/ โรแมนติก / ไม่ควร(เสี่ยง)รัก มาเฟียเจ้าหนี้ / ตอนที่ 6 แม่หนูคงหาเงินมาคืนคุณไม่ได้แล้ว

공유

ตอนที่ 6 แม่หนูคงหาเงินมาคืนคุณไม่ได้แล้ว

작가: Kaeru write
last update 최신 업데이트: 2024-11-13 08:18:12

รถยนต์หรูมุ่งหน้าสู่ต่างจังหวัด ตอนแรกคิดว่านั่งชมวิวข้างทางจะทำให้ใจเย็นลงบ้าง สรุปโมโหกว่าเดิม เมื่อเจอคนขับรถปาดซ้ายปาดขวา จนเฉินต้องปล่อยสัตว์หลากหลายชนิดมาตลอดทาง เหี้ยบ้าง ควายบ้าง จ๊อดแจ๊ดทำได้เพียงนั่งเงียบๆ ขืนปริปากพูดอะไรไม่เข้าหูคงถูกด่าไปด้วย

            หลายชั่วโมงผ่านไปก็มาถึงจุดหมายปลายทางคือบ้านของเจ๊ศรีเจ้ามือหวยที่บ้านหนองนาน้อย ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มเกือบสามทุ่มแต่กลับไม่มีใครอยู่ที่บ้านไฟก็ไม่เปิด มีเพียงแสงไฟกิ่งหน้าบ้านที่สาดส่องไปบนถนนเท่านั้น แถวนี้แทบจะอยู่ในตัวเมืองปกติก็ไม่น่าจะหลับกันเร็วขนาดนี้บ้านอื่นก็เปิดไฟกันปกติมีแต่บ้านที่ที่มืดสนิท

            จ๊อดกับแจ๊ดลงจากรถพยายามกดกริ่งที่หน้าบ้านพร้อมกับตะโกนเรียกชื่อของเจ๊ศรี อยู่นานสองนานแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับมีแต่เสียงหมาในซอยที่เห่าเพราะพวกเขาทำเสียงดัง

            เฉินที่นั่งรอในรถพอเห็นแบบนั้นก็ยิ่งโมโหหนัก เลยออกไปจัดการเขกกบาลลูกน้องคนละที เพราะคิดว่าลูกหนี้อย่างเจ๊ศรีคงหนีไปอย่างที่เขาคาดการเอาไว้แน่ๆ

            “พวกมึงไม่ได้เรื่องจริงๆ กูจะหักเงินเดือนของมึงสองคน ให้เท่ากับเงินที่เจ๊ศรีติดหนี้กูตอนนี้เลยดีไหมเนี่ย โทษฐานที่ปล่อยปละละเลยหน้าที่” พอได้ยินว่าจะถูกหักเงินทั้งจ๊อดและแจ๊ดถึงกับเข่าอ่อน นั่งลงกอดขาลูกพี่หน้าหล่อกันคนละข้าง พูดอ้อนวอนไม่ให้โดนหักเงินเดือน ยกสารพัดปัญหาในชีวิตมาพูดให้ดูน่าสงสาร

            “ลูกพี่จะลงโทษยังไงก็ได้ ขออย่างเดียวอย่าหักเงินเลยนะครับ ลูกผมยังเล็กเมียก็ยังเด็กต้องเลี้ยงดูครับ” ไอ้แจ๊ดเปิดก่อนพร้อมยกเรื่องราวชีวิตที่คิดว่าน่าสงสารออกมาให้เจ้านายฟัง

            “ใช่แล้วลูกพี่ ถ้าเมียผมเห็นว่าเงินได้น้อยมันเอาผมตายแน่ๆ มันคงคิดว่าผมเอาไปเลี้ยงสาวแน่ๆเลย” สภาพพวกมันสองคนน่าอนาถใจ มีเมียก็เหมือนโดนล่ามโซ่ไว้ จะทำอะไรก็เกรงใจเมียไปเสียทุกอย่าง ดีแล้วที่เขาไม่คิดจะมีเมียตอนนี้ หรือถ้ามีก็จะไม่ยอมให้เมียแบบพวกมันเด็ดขาด มันเสียฟอร์มคนหล่อเท่

