ดารินทร์ท่องเที่ยวไปรอบๆ เกาะด้วยความเพลิดเพลิน หญิงสาวชอบทะเลและชื่นชมความงามของทิวทัศน์ของเกาะ ไกด์พานักท่องเที่ยวจากเรือสำราญ ซึ่งได้ซื้อแพคเกจท่องเที่ยวแบบเหมาจ่าย โดยมีไกด์จากเกาะร้อยดาวรับช่วงต่อ มายังจุดชมวิวบริเวณด้านบนสุดของภูเขา ที่นี่มองลงไปจะเห็นหาดทรายขาวตัดกับสีฟ้าของน้ำทะเล มองเห็นท่าเรือและเรือสำราญลำใหญ่รวมถึงเรือยอร์ชที่กำลังเทียบท่าอยู่
“บริเวณนี้คือจุดชมวิว เรียกว่าเนินร้อยดาว เป็นจุดชมวิวสูงสุดของที่นี่ เราจะแวะให้ทุกท่านได้ชมวิวสวยๆ และถ่ายรูปกันหนึ่งชั่วโมงนะครับ”
ไกด์ผู้นำเที่ยวใช้โทรโข่งประกาศให้นักท่องเที่ยวทราบ ก่อนที่จะนำน้ำเย็นมาแจกให้ทุกคน
“คุณไกด์คะ หลังจากที่เราจะแวะไปที่ไหนกันต่อคะ”
ดารินทร์เอ่ยถามไกด์หนุ่ม เธออยากรู้โปรแกรมล่วงหน้า จะได้เตรียมตัวถูก
“เสร็จจากจุดนี้ เราจะไปแวะฟาร์มหอยมุกด้านหลังเกาะครับ ที่นี่เลี้ยงหอยมุกและนำมาทำเครื่องประดับส่งออก มีศูนย์แสดงสินค้าให้เลือกซื้อไปฝากคนทางบ้านด้วยนะครับ”
สิ่งที่ไกด์บอกทำให้ดารินทร์นึกในใจว่า มากับเรือสำราญก็ไม่ต่างจากทัวร์ทั่วไป พาเที่ยวแล้วก็พาแวะไปซื้อของ ยอดจำหน่ายคงมีส่วนแบ่งให้ไกด์ด้วย ยิ่งคณะทัวร์นี้มีแต่เศรษฐี คอมมิชชั่นคงได้เยอะ แต่ก็นั่นแหละทางทำมาหากินของใครก็ของมัน เธอได้แค่คิดแต่ไม่ได้พูดออกมา
“จะให้ผมช่วยถ่ายรูปให้ไหมครับ”
ไกด์หนุ่มถามลูกทัวร์สาว เขาสังเกตเห็นว่าเธอมาคนเดียว ไม่มีเพื่อนหรือคนในครอบครัวมาด้วย
“ไม่เป็นไรค่ะ ดูเหมือนจะมีคนอยากให้ช่วยถ่ายรูปให้ ทางนั้นค่ะ”
ดารินทร์ปฏิเสธไป พลางชี้มือบอกให้ไกด์หนุ่มไปช่วยสองสามีภรรยาวัยกลางคนถ่ายรูปแทน ก่อนจะเดินเลี่ยงไปสำรวจรอบๆ บริเวณ เธอไม่ได้พกกล้องถ่ายรูปมาด้วย มีแค่โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด มีฟังชั่งถ่ายรูปได้สวยไม่แพ้กล้องถ่ายรูปของมืออาชีพ ดังนั้นจะพกกล้องให้หนักทำไม
จุดชมวิวเนินร้อยดาวค่อนข้างสูง แต่ก็สามารถมองเห็นได้ทั่วบริเวณ ดารินทร์ใช้กล้องมือถือของตัวเอง ถ่ายวิวทิวทัศน์ด้วยความเพลิดเพลิน จนมาถึงตรงราวกั้นเธออยากได้รูปวิวด้านหลังที่มีภาพตัวเธอเองด้วย จึงใช้ไม้เซลฟี่ในการถ่ายรูป กดถ่ายได้หลายรูปจนพอใจ กำลังจะเก็บก็มีนักท่องเที่ยวสองคน เดินเข้ามาชนเสียก่อน ไม้เซลฟี่พร้อมมือถือกระเด็นหลุดจากมือร่วงตกลงไปยังเบื้องล่าง ที่มีต้นไม้หนาทึบ ท่ามกลางความตกตะลึงของเจ้าของ
