ซ่งน่ามองไปทางฟางหว๋าเจี้ยนด้วยความตื่นตระหนก แต่ฟางหว๋าเจี้ยนกลับคิดว่ายิ่งอยู่ห่างหล่อนเท่าไหร่ยิ่งดีเท่านั้น เขาทำตัวราวกับแมลงวัลที่กำลังซ่อนตัว เห็นดังนั้นนัยน์ตาของเธอก็เต็มไปด้วยความผิดหวังและความเกลียดชัง ซ่งน่ากัดฟังกรอด “คุณมันผู้ชายเลวที่ไร้หัวใจจริง ๆด้วย”เดิมทีฉันซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางคนหมู่มากเพื่อดูความวุ่นวาย แล้วจู่ ๆ ก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่มันอึมครึม เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นเด็กอายุราวสี่ห้าขวบนอนบาดเจ็บอยู่บนไฟสปอร์ตไลท์ ดวงตากลวงลึก ปากฉีกออก เผยให้เห็นรอยยิ้มที่น่าสยดสยองกุมารเหรอ?ได้ยินมาว่า ตอนนี้นักแสดงหญิงหลายคนต่างก็ชอบเลี้ยงกุมารกันทั้งนั้น? หรือว่านี่จะเป็นของที่ซ่งน่าเลี้ยงเอาไว้?ฉันรีบเอามือถือออกมา แล้วเปิดห้องไลฟ์สดทันที พร้อมตั้งหัวข้อว่า ‘งานแถลงข่าวสุดสยองขวัญ ใครกันนะ ที่เป็นผู้บงการให้กุมารมาทำมาร้ายคน?’ฉันไม่กล้าพูดอย่างเต็มปากว่าซ่งน่าเป็นคนเลี้ยงกุมารโดยที่ฉันไม่มีหลักฐานอะไรเลยทันทีที่ห้องไลฟ์สดเริ่มขึ้น ก็มีผู้คนนับพันพรั่งพรูกันเข้ามาชม[แอดมินจู่ ๆ มาเปิดไลฟ์ตอนกลางวันแบบนี้แปลกจังเลยนะคะ เอ๊ะ นี่มันงานแถลงข่าวของซุปเปอร์สตาร์ซ่งน่า
กุมารนั้นพยายามดิ้นรนสุดชีวิต สุดท้ายก็สลายกลายเป็นควันดำและล่องลอยไปในอากาศ แต่คราวนี้มันไม่เข้าไปในจมูกและปากของฉัน อาจเป็นเพราะว่ากุมารตนนี้ไม่ได้ฆ่าคนมาก บาปจึงไม่ได้หนักหนานักขณะเดียวกัน ตำรวจนายนั้นก็จับซ่งน่ากลับมาได้แล้ว ตรงหน้าอกของเธอมีพระเครื่องแขวนอยู่ ข้างใน มันดูเหมือนผงสีขาวราง ๆนั่นเป็นผงกระดูกของกุมารฉันเรียกหล่อนทันที “ซ่งน่า เรื่องแผลที่หน้าของจูหลิง เธอก็เป็นคนทำใช่ไหม?”แต่ซ่งน่ากลับหลบสายตาฉัน “ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังพูดถึงอะไร?”ฉันพูดต่อ “ผีกุมารหัวล้านที่คุณเลี้ยงไว้ ใส่ชุดสีแดง ตอนแรกคุณกะจะให้กุมารตนนั้นลงมือขณะการถ่ายทำใช่ไหมคะ?”ซ่งน่าเบิกตากว้าง และสั่นสะท้านไปทั้งตัว “เธอ เธอรู้ได้ยังไง?”ฉันจึงกล่าวต่อด้วยความโกรธเคือง “การเลี้ยงกุมารเดิมทีแล้วเป็นพวกลัทธินอกรีด มันจะผลาญทำลายโชคลาภของตัวคุณเองจนหมดสิ้น แต่คุณก็ยังใช้มันมาทำร้ายคนอื่น ที่คุณมีจุดจบแบบนี้ มันก็สมควรแล้ว”ซ่งน่าเกิดร้อนรนขึ้นมา เธอตะโกนลั่น “แล้วทำไมยัยนั่นถึงได้ทุกอย่างที่ต้องการเสมอล่ะ ฉันมีอะไรที่เทียบกับมันไม่ได้บ้าง? หน้าตาฉันกับมันก็พอ ๆ กัน ด้านทักษะการแสดงฉันก็เก่งกว่ามัน
