อิงอิงในตอนนี้กำลังคิดไม่ตกว่าจะทำเช่นไรต่อไปกับชีวิตของตัวเองดี หลังจากที่ได้ทบทวนเรื่องราวชีวิตของว่านเย่วอิงที่พอจะจำได้แค่เลือนราง นางนั้นก็ให้รู้สึกกระวนกระวายกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก มาอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยว่าหนักหนาแล้ว ยังต้องมาคอยหวาดระแวงระแวดระวังเพื่อรักษาชีวิตน้อยๆ นี้ให้อยู่รอดปลอดภัยอีก จิตใจของนางในตอนนี้นั้นร้อนรุ่มดังกับมีไฟสุม เดินวนไปเวียนมาอยู่ในห้องนอนมาหลายชั่วยามแล้ว แต่ก็ยังไม่มีทางออก นางทั้งรู้สึกหวาดกลัว กังวล อยากจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออกเพราะน้ำตามันไม่ยอมไหล จะหัวเราะให้กับชะตาชีวิตของตนก็ขมขื่นเต็มทน
เมื่อไม่อาจทำสิ่งใดได้ร่างบอบบางจึงเดินกระแทกส้นเท้าปึงปังอย่างขัดใจ อารมณ์นั้นเดือดดาลถึงที่สุด จะว่าไปแล้วนิสัยของนางกับเจ้าของร่างเดิมดูจะคล้ายคลึงกันอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะนิสัยใจร้อน วู่วาม เอาแต่ใจ แต่นางก็ยังดีกว่าว่านเย่วอิงมากนัก เพราะนางไม่เคยคิดร้ายหรือทำร้ายให้ผู้อื่นต้องเป็นอันตรายถึงชีวิต แม้จะมีการกลั่นแกล้งผู้อื่นบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับเลือดตกยางออก แต่ดูสิ่งที่นางได้รับสิ ช่างไม่ยุติธรรมแม้แต่น้อย ถึงแม้นางจะเป็นคุณหนูเอาแต่ใจ แต่นางก็หมั่นทำบุญไม่เคยขาด ก่อนจะตาย นางยังทำบุญโดยการช่วยชีวิตเจ้ามดตัวน้อยที่ตกลงไปในชักโครกไม่ให้จมน้ำตายอยู่เลย
เฮ่อ! ทำดีแต่กลับไม่ได้ดี ช่างน่าอดสูยิ่งนัก
ความเดือดดาลที่ยิ่งพุ่งสูงขึ้นทำให้เท้าเล็กๆ กระแทกลงน้ำหนักจนรู้สึกเจ็บ ขาทั้งสองปวดร้าวจนปวดแปลบไปถึงฝ่าเท้า ความเจ็บปวดที่ได้รับส่งให้ใบหน้างามยิ่งยับย่น เดินขากะเผลกมาทิ้งกายลงนั่งหน้ากระจกทองเหลืองบานใหญ่ที่ฉลุลวดลายอย่างงดงามพลางสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างพยายามสงบสติอารมณ์ที่กำลังเดือดปุดปุด
ยุบหนอ พองหนอ ยุบหนอ พองหนอ
สติ... สติ... สติมา ปัญญาเกิด
เมื่อกำหนดลมหายใจเข้าออกปลอบใจตัวเองจนรู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้ว สายตาจึงได้กวาดมองสำรวจภาพสะท้อนเบื้องหน้า พิศมองใบหน้างดงามราวกับนางจิ้งจอกของตน คิ้วเรียวได้รูปเรียงตัวสวย ขมวดมุ่นอยู่บนใบหน้ารูปไข่ขาวนวลผุดผ่อง ดวงตาหงส์ดำขลับเปล่งประกายวาววับนั้นดูขุ่นมัว ปลายจมูกโด่งเล็กเชิดขึ้นอย่างดื้อรั้นถือดี ริมฝีปากอวบอิ่มเย้ายวนตอนนี้เม้มเข้าหากันแน่น แม้องค์ประกอบบนใบหน้ามันจะดูยุ่งเหยิงอย่างมากแต่กลับไม่อาจบดบังความงามเย้ายวนนั้นลงได้เลยแม้แต่น้อย
งดงามขนาดนี้เหตุใดจึงยึดติดอยู่กับบุรุษเพียงผู้เดียวกันนะ
อิงอิงจ้องมองใบหน้างดงามที่บัดนี้นางเป็นผู้ครอบครองมันอย่างเหม่อลอย น่าเสียดายที่ตัวละครตัวนี้ต้องจบชีวิตลง
แต่มันจะต้องไม่เป็นแบบนั้นสิ ในเมื่อตอนนี้ เวลานี้ นางได้มาอยู่ในร่างนี้แล้ว นางจะไม่ยอมเดินตามบทอันน่ารังเกียจนั่นเป็นอันขาด
นางต้องรอดและต้องใช้ชีวิตในร่างใหม่นี้อย่างคุ้มค่าและมีความสุขที่สุด
แอ๊ด...