“ว้าย ! มือถือของฉัน”
ดารินทร์เกือบผวาตาม โชคดีที่ไกด์หนุ่มมาเห็นเหตุการณ์รีบเข้าไปคว้าแขนของเธอไว้ได้ทัน
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
“มือถือของฉันค่ะ มันกระเด็นตกไปแล้ว”
ดารินทร์ชี้มือไปยังจุดตกด้วยท่าทางร้อนใจ นึกเสียดายมือถือของตัวเองขึ้นมา แล้วก็นึกโมโหคนที่มาชนเธอ ทำให้ต้องเสียของรักไป
“พวกเราขอโทษด้วยนะครับ เรารีบร้อนไปหน่อย พอดีภรรยาของผมเวียนศีรษะเหมือนจะหน้ามืดเป็นลม ผมเลยรีบพาเธอไปหาที่พัก เลยไม่ระวังชนคุณเข้า”
ผู้ชายคนที่ชนเธอรีบขอโทษ ข้างกายเขามีภรรยาสาวที่กำลังหน้าซีดยืนอยู่ด้วย ท่าทางของเธอคล้ายกับคนเป็นลมจริงๆ ดารินทร์จึงคลายความโมโหลง
“ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นอุบัติเหตุ”
“ผมจะชดใช้ให้นะครับ เดี๋ยวกลับไปที่พักผมจะโอนเงินคืนให้ทันที”
คนชนรับผิดชอบการกระทำของตน เขามากับคณะของเรือสำราญย่อมมีฐานะระดับเศรษฐี มือถือเครื่องเดียวไม่ทำให้เขาเดือดร้อน
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยจัดการให้ด้วยนะคะ คุณไกด์คะ ฉันต้องการมือถือเครื่องใหม่โดยเร็วที่สุด”
ดารินทร์พยักหน้ารับ แล้วหันไปบอกไกด์หนุ่มให้ช่วยจัดการหามือถือเครื่องใหม่ให้เธอ
“ได้ครับ แต่อาจจะต้องขอเวลาสักสามสี่วันนะครับ มือถือรุ่นที่คุณใช้อยู่ ต้องสั่งมาจากร้านบนฝั่ง” ไกด์หนุ่มรีบรับคำ
“ยังไง ถ้าได้เร็วหน่อยก็ดีนะคะ ฉันจำเป็นต้องใช้”
ดารินทร์บอก ก่อนจะเดินกลับไปยังรถตู้ สิ้นสุดการสนทนาเพียงแค่นั้น เธอไม่มีอารมณ์ชมวิวต่อแล้ว
การเจรจาระหว่างนทีกับอัคคีประสบความสำเร็จด้วยดี นทีตกลงการร่วมทุนและเสนอการเข้าร่วมเชนโรงแรมในเครือเมดิสันให้อัคคี ทั้งสองฝ่ายต่างพอใจในข้อเสนอของกันและกัน หลังจากจบงานอัคคีก็พานทีไปเลี้ยงรับรองที่ร้านอาหารของทางรีสอร์ต กว่าจะเลิกราก็เป็นเวลาค่ำแล้ว
นทีแวะไปหาดารินทร์ที่ห้องพักของเธอ ทางรีสอร์ตจัดให้พักเป็นกระท่อมที่เรียกว่าวิลล่า เขาเคาะประตูเรียกอยู่สองสามครั้ง เจ้าของห้องถึงมาเปิดประตูให้ ใบหน้างามมีร่องรอยหงุดหงิดจนเห็นได้ชัด
“โกรธพี่หรือเปล่า ที่ไม่ได้มากินข้าวเย็นด้วย”
นทีเอ่ยขึ้น ด้วยเข้าใจว่าคู่หมั้นสาวอาจไม่พอใจ ที่เขาไม่ได้มาร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน
“ไม่เกี่ยวกับพี่น้ำหรอกค่ะ แค่ดาทำมือถือตกเขา”
