โอ๊ย...หัวมันก็จะปวด
อิงอิงอยากจะดึงทึ้งผมตัวเองยิ่งนักหลังจากได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมด แต่ก็ทำได้เพียงหลับตานิ่งคร่ำครวญอยู่ในใจ เกิดมานางยังไม่เคยรู้สึกปวดกบาลเช่นนี้มาก่อนเลย
ทำไมชีวิตนางถึงไม่ชวนฝันเหมือนในนิยายที่เคยอ่านมาเลยนะ
จะทำเช่นไรต่อไปดีล่ะทีนี้ เห็นทีนางคงได้ตายอีกรอบเป็นแน่
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งจึงเอ่ยถามเด็กสาวตรงหน้าที่กำลังมองนางตาละห้อย ดวงตาหยีเล็กนั้นยังคงแดงระเรื่อ
"เสี่ยวมี่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าบิดาของข้าจะกลับมาเมื่อใด"
ใช่แล้ว นางต้องการที่พึ่ง ที่พึ่งเดียวที่นึกได้ในตอนนี้คือผู้เป็นบิดาเจ้าของร่าง หากบิดากลับมาอย่างไรเสียอีกฝ่ายคงจะยังไม่กล้าที่จะลงมือกับนาง อย่างน้อยก็สามารถยืดเวลาออกไปได้ แต่ใบหน้าที่เจื่อนลงของคนตรงหน้าบอกให้รู้ได้ว่าทางเลือกนี้ของนางถูกปิดตายไปเสียแล้ว
เสี่ยวมี่มองผู้เป็นนายอย่างชอกช้ำระกำใจได้แต่คร่ำครวญอยู่ในอก
โถ...คุณหนูเจ้าขา ท่านที่เป็นบุตรยังไม่ทราบ แล้วบ่าวเป็นเพียงบ่าวในจวนจะทราบได้เยี่ยงไรกันเจ้าคะ
แม้ภายในใจจะคิดเช่นนั้น แต่คำพูดที่กล่าวออกมา หาได้เป็นอย่างใจนึกไม่ มีหรือที่นางจะกล้าเอ่ยเช่นนั้นออกไป
"บ่าวก็ไม่รู้ได้เจ้าค่ะคุณหนู นายท่านจะไปจะมาล้วนไม่มีใครทราบ"
ฝ่ามือบางยกขึ้นนวดขมับอย่างคิดหนักอีกครั้ง แล้วใครจะช่วยสตรีตัวเล็กๆ เช่นนางให้พ้นภัยในครั้งนี้ไปได้กัน
ในหัวของนางตอนนี้พยายามไล่เรียงถึงตัวละครในเรื่องที่พอจะเป็นที่พึ่งให้แก่นางได้ แต่ให้ตายเถอะ เหตุใดมันจึงได้ว่างเปล่าถึงเพียงนี้
เห็นทีคงต้องพึ่งตัวเองเสียแล้วอิงอิงเอ๋ย
สิ่งสำคัญที่สุดที่นางคิดได้คือนางต้องเร่งหาทางออกไปนอกจวน เพื่อหยุดยั้งไม่ให้มีการวางเพลิงร้านซาลาเปาของแม่นางเอก มันช่างบังเอิญเสียจริงที่ คืนนี้ คนของว่านเย่วอิงจะลงมือ
ดังนั้นนางจึงต้องหยุดยั้งแผนการทั้งหมด หากไม่มีการวางเพลิงเกิดขึ้น นางก็ยังพอจะมีทางรอด
แต่นางจะหลุดรอดจากสายตาคนของเซี่ยชิงเทียนไปได้อย่างไรกัน นี่สิปัญหา
เจ้าคนบัดซบนั่น กัดข้าไม่ปล่อยเลยจริงๆ
อิงอิงได้แต่ก่นด่าบุรุษผู้เป็นพระเอกของเรื่องอยู่ในใจ ก่อนจะสั่งให้เสี่ยวมี่นำอาภรณ์ที่รัดกุมเหมาะแก่การลักลอบออกนอกจวนมาให้เปลี่ยน เพราะอาภรณ์ที่นางสวมใส่อยู่ตอนนี้สีสันช่างโดดเด่นเสียเหลือเกิน
ครู่ต่อมาจึงปรากฏร่างบอบบางในอาภรณ์สุดแสนจะธรรมดาแต่ทว่ายังคงเป็นผ้าเนื้อดี กำลังทำลับๆ ล่อๆ อยู่ตรงกำแพงด้านหลังจวน
"คุณหนูระวังนะเจ้าคะ"