เสียงเปิดประตูพร้อมกับปรากฏร่างเล็กบางของเด็กสาวเพียงคนเดียวที่อยู่เคียงข้างนางตั้งแต่ฟื้นคืนสติขึ้นมาในสถานที่อันไม่คุ้นเคยแห่งนี้ ทำให้นางรีบหันไปมองและเอ่ยปากถามในทันที
"เป็นเช่นไรบ้างเสี่ยวมี่"
ใบหน้าจิ้มลิ้มของเด็กสาววัยราวๆ สิบสี่สิบห้าที่บัดนี้มีเม็ดเหงื่อผุดซึมจนชุ่มหน้าผากและไรผม ใบหน้านั้นไม่ใคร่จะสู้ดีนัก เอ่ยบอกนางเสียงสั่น ดวงตาหยีเล็กนั้นบ่งบอกถึงความหวาดหวั่นจนแลดูน่าสงสาร
"คุณหนูด้านหน้าจวนมีคนของคุณชายเซี่ยมาด้อมๆ มองๆ อยู่อย่างที่คุณหนูคาดเดาเอาไว้จริงๆ เจ้าค่ะ เห็นทีเราคงมิอาจย่างเท้าออกจากจวนได้เป็นแน่"
เสี่ยวมี่หอบหายใจก่อนจะกล่าวออกมา นางได้รับคำสั่งจากคุณหนูให้ไปดูสถานการณ์ด้านนอกจวน แต่ยังมิทันได้ก้าวพ้นธรณีประตูก็สังเกตเห็นคนของตระกูลเซี่ยคอยจับตามองอยู่เช่นดังที่คุณหนูบอกกับนางก่อนจะออกไป
บัดซบ!
คำตอบของบ่าวรับใช้คนสนิททำให้อารมณ์ที่สงบลงเมื่อครู่ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ความร้อนแล่นมาจุกอยู่ในอกจนแทบจะระเบิดออกมา นางมิได้คาดเดาอย่างที่บอกกับเสี่ยวมี่ไปในคราแรกหรอก แต่เพียงจำได้ว่าหลังจากที่แม่นางเอกเจ็บหนัก บุรุษผู้นั้นก็ส่งคนมาคอยจับตามองนางทุกฝีก้าว เพราะเกรงว่านางจะลงมือทำร้ายคนรักของเขาอีกอย่างไรล่ะ
คิดไปคิดมาความจริงแล้วตอนนี้ยังไม่ถือว่าสายเกินไป อีกฝ่ายยังไม่เกลียดนางถึงขนาดที่คิดจะวางยาให้ตกตาย นางยังพอจะจำเนื้อเรื่องได้บ้างว่าที่อีกฝ่ายตัดสินใจวางยาว่านเย่วอิง ก็เพราะนางคิดจะวางยาปลุกกำหนัดเขา และว่าจ้างให้บุรุษใจทรามหยามเกียรตินางเอก ในตอนนี้เรื่องราวยังไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น นางยังพอจะหันหัวเรือกลับเข้าฝั่งทันก่อนที่มันจะถูกพายุพัดจนอับปาง แต่อย่างไรเสียนางก็ไม่ควรจะประมาท หากเกิดผิดพลาดขึ้นมานั่นหมายถึงชีวิตน้อยๆ ของนาง
"เราจะทำเช่นไรต่อไปดีเจ้าคะคุณหนู"
เสี่ยวมี่ที่เห็นว่าผู้เป็นนายนิ่งเงียบไปจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างร้อนรน
อิงอิงทิ้งกายลงนั่งอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยใจที่สงบขึ้น
"ไม่ต้องทำอันใดทั้งนั้น เราจะอยู่กันอย่างสงบๆ ในจวน ไม่ไปยุ่งวุ่นวายกับพวกเขา"
ใช่ นางต้องอยู่อย่างสงบ ครั้งนี้อีกฝ่ายคงยังไม่ไร้เมตตาจนถึงกับเอาชีวิตของนางกระมัง หากนางไม่ก่อเรื่องเพิ่มเขาคงจะวางมือไปเอง หลังจากนั้นนางจะอยู่ให้ห่างจากคนเหล่านี้
"บ่าวไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนั้นน่ะสิเจ้าคะ อึก ฮื้อ..."