ดารินทร์ถอนหายใจแรงๆ สีหน้าไม่คลายความหงุดหงิด ขาดมือถือก็เหมือนขาดปัจจัยหลักในชีวิต ติดต่อพูดคุยกับบิดามารดาก็ลำบาก อยากจะวิดีโอคอลหาก็ไม่ได้ ที่สำคัญไกด์ที่รับปากว่าจะหามือถือเครื่องใหม่ให้เธอ บอกว่ามือถือรุ่นที่เธอใช้งานอยู่ยังไม่วางจำหน่ายในประเทศนี้ หากไม่ถือสาเขาจะซื้อรุ่นอื่นมาให้แทน แต่ก็ต้องใช้เวลาอีกหลายวัน
“เอาของพี่ไปใช้ก่อนไหมครับ พี่ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่”
นทีเสนอ พลางหยิบโทรศัพท์ของเขาส่งให้ ดารินทร์ส่ายหน้าไม่ยอมรับ
“ไม่เป็นไรค่ะ ดาวรอเครื่องใหม่ดีกว่า ระหว่างนี้จะได้งดโซเชียลไปพลางๆ คงไม่ลงแดงตายหรอกค่ะ” ดารินทร์บอก
“พรุ่งนี้พี่ว่างเดี๋ยวพี่พาน้องดาวขึ้นฝั่ง ไปหาซื้อเครื่องใหม่ดีไหมครับ” นทีพยายามเอาใจ
“แล้วงานของพี่น้ำล่ะคะ”
“งานพี่เสร็จแล้ว เหลือแค่รอทางเมดิสันส่งสัญญามาให้ทางฝ่ายนี้เซ็นก็เรียบร้อย ส่วนเรื่องร่วมทุนพี่ต้องเสนอเรื่องให้ที่ประชุมบริษัทอีกที”
งานของนทีเสร็จแล้ว เขาจึงมีเวลามาดูแลคู่หมั้นสาว
“ก็ได้ค่ะ ถ้าไม่เป็นการรบกวนพี่น้ำจนเกินไป”
ดารินทร์เอ่ยอย่างเกรงใจ รู้สึกดีกับคู่หมั้นหนุ่มที่ใส่ใจเธอ บางทีเธออาจจะลองเปิดใจให้เขาดูบ้าง การหมั้นหมายจะได้ไม่อึดอัดใจจนเกินไป
“เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ พี่จะมารับตอนเก้าโมงนะครับ พี่ขอตัวไปพักผ่อนก่อน น้องดาวหลับฝันดีนะครับ”
นทีนัดหมายแล้วเอ่ยลา ดารินทร์เดินมาส่งเขาที่หน้าห้อง ก่อนจะปิดประตูแล้วกลับเข้าห้องของตัวเองไป หญิงสาวนอนเล่นอยู่ครู่หนึ่งก็รู้สึกว่ายังไม่ถึงเวลานอน จึงแต่งตัวลงมาเดินเล่นชายหาด คืนนี้เป็นคืนเดือนมืดแสงดาวพราวระยับเต็มท้องฟ้า บรรยากาศเงียบสงบและงดงามสมกับชื่อเกาะร้อยดาว
ดารินทร์เดินไปบนชายหาดหน้ารีสอร์ตจนสุดแนว แล้วเดินย้อนกลับมายังห้องพักของตัวเอง ระหว่างทางผ่านสวนมีป้ายเขียนว่าห้ามเข้า ทางเดินนั้นตรงไปยังกระท่อมหลังหนึ่ง ซึ่งใหญ่กว่าที่พักของเธอมาก การตกแต่งก็พิเศษกว่าห้องพักอื่นๆ ทำให้ดารินทร์รู้สึกสนใจ เธอมองซ้ายมองขวาเมื่อไม่เห็นว่ามีใครผ่านมาทางนี้ ก็ถือโอกาสเดินสำรวจไปจนถึงหน้ากระท่อมนั้น
