สามปีต่อมา ชายหนุ่มวัยสามสิบพร้อมกับลูกน้องคนสนิทอีกสองคน อย่างจ๊อดกับแจ๊ด เดินทางไปเยี่ยมปู่ที่กำลังนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเพราะพึ่งผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบไปเมื่อคืน
ขณะที่กำลังนั่งรถไปนั้น ลูกน้องก็ได้รายงานความคืบหน้าเรื่องของเจ๊ศรีลูกหนี้ที่ไม่ได้ชำระหนี้ตามสัญญาที่ให้เอาไว้ ไม่จ่ายมาประมาณสามเดือนแล้ว และยังมีแนวโน้มขอผ่อนผันไปเรื่อยๆ ไม่รู้จะได้คืนตอนไหน
"เจ๊ศรีมันหนีเหรอ ทำไมไม่จ่ายมาสามเดือนแล้ว" เฉินเปิดดูสมุดบันทึกการจ่ายหนี้ของเจ๊ศรีเห็นว่า สามเดือนที่ผ่านมารายการชำระนิ่งสนิทมีเพียงแค่ดอกเบี้ยที่เพิ่มมากขึ้น จากที่กู้ไปแค่หนึ่งล้านบาท ทบไปทบมาตอนนี้ยอดเกือบสิล้านได้ เพียงแค่สามเดือน แน่นอนว่า ดอกเบี้ยพวกนี้เก็บเป็นรายวันไม่เหมือนกับของทางธนาคาร คนกู้ก็ต้องยอมรับข้อตกลงส่วนนี้ด้วย
"สามเดือนมานี้ แกให้ลูกสาวมารับหน้าตลอดเลย แล้วก็บอกว่าเจ๊ยังป่วยอยู่ครับ"
"แล้วป่วยจริงหรือแกล้งพวกมึงดูดีๆ หรือยัง"
"เดือนก่อนผมก็ไปครับ สภาพเจ๊แกก็โทรม ผอมๆ คิดว่าน่าจะป่วยจริงครับลูกพี่" จ๊อดบอกในสิ่งที่ไปเห็นมาตอนไปเก็บเงิน
"ลูกหนี้พวกนี้มันมุกเยอะจะตายไป เชื่อได้ที่ไหน ป่านนี้ไม่หนีไปแล้วเหรอ" เหนื่อยใจกับลูกน้องสองคนนี้จริงๆ แค่นี้มันก็เชื่อแล้ว
“พวกมึงนี่ไม่ได้เรื่อง!" เฉินอยู่วงการนี้เขาก็เจอมาเยอะ สารพัดปัญหาของลูกหนี้ ที่พอไม่มีจ่ายก็อ้างโน่น อ้างนี่เยอะแยะมากมาย ยกปัญหาสารพัดร้อยแปดให้ตัวเองดูน่าส่งสารถ้า ใจไม่แข็งจริง ก็คงขาดทุนไปแล้ว
"แล้วจะเอายังไงต่อดีครับ"
"พรุ่งนี้กูไปดูเอง" อยากเจอหน้าเจ๊ศรีนี่เหมือนกันสรุปจะเอายังไง จ่ายมาสามปีแล้ว เหลืออีกไม่เท่าไหร่ก็น่าจะหมด แต่กลับมาขาดส่งเอาดื้อๆ กลายเป็นว่าตอนนี้ดอกมากกว่าเงินต้นไปแล้วด้วย สำหรับเฉินเงินมากมายขนาดนี้ จะให้เสียไปง่ายๆ คงไม่ได้
โรงพยาบาล ซีอาร์เค (CRK HOSPITAL)
จ๊อดจัดการเปิดประตูห้องพักผู้ป่วยให้เจ้านายสุดหล่อ พร้อมผายมือเชิญเฉิน เข้าไปเยี่ยมปู่ของตน โดยที่ลูกน้องยืนรออยู่หน้าประตูห้อง