เสี่ยวมี่เอ่ยบอกผู้เป็นนายด้วยใบหน้าซีดขาว หลังจากพลัดตกน้ำคุณหนูของนางก็เปลี่ยนไปคล้ายจะไม่ใช่คุณหนูคนเดิม อีกทั้งยังจำสิ่งใดไม่ได้ แม้นางจะยินดีที่คุณหนูมิได้ร้ายกาจดังเก่า แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงอีกฝ่ายเพราะความดื้อรั้นนั้นมิได้ลดน้อยถอยลงเลย ตอนนี้นางจึงทำได้เพียงยืนมองร่างบอบบางพยุงตัวขึ้นไปบนเก้าอี้ที่นางเป็นผู้ยกออกมาวางให้ ปีนป่ายขึ้นไปบนกำแพงสูง สองเท้าเล็กๆ ที่เหยียบลงบนล่องอิฐนั้นสั่นเทา ฝ่ามือเล็กบอบบางเกร็งเกาะขอบกำแพงแลดูน่าหวาดเสียว เสี่ยวมี่รู้สึกสงสารคุณหนูของนางจับใจ ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่จะสร้างความลำบากให้คุณหนูของนางได้ถึงเพียงนี้ แม้นางอยากจะออกไปแทนผู้เป็นนายแต่อีกฝ่ายกลับไม่ยินยอม
อิงอิงปีนขึ้นมานั่งกายสั่นเทาอยู่บนกำแพงด้วยหัวใจที่สั่นรัว สายตาเหลือบมองลงไปเบื้องล่างพลางกลืนน้ำลายอึกใหญ่
เกิดนางพลาดพลัดตกลงไปคงมิวายแข้งขาหักเป็นแน่ เกิดมายังไม่เคยที่จะทำอะไรเสี่ยงอันตรายดังเช่นครั้งนี้มาก่อนเลย
พ่อแก้วแม่แก้ว ช่วยปกป้องคุ้มครองลูกด้วยเถิด
เมื่อสงบจิตสงบใจได้ก็กระเถิบกาย ค่อยๆ ไต่ลงไปเบื้องล่าง เพียงสองเท้าสัมผัสพื้น ร่างบอบบางก็ทรุดฮวบลง สองขาของนางสั่นเทาจนไม่อาจที่จะพยุงตัวอยู่ได้ ฝ่ามือทั้งสองนั้นเจ็บแปลบเมื่อยกขึ้นดูก็เห็นว่ามันแดงเถือกและยังมีรอยถลอกจนเลือดสีแดงไหลซึมออกมาอีกด้วย
อิงอิงแข็งใจกัดฟันอดทนกับความเจ็บปวดที่ได้รับ พยุงกายลุกขึ้น นำผ้าคลุมหน้าขึ้นมาสวม นางต้องเร่งไปให้ถึงจุดหมาย หากมัวแต่ชักช้าจะไม่ทันการณ์
ร่างบางย่ำเท้าเดินมุ่งหน้าไปตามถนนด้านหลังจวน ก่อนจะเห็นต้นไม้ใหญ่ที่เสี่ยวมี่บอกมาก่อนหน้าว่ามีตรอกเล็กๆ ซึ่งเป็นทางลัดที่จะพานางไปยังจุดหมาย หากไม่รู้มาก่อนก็ไม่มีทางที่จะสังเกตเห็น
ซึ่งจุดหมายปลายทางของนางก็คือ ตรอกขอทานแหล่งกบดานของเหล่าสมุน ของว่านเย่วอิง
หึ นางร้ายของเรื่องจะไร้ซึ่งแขนขาได้เช่นไรกัน
แต่ที่ไปที่มาของลูกสมุนเหล่านี้ที่ได้รับรู้จากเสี่ยวมี่ ทำให้อิงอิงขยาดในความร้ายกาจและไร้ยางอายของว่านเย่วอิงยิ่งนัก
การที่ว่านเย่วอิงมีคนเหล่านี้ไว้ใช้งานก็เพราะบิดาของนางได้รักษาบุตรชายที่กำลังป่วยของหัวหน้าขอทานโดยที่ไม่คิดเงินค่ารักษา ทั้งๆ ที่ไม่มีหมอคนใดยอมรักษาบุตรชายของเขาเพราะรังเกียจที่เป็นเพียงขอทานและมองว่าชีวิตของพวกเขานั้นไร้ค่า จนอีกฝ่ายสำนึกในบุญคุณยอมทำตามคำสั่งของว่ายเย่วอิงผู้เป็นบุตรสาวของผู้มีพระคุณ หลังจากที่นางได้ฟังเรื่องราวของขอทานเหล่านั้นจากเสี่ยวมี่นางก็พอจะจำได้ว่าเดิมขอทานเหล่านั้นมิใช่คนเลวร้าย