"ตกลงแล้วเพื่อนเราเป็นอะไรอย่างนั้นเหรอ"ฟิลิปป์เอ่ยถามผมขึ้นหลังจากที่นั่งรถออกมาจากโรงพยาบาลได้สักพัก
"ก็แค่ไข้ขึ้นสูงน่ะ"ผมตอบอีตาลุงพลางหันมาหยิบมะม่วงเข้าปาก
ตอนนี้ผมกับอีตาลุงฟิลิปป์กำลังนั่งรถกลับบ้านโดยมีพี่ลุคเป็นคนขับรถ หลังจากที่ผมอยู่คุยกับเพื่อนได้สักพักก็ได้ตกลงกันว่าจะให้กรเป็นคนอยู่เฝ้าตะวัน ก็ต้องเป็นงั้นอยู่แล้วที่ตะวันป่วยก็เพราะมัน
ส่วนผมก็โดนตะวันไล่กลับบ้านมาพักผ่อน มันบอกว่ากำลังท้องกำลังไส้ต้องพักผ่อนเยอะ ๆ อย่ากระโดดโลดเต้นมากเดี๋ยวกระทบถึงลูกในท้อง ผมละอยากถามมันจริง ๆ ว่ากูไปกระโดดโลดเต้นตอนไหนไอ้ห่า
"แต่พี่ว่าไม่ใช่แค่ไข้ขึ้นสูงนะ พี่เห็นรอยเต็มคอขนาดนั้นไอ้หนุ่มหน้าขาวตัวสูงนั้นเป็นคนทำเหรอ"อีพี่ฟิลิปป์เอ่ยถามผมขึ้นอีกครั้งพลางหันหน้ามามองผมอย่างรอคำตอบ
"พี่จะรู้ไปทำไมเนี่ยยย"ผมวางมะม่วงที่กำลังเอาเข้าปากลง ก่อนที่จะหันไปจ้องหน้าแล้วถามคนตัวสูงขึ้น
ฟิลิปป์นั่งซึมหมุนควงแก้วเหล้าราคาแพงในมืออยู่ในห้องทำงานในหัวก็พลางคิดถึงคำพูดของนาธารซ้ำไปซ้ำ หลังจากที่นาธารพูดประโยคนั้นจบเขาก็หันหลังเดินออกไป ปล่อยให้เขายืนงงกับประโยคที่ว่าเขานั้นไปปลุกความเจ็บปวดในใจของคนตัวเล็ก เขายืนนิ่งคิดถึงคำพูดนั้นของนาธารเกือบชั่วโมง มาได้สติก็ตอนที่ลุคถามผมว่าจะเอายังไงต่อ เขาจึงหันไปสั่งให้ลุคไปสืบว่าเมื่อก่อนมันเกิดอะไรขึ้นในวันนี้ทำไมคนตัวเล็กถึงฝังใจในวันเกิดตัวเองขนาดนี้ไม่นานลุคก็ไปสืบมาได้ว่าในวันนี้เมื่อสิบกว่าปีก่อนนั้น ตอนที่นิวตัลอายุได้เพียงสิบขวบพอดีเป็นวันที่พ่อกับแม่ของนิวตัลนั้นได้เสียชีวิตลงด้วยเหตุฆาตกรรมของนิวตัลหลังจากที่ผมรู้เรื่องที่ลุคไปสืบมาผมก็ตัดสินใจโทรหานาธารเพื่อที่จะถามว่าจริง ๆ แล้วเรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่ทำไมคนตัวเล็กถึงฝังใจกับวันเกิดตัวเองขนาดนี้พอผมโทรคุยกับนาธารเสร็จแล้วได้ฟังเรื่องราวจากปากของนาธาร ผมแทบทรุดลงกับพื้นผมไม่คิดมาก่อนเลยว่านิวตัลในวัยสิบขวบนั้นจะเจอเรื่องราวที่ทรมานแสนสาหัสขนาดนี้และพอได