"เป็นยังไงบ้างอากง" เฉินกล่าวทักทายเจ้าสัวมีชัยปู่ของตนเจ้าของธุรกิจทั้งขาวทั้งเทาในและต่างประเทศ เบื้องหน้าคือผู้ก่อตั้งโรงพยาบาล ซีอาร์เค ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการรักษามะเร็งและการศัลยกรรมตกแต่ง แถมยังมีธุรกิจเรือขนส่งสินค้า และธุรกิจเล็กๆ ในเครือมากมาย เบื้องหลังเป็นมาเฟียเก่าแก่ ที่ย้ายมาจากเซี่ยงไฮ้ และเปิดกาสิโนในหลายประเทศ เจ้าสัวมีลูกชายสองคนและ หลานชายแค่สองคนคืออี้ กับเฉิน ความหวังการสืบทอดวงค์ตระกูลก็ขึ้นอยู่กับหลานชายสองคนนี้แล้ว
"ก็ดี แต่ไม่รู้ว่าอนาคตจะตรงไหนจะอักเสบอีกหรือเปล่า จะทันเห็นเหลนจากแกกับอี้คือเปล่าก็ไม่รู้ อายุก็เยอะแล้ว" คนชราตีหน้าเศร้าพูดตัดพ้อชีวิต เพราะมีหลานชายเพียงแค่สองคน แต่ละคนอายุก็ขึ้นเลขสามกันแล้ว ยังไม่มีเมียเป็นตัวเป็นตนกันสักที ปู่เองก็อยากมั่นใจว่าอย่างน้อยนามสกุล เจริญฤทธิกุล ยังมีคนใช้ต่อ ไม่ได้ขาดตอนเพราะไอ้หลานสองคนนี้ ตอนแรกก็ดีใจที่ได้หลานชาย แต่ตอนนี้คิดหนักแล้ว หรือจะจับพวกมันคลุมถุงชนดีให้จบๆ ไป รอให้มีเมียเองอาจได้ตายก่อนจะได้เห็นหน้าหลานสะใภ้ กับเหลนตัวน้อยๆ
"ยังจะอยู่รอเห็นหน้าเหลนอีกเหรออากง อยู่เห็นแค่หน้าหลานก็พอแล้วมั้ง" ชายชรามองแรงหลานชายคนเล็ก ดูแต่ละคำพูดของมันสิ แต่จะว่ามันก็ไม่ได้ เลี้ยงมันมาเองกับมือ ตามใจมันสุดๆ แทบจะไม่เคารพกันแล้ว
"หยอกเล่นหรอกน่า เห็นว่าสุขภาพไม่ดีกลัวจะเครียด หยอกนิดหยอกหน่อยอย่าถือสา"
"มัวแต่ติดเล่นแบบนี้ไง ถึงไม่มีเมียสักที ระวังไม่มีเมียพวงไข่ลื้อจะฝ่อ" คำพูดปู่ทำเอาชายหนุ่มวัยสามสิบถึงกับสะอึก สภาพของเขาตอนนี้จะว่าแบบนั้นมันก็ไม่เชิงหรอกนี้แล้วเขาจะบอกปู่ว่าไงดีที่ไม่มีเมียทุกวันนี้ก็เพราะไอ้ดาบศักดิ์สิทธิ์มันไม่ยอมลุกขึ้นมาทำหน้าที่ของมันตั้งแต่ตอนที่ถูกตีหัวแตกเมื่อสามปีก่อน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นมันฟาดฟันสตรีงามไม่ซ้ำหน้า แต่ตอนนี้สภาพของมันเหมือนขึ้นสนิม มองไปก็อนาถใจ
"ก็ผมไม่รีบไง"
"แต่อั๊วรีบ พ่อลื้อนะแต่งงานมีแกตอนอายุยี่สิบห้าเอง ทำไมลื้อสามสิบแล้วยังไม่มีแม้กระทั่งแฟน"
เฉินรู้ตัวตั้งแต่หลังจากพักฟื้นจนแผลหายดี ก็ได้ชวนเพื่อนรักอย่างไอ้ฟีนิกซ์เรียกเด็กเอนมาที่สนามแข่งรถที่ร่วมหุ้นเปิดกับฟีนิกซ์ และเพื่อนอีกสองคนคือทิศเหนือ และอากิระ แต่ตอนนี้อากิยังอยู่ที่ญี่ปุ่น ส่วนทิศเหนือพอศึกออกมาก็รักษาศีลห้าอย่างเคร่งครัดไม่ดื่มเหล้า ไม่เอาหญิง
ฟีนิกซ์และเฉินดื่มเหล้าปาร์ตี้เหล้าสาวๆ เหมือนที่เคยทำมาตลอด แต่ว่าพอลากเด็กเข้าห้องถึงตอนที่จะต้องเผด็จศึก ท่อนซุงขนาดหกสิบก็เล่นไม่แข็งขึ้นมาเอาเสียดื้อๆ จะงัดจะสาวยังไง มันก็ไม่ตื่น เรียกว่าหลับเป็นตายเลยดีกว่า เลยต้องรีบให้ตังค์เด็กส่วนตัวเขาก็รีบกลับบ้านมาเช็กของให้แน่ใจอีกที