            “ได้ กูจะไม่หักเงิน แต่มึงต้องไปตามตัวเจ๊ศรีให้เจอแล้วเอาเงินมากู ให้เวลาหนึ่งเดือน ช้ากว่านี้หักเงินแน่”

            “ขอบคุณครับลูกพี่” ลูกน้องขอบคุณเจ้านายพร้อมถูไถแก้มไปกับขายาวๆ ของเขา

            “จะถูขากูหาเลขกันหรือไง ไปกลับ!!” ขณะที่กำลังหันหลังกลับนั้น ก็ตกตกใจตัวสะดุ้งโหยงจนอุทานออกมา

            “เชี่ย!!” หญิงสาวผิวขาว ใบหน้าขาวซีดราวกับคนป่วย ขอบตาที่คล้ำที่เหมือนอดหลับอดนอน กำลังยืนมองทั้งสามคนอยู่ด้านหลัง มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงนึกว่าผี ดีนะมือไม่ลั่นคงได้เสยปลายคางเข้าให้

            “มาหาแม่หนูเหรอคะ” หญิงสาวใบหน้าจิ้มลิ้มเอ่ยถามกับเหล่าชายฉกรรจ์ที่มายืนอยู่ที่หน้ารั้วบ้านของเธอ

            “แล้วแม่เธอเป็นใคร” แล้วเด็กนี่เป็นลูกเต้าเหล่าใครจู่ๆ ก็เข้ามาถามเขาแบบนี้ แล้วจะรู้ไหมว่าแม่เป็นใคร

            “เดี๋ยวนะลูกพี่” จ๊อดเพ่งมองใบหน้าหญิงสาวผ่านแสงไฟกิ่งสลัว พอเห็นชัดเลยรู้ว่านี่คือเต้าหู้ลูกสาวของเจ๊ศรีที่พวกเขากำลังตามหาตัวอยู่

            “อ๋อ นี่น้องเต้าหู้ลูกเจ๊ศรีครับ”

            “พวกคุณคือเจ้าหนี้ของแม่ใช่ไหมคะ” เฉินกอดอกเชิดหน้าวางท่าใช้สายตาข่มขวัญคนที่อยู่ตรงหน้า ก่อนเสียงเข้มเอ่ยบอกสิ่งที่ต้องการ

            “ใช่ มาก็ดีไปแล้ว ตามแม่เธอมาหน่อย”

            เฉินคับคล้ายคับคลาใบหน้าหญิงสาวนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่ก็ช่างเถอะตอนนี้ที่เขาต้องการคือเงิน เรื่องอื่นไม่สน

            “แม่ไม่อยู่ที่บ้านหรอกค่ะ ตามมาสิคะ เดี๋ยวหนูพาไปหา แต่ไกลนิดนึงนะคะ” เธอเอ่ยก่อนจะเดินนำทาง เฉินเห็นว่าเธอจอดมอเตอร์ไซด์เอาไว้ใกล้

            “เดี๋ยว มอเตอร์ไซค์มีทำไมไม่ขี่ไป” เห็นว่าเธอจอดมอเตอร์ไซค์เอาไว้

            “น้ำมันหมดค่ะ” มิน่าหล่ะ เขาถึงไม่ได้เสียงรถเลยตอนที่เธอมาถึง

            “หนูพึ่งเข็นมาถึงบ้านเหมือนกัน” เวรกรรมจริงๆ เกือบจะถึงน้ำมันก็มาหมดเสียก่อนแต่พอมาถึงบ้านก็เจอเจ้าหนี้มาเก็บเงินอีก