ฉันต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้! ร่างบางแช่อยู่ในอ่างยานานสองชั่วโมงเต็ม แต่มันกลับยาวนานราวกับผ่านไปแล้วหนึ่งศตวรรษ ฉันลุกออกมาจากถัง จากนั้นก็มาชำระล้างร่ายกาย ฉันรู้สึกสบายไปทั่วทั้งตัวอย่างกับว่าร่างกายได้ผ่อนคลายไปมาก รวมทั้งพละกำลังก็เพิ่มขึ้นมาไม่น้อยจนสามารถยกถุงข้าวสารหนักยี่สิบห้ากิโลได้ด้วยมือเดียว ฉันทำการตรวจสอบภายในร่างกายของตัวเอง ก็พบว่าก้อนพลังงานนั้นเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นมาบ้างแล้ว ขณะที่กำลังพอใจในตนเอง ก็มีสายโทรศัพท์จากถังหมิงหลีดังเข้ามาเสียก่อน น้ำเสียงของเขานั้นฟังดูหนักอึ้ง “จุนเหยา มีคนอยากพบเธอ” “ใคร” “เธอเคยได้ยินชื่อหน่วยเฉพาะกิจไหม?” ตอนที่อยู่บนรถ ถังหมิงหลีบอกฉันว่า ไลฟ์สดของฉันได้รับความสนใจจากหน่วยเฉพาะกิจ หน่วยเฉพาะกิจมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า กองสืบสวนหลักฐานเฉพาะกิจ แต่ละพื้นที่ในประเทศจะมีหน่วยย่อยแบ่งแยกกันออกไป สำหรับท่านที่มาวันนี้ก็คือหัวหน้าจินจากหน่วยงานประจำเมืองซานเฉิง เมื่อเดินเข้ามาในร้านกาแฟ ฉันก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงหัวมุมด้านใน เขาอายุราวสามสิบกว่า ๆ รูปร่างดูแข็งแรงกำยำ ผิวเข้ม มีจิตวิญญาณความเป็นชายทั่วทั้งร่างกา
“หัวหน้าครับ หัวหน้าคิดว่าหยวนจุนเหยาคนนี้เป็นยังไงครับ?” ชายหนุ่มเปิดประตูรถพลางเอ่ยถามเขา “ดู ๆ แล้วก็ไม่มีพิษมีภัยอะไร” คนเป็นหัวหน้าตอบ ชายหนุ่มกล่าวต่อว่า “หัวหน้าครับ ไม่อย่างนั้น คือว่าพวกเราควรจะส่งคนไปตามดูเธอไหมครับ?” “สำหรับตอนนี้ยังไม่จำเป็น” หัวหน้าจินมีนัยน์ตาที่ยากจะหยั่งถึง “ปล่อยให้เธอไลฟ์สดต่อไป มันเป็นความต้องการของคนเบื้องบน นั่นก็หมายความว่าคนคนนี้ได้เข้าตาผู้นำจากเบื้องบนแล้ว ทางที่ดีพวกเราไม่ต้องเข้าไปหาเรื่องใส่ตัวจะดีกว่า” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว “พวกเวทมนตร์คาถา หรือแม้แต่วิธีการจับผีของเธอที่ใช้ขณะที่กำลังไลฟ์สดอยู่ พวกเราไม่เคยเห็นมันมาก่อนเลยนะครับ คนที่สำนักงานใหญ่พูดกันว่า ของพวกนั้นเป็นสิ่งที่เก่าแก่มาก บางทีคุณหยวนคนนี้อาจจะเป็นผู้สืบทอดมาแต่สมัยโบราณ และก็ไม่รู้ว่าเจ้านายของเธอจะเป็นคนประเภทไหน” หัวหน้าจินโบกมือ “เสี่ยวหลิน ช่องทางการติดต่อของนายฉันก็ให้เธอไว้แล้ว ถ้าคราวหลังเธอมีเรื่องอะไรให้ช่วย นายก็หัดกระตือรือร้นไว้หน่อย ฉันมีลางสังหรณ์ว่าการที่เราเชื่อมสัมพันธ์กับเธอไว้ จะต้องเกิดผลดีในภายหลังแน่” “ผมเข้าใจแล้วครับ หัวหน้า” คำพูดของหัวหน้า