ตอนแรกก็แค่คิดว่าเป็นเพราะผู้หญิงอาจจะยังไม่ตอบโจทย์หรือไม่ใช่สเปค แต่พอเปิดหนังโป๊ของดาราในดวงใจดูแล้วจะช่วยตัวเอง สภาพของท่อนซุงช่างดูไร้เรี่ยวแรงจนส่งผลให้จิตใจพลันห่อเหี่ยวไม่ต่างจากภาพไข่ที่เห็นอยู่ตรงหน้า หรือบางทีอาจจะเสื่อมสมรรถภาพไปแล้วก็ได้ คนตัวโตนั่งมองของรักของตัวเองแล้วหยาดน้ำสีใสก็หยดเผาะนั่งไม่คิดว่าจะต้องมานั่งไว้อาลัยให้มันเร็วขนาดนี้ ทำเอาซึมไปเป็นเดือนๆ กว่าจะทำใจยอมรับได้ก็ใช้เวลาเป็นปี ทุกวันเลยต้องอยู่แบบไม่ได้แตะต้องหญิง แม้จะอยากทำแค่ไหนก็ตาม
"เลิกพูดเรื่องนี้เหอะอากง อยากมีหลานก็ไปถามไอ้อี้ ผมไม่มี ถ้ามีเดียวอากงก็เห็นเอง"
“เมื่อไหร่”
“ไม่รู้" แต่งไปเดี๋ยวเขาก็รู้หมดว่ามันหมดสภาพ รู้ถึงไหนอายถึงนั่นคนตัวโตทำหน้างอนเดินนอกจากห้องไปให้ไว ตอนนี้ไม่อยากคุยเรื่องแต่งงานหรือ มีแฟนอะไรทั้งนั้น จนกว่าร่างกายจะกลับมาปกติ อีกนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ตอนนั้นทางโรงพยาบาลก็ตรวจดูทุกอย่างแล้วก็ปกติดี แต่หมอก็สันนิษฐานว่าอาจเป็นเพราะสมองได้รับการกระทบกระเทือนตอนถูกทำร้าย และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ต้องตามหาตัวไอ้เสี่ยทรงเกียรติมารับโทษให้ได้ ทำร้ายร่างกายยังไม่พอยังทำร้ายจิตรใจกันอีก
คนตัวโตทำหน้าไม่สบอารมณ์ออกมาจากห้องก่อนจะบอกลูกน้องที่รออยู่
"ไปบ้านเจ๊ศรีเดี๋ยวนี้!!" รู้สึกอยากหนีไปให้ไกลๆปู่ เดี๋ยวเจอหน้าก็คอยมาถามอีก ยิ่งทำให้เจ็บใจ อย่างน้อยห่างกันสักระยะคงจะดี อีกอย่างระหว่างทางได้เห็นวิวข้างทางก็คงทำให้อารมณ์ดีขึ้นบ้าง
"ไหนว่าไปวันพรุ่งนี้ไงครับ"
"กูจะไปวันนี้ พวกมึงมีปัญหาอะไรไหม" สายตาคมกริบสาดใส่ลูกน้องจนจ๊อดแจ๊ดขนลุกเกลียว ใครจะกล้ามีปัญหากับลูกพี่ได้ล่ะ
"ไม่มีครับลูกพี่" คนหล่อเดินฟึดฟัดไปยังลานจอดรถ พอเข้าไปนั่งในรถได้ก็ปิดประตูเสียงดัง จนลูกน้องสงสัย ลูกพี่ไปทำอะไรมาถึงได้หงุดหงิดขนาดนั้น ถ้าหากว่าโดนเจ้าสัวดุ ด่า ก็ไม่น่าใช่ เพราะลูกพี่ไม่สนใจอยู่แล้ว แถมไม่เคยเก็บคำด่าของปู่เข้าสมองเลยด้วยซ้ำ
"เร็วดิวะ!" คนโมโหนั่งรอในรถไอ้ลูกน้องสองคนมันก็ไม่ยอมตามเข้ามาสักทีจนรำคาญ
"ครับๆ " ไอ้จ๊อดไอ้แจ๊ดรีบขึ้นรถไปก่อนที่ลูกพี่จะมีน้ำโหมากกว่านี้