"ตกลงแล้วเพื่อนเราเป็นอะไรอย่างนั้นเหรอ"ฟิลิปป์เอ่ยถามผมขึ้นหลังจากที่นั่งรถออกมาจากโรงพยาบาลได้สักพัก"ก็แค่ไข้ขึ้นสูงน่ะ"ผมตอบอีตาลุงพลางหันมาหยิบมะม่วงเข้าปากตอนนี้ผมกับอีตาลุงฟิลิปป์กำลังนั่งรถกลับบ้านโดยมีพี่ลุคเป็นคนขับรถ หลังจากที่ผมอยู่คุยกับเพื่อนได้สักพักก็ได้ตกลงกันว่าจะให้กรเป็นคนอยู่เฝ้าตะวัน ก็ต้องเป็นงั้นอยู่แล้วที่ตะวันป่วยก็เพราะมันส่วนผมก็โดนตะวันไล่กลับบ้านมาพักผ่อน มันบอกว่ากำลังท้องกำลังไส้ต้องพักผ่อนเยอะ ๆ อย่ากระโดดโลดเต้นมากเดี๋ยวกระทบถึงลูกในท้อง ผมละอยากถามมันจริง ๆ ว่ากูไปกระโดดโลดเต้นตอนไหนไอ้ห่า"แต่พี่ว่าไม่ใช่แค่ไข้ขึ้นสูงนะ พี่เห็นรอยเต็มคอขนาดนั้นไอ้หนุ่มหน้าขาวตัวสูงนั้นเป็นคนทำเหรอ"อีพี่ฟิลิปป์เอ่ยถามผมขึ้นอีกครั้งพลางหันหน้ามามองผมอย่างรอคำตอบ"พี่จะรู้ไปทำไมเนี่ยยย"ผมวางมะม่วงที่กำลังเอาเข้าปากลง ก่อนที่จะหันไปจ้องหน้าแล้วถามคนตัวสูงขึ้น
ผมนั่งมองร่างของตะวันที่ตอนนี้นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงนอนคนไข้ ในตอนนี้คุณหมอได้ย้ายตะวันมาที่ห้องพักคนไข้แล้วโดยที่ผมเลือกให้ตะวันนอนพักที่ห้องพิเศษ"กรมึงจะบอกกูได้หรือยัง"ผมหันไปมองหน้ากรที่นั่งอยู่บนโซฟาข้าง ๆ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น"ก็อย่างที่มึงคิดนั่นแหละ ที่ตะวันเป็นแบบนี้ก็เพราะกูกับตะวันเรามีอะไรกันเมื่อคืน"กรเอ่ยตอบผมออกมาเสียงเบา ก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง"ได้ยังไงวะกูรู้นะว่ามึงชอบตะวันแต่ตะวันมันยอมมึงอย่างนั้นเหรอ"ผมเอ่ยถามกรอีกครั้งด้วยความสงสัยผมรู้ว่ากรมันแอบชอบตะวันมานานหลายปีแล้ว แต่ว่าตะวันมันยอมที่จะมีอะไรกับไอ้กรอย่างนั้นเหรอเพราะมันยังไม่มีทีท่าว่าจะตกลงปลงใจกับไอ้กรเลย ถึงตะวันมันจะมีการแสดงออกมาบ้างเป็นบางครั้งแต่มันก็ยังไม่ได้แสดงออกชัดเจนถึงขนาดที่ว่าจะออกตัวคบกับไอ้กรมันเลย แล้วทำไมมันสองคนมาถึงขั้นนี้ได้"เพราะเมา"กรมันตอ
"อืมมมมส์หยุดเลย"นิวตัลที่กำลังติดกระดุมเสื้อนักศึกษาร้องครางในลำคอพลางเอ่ยห้ามคนตัวสูงที่มายืนซ้อนข้างหลังแล้วซุกไซ้ซอกคอขาวพร้อมขบเม้นทำรอย"รอบหนึ่งก่อนไปมหาลัยไม่ได้เหรอ"ฟิลิปป์เอ่ยถามขึ้นมือหนาก็พลางสวมกอดแล้วก้มลงหอมใบหน้าเล็ก"ไม่! พอเลยแล้วก็เลิกมากวนมากอดผมได้แล้วผมจะแต่งตัว"นิวตัลร้องห้ามขึ้นอีกครั้งพร้อมกับดิ้นออกจากอ้อมแขนแข็งแรงของคนตัวสูง ก่อนที่จะเดินมาเช็กเสื้อผ้าที่ตนเองใส่ยังหน้ากระจกบานใหญ่แล้วหยิบเสื้อแขนยาวตัวใหญ่มาใส่ทับ"เตี้ยครับบบบบ"ฟิลิปป์ร้องเรียกคนตัวเล็กอย่างอ้อน