บทที่ 4
“คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ”
เมาเมาเขย่าร่างเจ้านายของตนอยู่นาน นางปีนลงมาในหลุมมรณะอย่างไร้ความเกรงกลัว
ก่อนมาถึงประตูจวนคุณหนูของนางนึกขึ้นได้ว่าลืมห่อผ้าที่จะตัดชุดใหม่ให้คุณชายหยงใส่หน้าหนาวที่จะถึงนี้ จึงวานให้นางกลับไปเอา เพราะคาดว่าคงหลงลืมวางเอาไว้ที่ร้านตัดชุด เมื่อเมาเมากลับมาพบว่าหน้าจวนสกุลหมิ่งมีทหารหลายคนไม่คุ้นหน้ายืนอยู่ นางเห็นท่าไม่ดีจึงหลบฉากไปดูลาดเลา นางได้ยินเสียงกรีดร้องของคุณหนูของตนชัดเจน แต่สัญชาตญาณบางอย่างสั่งให้นางนั่งแอบซ่อนตัวอยู่ข้างกำแพงจวน เมาเมาเฝ้ารอจนเสียงทั้งหมดเงียบลง และคนกลุ่มใหญ่กลุ่มนั้นทั้งหมดกลับไปแล้ว นางรอจนแน่ใจจึงค่อย ๆ คลานเคลื่อนตัวผ่านทางประตูสุนัขลอดเพราะเกรงว่าหากเข้าทางด้านหน้าจะเกิดเรื่องราวที่คาดไม่ถึง แม้นางจะรอจนมั่นใจแล้วว่าไม่เหลือผู้ใดอยู่ในจวนแล้วก็ตาม
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจนแทบจะสำรอกออกมา ร่างบางถึงกับน้ำตาร่วงเมื่อเดินมาถึงหลุมแปลกตาที่ไม่เคยมีในจวนสกุลหมิ่งมาก่อน นางตะเกียกตะกายปีนลงหลุมมา ควานหาผู้รอดชีวิต ขอแค่มีใครสักคนรอด แม้ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดจากสาเหตุใด
“สวรรค์โปรดเมตตาคนสกุลหมิ่งด้วยเถิด” เมาเมาพร่ำทั้งน้ำตา ยิ่งเห็นสภาพศพคุณชายน้อยวัยห้าปี นางถึงกับกลั้นอาเจียนเอาไว้ไม่ไหว
“คุณหนู” ยังมีลมหายใจ นางเขย่าร่างเกือบจะไร้ลมหายใจนั่นสุดแรง หวังให้เจ้านายของตนลืมตาตื่น
แต่หมิ่งหุ้ยนนั้นได้ก้าวขาข้างหนึ่งไปเยือนประตูยมโลกแล้ว
เมื่อเรียกแล้วไม่สำเร็จ แต่ตราบใดยังมีความหวัง เมาเมาไม่รอช้าเร่งปีนขึ้นมาจากหลุม สภาพของนางไม่ต่างจากศพที่ขึ้นมาจากหลุม เสื้อตัวนอกแดงฉาน
นางรีบวิ่งไปยังทางเดิมที่เข้ามา วิ่งสุดกำลังอย่างไม่คิดชีวิต แม้จะเหนื่อยจนหอบ ลมหายใจขาดห้วงเป็นพัก ๆ แต่สองเท้าไม่คิดจะหยุด หากนางหยุดหมายถึงชีวิตของคุณหนูของนาง
เสียงรถเข็นผักดังในความมืด บนรถนั้นมีผักเน่าจากตลาดและฟางเน่ากองใหญ่ กลิ่นผักเน่าคละคลุ้งแต่ก็ไม่มีผู้ใดสนใจ เพราะขอทานที่อาศัยอยู่ตรอกหลังตลาดทำเยี่ยงนี้เป็นประจำทุกวัน คือรอจนแม่ค้าพ่อค้าในตลาดเก็บร้าน ก็จะเข็นรถเข็นไม้เก่า ๆ ไปวนเก็บผักที่ถูกทิ้งเพื่อมาแบ่งปันกัน
ใต้กองฟางนั่นมีร่างของสตรีนางหนึ่งที่กำลังหายใจรวยรินไร้ซึ่งสติ ไม่ตายก็เหมือนตาย
“ไวหน่อยได้หรือไม่” เมาเมาส่งเสียงเร่งคนเข็นอย่างร้อนใจ
“ไวกว่านี้ไม่ได้แม่นางเมา ประเดี๋ยวคนอื่นจะผิดสังเกต”