หลังจากเหตุการณ์นั้นตำรวจก็จับตัวของภีมไปรับโทษตามกฎหมาย และยังค้นพบหลักฐานที่ภีมและพ่อร่วมกันทำความผิด ปิดบัง อำพรางมาตลอดหลายปีอีกมากมาย ภาพที่เห็นว่าภีมนั้นเป็นสุภาพบุรุษไม่ยุ่งกับผู้หญิงคนไหน หรือไม่เคยมีข่าวเสียหายเป็นเพราะว่าภีมมักจะอัดคลิปที่ตนมีอะไรกับผู้หญิงที่คบกันอยู่เอาไว้สำหรับข่มขู่หากพวกเธอคิดจะเปิดโปงเรื่องของเขาและเธอ จึงไม่มีใครกล้าปริปากเอาเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไปแพร่งพรายให้ใครรู้ หากคนไหนที่ยังรั้นและไม่ยอมทำตามก็จะถูกภีมและพ่อจัดการปิดปากพวกเธอ แถมภีมก็มีรสนิยมที่ชอบถ่ายคลิปเอาไว้เวลาที่ทรมานเหยื่อนั่นจึงเป็นหลักฐานชั้นดีที่ทำให้ภีมจะได้รับโทษสถานหนัก เต้าหู้นั่งรอเฉินอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัด ไม่นานเขาก็ถูกนำตัวออกมาเข้าไปพักฟื้นที่ห้องพักผู้ป่วย พอหมอบอกว่าเขาพ้นขีดอันตรายแล้วเธอจึงโล่งใจและปล่อยให้เขาพักผ่อนเต็มที่ เธอจึงมีเวลาก็ไปดูอาการของเพื่อนอย่างพลอย พอไปถึงก็ได้ยินเสียงดังโวยวายดังมาจากข้างในห้อง “อีลูกไม่รักดี ฉันส่งแกมาเรียน ทำไมแกไม่เรียน ฉันทำงานเหนื่อยแทบตายหาเงินมาให้แกทำตัวเหลวไหลแบบนี้เหรอ พลอยแก
ขณะที่ใจจะอยากยอมแพ้ แต่พอภีมจะขึ้นมาคร่อมตัวเธอบนโซฟา สองเท้าที่ไม่ได้ถูกมัดก็กระแทกแรงๆ ไปที่หน้าอกภีมจนเขาหงายหลังลงไปกับพื้น “อีเหี้ยเอ๊ย” เขาสบถคำออกมาเพราะแรงถีบที่รุนแรงจนจุก เธอพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล เพราะมือที่ถูกมัดไว้ด้านหลังทำให้ขยับตัวยาก พอนั่งได้และเท้าแตะพื้นก็พยายามลุกขึ้นวิ่งหลบและคิดหาทางวิ่งไปทางประตูห้องเพื่อที่จะหนีเอาตัว “พวกมึงยืนโง่กันอยู่ทำไม ไปจับตัวมันสิวะ” ภีมเอ่ยด่าลูกน้องที่มัวแต่มองไม่ทำอะไร ลูกน้องของภีมก็วิ่งเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลัง ห้องมันไม่ได้กว้างพอที่จะให้เธอวิ่งไปมาได้มากนัก หนีได้ไม่นานสุดท้ายก็มาอยู่ที่มุมห้อง ภีมที่โมโหจึงเดินปรี่เข้ามาหา มือใหญ่คว้าใบหน้าของเธอจับบีบแก้มทั้งสองข้าอย่างแรง และใช้นิ้วกดลงที่แผลบนพวงแก้มที่เขาเป็นคนทำเธอทั้งเจ็บและแสบ “กูหมดความอดทนกับมึงแล้วนะ ชอบความรุนแรงใช่ไหมงั้นก็โดนพร้อมกันหลายๆ อันมึงน่าจะชอบ” ก่อนจะหันหน้าไปทางลูกน้อง “จับมัน แล้วถอดเสื้อผ้ามันให้หมด เสื้อผ้าพวกมึงด้วย” ไอ้พวกลูกน้องผุ้ชายได้ยินคำสั่งก็ร
