“ใช่ หนูดาวหนีไปแล้ว ฉันเป็นคนบอกให้ลูกของฉันหนีไปเอง อย่าหวังว่าฉันจะบอกเธอว่าหนูดาวหนีไปไหน เพราะฉันเองไม่มีทางบอกเธอ”
นายพิพัฒน์ปัดมือของแขไขออก เขาใช้แรงที่มีทั้งหมด ผลักร่างของผู้หญิงใจร้ายคนนี้จนเซล้ม นั่นทำให้แขไขโกรธยิ่งกว่าเดิม ลุกขึ้นได้ก็เข้ามาทุบตีนายพิพัฒน์ คนป่วยได้แต่ปัดป้องตัวเอง แต่ก็หนีไม่พ้นถูกตีไปหลายตุบ นางแก้วกับนายชมที่ได้ยินเสียงรีบเข้ามาห้าม แต่แขไขกลับเรียกลูกสาวให้มาช่วยกันคนแก่ทั้งสองออกไป
“ยายเจน ลูกบัว มาช่วยแม่ด้วย มันรุมแม่!”
เจนจรัสกับนลินรัตน์รีบเข้ามายื้อยุดฉุดนายชมกับนายแก้วเอาไว้ แขไขได้โอกาสเข้าไปทุบตีนายพิพัฒน์อีก
“โอ๊ย! นังสารเลว นังยักษ์ใจมาร”
นายพิพัฒน์ด่าทอภรรยาด้วยความเจ็บแค้น เขาปกป้องตัวเองไม่ได้ แต่ก็ไม่ยอมให้อีกฝ่ายทำร้ายข้างเดียว ด่าทอกลับบ้าง มือทั้งสองปัดป้องการตบตีของแขไขอย่างอ่อนแรง ร่างกายถูกทุบตีจนแดงช้ำหลายแห่ง
“ฉันจะไม่ให้คุณกินข้าว จนกว่าคุณจะยอมบอกว่า ยายดาวอยู่ที่ไหน ยายแก้วกับนายชม พวกแกสองคนห้ามเอาข้าวให้คุณพิพัฒน์กิน ถ้าฉันรู้ว่าใครขัดคำสั่ง ฉันจะไล่พวกแกออกจากบ้าน ลูกบัวไปเอากุญแจมาล็อกห้องไว้ ไม่มีคำสั่งจากแม่ อย่าให้ใครเข้ามาในห้องนี้”
แขไขสั่งการให้ลูกสาวนำกุญแจมาล็อกห้องของคนป่วยเอาไว้ ห้ามนายชมกับนางแก้วให้อาหารคนป่วย และยังโทรไปเรียกนายเพิกให้มาหาที่บ้าน เพื่อช่วยกันตามหาตัวดาริกา
ช่วงเช้าเชิญขวัญพาดาริกามาที่ธนาคารเพื่อเอาของที่ฝากไว้ เมื่อดาริกาเปิดตู้เซฟออกมาก็พบว่า ภายในมีสมุดบัญชีธนาคารเป็นชื่อของเธอเอง และเครื่องเพชรสามชุด รวมถึงทองคำแท่ง พร้อมกับจดหมายฉบับหนึ่ง
‘ดาริกาลูกรักของแม่
จดหมายฉบับนี้แม่เขียนขึ้นก่อนที่ลูกจะเกิด ลูกคงจะได้รับกุญแจเซฟและจดหมายฉบับนี้ หลังจากลูกอายุครบยี่สิบปีแล้ว หากวันนั้นแม่ยังมีชีวิตอยู่ แม่จะเป็นคนพาลูกมาเปิดเซฟด้วยตัวเอง แต่อนาคตคือสิ่งไม่แน่นอน หากแม่ไม่ได้อยู่ด้วย ก็ขอให้ลูกรู้ว่า แม่รักลูกนะคะ ทุกสิ่งที่อยู่ในเซฟนี้ คือของที่แม่เตรียมไว้ให้ลูก และหวังว่าลูกจะใช้มันอย่างรู้คุณค่า หากวันใดที่ลูกเดือดร้อนเกินกำลังของตัวเอง ลูกจงนำจดหมายอีกฉบับไปขอความช่วยเหลือจาก คุณอรรถ พัชรวงศา ท่านเป็นพี่ชายคนเดียวของแม่ เป็นลุงแท้ๆ ของลูก ท่านจะให้ความช่วยเหลือลูกอย่างแน่นอน แม่ขอให้ลูกของแม่ มีชีวิตที่ดีงาม มีความสุขในทุกวัน