            “ขึ้นรถสิ แล้วก็บอกทาง” เฉินเอ่ยบอกเด็กสาวให้นั่งรถไปด้วยกันโดยให้เธอเป็นคนบอกทาง อีกอย่างถ้าเจ๊ศรีมันคิดจะเล่นตุกติก ก็มีเด็กนี่เป็นตัวประกัน

            ทั้งสี่คนมุ่งหน้าไปทางที่เต้าหู้ได้บอกทางจนกระทั่งมาถึงวัดหนองนาน้อย ดึกดื่นป่านนี้ เจ๊ศรีแกมาทำอะไรที่วัด จะบอกว่ามาเวียนเทียนก็ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่ช่วงเข้าพรรษา ออกพรรษา หรือว่าเจ๊แกจะบวชชี เพื่อหนีหนี้ ก็มีโอกาสเป็นไปได้ แต่ก็ไม่อยากคิดให้ปวดหัวเดี๋ยวเจอก็คงรู้เอง

            พอลงจากรถได้หญิงสาวก็เดินนำทางชายทั้งสาวขึ้นไปยังศาลาวัดที่ยังเปิดไฟไว้อยู่ เฉินเดินตามมาเรื่อยๆ จนเริ่มเห็นว่ามีอะไรบนศาลานั้น เต้าหู้ยืนด้านหน้าโลงศพก่อนจะหันมามองเจ้าหนีหน้าหล่อราวกับบอกเป็นนัยๆ เฉินไม่ได้เข้าใจอะไรยากขนาดนั้น เพียงแต่เดินเข้าไปใกล้เพื่อดูให้ชัดเท่านั้น พออ่านชื่อดูรูปก็รู้แล้วว่านี่คือเจ๊ศรี

            "เชิญนั่งก่อนสิคะ" หญิงสาวเอ่ยเชิญเขานั่งตรงเก้าอี้ไม้ เพื่อพูดคุยเจรจา

            “ขอโทษที่ไม่ได้ติดต่อแจ้งคุณไป คิดว่ารองานศพและเคลียร์เรื่องทุกอย่างเสร็จค่อยคุยกับคุณเรื่องหนี้สินที่ค้างไว้”

            “แล้วแม่เสียเพราะอะไร”

            “แม่ป่วยมะเร็งกระเพาะค่ะ เจออีกทีมันก็รักษาไม่ได้แล้ว” เพราะเจ๊ศรีคิดว่าเป็นอาการปวดท้องธรรมดา หรือเป็นโรคกระเพาะ พอเจ็บก็ทำเพียงซื้อยามากินเพื่อบรรเทาอาการเท่านั้น จนกระทั่งมันเริ่มหนักขึ้นเมื่อสามเดือนที่ผ่านมา กลายเป็นว่ารักษาไม่ได้แล้ว ทำเพียงฉีดยาลดอาการปวดเท่านั้น จนกระทั่งเจ๊ศรีก็ได้จากไปเมื่อสามวันก่อน

            “แม่หนูคงหาเงินมาคืนคุณไม่ได้แล้วค่ะ”

            ในตอนนั้นที่ชาวบ้านต่างพากันถูกหวย เรียกได้ว่าเจ๊ศรีต้องเอาเงินเก็บออกมาทั้งหมดเพื่อมาจ่าย แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังขาดเงินจำนวนหนึ่งอยู่ดี ถ้าจะให้กู้ธนาคารก็ทำไม่ได้ เพราะอาชีพเจ้ามือหวยไม่มีที่ไหนให้กู้ เลยต้องพึ่งเงินกู้นอกระบบ แต่ละเจ้าก็ดอกโหดๆ กันทั้งนั้น แถมเก็บเป็นรายวันอีก แต่เจ๊ศรีก็ไม่ได้มีความคิดจะชักดาบหอบเงินหนีไม่จ่ายค่าหวยชาวบ้านแน่นอน แม้ตัวไม่มีก็ต้องหามาจ่ายเพื่อแสดงความรับผิดชอบ