เสี่ยวมี่เอ่ยกับผู้เป็นนายด้วยใบหน้าซีดเผือด ดวงตาหยีเล็กนั้นสั่นระริก ก่อนจะปล่อยโฮออกมาเมื่อไม่อาจอดกลั้น
นั่นทำให้อิงอิงใจคอไม่ดีเอาเสียเลย
"ยังมีเรื่องใดอีกงั้นหรือเสี่ยวมี่"
ดวงตาไหววูบจ้องมองคนที่ร้องไห้จนตัวสั่นด้วยหัวใจที่เต้นระรัวภาวนาอย่าให้เป็นเรื่องร้ายแรงอันใดเลย
แต่ราวกับสวรรค์ไม่เห็นใจนาง
คำภาวนานั้นไม่เกิดผล เมื่อสิ่งที่นางไม่อยากได้ยินพรั่งพรูออกมาจากปากเล็กๆ นั่น แม้มันจะเจือไปด้วยเสียงสะอื้น
แต่นางกลับได้ยินชัดทุกคำ
ว่านเย่วอิงสั่งให้คนไปวางเพลิงร้านขายซาลาเปาของครอบครัวนางเอกเช่นนั้นหรือ
อิงอิงกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก รู้สึกได้ถึงหัวใจที่สั่นรัว
หากนางจำไม่ผิดร้านขายซาลาเปาก็คือที่อยู่อาศัยของครอบครัวนางเอกด้วยมิใช่หรอกหรือ
นั่นมิเท่ากับว่า...ว่านเย่วอิงตั้งใจจะให้พวกเขาตายกันหมดใช่หรือไม่
อิงอิงรู้สึกหวาดกลัวกับสิ่งที่ได้รับรู้เป็นอย่างมาก
เหตุใดจึงได้ร้ายกาจและเลือดเย็นขนาดนี้
ใบหน้าตกตะลึงของผู้เป็นนาย ทำให้เสี่ยวมี่มองอย่างไม่เข้าใจ คุณหนูของนางทำราวกับว่าไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน แต่ในวันนั้นนางได้ยินมากับหูและยังโดนคุณหนูโกรธเคืองเพราะพยายามเอ่ยห้ามด้วยซ้ำ แต่เหตุใดวันนี้คุณหนูราวกับจำคำสั่งของตนเองมิได้ หรือจะเป็นเพราะเหตุการณ์พลัดตกน้ำในครั้งนี้ถึงทำให้คุณหนูหลงลืม
อิงอิงแม้จะรับรู้ถึงความสงสัยในดวงตาแดงก่ำของคนตรงหน้า แต่นางไม่มีกะจิตกะใจที่จะเอ่ยอธิบายหรือแก้ตัว มือบางยกขึ้นคลึงขมับที่ตอนนี้รู้สึกปวดตุบๆ เอ่ยเรียกอีกฝ่ายเสียงเบา ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนระโหยโรยแรง
"เสี่ยวมี่"
"เจ้าจงบอกทุกอย่างที่เจ้ารู้มาให้ข้าฟังทั้งหมด เราจะได้แก้ไขกันได้ทัน"
ผ่านไปเพียงหนึ่งเดือนหลังจากงานมงคลสมรสของคุณชายน้อยตระกูลเซี่ย จวนตระกูลเซี่ยก็มีงานมงคลเกิดขึ้นอีกครั้ง เป็นงานมงคลสมรสของท่านแม่ทัพเซี่ยเยี่ยนเฉินนายท่านของจวนกับคุณหนูว่านเย่วอิงคนงาม สตรีผู้อยู่บ้านใกล้เรือนเคียงกัน และครั้งนี้ก็คล้ายดังจะชื่นมื่นเสียยิ่งกว่างานมงคลของบุตรชาย เพราะแขกที่มาร่วมงานล้วนมีแต่เหล่าคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่เคียงคู่กันมาร่วมแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว สหายของเจ้าสาวที่มาร่วมงานในวันนี้ล้วนไม่มีสตรีคนใดที่ไร้คู่อีกแล้ว