ๆ พร้อมกับเดินเข้าไปสวมกอดคนตัวเล็กจากด้านหลังอีกครั้ง ส่วนนิวตัลที่โดนฟิลิปป์อ้อนและกอดก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนที่จะหันมาเผชิญกับคนที่กอดตนอยู่"เฮ่อออออถ้ายังพูดไม่รู้เรื่องผมจะโบกให้หัวสมองลุงเสื่อมจำผมไม่ได้แล้วนะ"นิวตัลหันมาพูดขู่คนตัวสูงพลางยกมือขึ้นหมายจะโบกลงตรงหัวคนตัวสูงจริง ๆ
"ใช่ครับสี่เดือนแล้วต้องพักผ่อน ถึงจะต่อแขนต่อขาให้ลูกได้"ผมนั่งมองหน้าอีตาลุงฟิลิปป์บนเตียงอย่างงง ๆ อะไรคือสี่เดือนต้องพักผ่อน แล้วอะไรคือต้องต่อแขนต่อขาให้ลูก ทำไมต้องต่อละลูกคนนะไม่ใช่หุ่นยนต์หรือตุ๊กตาที่ต้องมาจับต่อแขนต่อขาลุงมันบ้าปะเนี่ย"พูดอะไรของลุงวะ ลุงบ้าปะถามจริง"ผมเอ่ยถามลุงมันออกไปพลางทำสีหน้างง ๆ"จุ๊บ"อีตาลุงฟิลิปป์มันไม่ตอบผม แต่กลับก้มลงมาจุ๊บปากผมเบา ๆ แล้วผล่ะออกมายืนส่งยิ้มกว้างมาให้ผม"ลุงทำบ้าอะไรเนี่ยยยย"ผมได้แต่นั่งอึ้งกับการกระทำของอีตาลุงฟิลิปป์ ที่อยู่ ๆ ก็ก้มลงมาจุ๊บปากผมแม่งวันนี้อะไรเข้าสิงลุงมันวะอยู่ ๆ ก็มาจุ๊บกันเฉยเลย ทั้งที่ก็ห่างหายการกระทำแบบนี้ไปตั้งสามเดือนแล้ว ใช่ทุกคนฟังไม่ผิดหรอก ตลอดระยะเวลาสามเดือนที่ผมออกจากโรงพยาบาลมา ลุงมันไม่เคยทำอะไรผมเลยนอกจากกอดแต่ถึงกอดก็นาน ๆ ครั้ง ถึง
"ลุง! อย่ามาขึ้นเสียงกับผมนะ"คนตัวเล็กเท้าสะเอวพูดเสียงดังกับเจ้าของความสูงร้อยแปดสิบหกตรงหน้าประตูบ้านบานใหญ่ท่ามกลางสายตาของเหล่าชายชุดดำเกือบห้าร้อยคน"เตี้ยพี่ไม่ได้ขึ้นเสียงใส่เรานะ พี่แค่พูดเสียงดังนิดหน่อยเองคนดีอย่าโมโหเลยนะมันไม่ดีต่อลูกในท้องนะครับ"ฟิลิปป์เอ่ยอธิบายให้คนตัวเล็กฟังพลางก้าวเดินมาหาคนตัวเล็กที่ยืนอยู่หน้าประตู"หยุดเลย ไม่ต้องเข้ามาใกล้ผม! "นิวตัลชี้นิ้วห้ามฟิลิปป์ก่อนที่ฟิลิปป์จะเข้ามาใกล้ตนเองมากกว่านี้เหล่าลูกน้อยต่างพากันยืนมองภาพตรงหน้าอย่างเคยชิน เพราะตั้งแต่ชายร่างบางคนนี้ย้ายเข้ามาอยู่ในตระกูลของฟิลิปป์พวกเขาต่างเห็นเหตุการณ์แบบนี้บ่อยครั้ง ตอนแรกที่พวกเขาเห็นคนตัวเล็กชี้นิ้วด่าผู้เป็นนาย พวกเขาต่างก็พากันตกใจและพากันอึ้งเป็นแถบ ๆ จนพากันคิดว่านายของพวกเขาคงสั่งเก็บชายตัวเล็กนี้เป็นแน่แต่ผิดคาดนายของพวกเขากับยอมและพูดง้องอนคนตัวเล็กนี้ซะงั้น ถ้าจะพูดให้ถูกนายของพวกเขาแทบจะก้มลงไปก