูของที่ระลึก ดาริกาไปติดใจกระเป๋าถัก“ป้าคะ ใบนี้ราคาเท่าไหร่คะ” ดาริกาถามแม่ค้า“ใบละสองร้อยค่ะ เอ... เหมือนเมื่อกี้คุณเพิ่งซื้อไปไม่ใช่หรือคะ”แม่ค้าบอก ก่อนจะทักขึ้นอย่างกังขา ว่าลูกค้าคนนี้เพิ่งซื้อกระเป๋าถักไปเมื่อครู่นี้เอง“เราเพิ่งมาค่ะป้า ป้าจำคนผิดแล้วค่ะ”เชิญขวัญท้วงขึ้น ยิ้มขำเมื่อนึกว่า ป้าแม่ค้าคงจำคนผิด“อ้อ สงสัยป้าจำคนผิดจริงๆ เอาใบนี้นะคะเดี๋ยวป้าใส่ถุงให้นะคะ”แม่ค้ายิ้มเก้อๆ เสไปหยิบถุงมาใส่กร
ในตอนเช้า อัคคีสั่งให้ขจรเช็ครายชื่อแขกที่เข้าพักในรีสอร์ต เพื่อค้นหาตัวว่าที่เจ้าสาวของเขาแต่ก็ไม่มีรายชื่อของดาริกา พัทธนันท์กุล ปรากฏในรายชื่อของคนเข้าพัก สร้างความหงุดหงิดใจให้เจ้าพ่อเกาะร้อยดาวมาก เมื่อคืนเขาปล้ำจูบเธอแต่ถูกอีกฝ่ายสวนกลับจนแทบสูญพันธุ์ ยังเจ็บจุกจนบัดนี้ หากไม่ได้ตัวเธอมาแก้แค้นให้สาสม เขาไม่มีวันหายเจ็บใจ “ดาริกา... หนูดาว ฉันจะให้เธอชดใช้สิ่งที่เธอทำกับฉันให้ได้ ฉันจะทำให้เธอร้องขอความเมตตาจากฉันคนนี้”อัคคีคำรามในคอ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มากดโทรหามารดา เขาต้องการให้ท่านจัดการกับลูกหนี้ขัดดอกคนนี้ให้เขา“คุณแม่ครับ ผมจะจัดงานแต่งที่เกาะร้อยดาว หาฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่สุดให้ผมด้วย”“มาใจร้อนอะไรตอนนี้ เมื่อก่อนบอกให้หาเมียก็ทำยักท่า ตอนนี้ทำใจร้อนอยากแต่งเมีย”คนเป็นแม่เหน็บแนมลูกชายด้วยความหมั่นไส้“ก็ผู้หญิงที่คุณแม่หาให้ ถูกใจผมนี่ครับ ผมเลยอยากแต่งงานไวๆ ว่าแต่ทางนั้นเขาตอบตกลงแล้วใช่ไหมครับ”“คุณแขไขเขาตอบตกลงแล้ว เหลือแค่ทางเราหาวันแต่งเท่านั้นแหละ”อัคคีกระตุกยิ้ม นึกถึงท่าทางพยศของหญิงสาวเมื่อคืนแล้ว ก็แอบคิดว่าอีกฝ่ายคงแกล้งหยั่งเชิง หวังทำให้เขาสนใจ แต่วิ
“ใช่ หนูดาวหนีไปแล้ว ฉันเป็นคนบอกให้ลูกของฉันหนีไปเอง อย่าหวังว่าฉันจะบอกเธอว่าหนูดาวหนีไปไหน เพราะฉันเองไม่มีทางบอกเธอ”นายพิพัฒน์ปัดมือของแขไขออก เขาใช้แรงที่มีทั้งหมด ผลักร่างของผู้หญิงใจร้ายคนนี้จนเซล้ม นั่นทำให้แขไขโกรธยิ่งกว่าเดิม ลุกขึ้นได้ก็เข้ามาทุบตีนายพิพัฒน์ คนป่วยได้แต่ปัดป้องตัวเอง แต่ก็หนีไม่พ้นถูกตีไปหลายตุบ นางแก้วกับนายชมที่ได้ยินเสียงรีบเข้ามาห้าม แต่แขไขกลับเรียกลูกสาวให้มาช่วยกันคนแก่ทั้งสองออกไป“ยายเจน ลูกบัว มาช่วยแม่ด้วย มันรุมแม่!”เจนจรัสกับนลินรัตน์รีบเข้ามายื้อยุดฉุดนายชมกับนายแก้วเอาไว้ แขไขได้โอกาสเข้าไปทุบตีนายพิพัฒน์อีก“โอ๊ย! นังสารเลว นังยักษ์ใจมาร”นายพิพัฒน์ด่าทอภรรยาด้วยความเจ็บแค้น เขาปกป้องตัวเองไม่ได้ แต่ก็ไม่ยอมให้อีกฝ่ายทำร้ายข้างเดียว ด่าทอกลับบ้าง มือทั้งสองปัดป้องการตบตีของแขไขอย่างอ่อนแรง ร่างกายถูกทุบตีจนแดงช้ำหลายแห่ง“ฉันจะไม่ให้คุณกินข้าว จนกว่าคุณจะยอมบอกว่า ยายดาวอยู่ที่ไหน ยายแก้วกับนายชม พวกแกสองคนห้ามเอาข้าวให้คุณพิพัฒน์กิน ถ้าฉันรู้ว่าใครขัดคำสั่ง ฉันจะไล่พวกแกออกจากบ้าน ลูกบัวไปเอากุญแจมาล็อกห้องไว้ ไม่มีคำสั่งจากแม่ อย่าให้ใคร