“วันนี้พลอยก็ไม่มาอีกแล้วนะ” เต้าหู้บ่นกับเพื่อนสาวสองคนเช่นเคยที่เพื่อนอย่างพลอยหายไปและไม่สามารถติดต่อได้จนน่าเป็นห่วง “โทรหาติดไหม” “ไม่เลยตั้งแต่ที่เจอเมื่อวานก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก” “พวกเราจะทำยังไงดีล่ะ ตอนนี้แชทฉันหนักขวามากเลย พลอยไม่อ่านไม่ตอบเลย” "ยังไงวันนี้เราก็ต้องไปหาพลอยอีก" "โอเคไปกันเลยไหม" ระหว่างที่กำลังตกลงว่าจะไปหาพลอย เต้าหู้ก็สังเกตเห็นว่าภีมกำลังเดินสวนกับพวกเธอไป ใจจริงเธออยากจะเอ่ยถามเกี่ยวกับเรื่องของพลอยแต่ก็เห็นว่าเขาเดินไปไกลแล้ว อีกอย่างตอนนี้เฉินก็มารับเธอเสียก่อนทำให้เธอพลาดที่จะได้เข้าไปถามเขา เธอมองภีมเดินไปจนสุดลูกตา ทำให้เฉินต้องมองตามไปบ้างพอเห็นว่าเป็นภีมเขาก็รู้สึกไม่สบายใจ “มีอะไรเหรอ” “เปล่าค่ะ เฮียเฉิน เดี๋ยวแวะไปที่คอนโดเพื่อนหนูแป๊บหนึ่งได้ไหม“ “ได้สิ แล้ววันนี้ไม่มีสอนพิเศษเหรอ” “วันนี้หนูลาค่ะ หนูเป็นห่วงพลอยช่วงนี้พลอยแปลกไป” ไม่นานเธอก็มาถึงที่คอนโดของพลอย และแน่นอนว่าทางรปภ.คอนโดของพลอยก็ยังยืนกรานไม่ให้ค
“เฮีย เฮีย” เต้าหู้ตะโกนเรียกเขาพร้อมน้ำตา ขณะที่มือเล็กๆนั้นก็เขย่าไปที่ตัวเขาอย่างแรงไม่หยุด เธอเงยหน้าขึ้นมอง จ๊อดกับแจ๊ดที่ได้แต่ยืนนิ่งไม่ทำอะไร “พี่จ๊อดพี่แจ๊ด เรียกรถพยาบาลเร็ว” ลูกน้องคนสนิทมองหน้ากันแต่ก็ไม่มีใครหยิบมือถือหรือมีท่าที่เป็นเดือดเป็นร้อนกันสักคน “พี่จ๊อดพี่แจ๊ดเร็วสิ เฮียเฉินจะตายแล้วเนี่ย” เธอทั้งห่วงเขา และพาลโมโหที่จ๊อดแจ๊ดดูจะไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไรแม้แต่น้อยทั้งๆที่เห็นลูกพี่ตัวเองนอนสลบเหมือดไปต่อหน้าต่อตา ฝ่ามือเล็กที่วางบนอกแกร่งรู้สึกได้ถึงแรงกระเพื่อมถี่ๆ ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆตามออกมาทำให้เธอต้องรีบกลับไปมองคนที่สภาพปางตายบนตักของเธอว่าเกิดอะไรขึ้น ดวงตาคมที่ปิดลงเมื่อครู่ตอนนี้ได้มองมาที่เธอพร้อมใบหน้าที่เจือรอยยิ้มอันแสนเจ้าเล่ห์ เต้าหู้พอรู้ว่าโดนแกล้งถึงกับกัดฟันกรอดด้วยความโมโห “เฮียเฉิน!” จากมือที่ใช้เขย่าตัวเขาเพื่อเรียกสติ ตอนนี้กลับกำแน่น และทุบไปอย่างแรงบนอกแกร่งนั้นจนคนที่โดนถึงกับจุกเพราะเธอใส่มาเกือบเต็มแรง “โอ๊ย ตีเฮียทำไม เฮียเจ็บอยู่นะ” “แล้ว