ร่างบางตอบกลับ “ฉันสามารถรักษาการบาดเจ็บของคุณได้” สีหน้าของเขาสดใสขึ้นมาครู่หนึ่ง แต่ก็กลับไปอึมครึมอย่างรวดเร็ว เสียงเข้มพูดด้วยน้ำอย่างเย็นชา “แม้แต่หมอเองยังหมดทางช่วยเหลือ แล้วคนอย่างเธอจะรักษาได้เหรอ? น่าขำจริง ๆ” จุนเหยารู้สึกไม่ค่อยพอใจ มันเหมือนกับว่าเป็นฉันเองที่ไปขอรักษาเขา ฉันสงบสติอารมณ์ พลางเอ่ย “คุณบาดเจ็บตรงนี้ใช่ไหม?” ฉันชี้ไปที่บริเวณหัวหน่าว แล้วว่าต่อ “นี่เป็นอาการบาดแผลที่รุนแรง ถ้าไม่ได้รับการรักษาโดยเร็ว และปล่อยให้หัวหน่าวได้รับความเสียหายมากขึ้น มันจะได้ไม่คุ้มเสียนะคะ” ดวงตาของชายหนุ่มคนนั้นลึกล้ำ “เธอรักษาอาการบาดเจ็บของฉันได้จริง ๆ เหรอ?” “ฉันไม่กล้ารับปากคุณร้อยเปอร์เซ็นต์” ฉันเอ่ยต่อทันทีว่า “แต่ก็ควรจะลองดู” “โอเค” เขากำข้อมือฉันแน่น “ถ้าเธอรักษาไม่ได้ แล้วมาเล่นตลกกับฉัน ฉันจะทำให้เธอต้องเสียใจที่เกิดมาในโลกนี้” สายตาของเขานั้นราวกับคมมีดที่แทงเข้าลึกถึงกระดูก มันทำให้ฉันรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว จุนเหยาลอบกลืนน้ำลายเล็กน้อย นี่ฉันไม่ได้เข้าไปหยอกล้อกับคนที่ไม่สมควรจะล้อเล่นด้วยใช่ไหมเนี่ย? ฉันเริ่มปลุกระดมความกล้าทั้งหมด พลันโต้ตอบ “ค่ารั
ฉันสูดหายใจเข้าลึก ๆ พลันตอบ “ฉันต้องคอยเช็คสภาพร่างกายของคุณตลอดเวลา” เค้ายิ้มเยาะแล้วถอดชุดนอนต่อหน้าฉัน เผยให้เห็นเรือนร่างที่แข็งแรงอย่างสมบูรณ์แบบ จุนเหยารีบหลบสายตาหันไปทางอื่นทันที ปฏิเสธไม่ได้ว่าร่างกายของเขานั้นสวยงามจริง ๆ ต่อให้เป็นนายแบบชื่อดังระดับประเทศก็เทียบกับเขาไม่ได้เลย ขณะที่อีกฝ่ายลงไปอาบน้ำยา ฤทธิ์ของยาก็ซึมเข้าสู่ร่างกายจนร่างสูงขมวดคิ้วแน่น ฉันบอก “คุณเว้ย เดี๋ยวคุณจะรู้สึกแสบนิดหน่อยนะคะ คุณต้องอดทน” เขากำขอบถังไว้แน่น สีหน้าซีดเซียว กล้ามเนื้อเกร็งไปทั้งตัว เขาอดทนจนแล้วจนเล่า ในที่สุดก็ทนไม่ไหว จึงคำรามออกมาด้วยความโกรธ ทันใดนั้น บอดี้การ์ดทั้งสองคนของเขาก็รีบวิ่งเข้ามาทันที เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ ทั้งคู่ก็ถอดสี “นายครับ!” หนึ่งในนั้นหันหน้ามาคว้าเสื้อของฉันไว้ พลางกล่าวอย่างโกรธเคือง “เธอทำอะไรนาย?” “อาหวู่ อย่าเสียมารยาท” เว้ยหลานตะโกนเสียงดัง “ออกไปให้หมด” “แต่ว่านาย…” “หุบปาก ออกไป!” น้ำเสียงของเว้ยหลานมีความดุดันอยู่เล็กน้อย ทั้งสองคนจึงต้องออกไป แต่ไม่ลืมที่จะจ้องมาที่ฉันอย่างดุร้าย ฉันลูบจมูกไปมา ใบหน้าแสดงอาการอย่างหมดทางเล