แต่เพราะคำสั่งของว่านเย่วอิงที่สั่งให้พวกเขาทำเรื่องชั่วร้าย จากที่เป็นเพียงขอทานก็ได้กลายเป็นกลุ่มโจรที่ชาวบ้านชาวเมืองประณามว่าเป็นพวกต่ำช้าใจทราม เช่นนั้นคงเป็นพวกเขาที่ว่านเย่วอิงสั่งให้ไปข่มเหงนางเอก เพราะหลังจากที่ว่านเย่วอิงจบชีวิตลง พวกเขาก็ถูกพระเอกที่ร่วมมือกับทางการกวาดล้างจนต้องพบกับจุดจบที่น่าเศร้า
แต่ในครั้งนี้นางจะไม่ยอมให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นอีกครั้งเป็นแน่ และภาพที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าทำให้นางยิ่งไม่อาจปล่อยให้เรื่องราวเช่นนั้นเกิดขึ้น
ปลายเท้าและความคิดทั้งหมดของนางหยุดนิ่งลง กวาดตามองสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าด้วยหัวใจที่สั่นไหวโดยไม่รู้ตัว
พวกเขาเหล่านี้หรือที่ถูกกวาดล้างจนไม่เหลือ
ตรงหน้าของนางมีคนแก่ ผู้หญิงและเด็กอีกหลายสิบชีวิต แค่มองด้วยตาก็รู้ว่าพวกเขาเหล่านี้ต้องอยู่กันอย่างอดอยากเพียงใด ร่างกายของคนเหล่านี้คือคนที่ขาดสารอาหารมาเป็นเวลานาน เสื้อผ้าที่สวมใส่ขาดวิ่น เพิงพักที่ใช้ซุกหัวนอนไม่อาจที่จะใช้ป้องกันอากาศที่หนาวเหน็บหรือแม้กระทั่งหลบแดดหลบฝนได้
ภาพเหล่านี้ทำให้นางรู้สึกวูบโหวงสะท้อนในอก นางผู้ที่ใช้ชีวิตอย่างหรูหรา นอนอุ่นกินอิ่ม สุขสบายมาตลอดชีวิต ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาพบเจอกับสภาพอันน่าเวทนาเหล่านี้ ในขณะที่นางกินทิ้งกินขว้างยังมีอีกหลายชีวิตที่อดอยาก
"นายหญิง"
เสียงเรียกของบุรุษผู้หนึ่งดึงสติของนางจากภาพตรงหน้า ใบหน้างดงามหันไปมองชายฉกรรจ์ที่ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยหนวดเครารกรุงรัง รูปร่างสูงแต่ทว่าผอมจนตาลึกโบ๋ดูน่ากลัวในชุดสกปรกสีมอซอ ด้านหลังของเขามีเด็กหนุ่มอีกสี่ห้าคน ซึ่งแต่ละคนนั้นมีสภาพที่ไม่ได้แตกต่างกันเลย
"ตู้เซิ่ง"
อิงอิงเอ่ยนามของคนตรงหน้าแผ่วเบา ชายผู้นี้คือหัวหน้าของขอทานเหล่านี้ เขาสั่งให้เด็กหนุ่มผู้หนึ่งยกเก้าอี้ตัวเก่าที่ถูกซ่อมแซมหลายจุดออกมา ก่อนจะใช้ฝ่ามือเช็ดถูมันและเชิญให้นางนั่ง จากนั้นจึงคุกเข่าลงเบื้องหน้า เด็กหนุ่มเบื้องหลังของเขาเมื่อเห็นว่าหัวหน้าของตนทำเช่นนั้น ก็พร้อมใจกันนั่งคุกเข่าลงตรงหน้านาง
พวกเขาทั้งหมดก้มหน้าลง รอรับคำสั่งราวกับทาสผู้ซื่อสัตย์
"ข้ามาที่นี่เพื่อยกเลิกคำสั่งทั้งหมด"