            “แล้วพ่อเธอล่ะ อยู่ที่ไหน ญาติๆล่ะ”

            “พ่อเสียไปตั้งแต่ตอนเด็กแล้วค่ะ ส่วนญาติก็ไม่มีค่ะ แต่ว่าไม่ต้องห่วงนะคะ อีกไม่กี่วันหนูก็จะเรียนจบแล้ว หนูจะทำงานหาเงินมาใช้หนี้คุณในส่วนที่ติดไว้ค่ะ” คนตัวโตมองหน้าหญิงสาว นัยน์ตาเธอแสนเศร้าเพราะคงเสียใจที่พึ่งเสียคนที่รักไป แต่ก็ยังคงแน่วแน่ที่จะใช้หนี้ เพราะแม่สอนว่าเป็นหนี้ก็ต้องชดใช้ ให้นึกถึงวันที่ลำบากไปหาพึ่งใครไม่ได้ แต่ก็ยังมีคนให้หยิบยืม อย่างน้อยก็ทำให้ผ่านช่วงเวลายากลำบากมาได้

            เรื่องที่เธอจะใช้หนี้แทนแม่ก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับเขาอยู่แล้ว แต่เด็กนี่ยังไม่จบม.6ด้วย แล้วจะอยู่คนเดียวยังไง? ญาติพี่น้องก็ไม่มี 

            “อ้าว เต้าหู้ตะกี้เอ็งกลับบ้านไปแล้วไม่ใช่รึ บอกแล้วไงว่าไม่ต้องมานอนเฝ้าศาลาหรอก เดี๋ยวหลวงตาให้เด็กวัดมันนอนเฝ้าเอง” หลวงตาที่เห็นว่ามีคนขึ้นศาลา ก็เลยตามมาดู

            “จ้ะหลวงตา แต่พอดีคนรู้จักของแม่มาจากต่างจังหวัดหนูก็เลยพามา”

            “งั้นเหรอ เออเอ็งมาก็ดีเลย เดี๋ยวคุยเรื่องงานเผาแม่เอ็งวันพรุ่งนี้ด้วย ตอนสวดเสร็จเมื่อกี้ข้าเองก็ลืมคุยไปเลย”

            เฉินปล่อยให้เต้าหู้คุยกับหลวงตาโดยที่มีลูกน้องอย่างไอ้จ๊อดไอ้แจ๊ดนั่งเฝ้าบนศาลา ก่อนจะลงมาหาที่เงียบๆ ครุ่นคิด นี่คงไม่ใช่กลอุบายหรือสร้างเรื่องตบคาแล้วล่ะ เฉินถอนหายใจไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อไปดี จะเรียกเก็บจากเด็กนี่คงไม่มีจ่ายเขาตอนนี้แน่ แล้วถ้าจะให้ออกทำงานด้วยวุฒิม.6 จะมีเงินจ่ายเขาได้แค่ไหนกัน ไม่ต้องทำงานใช้หนี้ไปทั้งชีวิตเลยหรือไง

            ขณะที่กำลังเดินคิดอะไรไปเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีก็มาจนถึงกุฏิพระ จึงจะหันหลังกลับ แต่ก็ได้ยินเสียงคนกำลังคุยกัน มองไปก็เห็นรางๆ ว่าเป็นเด็กวัดกำนังนั่งเช็ดบาตรพระ แต่ที่ทำให้หยุดฟังคงเป็นประโยคที่ไอ้ผู้ชายคนสองคนนั้นกำลังพูดกันมากกว่า มันคุยกันแบบไม่เกรงกลัวว่าใครจะมาได้ยินเลย

            “คืนนี้มึงจะขึ้นห้องเต้าหู้มันจริงๆ เหรอวะ”

