LOGINหลังจากซับเหงื่อบริเวณหน้าผากให้เขาแล้ว นางก็ลงมือแกะผ้าที่พันบริเวณท้องออก เมื่อเห็นบาดแผลที่อยู่ภายใต้ผ้า คิ้วเรียวก็ขมวดเข้าหากันอย่างไม่รู้ตัว
‘เขาบาดเจ็บถึงเพียงนี้ยังมีใจช่วยเหลือข้า เห็นทีคงเป็นเพียงบุรุษหลงตัวเองหาใช่คนเลวร้าย’ เพราะด้วยวรยุทธ์ เขาสามารถฝ่าออกจากวงล้อมโจรป่าได้ง่ายดายหากไม่มีตัวถ่วงเช่นนาง
“ขอบคุณนะเจ้าคะ ที่วันนี้ท่านช่วยชีวิตข้าไว้” วาจาของสตรีที่กำลังโรยยาลงบนบาดแผลของเขากล่าว
“อืม ข้าเป็นคนรักษาคำพูด”
“...” เมื่อเห็นเขาพูดเช่นนั้นนางก็ไม่ได้เอ่ยวาจาต่อ แต่ทำแผลให้เขาอย่างเงียบ ๆ
ผ่านไปเพียงชั่วอึดใจเดียว การทำแผลทั้งหมดก็เสร็จสิ้น คุณหนูจางลุกขึ้นเก็บผ้าพันแผลที่เปื้อนเลือดขึ้นมา
“เจ้าจะไปที่ใด” เขาเอ่ยถามสตรีที่ทำท่าจะเดินจากไป
“ข้าจะไปเดินหาแหล่งน้ำเจ้าค่ะแล้วเอาผ้าเปื้อนเลือดของท่านไปทิ้งด้วย มันจะได้ไม่ล่อสัตว์ป่าดุร้ายมาหาเรา”
“ไม่ต้องไป ไปคนเดียวเช่นนั้น ประเดี๋ยวเกิดไปเจอพวกคนไม่ดีอีก ข้าคงไม่อาจช่วยเจ้าได้”
“แต่ว่าข้าอยากล้างมือ” นางชูมือข้างหนึ่งที่เปื้อนเลือดให้เขาดู
“ข้ามีน้ำ แต่เจ้าต้องใช้อย่างประหยัด” กล่าวจบเขาก็ขยับกายหยิบถุงหนังใส่น้ำที่วางอยู่ข้าง ๆ ส่งให้นาง
“ขอบคุณเจ้าค่ะ” นางรับมันมาก่อนจะเทน้ำใส่ผ้าเช็ดหน้าของตนที่เช็ดเหงื่อให้เขาเมื่อครู่ แล้วใช้ผ้าที่เปียกน้ำเช็ดมือ
พอเช็ดมือเสร็จเรียบร้อยแล้วนางก็หยิบขนมที่ซุกซ่อนไว้ในช่องลับบริเวณอกออกมา มือเรียวข้างที่เช็ดสะอาดเรียบร้อยแล้วเปิดห่อก่อนจะยื่นขนมไปตรงหน้าเขา
“กินขนมรองท้องก่อนหรือไม่เจ้าคะ” ประเดี๋ยวเขาคงปฏิเสธเช่นที่เคยทำ และขนมห่อนี้ทั้งหมดก็จะเป็นของนางเพียงผู้เดียว
“อืม” ทว่าเขากลับตอบรับแล้วหยิบขนมออกไปจากห่อหนึ่งชิ้น ทำให้ยามนี้ขนมของนางเหลือเพียงสองชิ้นเท่านั้น
‘เหตุใดเขาไม่ปฏิเสธเช่นที่เคยทำเล่า ข้าเพียงแบ่งให้ตามมารยาทหาได้คิดอยากให้เขากินจริงไม่ ฮือ ๆ เซาปิ่งเลิศรสของข้า’ เพื่อขนมห่อนี้นางให้ผิงฟางไปต่อแถวรอซื้อนานเกือบหนึ่งชั่วยามเลยรู้หรือไม่
“จะ เจ้าค่ะ” สีหน้าเจื่อนลงของสตรีตรงหน้าทำให้ในแววตาของบุรุษรูปงามมีประกายขบขันพาดผ่านก่อนจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
“ดูแล้วคืนนี้เราอาจจะต้องพักที่กลางป่านี้”
“เช่นนั้นเราต้องไปเดินหาถ้ำหรือไม่” สิ้นเสียงกล่าวของนาง เขาก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยตอบ
“ท้องฟ้าแจ่มใสฝนไม่น่าจะตก”
“เอ่อ...แล้วพวกสัตว์ป่า” กลิ่นเลือดของเขาจะล่อพวกมันมาหรือไม่
“แค่ก่อกองไฟ แล้วเติมไฟไม่ให้มอด พวกมันก็ไม่กล้าเข้าใกล้แล้ว” สัตว์ร้ายที่อยู่ในป่านี้อย่างมากก็คงเป็นพวกงู ตะขาบ หรือไม่ก็หมูป่า ป่าใกล้เมืองหลวงเช่นนี้ไม่มีพวกจิ้งจอกหรือเสือถูกถลกหนังนำไปทำเป็นเสื้อคลุมหมดแล้ว
“เช่นนั้นประเดี๋ยวข้าจะไปหากิ่งไม้มาก่อกองไฟนะเจ้าคะ”
“ไปด้วยกัน!” คุณชายหานกล่าวเสียงเข้ม
“ท่านบาดเจ็บหลายแห่งอย่าเพิ่งขยับกายเลยเจ้าค่ะ ข้าจะไปเก็บกิ่งไม้รอบ ๆ นี้ ไม่เดินไปไกลแน่นอน” นางก็รักชีวิตนะ ไม่คิดไปรนหาที่ตายแน่นอน
“เช่นนั้นก็อย่าเดินไปไกล ข้าไม่อยากผิดคำพูดที่ให้ไว้กับคุณชายใหญ่จาง” เขาเป็นคนรักษาคำพูดมาก แม้จะเป็นเพียงบางครั้งก็ตาม
“เจ้าค่ะ” นางตอบรับก่อนจะส่งขนมคำสุดท้ายเข้าปาก
“กินน้ำก่อนไปเถิด ข้ายกให้เจ้า” เขากล่าวก่อนจะใช้แขนข้างที่ไม่เจ็บส่งถุงใส่น้ำให้นาง
“ขอบคุณเจ้าค่ะ” ไม่คิดว่าเขาจะใจดีเช่นนี้ หรืออาจจะเป็นเพราะร่วมเป็นร่วมตายกันมาก่อนหน้านี้เขาจึงคล้ายจะดูเป็นมิตรและไม่แยกเขี้ยวใส่นางเช่นวันแรกที่พบหน้า
จางซีถิงยกถุงน้ำขึ้นดื่มอึกหนึ่งก่อนจะปิดมันและวางไว้ข้างตัวเขาดังเดิม น้ำมีจำกัดต้องใช้เท่าที่จำเป็น มิเช่นนั้นมันจะหมดลงก่อนที่จะมีคนมาช่วย
“ข้าจะรีบกลับมาเจ้าค่ะ” นางกล่าวก่อนจะส่งยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตรขึ้น
คล้อยหลังที่สตรีผู้นั้นจากไปได้ไม่นาน คุณชายหานก็ยกถุงน้ำที่วางอยู่ข้างตัวขึ้นมาจิบก่อนจะวางมันไว้ตามเดิม
‘หึ! แท้จริงเป็นข้าที่ดูคนผิดไป’ มุมปากหยักของบุรุษรูปงามยกยิ้มบางเบา นัยน์ตาคมหลับลงเพื่อฟังการเคลื่อนไหวรอบด้าน
สตรีผู้นี้ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจยิ่งนักนอกจากขนมและยาที่เขาเห็นนางหยิบมันใส่ช่องลับในอาภรณ์แล้ว เขายังไม่คิดว่านางจะซ่อนฮว่าเจ๋อจึ[1]ไว้ด้วย
“เจ้าบาดเจ็บที่ข้อมือหรือ” เขาเอ่ยถามเมื่อเห็นนางนิ่วหน้าคล้ายเจ็บปวดตอนที่หยิบฟืนเมื่อครู่
“ตอนที่ลุกจากตัวท่านมันคงเคล็ดเล็กน้อย”
“ข้าขอดูหน่อย”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”
“ส่งข้อมือมา”
“ไม่เป็นไรจริง ๆ เจ้าค่ะ”
“หากไม่อยากโดนทิ้งไว้กลางป่าจงเชื่อฟังข้า” เมื่อได้ยินวาจาเช่นนั้น นางจึงจำใจยื่นข้อมือให้เขาแต่โดยดี