รักลูกเสมอ
อินทิรา พัทธนันท์กุล (พัชรวงศา)’
ในซองเดียวกันมีจดหมายอีกฉบับ เขียนถึงคุณอรรถ พัชรวงศา ผู้เป็นลุงของดาริกา ข้อความเขียนบอกอีกฝ่ายในเชิงขอร้องให้ช่วยเหลือดาริกา หากนำจดหมายนี้ไปหาท่าน ดาริกาเปิดสมุดบัญชีธนาคารพบว่าตัวเลขเงินฝากคือห้าล้านบาท ผ่านไปหลายปีเท่าอายุของเธอ ดอกเบี้ยน่าจะเพิ่มขึ้นมากแล้ว ทองคำแท่งหากนำไปขายก็คงได้หลายล้านบาท ไม่นับเครื่องเพชรที่ไม่สามารถตีเป็นมูลค่าได้
“โอ้โห เธอรวยแล้วยายดาว”
เชิญขวัญตื่นเต้นกับของที่เห็น ไม่คิดว่ามารดาของดาริกาจะมีข้าวของมากมายขนาดนี้
“ถ้าฉันเอาของพวกนี้ไปใช้หนี้...”
ดาริกาไม่ทราบจำนวนของหนี้สินที่บิดาค้างชำระ ได้แต่เดาว่าน่าจะเป็นเงินหลายล้าน หากเธอขายทรัพย์สินที่มีในตอนนี้ เอาเงินที่ได้ไปใช้หนี้ จะยังพอมีเงินเหลือเท่าไหร่กันหนอ หญิงสาวใช้ความคิดอย่างหนัก
“อย่าทำอะไรบ้าๆ แบบนั้นนะยายดาว”
เชิญขวัญรีบพูดห้ามขึ้นมา เข้าใจความคิดของเพื่อนในทันที
“ทำไมล่ะ ถ้าฉันเอาเงินไปใช้หนี้ ฉันก็ไม่ต้องแต่งงานใช้หนี้แล้ว” ดาริกาเอ่ยขึ้น
“คิดอะไรตื้นๆ ต่อให้เธอเอาเงินไปใช้หนี้ปัญหาก็ไม่จบ อย่าลืมสิว่า ตราบใดที่แม่เลี้ยงกับลูกๆ ของนางยังอยู่ที่บ้านของเธอ คิดหรือว่าพวกนั้นจะยอมให้เธออยู่อย่างสุขสบาย ดีไม่ดีก็ฮุบเงินของเธอไปอีก บ้านช่องห้องหอ โรงงานสวนปาล์ม ก็จะตกเป็นของพวกนั้นไปอีก พ่อของเธอยังไม่ได้หย่ากับยายป้าแขไขนะ ทรัพย์สินของพ่อของเธอยังไม่ได้เป็นชื่อของเธอ ยายแม่เลี้ยงตัวแสบคงไม่ยอมแน่”
คำเตือนของเชิญขวัญทำให้ดาริกาฉุกคิด เธอไม่มีปัญญาต่อต้านแม่เลี้ยงได้แน่นอน แล้วจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร
“แล้วฉันต้องทำยังไง”
ดาริกาถามเพื่อนอย่างอ่อนแรง มองไม่เห็นทางแก้ปัญหานอกจากหนีไปให้พ้น
“เธอต้องหาคนมาช่วย คนที่มีพาวเวอร์มากกว่ายายแม่เลี้ยงของเธอ สามารถทำให้ยายนั่นยอมหย่ากับพ่อของเธอและโยนสามแม่ลูกนั่นให้กระเด็นออกไปจากชีวิตของเธอกับพ่อ”