“แต่คุณหนู” นางกลืนก้อนสะอื้นลงคอ ไม่กล้าเอ่ยคำใดออกไป เกรงว่าจะเป็นการแช่งเจ้านายของตน นางวิ่งสุดชีวิตมาขอความช่วยเหลือจากกลุ่มขอทานที่คุณหนูเมตตาดูแลอยู่
“วางใจเถิด ตอนนี้ท่านหมอคงรออยู่แล้ว สวรรค์ไม่มีทางทอดทิ้งคนดี”
ขอทานหนุ่มแม้จะเอ่ยเช่นนั้นออกไป แต่ภายในใจก็หวั่นไม่น้อย สภาพคุณหนูหมิ่งที่เขาปีนลงหลุมไปแบกขึ้นมา หากไม่สังเกตดี ๆ ไม่ต่างจากศพอื่น ๆ ที่อยู่ในหลุมนั่นเลย ตอนที่แม่นางเมากระหืดกระหอบมาหาพวกเขากลางดึก พวกเขาก็ตกใจแล้ว แต่พอนางร้องบอกคุณหนูกำลังจะตายแล้ว `ช่วยด้วย ช่วยคุณหนูข้าด้วย`
พวกเขาก็ทิ้งทุกอย่างแล้ววิ่งออกมาเลย แม้ในตอนแรกจะแปลกใจที่แม่นางเมาเมาสั่งให้เอารถเข็นมาด้วย แต่เมื่อเห็นสภาพของคุณหนูหมิ่ง และสิ่งที่เกิดขึ้นภายในจวนสกุลหมิ่งแล้วก็ต้องแทบหยุดหายใจ
ประตูจวนสกลุหมิ่งปิดตายตั้งแต่วันนั้น ไม่มีป้ายประกาศใด มีเพียงความเงียบงัน แม้ชาวบ้านร้านตลาดจะอยากรู้ว่า หลายวันที่ผ่านมา หลังจากเสียงดังที่ดังมาจากด้านในจวน และหลังจากทหารวังหลวงกลับไปแล้วเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่ พวกเขารอบ่าวรับใช้ในจวนออกมาซื้อหาของใช้ประจำวัน แต่ก็ไม่มีผู้ใดออกมา จนกระทั่งย่างวันที่ห้า กลิ่นเน่าเหม็นลอยตามลมออกมา
ไท่จื่อเฟยไม่แม้แต่จะสั่งให้กลบฝังหลุมนั่นด้วยซ้ำ พระนางอยากประกาศกลาย ๆ ให้ผู้คนเห็นสภาพคนที่คิดจะแข็งข้อกับพระนาง ไม่คิดแม้กระทั่งจะตรวจนับว่ามีร่างหนึ่งได้หายไปจากหลุมมรณะนั่น
เมื่อกลิ่นเหม็นส่งกลิ่นจนทนไม่ไหว วันต่อมาก็มีฝูงแร้งบินวนรอบจวนสกุลหมิ่ง หลังจากนั้นจึงมีป้ายติดประกาศถึงความผิดที่คุณสกุลหมิ่งก่อ กว่าจะลำเลียงซากศพออกมาเพื่อขนย้ายไปสุสานก็แทบแยกไม่ออกแล้วว่าศพใดเป็นศพใด
`คุณหนูใหญ่สกุลหมิ่ง จิตใจคับแคบหึงหวงองครักษ์หนุ่มที่ทำหน้าที่อารักขาเชื้อพระวงค์เป็นอย่างดี แต่นางกลับแยกแยะไม่ออกว่า ชายหนุ่มทำหน้าที่สำคัญต่อราชสำนัก นางทำการอุกอาจวางยาไท่จื่อเฟย
กรมวังตรวจสอบ หมิ่งหุ้ยมีความผิดจริงตามหลักฐานที่ตรวจสอบและคำรับสารภาพลงลายมือชื่อของหมิ่งฮูหยินว่าเป็นผู้จัดหายาพิษมาให้บุตรสาว กรมวังจึงตัดสินประหารเจ็ดชั่วโคตรไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง`
เมาเมาที่ปลอมเป็นสาวชาวบ้านออกมาซื้อยาตามที่หมอสั่ง อ่านป้ายประกาศทั้งน้ำตา
คุณหนูของนางไม่มีทางทำเรื่องเช่นนั้น
ในตอนที่นางอายุสิบห้า นางและครอบครัวนำสมุนไพรเข้ามาขายในเมืองหลวง มารดาของนางเกิดล้มป่วยหนักจนเสียชีวิต นางและบิดาไม่มีแม้กระทั่งเงินที่จะทำศพ จึงนั่งกอดศพของมารดาอยู่หน้าตลาด ใครเดินผ่านไปมาก็หันหน้าหนี ไม่แม้แต่จะหยุดมอง เป็นคุณหนูที่เข้ามาถามและช่วยเงินค่าทำศพ