เพราะหลังจากงานมงคลของเซี่ยชิงเทียนในวันนั้นภายในเดือนเดียวพวกนางต่างพากันขึ้นเกี้ยว ตบเท้าแต่งงานออกเรือนกันไปตามๆ กัน และเจ้าบ่าวของพวกนางก็หาใช่ใครที่ไหน บุรุษเหล่านั้นล้วนเป็นสหายของคุณชายเซี่ยชิงเทียนทั้งสิ้น ความดีความชอบนี้คงต้องยกให้เจ้าสาวของงานในวันนี้ที่เป็นผู้จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ในวันนั้นขึ้น หนุ่มสาวจึงมีโอกาสได้ใกล้ชิดกันแบบถึงพริกถึงขิง เพราะหลังจากที่พากันเต้นระบำคลอเคล้าจอกสุราอย่างที่ไม่เคยได้ทำมาก่อน ตื่นมาอีกทีก็เนื้อตัวเปล่าเปลือยแนบชิดอยู่กับบุรุษเสียแล้วงานในวันนี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีท่ามกลางความหวานชื่นของคู่บ่าวสาว และ
แล้ววันมงคลสมรสของเซี่ยชิงเทียนกับจ้าวอี้หลันก็มาถึง จวนแม่ทัพในวันนี้อบอวลไปด้วยความสุขและกลิ่นอายอันเป็นมงคล ภายในจวนนั้นดูมีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ บ่าวไพร่ต่างมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า เพราะไม่ใช่เพียงแค่คู่บ่าวสาวที่ดูจะมีความสุขและหวานซึ้งต่อกัน แต่ดูจะมีหลายคู่ที่หวานชื่นไม่แพ้คู่บ่าวสาว บรรดาบุรุษจากจวนแม่ทัพต่างพากันหลงเสน่ห์สาวๆ จากจวนตระกูลว่าน ตบเท้าเข้าไปเกี้ยวพาจนประตูจวนท่านหมอว่านแทบจะสึกแต่ดูเหมือนผู้ที่ดูจะคลั่งรักกว่าใครคงจะเป็นนายท่านของจวน ที่ไม่ยอมออกห่างจากคนงามแม้เพียงครึ่งก้าว เพราะวันนี้คุณหนูว่านเย่วอิงงดงามมากเสียจนท่านแม่ทัพตามติดแจ โฉมงามผู้เป็นว่าที่มารดาของเจ้าบ่าว ใบหน้างามประดับไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตายังทอประกายแห่งความสุขจนยากที่จะละสายตาได้และยังมีรอยยิ้มหวานที่ถูกส่งไปให้บรรดาแขกที่มาร่วมงานก็ยังหวานหยดย้อย จนท่านแม่ทัพต้องคอยถลึงตามองเหล่าบุรุษหนุ่มๆ ที่เผลอไผลหันมาจ้องมองสตรีของตนจนใบหน้าเลิ่กลั่กไปตามๆ กันเซี่ยเยี่ยนเฉินทอดสายตามองว่าที่ฮูหยินของตนด้วยสายตารักใคร่ชื่นชม ภูมิอกภูมิใจในตัวคนรักอย่างมาก แม้นางจะซุกซนแต่กลับรู้ว่าเ