เชิญขวัญแนะนำตามที่เธอคิด ตอนนี้สภาพของดาริกาเหมือนหัวเดียวกระเทียมลีบ จะมีปัญญาที่ไหนไปต่อกรกับแม่เลี้ยงไหว เธอเองอยากช่วยเพื่อน แต่ก็เป็นคนนอกไม่สามารถแทรกแซงได้
“หาคนช่วยเหรอ”
ดาริกานิ่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนที่จะมองจดหมายอีกฉบับของมารดา ท่านบอกว่าหากเธอต้องการความช่วยเหลือให้ไปหาคุณลุงของเธอ บิดาก็กำชับว่าญาติทางฝ่ายแม่จะสามารถช่วยเธอได้
“ตอนนี้เธอยังทำอะไรยายแม่เลี้ยงไม่ได้ เธอต้องหนีไปให้พ้นก่อน แล้วค่อยหาคนมาช่วยเธอ ทำตามแผนเดิมไปทำงานบนเรือ แล้วค่อยหาทางติดต่อหาคนมาช่วย”
เชิญขวัญวางแผนให้เพื่อน เธอเป็นคนมีความคิดค่อนข้างมีระบบ เป็นนักวางแผนในกลุ่ม ดังนั้นดาริกาจึงต้องพึ่งเพื่อนคนนี้ในการหลบหนี
“ฉันว่าเธอเก็บเครื่องเพชรกับทอง ฝากไว้ที่ธนาคารก่อน เอาไปด้วยอันตรายเปล่าๆ ทำบัตรเอทีเอ็มกับแอปธนาคารเอาไว้ จะได้ใช้จ่ายเงินได้ง่าย”
ดาริกาพยักหน้ารับ หยิบเพียงสมุดบัญชีเงินฝาก ไปขอทำบัตรเอทีเอ็มและสมัครไอดีในการใช้อินเตอร์เนตแบงค์กิ้ง จากนั้นทั้งสองก็ไปหาอะไรรับประทาน ระหว่างรอเวลาเรือจะออกจากท่า โดยไม่รู้ว่ามีใครบางคนเห็นว่าดาริกาอยู่กับเชิญขวัญ จึงรีบโทรไปรายงานเจ้านายของตนเองทันที
“คุณแขผมเจอคุณดาวแล้ว ให้ผมทำยังไงดี”
นายเพิกส่งรูปถ่ายของสองสาวให้แขไขดู
“จับตาดูมันไว้ให้ดี เดี๋ยวฉันจะตามไปลากคอมันกลับบ้านเอง”
แขไขบอกลูกน้อง ก่อนจะวางสายไป
สามแม่ลูกกลับมาถึงบ้านได้ ก็พากันมานั่งปรึกษาหาทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น แขไขใบหน้าเคร่งเครียดจนเห็นรอยย่นเล็กๆ บริเวณหน้าผาก ยามนี้ครีมบำรุงราคาแพงยังช่วยรั้งรอยย่นนั้นแทบไม่ไหว “ใครจะคิดว่า จะมีคนหน้าตาเหมือนนังดาวอยู่ด้วย บ้าบอที่สุด” เจนจรัสเปรยออกมาทำลายความเงียบ หลังจากพากันนั่งคิดจนหัวแทบแตกก็ยังหาทางออกไม่เจอ ระหว่างขับรถกลับบ้านผู้เป็นมารดาได้เล่าเรื่องจับผิดตัวให้เธอกับน้องสาวฟัง “ที่บ้ายิ่งกว่า เราดันจับมันมาผิดตัว เฮ้อ...” นลินรัตน์ถอนหายใจออกมา “นี่แกจะโทษว่าคุณแม่ตาถั่วเหรอ นังลูกวัว” คนเป็นพี่แหวใส่น้องสาว