เมาเมาประทับใจในความเมตตาของเด็กน้อยที่อายุน้อยกว่านางหลายปีนัก จึงขายตัวเป็นบ่าวรับใช้ แล้วคนมีจิตใจดีงามเยี่ยงนั้นนะหรือจะวางยาไท่จื่อเฟย หึงหวงอันใดกัน คุณหนูของนางและคุณชายหยงก็ดูออกจะรักกันดี
“ความจริงเพียงกึ่งเดียวเท่านั้น”
เมาเมานำความในป้ายประกาศมาเล่าให้เหล่าขอทานฟัง ไม่คิดว่าคุณหนูของนางจะลืมตาตื่นขึ้นมาได้ยินเข้าพอดี นางดึงผ้าห่มเก่า ๆ ขึ้นคลุมร่างซีดเซียวที่นอนนิ่งไม่ไหวติ่งอยู่บนเศษกองฟาง
“ข้าไม่เชื่อ ข้าอยู่กับคุณหนูตลอด ท่านจะไปวางยาไท่จื่อเฟยได้อย่างไร เป็นไปไม่ได้”
ริมฝีปากไร้สีเลือดเอ่ยอย่างยากลำบาก
“หากข้าบอกว่าไม่ได้ทำเจ้าจะเชื่อหรือไม่”
“เชื่อเจ้าค่ะ” เมาเมาตอบเสียงหนักแน่น
“เจ้าเชื่อข้า แต่อิ่งจงกลับไม่เชื่อข้า”
หมิ่งหุ้ยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนองเลือดที่จวนสกุลหมิ่งอย่างยากลำบาก แต่นางอยากระบายความใจในและเรื่องเน่าเหม็นที่คนรักของนางกับไท่จื่อเฟยผู้สูงศักดิ์ทำกับตระกูลหมิ่ง ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความแค้น
“เพ่ย มารดามันเถอะ ไม่นึกเลยว่าคุณชายหยงจะเลวถึงเพียงนี้” เมาเมาหลุดสบถคำหยาบออกมาอย่างอดไม่ได้ หากไม่ได้ด่าคนเลวชาติชั่วนั่นนางคงอึดอัดมิใช่น้อย
“มีประกาศออกมาเช่นนี้ แล้วมีรูปข้าหรือไม่”
เมาเมาส่ายหัว มีเพียงป้ายประกาศความผิดของสกุลหมิ่ง ไม่มีรูปผู้ใดคงคิดว่าคนสกุลหมิ่งตายตกตามกันไปหมดแล้ว
“เจ้านำของทั้งหมดของข้าไปขาย เราคงอยู่ในเมืองหลวงไม่ได้แล้ว”
เมาเมาพยักหน้ารับ นางรีบไปคว้าห่อผ้าที่รวบรวมเครื่องประดับของคุณหนูที่ใส่ติดตัวทั้งหมดมาแนบอก
“แล้วเราจะหนีไปที่ใดกันดีเจ้าค่ะ”
“ยังไม่รู้ ไปตายเอาดาบหน้า หากยังมีทางข้าจะไป แล้วสักวันข้าจะหวนกลับมาเอาคืนพวกมัน ไม่ว่าต้องใช้วิธีใดก็ตาม”
หมิ่งหุ้ยตอบตามความจริงตัวนางเองก็ยังมิรู้ว่าจะแก้แค้นชายชั่วหญิงเลวนั่นได้อย่างไร แต่หากยังรั้งอยู่เมืองหลวง ไม่เป็นการดีต่อนางแน่ วันนี้ยังคิดไม่ออก พรุ่งนี้ก็คงคิดออก แก้แค้นสิบปียังไม่สาย ที่สำคัญคือนางจะต้องรักษาชีวิตของตนให้ถึงวันนั้นให้ได้
“ชุดของข้าแม้จะเปื้อนเลือดและขาดวิ่นบางส่วนแต่หากซักและเอาไปขายคงได้ราคาไม่น้อย หลังจากนี้ข้าต้องพึ่งเจ้าแล้ว” แม้ชุดที่ใส่ติดตัวมาจะมีตำหนิแต่หากยังสามารถแลกเป็นเงินได้ เท่าไรนางก็เอา จากนี้ไปใส่ชุดที่พวกขอทานหามาให้ก็เพียงพอแล้ว
“ข้ายินดี ต่อให้ต้องแบกคุณหนูเดิน ข้าก็จะทำ”