ฉันกำหมัดแน่น เป็นฉันเองที่ประมาทจนเกินตัว เอาแต่คิดว่าอยากได้เงิน แต่กลับไม่เคยคิดเลยว่า น้ำยาอาบที่มีประสิทธิภาพดีขนาดนี้ มันต้องดึงดูดความโลภของคนอย่างแน่นอน ฉันจะต้องคิดหาทางออกให้ได้ ร่างเล็กเงียบไปพักหนึ่ง แล้วจู่ ๆ ก็ยิ้มออกมา “คุณเว้ยคะ คุณรู้ไหมคะว่าทำไมฉันถึงไปโผล่ในที่ที่คุณชกมวยได้?” เว้ยหลานหรี่ตาลงเล็กน้อย “เพราะท่านอาจาร์ของฉันทำนายว่าจะมีคนชกมวยอยู่ที่นั่น และเขาได้รับบาดเจ็บ” ฉันพูดเรื่องไร้สาระไปอย่างใจเย็น “และท่านผู้นี้เป็นคนใหญ่คนโต ในอนาคตจะมีเรื่องที่ประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ เพราะฉะนั้นเลยให้ฉันออกมาช่วยเขา” ฉันก้าวเท้าไปข้างหน้า “คุณเว้ยคะ คนที่ท่านอาจาร์ของฉันทำนาย ก็คือคุณค่ะ” เขามองและประเมินฉันอย่างละเอียดราวกับว่าต้องการที่จะมองทะลุเข้าไปในจิตใจของฉัน ฉันจึงยิ้มตอบ “อาจาร์ของฉันเป็นผู้มีวิชาสูง ท่านไม่เพียงแต่ทำนายความดีร้ายของผู้อื่นได้นะคะ แต่ท่านยังสามารถเปลี่ยนชะตากรรมได้อีกด้วย จากร้ายกลายเป็นดี จากดีก็สามารถกลายเป็นร้ายได้ คุณเว้ยคะ ถ้าให้อาจาร์ของฉันรู้ ท่านต้องมาช่วยคุณด้วยความจริงใจแน่นอนค่ะ แต่ตอนนี้ลูกศิษย์ของท่านกลับโดนคุณกักตัวอย
จนกระทั่งกลับมาถึงบ้าน ฉันก็เพิ่งมานึกกลัวภายหลัง ขาเรียวทั้งสองข้างสั่นไม่หยุดครั้งหน้าฉันจะไม่อวดเก่งแล้ว ไลฟ์สดแบบน่ารัก ๆ ดีกว่า ทั้งได้เงินเร็วแถมยังไม่ต้องเสี่ยงอันตรายแบบนี้ด้วยทันทีที่ปล่อยวิญญาณผีสาวตนนั้นออกจากร่ม หล่อนบอกกับฉันว่า เมื่อสี่สิบปีที่แล้ว หล่อนเสียชีวิตที่นั่นจากการเจ็บป่วย แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงยังไม่กลับชาติมาเกิดสักที และยังคงเป็นวิญญาณเร่ร่อนอยู่ในที่แห่งนั้น ส่วนบ้านพักตากอากาศของเว่ยหลานก็เพิ่งมาสร้างขึ้นภายหลัง หล่อนจึงสิงอยู่ที่นั้นตลอดมาแต่สิ่งที่หล่อนปรารถนาที่สุดตอนนี้คือ การที่หล่อนสามารถไปสู่สุคติและได้กลับชาติมาเกิด กำยานของวัดหลัวฮั่นที่ตั้งอยู่ในเมืองซานเฉิงมีพลังมากที่สุด ฉันจึงพาวิญญาณสาวตนนั้นไปที่วัดหลัวฮั่น และตั้งใจว่าจะนิมนต์พระสงฆ์มาท่องบทสวดสู่สุคติให้หล่อน แต่ใครจะไปรู้ว่าพระสงฆ์ที่มาต้อนรับบอกให้ฉันลงทะเบียนเพื่อจองคิว แต่ฉันดูออกว่าหลังจากจองได้ครึ่งปีแล้วก็ยังต้องจ่ายเงินค่าน้ำมันงาอีกหนึ่งแสนแน่ ๆสำหรับเงินน่ะฉันจ่ายให้ได้ แต่ให้รอครึ่งปีก็คงจะรอไม่ไหวพระสงฆ์ที่มาต้อนรับรูปนั้นเห็นฉันไม่เอ่ยพูดเป็นเวลานาน เลยคิดว่าคงไม่มี