ยามอารมณ์ไม่ดีมักจะเรียกน้องสาวว่าลูกวัวตามมันสมองของอีกฝ่าย คนเป็นน้องโดนเรียกแบบนั้นก็ทนไม่ไหว “ฉันชื่อลูกบัวไม่ใช่ลูกวัวค่ะ คุณพี่เจนจัด” ด่ามาด่ากลับไม่ยอมแพ้ ถึงจะถูกมองว่าสมองน้อยแต่นลินรัตน์ก็ปากดีได้เชื้อมารดามาเต็มๆ ยามร่วมมือกันก็ด่าชาวบ้านได้แสบสันต์ แต่ยามปะทะกันเองก็ไม่เคยราฝีปากให้กันและกัน ดังคำเปรียบเปรยว
ที่โรงพยาบาล ห้องผู้ป่วย นทีสั่งให้บรรเจิดไปจัดการเคลียร์ปัญหากับรถที่ชนคู่หมั้นของเขา จากนั้นก็มาเฝ้าไข้คนเจ็บรอเวลาให้หญิงสาวฟื้นขึ้นมา แพทย์ผู้รักษาบอกว่าอาการของเธอไม่ร้ายแรงมาก แต่ต้องรอดูตอนฟื้นว่ามีผลกระทบอะไรบ้าง “ปวด... ปวดหัว”เสียงครางแผ่วดังขึ้น ปลุกให้คนที่นอนอยู่รีบลุกขึ้นมา นทีขยับลุกจากโซฟายาวมายังเตียงคนเจ็บ“เป็นอะไรหรือเปล่าน้องดาว” เขาเอ่ยถาม ขณะกดกริ่งเรียกพยาบาล“ปวด... ฉันปวดหัว เจ็บไปหมด”หญิงสาวเอ่ยออกมาทั้งที่ตายังไม่ปิดอยู่ มือยกขึ้นแตะบนแผลที่ศีรษะ ใบหน้างามมีรอยเหยเกเมื่อมือสัมผัสโดนแผลที่เจ็บ ค่อยลืมตาขึ้นมาช้าๆ ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง เมื่อแสงสว่างจ้าเกินไป“ไม่เป็นอะไรแล้วนะครับน้องดาว พี่จะดูแลน้องดาวเอง” นทีปลอบโยน เขาจับมือของเธอเอาไว้ มองอาการของคนเจ็บด้วยสายตาห่วงใย คู่หมั้นของเขามีอาการหลับๆ ตื่นๆ ไม่ได้สติมาตลอดสามวัน“คุณเป็นใคร ฉันไม่รู้จักคุณ”ดาริกาดึงมือออก มองชายหนุ่มที่กุมมือเธอด้วยสายตาของคนไม่รู้จักกัน ทำเอานทีใจหายวาบ“พี่เป็นคู่หมั้นของน้องดาว พี่ชื่อนทีหรือพี่น้ำ น้องดาวค่อยๆ นึกนะครับ”“ไม่ ฉันจำอะไรไม่ได้ แล้วที่นี
นทีเดินกลับเข้าไปในร้าน พบกับบรรเจิดที่เดินมาพอดี“อ้าวเจ้านาย มีอะไรหรือเปล่าครับ”“มีคนทำน้ำหวานหกใส่น่ะ ฉันต้องไปล้างก่อน น้องดาวรออยู่ที่รถบรรเจิดไปดูแลเธอด้วยนะ เดี๋ยวฉันตามไป”นทีบอก ก่อนจะเดินไปยังห้องน้ำ เขาเข้าไปล้างคราบน้ำหวานออกจากแขนเสื้อ ใช้ทิชชูซับจนแขนเสื้อหมาด จึงกลับออกมา ก่อนจะนิ่วหน้าเมื่อเห็นร่างคุ้นตาของหญิงสาวคนหนึ่ง เดินย่องไปทางด้านหลังของห้องน้ำ เขานิ่วหน้าด้วยความสงสัยแล้วเดินตามเธอไปทันทีหญิงสาวเดินออกจากประตูหลังร้าน มองซ้ายมองขวาอย่างระแวง