หมิ่งหุ้ยยิ้มทั้งน้ำตา ในวันที่นางสูญสิ้นทุกสิ่งอย่างยังมีมิตรแท้ ไม่ว่าจะเป็นเมาเมาที่มีไหวพริบในสถานการณ์ยามคับขันและจัดการทุกอย่างได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มขอทานที่นางแบ่งเงินรายเดือนส่วนตัวมาช่วยเหลือจุนเจือก็ช่วยเหลือนางโดยไม่ถามสักคำว่าเกิดอะไรขึ้น อีกทั้งยังตามหมอยามารักษานางจนพ้นจากความตายมาได้อย่างหวุดหวิด
บทที่ 33ตำหนักบูรพาในวันนี้ไม่เหมือนวันเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าของตำหนักก็ยิ่งไม่เหมือนเดิม“ไท่จื่อ ฮองเฮาส่งเทียบของคุณหนูตระกูลต่าง ๆ มาให้อีกแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ” ไท่จื่อที่เคยถูกหลอกเมื่อก่อน ตอนนี้โตเป็นชายหนุ่มร่างกำยำ เขาฝึกยุทธ์เหมือนเสด็จอาของเขา และยังคิดทำอะไรหลาย ๆ อย่างเหมือนเสด็จอาของตนด้วยที่เห็นกันชัด ๆ ก็คงเป็นเรื่องพระชายา เพราะครั้งหนึ่งเคยได้แต่งไปกับคนที่มีนิสัยเช่นซ่งอี้หลิน จึงทำให้มีปัญหาเรื่องความไว้ใจสตรีหากพูดคุยแล้วพึงใจแต่ดันไปทำอะไรให้พระองค์ตะขิดตะขวงใจแม้เพียงนิด ความพึงพอใจที่ผ่านมาอาจจะกลายเป็นศูนย์ไปเลยก็เป็นได้“แต่ว่า...”“เจ้าไม่ต้องมาพูดม
บทที่ 32ในทุก ๆ ปี ท่านอ๋องหยางซวี่เหวินและพระชายาร่วมถึงบรรดาพระโอรสและพระธิดาจะเสด็จมาเมืองหลวงเป็นประจำทุกปีนั่นก็เพราะพระชายาจะพาหลาน ๆ มาเคารพสุสานบรรพชนและก็ไม่ลืมที่จะแวะเข้าไปเยี่ยมเยียนฮ่องเต้และฮองเฮา รวมถึงองค์รัชทายาทที่ยามนี้โตเป็นชายหนุ่มแล้ว“ทำไมที่นี่ถึงไม่มีคนอยู่หรือเสด็จแม่” พระโอรสคนที่สี่ซึ่งเป็นเด็กอยากรู้อยากเห็นเอ่ยถามขึ้นเมื่อเขาได้มาที่นี่เป็นปีที่สองแล้ว ตอนนี้เจ้าตัวอายุได้ สี่ชันษาจึงกำลังพูดมากพอสมควร“เสด็จแม่ลูกอธิบายน้องเองพ่ะย่ะค่ะ” ทั้ง ๆ ที่หมิ่งหุ้ยอยากจะเลี้ยงพระโอรสและพระธิดาทุกคนอย่างคนธรรมดาสามัญแต่เพราะศักดินาที่มี อย่างไรหนึ่งในทั้งหมดนี่ก็ต้องดูแลที่ดินและชาวบ้านแถว ๆ นั้น จึงทำให้สุดท้ายทุกคนจึงเป็นท่านหญิงและท่านชายที่น่าเคาร
บทที่ 31“เป็นข่าวดีพ่ะย่ะค่ะ พระชายาของท่านอ๋องทรงพระครรภ์แล้ว” หลังจากเงียบเชียบนานนับปี ในที่สุดก็มีข่าวดีจากทั้งสอง“ท่านอ๋องเป็นอะไรเพคะ” หยางซวี่เหวินได้ฟังก็ตื้นตันจนร้องไห้ เรื่องนี้ทำให้มู่เฉิงที่เป็นราชองครักษ์ข้างกายตกใจมากจนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเย้า “กระหม่อมคงต้องนำเรื่องนี้ไปบอกกับทุกคนแล้ว”หยางซวี่เหวินคิดว่ามู่เฉิงหมายถึงเรื่องข่าวการตั้งครรภ์ แต่เปล่า เจ้าตัวกลับส่งข่าวให้ทุกคนว่าเขาร้องไห้เพราะรู้ว่าพระชายาของตนตั้งครรภ์ “มู่เฉิงหากไม่ใช่เจ้าข้าจะสั่งโบยให้ดู” แม้จะโดนขู่เช่นนั้นแต่มู่เฉิงก็มิได้สะทกสะท้าน นั่นก็เพราะยามนี้ท่านอ๋องทรงประชวร“ทรงรักษาพระวรกายเถอะพ่ะย่ะค่ะ หายแล้วค่อยม