ผ่านไปเพียงหนึ่งเดือนหลังจากงานมงคลสมรสของคุณชายน้อยตระกูลเซี่ย จวนตระกูลเซี่ยก็มีงานมงคลเกิดขึ้นอีกครั้ง เป็นงานมงคลสมรสของท่านแม่ทัพเซี่ยเยี่ยนเฉินนายท่านของจวนกับคุณหนูว่านเย่วอิงคนงาม สตรีผู้อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกัน และครั้งนี้ก็คล้ายดังจะชื่นมื่นเสียยิ่งกว่างานมงคลของบุตรชาย เพราะแขกที่มาร่วมงานล้วนมีแต่เหล่าคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่เคียงคู่กันมาร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว สหายของเจ้าสาวที่มาร่วมงานในวันนี้ล้วนไม่มีสตรีคนใดที่ไร้คู่อีกแล้ว เพราะหลังจากงานมงคลของเซี่ยชิงเทียนในวันนั้นภายในเดือนเดียวพวกนางต่างพากันขึ้นเกี้ยว ตบเท้าแต่งงานออกเรือนกันไปตามๆ กัน และเจ้าบ่าวของพวกนางก็หาใช่ใครที่ไหน บุรุษเหล่านั้นล้วนเป็นสหายของคุณชายเซี่ยชิงเทียนทั้งสิ้น ความดีความชอบนี้คงต้องยกให้เจ้าสาวของงานในวันนี้ที่เป็นผู้จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ในวันนั้นขึ้น หนุ่มสาวจึงมีโอกาสได้ใกล้ชิดกันแบบถึงพริกถึงขิง เพราะหลังจากที่พากันเต้นระบำคลอเคล้าจอกสุราอย่างที่ไม่เคยได้ทำมาก่อน ตื่นมาอีกทีก็เนื้อตัวเปล่าเปลือยแนบชิดอยู่กับบุรุษเสียแล้วงานในวันนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีท่ามกลางความหวานชื่นของคู่บ่าวสาว และ
แล้ววันมงคลสมรสของเซี่ยชิงเทียนกับจ้าวอี้หลันก็มาถึง จวนแม่ทัพในวันนี้อบอวลไปด้วยความสุขและกลิ่นอายอันเป็นมงคล ภายในจวนนั้นดูมีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ บ่าวไพร่ต่างมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า เพราะไม่ใช่เพียงแค่คู่บ่าวสาวที่ดูจะมีความสุขและหวานซึ้งต่อกัน แต่ดูจะมีหลายคู่ที่หวานชื่นไม่แพ้คู่บ่าวสาว บรรดาบุรุษจากจวนแม่ทัพต่างพากันหลงเสน่ห์สาวๆ จากจวนตระกูลว่าน ตบเท้าเข้าไปเกี้ยวพาจนประตูจวนท่านหมอว่านแทบจะสึกแต่ดูเหมือนผู้ที่ดูจะคลั่งรักกว่าใครคงจะเป็นนายท่านของจวน ที่ไม่ยอมออกห่างจากคนงามแม้เพียงครึ่งก้าว เพราะวันนี้คุณหนูว่านเย่วอิงงดงามมากเสียจนท่านแม่ทัพตามติดแจ โฉมงามผู้เป็นว่าที่มารดาของเจ้าบ่าว ใบหน้างามประดับไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตายังทอประกายแห่งความสุขจนยากที่จะละสายตาได้และยังมีรอยยิ้มหวานที่ถูกส่งไปให้บรรดาแขกที่มาร่วมงานก็ยังหวานหยดย้อย จนท่านแม่ทัพต้องคอยถลึงตามองเหล่าบุรุษหนุ่มๆ ที่เผลอไผลหันมาจ้องมองสตรีของตนจนใบหน้าเลิ่กลั่กไปตามๆ กันเซี่ยเยี่ยนเฉินทอดสายตามองว่าที่ฮูหยินของตนด้วยสายตารักใคร่ชื่นชม ภูมิอกภูมิใจในตัวคนรักอย่างมาก แม้นางจะซุกซนแต่กลับรู้ว่าเ