ก่อนจะรีบซอยเท้าจะเดินออกไปตามถนนในซอยข้างร้าน ไม่ทันจะเดินไปไกลก็ถูกจับแขนรั้งเอาไว้ก่อน“น้องดาว จะไปไหนหรือครับ”นทีจับข้อมือของหญิงสาวเอาไว้ เอ่ยถามเสียงเข้ม“ปล่อยนะ แก... แกเป็นคนของน้าแขใช่ไหม ปล่อยนะ”ดาริกาสะบัดมือออกจากการจับของนที แล้วรีบวิ่งหนีทันที ชายหนุ่มรีบวิ่งตามไป เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคู่หมั้นสาวถึงทำท่าเหมือนกลัวเขาทำร้ายด้วย แถมยังวิ่งหนีเขาไปอีก“หยุดเดี๋ยวนี้นะน้องดาว!” นทีตะโกนเรียก“อย่านะ อย่าตามมานะ ว้าย!”เอี๊ยด... โครม!รถคันหนึ่งเบรกเสียงดัง ก่อนจะหักพวงมาลัยหลบร่างของคนที่วิ่งตัดหน้ารถ ไปชนเข
หลังจากออกมาจากธนาคาร เชิญขวัญก็พาดาริกามาไหว้พระขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต“ทำบุญไหว้พระแล้ว ต่อไปชีวิตของเธอก็จะเจริญรุ่งเรือง พ้นทุกข์ พ้นเคราะห์เสียทีนะยายดาว”“ฉันก็หวังว่าต่อไป ชีวิตของฉันจะได้พบสิ่งดีๆ บ้าง อย่างน้อยก็ขอให้ได้พบหนทางแก้ปัญหา”ดาริกาพนมมือกราบพระประทานในโบสถ์ ใบหน้ามีร่องรอยแจ่มใสไม่อมทุกข์เหมือนที่ผ่านมา ภาวนาให้ชีวิตข้างหน้าได้พบเจอสิ่งดีๆ หลุดพ้นจากคนชั่วร้ายอย่างแขไข“อีกชั่วโมงกว่าเรือเที่ยวต่อไปจะออก ฉันว่าเราไปเดินเล่นแถวๆ นี้กันดีไหม”เชิญขวัญเห็นว่ามีเวลาเหลือ จึงชวนเพื่อนเดินเล่น ก่อนที่จะพาไปกันไปยังท่าเรือ สองสาวเดินชมเมืองเก่าและแวะเดินดูของที่ระลึก ดาริกาไปติดใจกระเป๋าถัก“ป้าคะ ใบนี้ราคาเท่าไหร่คะ” ดาริกาถามแม่ค้า“ใบละสองร้อยค่ะ เอ... เหมือนเมื่อกี้คุณเพิ่งซื้อไปไม่ใช่หรือคะ”แม่ค้าบอก ก่อนจะทักขึ้นอย่างกังขา ว่าลูกค้าคนนี้เพิ่งซื้อกระเป๋าถักไปเมื่อครู่นี้เอง“เราเพิ่งมาค่ะป้า ป้าจำคนผิดแล้วค่ะ”เชิญขวัญท้วงขึ้น ยิ้มขำเมื่อนึกว่า ป้าแม่ค้าคงจำคนผิด“อ้อ สงสัยป้าจำคนผิดจริงๆ เอาใบนี้นะคะเดี๋ยวป้าใส่ถุงให้นะคะ”แม่ค้ายิ้มเก้อๆ เสไปหยิบถุงมาใส่กร