บทที่ 30หลังจากงานมงคลหมิ่งหุ้ยก็ได้เข้าไปยกน้ำชาให้กับฮ่องเต้ ในวังเพราะเสด็จพ่อและเสด็จแม่ของทั้งสองจากไปแล้ว พี่ชายอย่างฮ่องเต้จึงถือเป็นผู้อาวุโสของตระกูลหมิ่งหุ้ยแต่งเข้าตระกูลหยางก็ต้องเคารพบรรพบุรุษ“อภัยให้กับอี้หลินด้วยนะหุ้ยเอ๋อร์” เสียงของฮองเฮาเอ่ยกับน้องสะใภ้ของตน“ข้าเองก็อโหสิกรรมให้นางแล้ว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องราวถึงได้” ฮ่องเต้หันไปประคองฮองเฮาเอาไว้“เรื่องมันแล้วไปแล้ว จะรื้อฟื้นก็คงจะทำไม่ได้ เจ้าอย่าได้เสียใจไปเลย แม้จะมีความสูญเสียแต่ก็มีเรื่องดี ๆ อย่างการที่เจ้าทั้งสองได้มาเจอกัน คนเป็นพี่อย่างข้าเห็นแล้วก็รู้สึกสบายใจที่ซวี่เหวินจะมีคนรักสักที เจ้ารู้ไหมหุ้ยเอ๋อร์ เขาไม่เคยมีคนรักมาก่อน&rd
บทที่ 29“ในเมื่อเรื่องราวเป็นเช่นนี้แล้ว เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป” หยางซวี่เหวินเอ่ยเช่นนั้นออกไปเพราะเขารู้ว่านางไม่ได้มีใจให้เขาจึงอยากให้นางเป็นอิสระ แม้ภายในใจต้องเจ็บปวดที่วันข้างหน้าจะไร้หมิ่งหุ้ยเคียงข้าง แต่ก็อยากให้นางเป็นผู้เลือก“อย่างที่หม่อมฉันบอกคงกลับไปหาท่านพ่อและเมาเมา อยู่กับพวกเขาทำให้หม่อมฉันสงบใจไม่คิดเรื่องครอบครัวที่จากไปได้บ้าง” หยางซวี่เหวินอยากเอ่ยถามว่าเช่นนั้นไปอยู่กับข้าดีหรือไม่แต่ก็ไม่กล้า แม้จะอยากปล่อยนางไปแต่อีกใจก็อยากเก็บนางเอาไว้ข้างกายทางด้านหมิ่งหุ้ยที่เห็นบุรุษตรงหน้าไม่ได้พูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ใด ๆ ก็คิดว่าเขาคงมองเรื่องระหว่างเขากับนางว่าเป็นไปไม่ได้ “บางทีนี่อาจจะเป็นบาปกรรมของหม่อมฉันด้วยที่ทำให้ต้องเดียวดายตลอดไป” นา
บทที่ 28กริ๊ก!เสียงตลับยาสีเงินใบเล็กเปิดออก นางพกมันซ่อนเอาไว้ในถุงหอม ตลับยาหล่นลงบนพื้นเมื่อนางเทของที่อยู่ในถุงหอมออกมา หมิ่งหุ้ยยกยิ้มเย็น นางบรรจงเปิดตลับยานั่น ภายในมีผงสีขาว นอกจากจะเก็บสมุนไพรมารักษาบาดแผลและหากเหลือจะให้ท่านพ่อจางหลงนำไปขายแล้ว สิ่งที่นางตามหาอีกอย่างคือ หญ้าเถา เดิมชาวบ้านจะนำมาบดหยาบแล้วจุ่มลงแม่น้ำเพื่อเบื่อปลา ทำให้ปลาในแม่น้ำหายใจไม่ออกและว่ายขึ้นเหนือน้ำ และแน่นอนว่าหากนำไปบดเป็นผงก็ยังสามารถใช้เบื่อหนูและสัตว์อื่น ๆ ได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งมนุษย์ นางผสมตลับหนึ่งไว้ช่วยชีวิตคน อีกตลับเอาไว้… วันนี้นางค่อย ๆ บรรจงเทผงสีขาวลงในปากของซ่งอี้หลินอย่างใจเย็น ทำราวกับกำลังดื่มด่ำชาเลิศรส ชานั่นมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ มันมีชื่อเรียกว่า การแก้แค้นอันหอมหวาน“นี่ใ