อิงอิงแอบย่องออกมาจากเรือนของตนด้วยฝีเท้าที่เบาและเงียบกริบ เรือนร่างกลมกลึงแฝงกายไปกับความมืด ใช้เงาไม้ช่วยอำพรางกาย นางต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งเพื่อที่จะหลบให้พ้นสายตาของเหล่าเวรยามที่บิดาได้วางเอาไว้รอบเรือน เพื่อป้องกันมิให้ชายคนรักแอบลอบเข้ามาหานาง แต่หารู้ไม่ว่าตอนนี้กลับเป็นเป็นบุตรสาวของตนเสียเองที่ลักลอบแอบออกมาหาบุรุษ แม้จะรู้สึกผิดต่อบิดาแต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อตอนนี้ความรักความคิดถึงคนรักมันอึดอัดคับแน่นอยู่ในอก นึกเข้าข้างตัวเองว่าอย่างไรนางก็ต้องแต่งให้เขาอยู่แล้ว การกระทำเช่นนี้ก็คงจะไม่ผิดมากนัก เพราะถึงอย่างไรนางกับเขาก็กลายเป็นคนคนเดียวกันแล้ว ยิ่งคิดถึงใบหน้าหล่อเหลาที่มองนางด้วยสายตาตัดพ้อ นางยิ่งไม่อาจที่จะเมินเฉยปล่อยให้อีกฝ่ายแง่งอนได้นาน ยิ่งน้ำคำที่ชายคนรักฝากมากับเสี่ยวม่านม่าน ยิ่งทำให้โฉมงามหัวใจอ่อนยวบจนแทบจะล่องลอยไปหาเขาเสียเดี๋ยวนี้จะรอจนกว่าจะได้พบหน้า แนบชิดเนื้อนวลโถ โถ โถ โถ โถ...พ่อพยัคฆ์เฒ่าของอิงอิง พ่อยอดขมองอิ่ม ทูนหัวทูลกระหม่อมของเมีย คงคิดถึงเมียใจจะขาดแล้วกระมังท่านพ่อเจ้าขา อิงอิงขอโทษนะเจ้าคะ อื้อ...หนูรักเค้า หลงเค้า ให้เค้าไปหมดแล้
ณ เวลานี้คงไม่มีใครไม่กล่าวถึงเรื่องราวของท่านแม่ทัพเซี่ยเยี่ยนเฉินบุรุษผู้กล้าแกร่ง ผู้เป็นยอดบุรุษแห่งแผ่นดิน บุรุษผู้ที่ขณะนี้กลายเป็นที่อิจฉาของบรรดาบุรุษทั่วทั้งเมืองหลวง เพราะนอกจากจะเป็นผู้ที่ฝ่าบาทให้ความไว้วางพระทัยแล้ว อีกฝ่ายยังได้ครอบครองโฉมสะคราญผู้งดงามเป็นหนึ่ง สตรีผู้มีความงามอันเย้ายวนแล้วยังอ่อนเยาว์เป็นสาวน้อยวัยแรกแย้มที่อายุรุ่นราวคราวลูกมาเป็นว่าที่ฮูหยินความสุขใดเล่าจะเทียบเท่าการได้ครอบครองหญิงงาม มันช่างน่าอิจฉาเสียยิ่งนัก ชีวิตคงจะกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวาไม่ใช่น้อย ไม่รู้ว่าพวกตนต้องทำบุญอีกกี่ชาติจึงจะมีวาสนาเช่นอีกฝ่ายแต่ไหนเลยใครเล่าจะรู้ ว่าบุรุษผู้ที่ทุกคนต่างก็อิจฉาอยู่นั้น ตอนนี้กำลังนั่งใบหน้างอง้ำอย่างคนอดอยากปากแห้ง เนื้อขาวๆ หวานๆ ฉ่ำๆ อยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่ไม่อาจที่จะกัดกินได้ ใบหน้าหล่อเหลาคร้ามคมจึงดูหม่นเศร้าหงอยเหงาราวคนกำลังตรอมใจอย่างหนัก คร่ำครวญอย่างชอกช้ำอยู่ได้เพียงในใจ ไม่อาจที่จะเอื้อนเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้ไหนล่ะรางวัลที่เขาสมควรจะได้รับ รางวัลความดีความชอบของเขาอยู่ที่ใดกัน เพราะตั้งแต่งานเลี้ยงในวังหลวงวันนั้น นี่ก็ผ่านมากว่าสิบวันแ