สามแม่ลูกกลับมาถึงบ้านได้ ก็พากันมานั่งปรึกษาหาทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น แขไขใบหน้าเคร่งเครียดจนเห็นรอยย่นเล็กๆ บริเวณหน้าผาก ยามนี้ครีมบำรุงราคาแพงยังช่วยรั้งรอยย่นนั้นแทบไม่ไหว “ใครจะคิดว่า จะมีคนหน้าตาเหมือนนังดาวอยู่ด้วย บ้าบอที่สุด” เจนจรัสเปรยออกมาทำลายความเงียบ หลังจากพากันนั่งคิดจนหัวแทบแตกก็ยังหาทางออกไม่เจอ ระหว่างขับรถกลับบ้านผู้เป็นมารดาได้เล่าเรื่องจับผิดตัวให้เธอกับน้องสาวฟัง “ที่บ้ายิ่งกว่า เราดันจับมันมาผิดตัว เฮ้อ...” นลินรัตน์ถอนหายใจออกมา “นี่แกจะโทษว่าคุณแม่ตาถั่วเหรอ นังลูกวัว” คนเป็นพี่แหวใส่น้องสาว ยามอารมณ์ไม่ดีมักจะเรียกน้องสาวว่าลูกวัวตามมันสมองของอีกฝ่าย คนเป็นน้องโดนเรียกแบบนั้นก็ทนไม่ไหว “ฉันชื่อลูกบัวไม่ใช่ลูกวัวค่ะ คุณพี่เจนจัด” ด่ามาด่ากลับไม่ยอมแพ้ ถึงจะถูกมองว่าสมองน้อยแต่นลินรัตน์ก็ปากดีได้เชื้อมารดามาเต็มๆ ยามร่วมมือกันก็ด่าชาวบ้านได้แสบสันต์ แต่ยามปะทะกันเองก็ไม่เคยราฝีปากให้กันและกัน ดังคำเปรียบเปรยว
ที่โรงพยาบาล ห้องผู้ป่วย นทีสั่งให้บรรเจิดไปจัดการเคลียร์ปัญหากับรถที่ชนคู่หมั้นของเขา จากนั้นก็มาเฝ้าไข้คนเจ็บรอเวลาให้หญิงสาวฟื้นขึ้นมา แพทย์ผู้รักษาบอกว่าอาการของเธอไม่ร้ายแรงมาก แต่ต้องรอดูตอนฟื้นว่ามีผลกระทบอะไรบ้าง “ปวด... ปวดหัว”เสียงครางแผ่วดังขึ้น ปลุกให้คนที่นอนอยู่รีบลุกขึ้นมา นทีขยับลุกจากโซฟายาวมายังเตียงคนเจ็บ“เป็นอะไรหรือเปล่าน้องดาว” เขาเอ่ยถาม ขณะกดกริ่งเรียกพยาบาล“ปวด... ฉันปวดหัว เจ็บไปหมด”หญิงสาวเอ่ยออกมาทั้งที่ตายังไม่ปิดอยู่ มือยกขึ้นแตะบนแผลที่ศีรษะ ใบหน้างามมีรอยเหยเกเมื่อมือสัมผัสโดนแผลที่เจ็บ ค่อยลืมตาขึ้นมาช้าๆ ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง เมื่อแสงสว่างจ้าเกินไป“ไม่เป็นอะไรแล้วนะครับน้องดาว พี่จะดูแลน้องดาวเอง” นทีปลอบโยน เขาจับมือของเธอเอาไว้ มองอาการของคนเจ็บด้วยสายตาห่วงใย คู่หมั้นของเขามีอาการหลับๆ ตื่นๆ ไม่ได้สติมาตลอดสามวัน“คุณเป็นใคร ฉันไม่รู้จักคุณ”ดาริกาดึงมือออก มองชายหนุ่มที่กุมมือเธอด้วยสายตาของคนไม่รู้จักกัน ทำเอานทีใจหายวาบ“พี่เป็นคู่หมั้นของน้องดาว พี่ชื่อนทีหรือพี่น้ำ น้องดาวค่อยๆ นึกนะครับ”“ไม่ ฉันจำอะไรไม่ได้ แล้วที่นี