“หากไม่รีบรักษา ประเดี๋ยวใช้การไม่ได้ ข้าก็ต้องมารับผิดชอบอีก” เขาบ่นพลางฉีกผ้ามาพันข้อมือให้นางพร้อมกับสอดไม้ดามไว้ไม่ให้เคลื่อนไหวมาก
[1] เครื่องมือที่สามารถใช้จุดไฟได้ด้วยการเป่าเพียงครั้งเดียว
ย้อนกลับไปเมื่อครึ่งเค่อก่อนหลังจากที่แยกกับพี่ชายแล้ว จางซีถิงก็กลับขึ้นรถม้า แต่ทว่าทันทีที่เปิดม่านเข้าไปในรถม้านางก็พบว่าด้านในมีบุรุษผู้หนึ่งนั่งอยู่ “มิทราบว่าวันนี้รถม้าของคุณชายรองเซี่ยเสียอีกแล้วหรือเจ้าคะ” นางเอ่ยถามก่อนจะนั่งลงด้านข้าง “ข้าเพียงบังเอิญผ่านมาแล้วรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจึงเข้ามานั่งพักในรถม้า ช่างบังเอิญเสียจริงที่เป็นรถม้าของคุณหนูจาง” คนบังคับรถม้าก็เป็นองครักษ์เงาของเขาที่บัดนี้กลายเป็นผู้คุ้มกันในจวนตระกูลจาง ดังนั้นทุกอย่างย่อมอยู่ในการควบคุมของเขา ‘หึ! ความบังเอิญช่างน่ากลัวเสียจริง’ นางลอบคิด “ได้ยินว่าคุณหนูจางได้เครื่องรางมา ไม่ทราบว่ามีของข้าด้วยหรือไม่”&
“ขอบคุณเจ้าค่ะ แล้วทางจิ่นโจวมีจดหมายตอบกลับมาบ้างหรือไม่เจ้าคะ” “มี พี่เพิ่งเขียนเสร็จเมื่อวันก่อน ยามนี้คงถึงมือนางแล้ว” “เนื้อความในจดหมายกล่าวว่าอย่างไรบ้างเจ้าคะ ยามอยู่ในจวนข้าจะได้เตรียมรับมือนางได้” “เห็นว่าให้รีบลงมือวางยาพิษเจ้าให้มากขึ้นแล้วนำจดหมายที่มีการปลอมลายมือท่านพ่อเรียบร้อยแล้วไปไว้ในห้องหนังสือเมื่อคนของกรมอาญามาตรวจค้นจะได้มีหลักฐานมัดตัวท่านพ่อ แต่สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือ นางปลอมลายมือท่านพ่อได้เหมือนมาก หากเห็นเพียงผ่าน ๆ ย่อมคิดว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริง” “นางคิดทำสิ่งใดกับท่านพ่อหรือเจ้าคะ” “ยัดข้อหาทุจริตในการสอบจิ้นซื่อ โดยใช้บัณฑิตราวสิบคนยื่นหนังส
นัยน์ตาเมล็ดซิ่งที่มองตามรถม้าที่วิ่งจากไปฉายแววขบขัน หลังจากวันนั้นที่นางใช้วาจาบีบบังคับน้องสาวต่างบิดาให้กินน้ำแกงถ้วยนั้นเข้าไป อีกฝ่ายก็หายหน้าไปนานถึงสิบวันเพิ่งโผล่หน้ามารบกวนนางเมื่อวานเพื่อนัดหมายเรื่องการเดินทางไปชมงานประชันหญิงงามที่จะถูกจัดขึ้น พอรถม้าหายลับไปจากครรลองสายตา คุณหนูจางที่ท่าทางอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงเดินเหินจนต้องมีสาวใช้มาประคองเมื่อครู่กลับผละออกห่างจากสาวใช้ แล้วยืนด้วยตนเอง มือเรียวรับผ้าที่ผิงฟางยื่นให้มาเช็ดใบหน้า “หากเมื่อครู่บ่าวไม่รู้ว่าคุณหนูแสร้งทำ บ่าวคงคิดว่าคุณหนูป่วยจริงแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้คนสนิทของนางกล่าว “หากไม่แนบเนียนจะหลอกนางได้อย่างไร รีบไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เถิด” จางซีถิงเช็ดแป้งที่นางจงใจทาเพื่อให้ใบหน้าดูซีดเซียวกล่าวก่อนจะเดินนำหน้าเพื่อก
“มิเป็นไรเจ้าค่ะ น้ำแกงถ้วยนี้ข้าตั้งใจต้มมาให้ท่าน ประเดี๋ยวข้าค่อยกลับไปต้มใหม่ก็ได้เจ้าค่ะ” กู้ซินอี้ยกมือมาดันถ้วยน้ำแกงเอาไว้ “จะต้มใหม่ด้วยเหตุใดกันเล่า มิใช่ว่าต้องใช้เวลานานหรือ ข้าร่างกายแข็งแรงอยู่แล้ว เจ้าก็รับน้ำแกงบำรุงถ้วยนี้ไปกินเถิด” “มิเป็นไรจริง ๆ เจ้าค่ะ ข้าตั้งใจมอบให้ท่านแล้วข้าไม่รับคืนเจ้าค่ะ” “แต่คนที่ควรจะกินน้ำแกงบำรุงควรเป็นเจ้ามากกว่า หรือว่าที่เจ้าไม่ยอมรับน้ำแกงถ้วยนี้ไปกินเพราะน้ำแกงถ้วยนี้มีปัญหา” “มิได้เจ้าค่ะ” คุณหนูกู้ตอบกลับ “หากไม่มีปัญหาเช่นนั้นก็รับไปกินเสียสิ” นางยื่นถ้วยน้ำแกงไปตรงหน้าอีกครั้ง&n
7 เครื่องรางกันสิ่งชั่วร้าย เมื่อรถม้าแล่นจากไปจนลับสายตาคุณชายรองเซี่ยก็หันไปมองสหายที่เพิ่งเดินมายืนด้านข้าง “เจ้ามาได้อย่างไร” แม้ใบหน้าจะเรียบเฉยแต่ทว่าแววตาของเซี่ยหงหมิงกลับพราวระยับอย่างชัดเจน “ข้าก็ใช้วิชาตั
จางซีถิงขยับกายเล็กน้อยคล้ายรู้สึกอึดอัด นัยน์ตาเมล็ดซิ่งมองตอบโต้บุรุษที่จับจ้องใบหน้าตนไม่วางตา หากเขาไม่ออกมาขวางรถม้าของนางเพื่อขออาศัยเข้าเมือง นางก็คงจะแสร้งไม่เห็นและไม่สนใจรถม้าคันที่จอดเสียอยู่ “เมื่อครู่เจ้าคงไม่ได้คิดจะเมินเฉยไม่สนใจรถม้าตระกูลเซี่ยที่จอดเสียอยู่ใช่หรือไม่” “กลางป่าเช่นนี้ข้าย่อมต้องคำนึงถึงความปลอดภัยไว้ก่อน และท่านก็ไม่ควรออกมาขวางรถม้าผู้อื่นเช่นนี้มันอันตรายเจ้าค่ะ” “หากข้าไม่ออกมาขวางรถม้าเจ้า ข้าหรือจะได้รับความช่วยเหลือจากเจ้า” วาจาที่แฝงการตำหนิของเขาทำให้นางยกแขนขึ้นกอดอกแล้วมองเขานิ่ง “...” “เจ้าไปที่ใดมาหรือ เหตุใดถึงออกมาเพียงลำพัง สาวใช้ก็ไม่พามาด้วย” “คุณชายรองเซี่ย เรามิใช่ว่าเคยตกลงกันแล้วหรือเจ้าคะ ว่าถึงเมืองหลวงเมื่อใด เราทั้งสองจะกลายเป็นเพียงคนแปลกหน้า แล้วเหตุใดท่านถึงได้มาปรากฏตัวตรงหน้าข้าอยู่ร่ำไป” หรือแท้จริงมีแผนการใดแอบแฝงอยู่ พรึ่บ! สิ้นเสียงกล่าวของนาง เขาเคลื่อนกายอย่างรวดเร็วทำให้ตอนนี้เขาอยู่ตรงหน้านางในระยะประชิด มือใ