หลายวันมานี้พลอยหยุดเรียนไปด้วยเหตุผลที่ว่าเธอนั้นไม่สบาย แถมในแชทกลุ่มเธอก็ไม่มีความเคลื่อนไหว ส่งข้อความหาเพื่อนก็ตอบกลับเพียงสั้นๆ แล้วก็หายไป โทรหาน้ำเสียงก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก เต้าหู้กับเพื่อนอีกสองคนเลยอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ “แกสองคนได้คุยกับพลอยบ้างปะ” เต้าหู้ที่เป็นกังวลเอ่ยถามกับเพื่อนทั้งสองขณะที่กำลังนั่งรอเข้าเรียนในช่วงเช้า “ไม่นะ ไม่ได้คุยอะไรกันเลย เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน” ส้มลิ้มตอบ “ฉันก็รู้สึกเป็นห่วงพลอยอะ ไม่รู้ว่าป่วยเป็นอะไรกันแน่” สีหน้าเต้าหู้เป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด พลอยไม่ใช่คนที่จะโดดเรียนหรือหนีหายไปและโกหกว่าป่วยแน่นอน ตอนนี้เธอคงจะป่วยจริงๆ จนถึงขั้นมาเรียนไม่ไหว จีจี้ที่นั่งฟังอยู่เลยออกความเห็น “งั้นเราลองถามพลอยดีไหมว่าตอนนี้อยู่ไหน หลังเลิกเรียนแล้วไปเยี่ยมพลอยกัน” ระหว่างที่กำลังจะกดโทรหาอยู่นั้น พวกเธอก็ได้เห็นพลอยก็กลับมาเรียนแต่พลอยกลับไม่เดินมาหาพวกเธอ แต่กลับรีบเดินเข้าห้องเรียนไปแถมยังไม่มานั่งรวมกับพวกเธออีกต่างหาก ไม่รู้ว่าพลอยมีปัญหาอะไรไหม พอจะถามพลอยก็ปลีกตัวไม่สุงสิงกับใครนั่นยิ่งทำให้น่าเป็นห่วงมา
วันกีฬามหาวิทยาลัย นักศึกษาแต่ละคนก็ต้องวุ่นกับการทำหน้าที่ของตนเอง เต้าหู้ พลอย และจี้จี้ มีหน้าที่แปลกอักษร บนอัฒจันทร์พวกเธอต้องตื่นตั้งแต่ตีสามตีสี่เพื่อมาเตรียมความพร้อมก่อนงานจริงจะเริ่ม ส่วนส้มลิ้มก็มีแข่งชกมวยรอบชิงชนะเลิศอยู่ที่สนามและเธอจะมารับเหรียญในช่วงเย็น จนถึงเวลาพักทานข้าว รุ่นพี่ที่ดูแลได้นำอาหารและน้ำดื่มมาแจกให้กับพวกนักกีฬาและคนอื่นๆ ที่ทำกิจกรรม สามสาวก็มาหาที่ร่มๆ มานั่งทานข้าวและพักผ่อนก่อนจะกลับไปทำกิจกรรมต่อในช่วงบ่าย สามสาวเปิดกล่องข้าวออกมากำลังจะเริ่มทานด้วยความหิวและความเหนื่อย แต่พลอยกลับทำหน้าพะอืดพะอม และรีบปิดกล่องข้าวลงทันที “พลอยเป็นอะไร ไม่หิวเหรอ” “เรารู้สึกไม่ชอบกลิ่นหมูกระเทียมกล่องนี้เลย มันฉุน เราอยากอ้วก” พอพูดจบเธอก็รีบลุกจากที่นั่งเพื่อที่จะรีบไปอ้วกในห้องน้ำใกล้ๆ เต้าหู้กับจีจี้ด้วยความที่เป็นห่วงเพื่อน จึงวิ่งตามไปพอมาถึงก็เห็นว่าพลอยอยู่ข้างในนั้น เต้าหู้รีบช่วยลูบหลังเพื่อนให้ก่อนจะเอ่ยถาม “แกเป็นอะไร ไม่สบายเหรอ” “ไม่รู้สิ แต่สองสามวันมานี้ฉันเวียนหัวมา