ตึก ตึก ตึก ตึกเสียงหัวใจภายใต้อกอิ่มเต้นอย่างรุนแรงจนน่ากลัวว่ามันจะหลุดออกมา เสียงตุบๆ ดังอื้ออึงอยู่ในหัวจนกลบเสียงรอบกายไปเสียสนิท อิงอิงจ้องมองบุรุษผู้ที่หันมาสบตานาง เฝ้ารอคำตอบของอีกฝ่ายอย่างใจจดใจจ่อมากกว่าผู้ใดนางกำลังตื่นเต้น ตื่นเต้นมากๆ ตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าเมื่อครู่นี้ที่อีกฝ่ายขอสมรสพระราชทานให้บุตรชายเสียอีก สองมือของนางรู้สึกได้ว่ามันเย็นเฉียบและสั่นเทา นางรู้สึกยินดีอย่างมากที่เขายอมให้บุตรชายและคนรักได้ครองคู่กัน ยินดีจนอยากจะตกรางวัลให้อย่างงาม และตอนนี้หัวใจของนางก็กำลังเต้นกระหน่ำรอคอยคำตอบของเขา รอคอยว่าคำตอบนั้นมันจะใช่อย่างที่นางคิดหรือไม่ แม้ตอนนี้สายตาของเขาที่มองมาจะสื่อถึงความในใจทั้งหมด จนสามารถบอกนางให้มั่นใจ แต่นางก็ยังอยากได้ยินจากปากของเขา เซี่ยเยี่ยนเฉินมองสบดวงตาคู่งามของสตรีคนรัก สตรีที่เขามั่นใจแล้วว่าไม่อาจที่จะปล่อยมือจากนางได้ สตรีที่เขายอมให้นางหมดทุกอย่างโดยไร้เงื่อนไข ยอมมอบให้ได้แม้แต่ชีวิต เขาค้นพบแล้วว่าความสุขของเขาคือนาง ถึงแม้จะมีใครกล่าวว่าเขานั้นเป็นบุรุษโง่งมหลงใหลในตัวสตรีเขาก็พร้อมที่จะน้อมรับ เขาจะยืดอกรับอย่างเต็มภาคภูมิ คำกล่า
อิงอิงกวาดตามองหาบุรุษผู้ที่ส่งสายตาบอกให้นางออกมาหาอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะนางออกมาตามหาเขาอยู่นานแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมโผล่หัวออกมาเสียทีเซี่ยชิงเทียนคิดจะเล่นพิเรนทร์อะไรอีกอุ๊ย!!!คนงามหลุดอุทานขึ้น ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง เมื่อจู่ๆ เอวบางก็ถูกโอบรัดจากทางด้านหลังด้วยลำแขนแข็งแกร่ง ก่อนร่างของนางจะถูกยกจนตัวลอยขึ้นจากพื้น แต่เพราะสัมผัสและกลิ่นหอมอันคุ้นเคยของอีกฝ่ายจึงทำให้นางหาได้มีความตระหนกตกใจ รู้ตัวอีกทีก็ถูกอุ้มมาหลบอยู่หลังต้นไม้ต้นใหญ่ลับตาคนเสียแล้ว เซี่ยชิงเทียนหายขุ่นเคืองบิดาของเขาแล้วหรืออย่างไรจึงปล่อยให้อีกฝ่ายมาใกล้ชิดนางเช่นนี้เมื่อเท้าแตะพื้นจึงหันมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย ใบหน้างามงอง้ำเตรียมจะเอ่ยถ้อยคำต่อว่าคนที่เมินเฉยใส่นางมาหลายวันแต่วันนี้กลับมาทำตัวรุ่มร่ามอุกอาจราวกับเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ หึ พอนางเมินเฉยใส่บ้างก็มาทำตาขุ่นเขียวใส่นาง อย่าคิดนะว่านางจะยอมใจอ่อนง่ายๆ ปล่อยให้นางต้องเสียน้ำตาเศร้าซึมเสียหลายวัน ความรู้สึกที่เสียไปใช่จะเรียกคืนกันโดยง่าย มันคงต้องมีการแลกเปลี่ยนกันบ้าง"นี่ท่าน..."อื้อ...แต่ทว่านางยังไม่ทันจะได้เอ่ยสิ่งใดจอมเผด็จการก็ใช้ริมฝี