            “เออดิ ก็กูชอบมันมานานแล้ว อีกอย่างตอนนี้ เต้าหู้มันก็อยู่คนเดียว ไม่เอาตอนนี้ แล้วจะให้ไปเอาตอนไหน”

            “มึงไม่กลัวผีเจ๊ศรีมาหลอกหรือไง จะไปข่มขืนลูกเขา”

            “ไม่กลัว ดีเสียอีก เจ๊ศรีจะได้หมดห่วงที่มีคนดูแลลูกสาวแทนไง”

            “มึงนี่แม่ง”

            “เดี๋ยวรอดึกๆ หน่อย ค่อยย่องไป รอหลวงตา หลับก่อน”

            ได้เด็กเวรพวกนี้ การที่มันเติบโตขึ้นมาในวัดไม่ได้ช่วยให้มันเป็นคนดีขึ้นเลยจริงๆ

            เฉินเดินกลับไปทางศาลา เห็นว่าจ๊อดแจ๊ด และเต้าหู้ยืนรออยู่แล้ว หญิงสาวพึ่งคุยธุระกับหลวงตาเสร็จพอดี เลยพากันกลับ เฉินมาส่งเต้าหู้ที่บ้าน เธอกล่าวขอบคุณเขา

            เฉินมองใบหน้าของเต้าหู้ ก่อนนึกถึงคำพูดของไอ้เด็กเปรตที่พึ่งได้ยินมา ไม่แปลกใจหรอกถ้ามันจะอยากได้เด็กสาวนี่เป็นเมีย เพราะหน้าตาของเธอก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่เลย ถ้าเติมแต่งเครื่องสำอางไม่ปล่อยตัวโทรมคงสวยมาก สวยจริงๆ ไม่ได้รู้สึกมองใครสวยแบบนี้มานานแล้วเหมือนกัน

            พอเธอลงจากรถไปเพราะเป็นห่วง? หรือะะไรไม่รู้เหมือนกัน เขากลับไม่อยากปล่อยเธอไว้คนเดียว จึงรีบลงรถตามเธอไป

            “เดี๋ยว” 

            “คะ?”

            “คืนนี้ฉันจะนอนที่บ้านเธอ พอดีไม่ได้จองโรงแรมไว้ คงไม่เป็นไรใช่ไหม”

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ไม่ควร(เสี่ยง)รัก มาเฟียเจ้าหนี้   ตอนที่ 47 ตอนจบ

    หลังจากเหตุการณ์นั้นตำรวจก็จับตัวของภีมไปรับโทษตามกฎหมาย และยังค้นพบหลักฐานที่ภีมและพ่อร่วมกันทำความผิด ปิดบัง อำพรางมาตลอดหลายปีอีกมากมาย ภาพที่เห็นว่าภีมนั้นเป็นสุภาพบุรุษไม่ยุ่งกับผู้หญิงคนไหน หรือไม่เคยมีข่าวเสียหายเป็นเพราะว่าภีมมักจะอัดคลิปที่ตนมีอะไรกับผู้หญิงที่คบกันอยู่เอาไว้สำหรับข่มขู่หากพวกเธอคิดจะเปิดโปงเรื่องของเขาและเธอ จึงไม่มีใครกล้าปริปากเอาเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไปแพร่งพรายให้ใครรู้ หากคนไหนที่ยังรั้นและไม่ยอมทำตามก็จะถูกภีมและพ่อจัดการปิดปากพวกเธอ แถมภีมก็มีรสนิยมที่ชอบถ่ายคลิปเอาไว้เวลาที่ทรมานเหยื่อนั่นจึงเป็นหลักฐานชั้นดีที่ทำให้ภีมจะได้รับโทษสถานหนัก เต้าหู้นั่งรอเฉินอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัด ไม่นานเขาก็ถูกนำตัวออกมาเข้าไปพักฟื้นที่ห้องพักผู้ป่วย พอหมอบอกว่าเขาพ้นขีดอันตรายแล้วเธอจึงโล่งใจและปล่อยให้เขาพักผ่อนเต็มที่ เธอจึงมีเวลาก็ไปดูอาการของเพื่อนอย่างพลอย พอไปถึงก็ได้ยินเสียงดังโวยวายดังมาจากข้างในห้อง “อีลูกไม่รักดี ฉันส่งแกมาเรียน ทำไมแกไม่เรียน ฉันทำงานเหนื่อยแทบตายหาเงินมาให้แกทำตัวเหลวไหลแบบนี้เหรอ พลอยแก