ในตอนเช้า อัคคีสั่งให้ขจรเช็ครายชื่อแขกที่เข้าพักในรีสอร์ต เพื่อค้นหาตัวว่าที่เจ้าสาวของเขาแต่ก็ไม่มีรายชื่อของดาริกา พัทธนันท์กุล ปรากฏในรายชื่อของคนเข้าพัก สร้างความหงุดหงิดใจให้เจ้าพ่อเกาะร้อยดาวมาก เมื่อคืนเขาปล้ำจูบเธอแต่ถูกอีกฝ่ายสวนกลับจนแทบสูญพันธุ์ ยังเจ็บจุกจนบัดนี้ หากไม่ได้ตัวเธอมาแก้แค้นให้สาสม เขาไม่มีวันหายเจ็บใจ “ดาริกา... หนูดาว ฉันจะให้เธอชดใช้สิ่งที่เธอทำกับฉันให้ได้ ฉันจะทำให้เธอร้องขอความเมตตาจากฉันคนนี้”อัคคีคำรามในคอ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มากดโทรหามารดา เขาต้องการให้ท่านจัดการกับลูกหนี้ขัดดอกคนนี้ให้เขา“คุณแม่ครับ ผมจะจัดงานแต่งที่เกาะร้อยดาว หาฤกษ์แต่งงานที่เร็วที่สุดให้ผมด้วย”“มาใจร้อนอะไรตอนนี้ เมื่อก่อนบอกให้หาเมียก็ทำยักท่า ตอนนี้ทำใจร้อนอยากแต่งเมีย”คนเป็นแม่เหน็บแนมลูกชายด้วยความหมั่นไส้“ก็ผู้หญิงที่คุณแม่หาให้ ถูกใจผมนี่ครับ ผมเลยอยากแต่งงานไวๆ ว่าแต่ทางนั้นเขาตอบตกลงแล้วใช่ไหมครับ”“คุณแขไขเขาตอบตกลงแล้ว เหลือแค่ทางเราหาวันแต่งเท่านั้นแหละ”อัคคีกระตุกยิ้ม นึกถึงท่าทางพยศของหญิงสาวเมื่อคืนแล้ว ก็แอบคิดว่าอีกฝ่ายคงแกล้งหยั่งเชิง หวังทำให้เขาสนใจ แต่วิ
“ใช่ หนูดาวหนีไปแล้ว ฉันเป็นคนบอกให้ลูกของฉันหนีไปเอง อย่าหวังว่าฉันจะบอกเธอว่าหนูดาวหนีไปไหน เพราะฉันเองไม่มีทางบอกเธอ”นายพิพัฒน์ปัดมือของแขไขออก เขาใช้แรงที่มีทั้งหมด ผลักร่างของผู้หญิงใจร้ายคนนี้จนเซล้ม นั่นทำให้แขไขโกรธยิ่งกว่าเดิม ลุกขึ้นได้ก็เข้ามาทุบตีนายพิพัฒน์ คนป่วยได้แต่ปัดป้องตัวเอง แต่ก็หนีไม่พ้นถูกตีไปหลายตุบ นางแก้วกับนายชมที่ได้ยินเสียงรีบเข้ามาห้าม แต่แขไขกลับเรียกลูกสาวให้มาช่วยกันคนแก่ทั้งสองออกไป“ยายเจน ลูกบัว มาช่วยแม่ด้วย มันรุมแม่!”เจนจรัสกับนลินรัตน์รีบเข้ามายื้อยุดฉุดนายชมกับนายแก้วเอาไว้ แขไขได้โอกาสเข้าไปทุบตีนายพิพัฒน์อีก“โอ๊ย! นังสารเลว นังยักษ์ใจมาร”นายพิพัฒน์ด่าทอภรรยาด้วยความเจ็บแค้น เขาปกป้องตัวเองไม่ได้ แต่ก็ไม่ยอมให้อีกฝ่ายทำร้ายข้างเดียว ด่าทอกลับบ้าง มือทั้งสองปัดป้องการตบตีของแขไขอย่างอ่อนแรง ร่างกายถูกทุบตีจนแดงช้ำหลายแห่ง“ฉันจะไม่ให้คุณกินข้าว จนกว่าคุณจะยอมบอกว่า ยายดาวอยู่ที่ไหน ยายแก้วกับนายชม พวกแกสองคนห้ามเอาข้าวให้คุณพิพัฒน์กิน ถ้าฉันรู้ว่าใครขัดคำสั่ง ฉันจะไล่พวกแกออกจากบ้าน ลูกบัวไปเอากุญแจมาล็อกห้องไว้ ไม่มีคำสั่งจากแม่ อย่าให้ใคร