นทีเดินกลับเข้าไปในร้าน พบกับบรรเจิดที่เดินมาพอดี“อ้าวเจ้านาย มีอะไรหรือเปล่าครับ”“มีคนทำน้ำหวานหกใส่น่ะ ฉันต้องไปล้างก่อน น้องดาวรออยู่ที่รถบรรเจิดไปดูแลเธอด้วยนะ เดี๋ยวฉันตามไป”นทีบอก ก่อนจะเดินไปยังห้องน้ำ เขาเข้าไปล้างคราบน้ำหวานออกจากแขนเสื้อ ใช้ทิชชูซับจนแขนเสื้อหมาด จึงกลับออกมา ก่อนจะนิ่วหน้าเมื่อเห็นร่างคุ้นตาของหญิงสาวคนหนึ่ง เดินย่องไปทางด้านหลังของห้องน้ำ เขานิ่วหน้าด้วยความสงสัยแล้วเดินตามเธอไปทันทีหญิงสาวเดินออกจากประตูหลังร้าน มองซ้ายมองขวาอย่างระแวง ก่อนจะรีบซอยเท้าจะเดินออกไปตามถนนในซอยข้างร้าน ไม่ทันจะเดินไปไกลก็ถูกจับแขนรั้งเอาไว้ก่อน“น้องดาว จะไปไหนหรือครับ”นทีจับข้อมือของหญิงสาวเอาไว้ เอ่ยถามเสียงเข้ม“ปล่อยนะ แก... แกเป็นคนของน้าแขใช่ไหม ปล่อยนะ”ดาริกาสะบัดมือออกจากการจับของนที แล้วรีบวิ่งหนีทันที ชายหนุ่มรีบวิ่งตามไป เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคู่หมั้นสาวถึงทำท่าเหมือนกลัวเขาทำร้ายด้วย แถมยังวิ่งหนีเขาไปอีก“หยุดเดี๋ยวนี้นะน้องดาว!” นทีตะโกนเรียก“อย่านะ อย่าตามมานะ ว้าย!”เอี๊ยด... โครม!รถคันหนึ่งเบรกเสียงดัง ก่อนจะหักพวงมาลัยหลบร่างของคนที่วิ่งตัดหน้ารถ ไปชนเข
หลังจากออกมาจากธนาคาร เชิญขวัญก็พาดาริกามาไหว้พระขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต“ทำบุญไหว้พระแล้ว ต่อไปชีวิตของเธอก็จะเจริญรุ่งเรือง พ้นทุกข์ พ้นเคราะห์เสียทีนะยายดาว”“ฉันก็หวังว่าต่อไป ชีวิตของฉันจะได้พบสิ่งดีๆ บ้าง อย่างน้อยก็ขอให้ได้พบหนทางแก้ปัญหา”ดาริกาพนมมือกราบพระประทานในโบสถ์ ใบหน้ามีร่องรอยแจ่มใสไม่อมทุกข์เหมือนที่ผ่านมา ภาวนาให้ชีวิตข้างหน้าได้พบเจอสิ่งดีๆ หลุดพ้นจากคนชั่วร้ายอย่างแขไข“อีกชั่วโมงกว่าเรือเที่ยวต่อไปจะออก ฉันว่าเราไปเดินเล่นแถวๆ นี้กันดีไหม”เชิญขวัญเห็นว่ามีเวลาเหลือ จึงชวนเพื่อนเดินเล่น ก่อนที่จะพาไปกันไปยังท่าเรือ สองสาวเดินชมเมืองเก่าและแวะเดินดูของที่ระลึก ดาริกาไปติดใจกระเป๋าถัก“ป้าคะ ใบนี้ราคาเท่าไหร่คะ” ดาริกาถามแม่ค้า“ใบละสองร้อยค่ะ เอ... เหมือนเมื่อกี้คุณเพิ่งซื้อไปไม่ใช่หรือคะ”แม่ค้าบอก ก่อนจะทักขึ้นอย่างกังขา ว่าลูกค้าคนนี้เพิ่งซื้อกระเป๋าถักไปเมื่อครู่นี้เอง“เราเพิ่งมาค่ะป้า ป้าจำคนผิดแล้วค่ะ”เชิญขวัญท้วงขึ้น ยิ้มขำเมื่อนึกว่า ป้าแม่ค้าคงจำคนผิด“อ้อ สงสัยป้าจำคนผิดจริงๆ เอาใบนี้นะคะเดี๋ยวป้าใส่ถุงให้นะคะ”แม่ค้ายิ้มเก้อๆ เสไปหยิบถุงมาใส่กร