  • ไม่ควร(เสี่ยง)รัก มาเฟียเจ้าหนี้   ตอนที่ 46 เอาคืน

    ขณะที่ใจจะอยากยอมแพ้ แต่พอภีมจะขึ้นมาคร่อมตัวเธอบนโซฟา สองเท้าที่ไม่ได้ถูกมัดก็กระแทกแรงๆ ไปที่หน้าอกภีมจนเขาหงายหลังลงไปกับพื้น “อีเหี้ยเอ๊ย” เขาสบถคำออกมาเพราะแรงถีบที่รุนแรงจนจุก เธอพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล เพราะมือที่ถูกมัดไว้ด้านหลังทำให้ขยับตัวยาก พอนั่งได้และเท้าแตะพื้นก็พยายามลุกขึ้นวิ่งหลบและคิดหาทางวิ่งไปทางประตูห้องเพื่อที่จะหนีเอาตัว “พวกมึงยืนโง่กันอยู่ทำไม ไปจับตัวมันสิวะ” ภีมเอ่ยด่าลูกน้องที่มัวแต่มองไม่ทำอะไร ลูกน้องของภีมก็วิ่งเข้ามาล้อมหน้าล้อมหลัง ห้องมันไม่ได้กว้างพอที่จะให้เธอวิ่งไปมาได้มากนัก หนีได้ไม่นานสุดท้ายก็มาอยู่ที่มุมห้อง ภีมที่โมโหจึงเดินปรี่เข้ามาหา มือใหญ่คว้าใบหน้าของเธอจับบีบแก้มทั้งสองข้าอย่างแรง และใช้นิ้วกดลงที่แผลบนพวงแก้มที่เขาเป็นคนทำเธอทั้งเจ็บและแสบ “กูหมดความอดทนกับมึงแล้วนะ ชอบความรุนแรงใช่ไหมงั้นก็โดนพร้อมกันหลายๆ อันมึงน่าจะชอบ” ก่อนจะหันหน้าไปทางลูกน้อง “จับมัน แล้วถอดเสื้อผ้ามันให้หมด เสื้อผ้าพวกมึงด้วย” ไอ้พวกลูกน้องผุ้ชายได้ยินคำสั่งก็ร

  • ไม่ควร(เสี่ยง)รัก มาเฟียเจ้าหนี้   ตอนที่ 45 กับดัก

    “วันนี้พลอยก็ไม่มาอีกแล้วนะ” เต้าหู้บ่นกับเพื่อนสาวสองคนเช่นเคยที่เพื่อนอย่างพลอยหายไปและไม่สามารถติดต่อได้จนน่าเป็นห่วง “โทรหาติดไหม” “ไม่เลยตั้งแต่ที่เจอเมื่อวานก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก” “พวกเราจะทำยังไงดีล่ะ ตอนนี้แชทฉันหนักขวามากเลย พลอยไม่อ่านไม่ตอบเลย” "ยังไงวันนี้เราก็ต้องไปหาพลอยอีก" "โอเคไปกันเลยไหม" ระหว่างที่กำลังตกลงว่าจะไปหาพลอย เต้าหู้ก็สังเกตเห็นว่าภีมกำลังเดินสวนกับพวกเธอไป ใจจริงเธออยากจะเอ่ยถามเกี่ยวกับเรื่องของพลอยแต่ก็เห็นว่าเขาเดินไปไกลแล้ว อีกอย่างตอนนี้เฉินก็มารับเธอเสียก่อนทำให้เธอพลาดที่จะได้เข้าไปถามเขา เธอมองภีมเดินไปจนสุดลูกตา ทำให้เฉินต้องมองตามไปบ้างพอเห็นว่าเป็นภีมเขาก็รู้สึกไม่สบายใจ “มีอะไรเหรอ” “เปล่าค่ะ เฮียเฉิน เดี๋ยวแวะไปที่คอนโดเพื่อนหนูแป๊บหนึ่งได้ไหม“ “ได้สิ แล้ววันนี้ไม่มีสอนพิเศษเหรอ” “วันนี้หนูลาค่ะ หนูเป็นห่วงพลอยช่วงนี้พลอยแปลกไป” ไม่นานเธอก็มาถึงที่คอนโดของพลอย และแน่นอนว่าทางรปภ.คอนโดของพลอยก็ยังยืนกรานไม่ให้ค