อิงอิงแอบย่องออกมาจากเรือนของตนด้วยฝีเท้าที่เบาและเงียบกริบ เรือนร่างกลมกลึงแฝงกายไปกับความมืด ใช้เงาไม้ช่วยอำพรางกาย นางต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งเพื่อที่จะหลบให้พ้นสายตาของเหล่าเวรยามที่บิดาได้วางเอาไว้รอบเรือน เพื่อป้องกันมิให้ชายคนรักแอบลอบเข้ามาหานาง แต่หารู้ไม่ว่าตอนนี้กลับเป็นเป็นบุตรสาวของตนเสียเองที่ลักลอบแอบออกมาหาบุรุษ แม้จะรู้สึกผิดต่อบิดาแต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อตอนนี้ความรักความคิดถึงคนรักมันอึดอัดคับแน่นอยู่ในอก นึกเข้าข้างตัวเองว่าอย่างไรนางก็ต้องแต่งให้เขาอยู่แล้ว การกระทำเช่นนี้ก็คงจะไม่ผิดมากนัก เพราะถึงอย่างไรนางกับเขาก็กลายเป็นคนคนเดียวกันแล้ว ยิ่งคิดถึงใบหน้าหล่อเหลาที่มองนางด้วยสายตาตัดพ้อ นางยิ่งไม่อาจที่จะเมินเฉยปล่อยให้อีกฝ่ายแง่งอนได้นาน ยิ่งน้ำคำที่ชายคนรักฝากมากับเสี่ยวม่านม่าน ยิ่งทำให้โฉมงามหัวใจอ่อนยวบจนแทบจะล่องลอยไปหาเขาเสียเดี๋ยวนี้จะรอจนกว่าจะได้พบหน้า แนบชิดเนื้อนวลโถ โถ โถ โถ โถ...พ่อพยัคฆ์เฒ่าของอิงอิง พ่อยอดขมองอิ่ม ทูนหัวทูลกระหม่อมของเมีย คงคิดถึงเมียใจจะขาดแล้วกระมังท่านพ่อเจ้าขา อิงอิงขอโทษนะเจ้าคะ อื้อ...หนูรักเค้า หลงเค้า ให้เค้าไปหมดแล้
ณ เวลานี้คงไม่มีใครไม่กล่าวถึงเรื่องราวของท่านแม่ทัพเซี่ยเยี่ยนเฉินบุรุษผู้กล้าแกร่ง ผู้เป็นยอดบุรุษแห่งแผ่นดิน บุรุษผู้ที่ขณะนี้กลายเป็นที่อิจฉาของบรรดาบุรุษทั่วทั้งเมืองหลวง เพราะนอกจากจะเป็นผู้ที่ฝ่าบาทให้ความไว้วางพระทัยแล้ว อีกฝ่ายยังได้ครอบครองโฉมสะคราญผู้งดงามเป็นหนึ่ง สตรีผู้มีความงามอันเย้ายวนแล้วยังอ่อนเยาว์เป็นสาวน้อยวัยแรกแย้มที่อายุรุ่นราวคราวลูกมาเป็นว่าที่ฮูหยินความสุขใดเล่าจะเทียบเท่าการได้ครอบครองหญิงงาม มันช่างน่าอิจฉาเสียยิ่งนัก ชีวิตคงจะกระปรี้กระเปร่ามีชีวิตชีวาไม่ใช่น้อย ไม่รู้ว่าพวกตนต้องทำบุญอีกกี่ชาติจึงจะมีวาสนาเช่นอีกฝ่ายแต่ไหนเลยใครเล่าจะรู้ ว่าบุรุษผู้ที่ทุกคนต่างก็อิจฉาอยู่นั้น ตอนนี้กำลังนั่งใบหน้างอง้ำอย่างคนอดอยากปากแห้ง เนื้อขาวๆ หวานๆ ฉ่ำๆ อยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่ไม่อาจที่จะกัดกินได้ ใบหน้าหล่อเหลาคร้ามคมจึงดูหม่นเศร้าหงอยเหงาราวคนกำลังตรอมใจอย่างหนัก คร่ำครวญอย่างชอกช้ำอยู่ได้เพียงในใจ ไม่อาจที่จะเอื้อนเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้ไหนล่ะรางวัลที่เขาสมควรจะได้รับ รางวัลความดีความชอบของเขาอยู่ที่ใดกัน เพราะตั้งแต่งานเลี้ยงในวังหลวงวันนั้น นี่ก็ผ่านมากว่าสิบวันแ