ในตอนเช้า อัคคีสั่งให้ขจรเช็ครายชื่อแขกที่เข้าพักในรีสอร์ต เพื่อค้นหาตัวว่าที่เจ้าสาวของเขาแต่ก็ไม่มีรายชื่อของดาริกา พัทธนันท์กุล ปรากฏในรายชื่อของคนเข้าพัก สร้างความหงุดหงิดใจให้เจ้าพ่อเกาะร้อยดาวมาก เมื่อคืนเขาปล้ำจูบเธอแต่ถูกอีกฝ่ายสวนกลับจนแทบสูญพันธุ์ ยังเจ็บจุกจนบัดนี้ หากไม่ได้ตัวเธอมาแก้แค้นให้สาสม เขาไม่มีวันหายเจ็บใจ “ดาริกา... หนูดาว ฉันจะให้เธอชดใช้สิ่งที่เธอทำกับฉันให้ได้ ฉันจะทำให้เธอร้องขอความเมตตาจากฉันคนนี้”อัคคีคำรามในคอ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มากดโทรหามารดา เขาต้องการให้ท่านจัดการกับลูกหนี้ขัดดอกคนนี้ให้เขา“คุณแม่ครับ ผมจะจัดงานแต่งที่เกาะร้อยดาว หาฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่สุดให้ผมด้วย”“มาใจร้อนอะไรตอนนี้ เมื่อก่อนบอกให้หาเมียก็ทำยักท่า ตอนนี้ทำใจร้อนอยากแต่งเมีย”คนเป็นแม่เหน็บแนมลูกชายด้วยความหมั่นไส้“ก็ผู้หญิงที่คุณแม่หาให้ ถูกใจผมนี่ครับ ผมเลยอยากแต่งงานไวๆ ว่าแต่ทางนั้นเขาตอบตกลงแล้วใช่ไหมครับ”“คุณแขไขเขาตอบตกลงแล้ว เหลือแค่ทางเราหาวันแต่งเท่านั้นแหละ”อัคคีกระตุกยิ้ม นึกถึงท่าทางพยศของหญิงสาวเมื่อคืนแล้ว ก็แอบคิดว่าอีกฝ่ายคงแกล้งหยั่งเชิง หวังทำให้เขาสนใจ แต่วิ
“ใช่ หนูดาวหนีไปแล้ว ฉันเป็นคนบอกให้ลูกของฉันหนีไปเอง อย่าหวังว่าฉันจะบอกเธอว่าหนูดาวหนีไปไหน เพราะฉันเองไม่มีทางบอกเธอ”นายพิพัฒน์ปัดมือของแขไขออก เขาใช้แรงที่มีทั้งหมด ผลักร่างของผู้หญิงใจร้ายคนนี้จนเซล้ม นั่นทำให้แขไขโกรธยิ่งกว่าเดิม ลุกขึ้นได้ก็เข้ามาทุบตีนายพิพัฒน์ คนป่วยได้แต่ปัดป้องตัวเอง แต่ก็หนีไม่พ้นถูกตีไปหลายตุบ นางแก้วกับนายชมที่ได้ยินเสียงรีบเข้ามาห้าม แต่แขไขกลับเรียกลูกสาวให้มาช่วยกันคนแก่ทั้งสองออกไป“ยายเจน ลูกบัว มาช่วยแม่ด้วย มันรุมแม่!”เจนจรัสกับนลินรัตน์รีบเข้ามายื้อยุดฉุดนายชมกับนายแก้วเอาไว้ แขไขได้โอกาสเข้าไปทุบตีนายพิพัฒน์อีก“โอ๊ย! นังสารเลว นังยักษ์ใจมาร”นายพิพัฒน์ด่าทอภรรยาด้วยความเจ็บแค้น เขาปกป้องตัวเองไม่ได้ แต่ก็ไม่ยอมให้อีกฝ่ายทำร้ายข้างเดียว ด่าทอกลับบ้าง มือทั้งสองปัดป้องการตบตีของแขไขอย่างอ่อนแรง ร่างกายถูกทุบตีจนแดงช้ำหลายแห่ง“ฉันจะไม่ให้คุณกินข้าว จนกว่าคุณจะยอมบอกว่า ยายดาวอยู่ที่ไหน ยายแก้วกับนายชม พวกแกสองคนห้ามเอาข้าวให้คุณพิพัฒน์กิน ถ้าฉันรู้ว่าใครขัดคำสั่ง ฉันจะไล่พวกแกออกจากบ้าน ลูกบัวไปเอากุญแจมาล็อกห้องไว้ ไม่มีคำสั่งจากแม่ อย่าให้ใคร