  • ไม่ควร(เสี่ยง)รัก มาเฟียเจ้าหนี้   ตอนที่ 44 กลัว

    “เฮีย เฮีย” เต้าหู้ตะโกนเรียกเขาพร้อมน้ำตา ขณะที่มือเล็กๆนั้นก็เขย่าไปที่ตัวเขาอย่างแรงไม่หยุด เธอเงยหน้าขึ้นมอง จ๊อดกับแจ๊ดที่ได้แต่ยืนนิ่งไม่ทำอะไร “พี่จ๊อดพี่แจ๊ด เรียกรถพยาบาลเร็ว” ลูกน้องคนสนิทมองหน้ากันแต่ก็ไม่มีใครหยิบมือถือหรือมีท่าที่เป็นเดือดเป็นร้อนกันสักคน “พี่จ๊อดพี่แจ๊ดเร็วสิ เฮียเฉินจะตายแล้วเนี่ย” เธอทั้งห่วงเขา และพาลโมโหที่จ๊อดแจ๊ดดูจะไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจอะไรแม้แต่น้อยทั้งๆที่เห็นลูกพี่ตัวเองนอนสลบเหมือดไปต่อหน้าต่อตา ฝ่ามือเล็กที่วางบนอกแกร่งรู้สึกได้ถึงแรงกระเพื่อมถี่ๆ ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆตามออกมาทำให้เธอต้องรีบกลับไปมองคนที่สภาพปางตายบนตักของเธอว่าเกิดอะไรขึ้น ดวงตาคมที่ปิดลงเมื่อครู่ตอนนี้ได้มองมาที่เธอพร้อมใบหน้าที่เจือรอยยิ้มอันแสนเจ้าเล่ห์ เต้าหู้พอรู้ว่าโดนแกล้งถึงกับกัดฟันกรอดด้วยความโมโห “เฮียเฉิน!” จากมือที่ใช้เขย่าตัวเขาเพื่อเรียกสติ ตอนนี้กลับกำแน่น และทุบไปอย่างแรงบนอกแกร่งนั้นจนคนที่โดนถึงกับจุกเพราะเธอใส่มาเกือบเต็มแรง “โอ๊ย ตีเฮียทำไม เฮียเจ็บอยู่นะ” “แล้ว