ตึก ตึก ตึก ตึกเสียงหัวใจภายใต้อกอิ่มเต้นอย่างรุนแรงจนน่ากลัวว่ามันจะหลุดออกมา เสียงตุบๆ ดังอื้ออึงอยู่ในหัวจนกลบเสียงรอบกายไปเสียสนิท อิงอิงจ้องมองบุรุษผู้ที่หันมาสบตานาง เฝ้ารอคำตอบของอีกฝ่ายอย่างใจจดใจจ่อมากกว่าผู้ใดนางกำลังตื่นเต้น ตื่นเต้นมากๆ ตื่นเต้นเสียยิ่งกว่าเมื่อครู่นี้ที่อีกฝ่ายขอสมรสพระราชทานให้บุตรชายเสียอีก สองมือของนางรู้สึกได้ว่ามันเย็นเฉียบและสั่นเทา นางรู้สึกยินดีอย่างมากที่เขายอมให้บุตรชายและคนรักได้ครองคู่กัน ยินดีจนอยากจะตกรางวัลให้อย่างงาม และตอนนี้หัวใจของนางก็กำลังเต้นกระหน่ำรอคอยคำตอบของเขา รอคอยว่าคำตอบนั้นมันจะใช่อย่างที่นางคิดหรือไม่ แม้ตอนนี้สายตาของเขาที่มองมาจะสื่อถึงความในใจทั้งหมด จนสามารถบอกนางให้มั่นใจ แต่นางก็ยังอยากได้ยินจากปากของเขา เซี่ยเยี่ยนเฉินมองสบดวงตาคู่งามของสตรีคนรัก สตรีที่เขามั่นใจแล้วว่าไม่อาจที่จะปล่อยมือจากนางได้ สตรีที่เขายอมให้นางหมดทุกอย่างโดยไร้เงื่อนไข ยอมมอบให้ได้แม้แต่ชีวิต เขาค้นพบแล้วว่าความสุขของเขาคือนาง ถึงแม้จะมีใครกล่าวว่าเขานั้นเป็นบุรุษโง่งมหลงใหลในตัวสตรีเขาก็พร้อมที่จะน้อมรับ เขาจะยืดอกรับอย่างเต็มภาคภูมิ คำกล่า
อิงอิงกวาดตามองหาบุรุษผู้ที่ส่งสายตาบอกให้นางออกมาหาอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะนางออกมาตามหาเขาอยู่นานแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมโผล่หัวออกมาเสียทีเซี่ยชิงเทียนคิดจะเล่นพิเรนทร์อะไรอีกอุ๊ย!!!คนงามหลุดอุทานขึ้น ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง เมื่อจู่ๆ เอวบางก็ถูกโอบรัดจากทางด้านหลังด้วยลำแขนแข็งแกร่ง ก่อนร่างของนางจะถูกยกจนตัวลอยขึ้นจากพื้น แต่เพราะสัมผัสและกลิ่นหอมอันคุ้นเคยของอีกฝ่ายจึงทำให้นางหาได้มีความตระหนกตกใจ รู้ตัวอีกทีก็ถูกอุ้มมาหลบอยู่หลังต้นไม้ต้นใหญ่ลับตาคนเสียแล้ว เซี่ยชิงเทียนหายขุ่นเคืองบิดาของเขาแล้วหรืออย่างไรจึงปล่อยให้อีกฝ่ายมาใกล้ชิดนางเช่นนี้เมื่อเท้าแตะพื้นจึงหันมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย ใบหน้างามงอง้ำเตรียมจะเอ่ยถ้อยคำต่อว่าคนที่เมินเฉยใส่นางมาหลายวันแต่วันนี้กลับมาทำตัวรุ่มร่ามอุกอาจราวกับเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ หึ พอนางเมินเฉยใส่บ้างก็มาทำตาขุ่นเขียวใส่นาง อย่าคิดนะว่านางจะยอมใจอ่อนง่ายๆ ปล่อยให้นางต้องเสียน้ำตาเศร้าซึมเสียหลายวัน ความรู้สึกที่เสียไปใช่จะเรียกคืนกันโดยง่าย มันคงต้องมีการแลกเปลี่ยนกันบ้าง"นี่ท่าน..."อื้อ...แต่ทว่านางยังไม่ทันจะได้เอ่ยสิ่งใดจอมเผด็จการก็ใช้ริมฝี