  • ไม่ควร(เสี่ยง)รัก มาเฟียเจ้าหนี้   ตอนที่ 43 ไม่มีหรือว่าเราไม่รู้กันแน่

    หลายวันมานี้พลอยหยุดเรียนไปด้วยเหตุผลที่ว่าเธอนั้นไม่สบาย แถมในแชทกลุ่มเธอก็ไม่มีความเคลื่อนไหว ส่งข้อความหาเพื่อนก็ตอบกลับเพียงสั้นๆ แล้วก็หายไป โทรหาน้ำเสียงก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก เต้าหู้กับเพื่อนอีกสองคนเลยอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ “แกสองคนได้คุยกับพลอยบ้างปะ” เต้าหู้ที่เป็นกังวลเอ่ยถามกับเพื่อนทั้งสองขณะที่กำลังนั่งรอเข้าเรียนในช่วงเช้า “ไม่นะ ไม่ได้คุยอะไรกันเลย เป็นห่วงอยู่เหมือนกัน” ส้มลิ้มตอบ “ฉันก็รู้สึกเป็นห่วงพลอยอะ ไม่รู้ว่าป่วยเป็นอะไรกันแน่” สีหน้าเต้าหู้เป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด พลอยไม่ใช่คนที่จะโดดเรียนหรือหนีหายไปและโกหกว่าป่วยแน่นอน ตอนนี้เธอคงจะป่วยจริงๆ จนถึงขั้นมาเรียนไม่ไหว จีจี้ที่นั่งฟังอยู่เลยออกความเห็น “งั้นเราลองถามพลอยดีไหมว่าตอนนี้อยู่ไหน หลังเลิกเรียนแล้วไปเยี่ยมพลอยกัน” ระหว่างที่กำลังจะกดโทรหาอยู่นั้น พวกเธอก็ได้เห็นพลอยก็กลับมาเรียนแต่พลอยกลับไม่เดินมาหาพวกเธอ แต่กลับรีบเดินเข้าห้องเรียนไปแถมยังไม่มานั่งรวมกับพวกเธออีกต่างหาก ไม่รู้ว่าพลอยมีปัญหาอะไรไหม พอจะถามพลอยก็ปลีกตัวไม่สุงสิงกับใครนั่นยิ่งทำให้น่าเป็นห่วงมา

  • ไม่ควร(เสี่ยง)รัก มาเฟียเจ้าหนี้   ตอนที่ 42 เรากำลังจะมีลูกกัน

    วันกีฬามหาวิทยาลัย นักศึกษาแต่ละคนก็ต้องวุ่นกับการทำหน้าที่ของตนเอง เต้าหู้ พลอย และจี้จี้ มีหน้าที่แปลกอักษร บนอัฒจันทร์พวกเธอต้องตื่นตั้งแต่ตีสามตีสี่เพื่อมาเตรียมความพร้อมก่อนงานจริงจะเริ่ม ส่วนส้มลิ้มก็มีแข่งชกมวยรอบชิงชนะเลิศอยู่ที่สนามและเธอจะมารับเหรียญในช่วงเย็น จนถึงเวลาพักทานข้าว รุ่นพี่ที่ดูแลได้นำอาหารและน้ำดื่มมาแจกให้กับพวกนักกีฬาและคนอื่นๆ ที่ทำกิจกรรม สามสาวก็มาหาที่ร่มๆ มานั่งทานข้าวและพักผ่อนก่อนจะกลับไปทำกิจกรรมต่อในช่วงบ่าย สามสาวเปิดกล่องข้าวออกมากำลังจะเริ่มทานด้วยความหิวและความเหนื่อย แต่พลอยกลับทำหน้าพะอืดพะอม และรีบปิดกล่องข้าวลงทันที “พลอยเป็นอะไร ไม่หิวเหรอ” “เรารู้สึกไม่ชอบกลิ่นหมูกระเทียมกล่องนี้เลย มันฉุน เราอยากอ้วก” พอพูดจบเธอก็รีบลุกจากที่นั่งเพื่อที่จะรีบไปอ้วกในห้องน้ำใกล้ๆ เต้าหู้กับจีจี้ด้วยความที่เป็นห่วงเพื่อน จึงวิ่งตามไปพอมาถึงก็เห็นว่าพลอยอยู่ข้างในนั้น เต้าหู้รีบช่วยลูบหลังเพื่อนให้ก่อนจะเอ่ยถาม “แกเป็นอะไร ไม่สบายเหรอ” “ไม่รู้สิ แต่สองสามวันมานี้ฉันเวียนหัวมา

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status