All Chapters of พลิกชะตาชีวิตหลังเป็นทาสมาสามปี: Chapter 921 - Chapter 930

960 Chapters

บทที่ 921

นางถือชามยาเดินเข้าไปในกระโจม ก็เห็นว่าแพทย์ทหารลู่นั่งอยู่บนเก้าอี้ มือทั้งสองข้างถูกมัดไว้กับที่เท้าแขน ขาทั้งสองก็ถูกมัดไว้กับขาเก้าอี้ แทบจะขยับไม่ได้เลยเมื่อเห็นเฉียวเนี่ยน สีหน้าของแพทย์ทหารลู่ก็แสดงความประหลาดใจออกมาทันที “ท่านหญิงเฉียว มาได้อย่างไร?”เสียงของเขาแหบและแห้งผากเฉียวเนี่ยนเดินถือชามยาไปยืนตรงหน้าแพทย์ทหารลู่ ตักขึ้นหนึ่งช้อน ส่งไปที่ริมฝีปากของเขา “ท่านอ๋องกับองครักษ์พยัคฆ์อยู่ที่ลานฝึก ข้าอาศัยจังหวะนี้มาดูอาการท่านแพทย์ทหารลู่ อาหารจากครัวทหารหายาก ข้าจึงต้มยาบำรุงร่างกายมาชามหนึ่ง หวังว่าแพทย์ทหารลู่จะอดทนผ่านไปได้”น้ำเสียงของเฉียวเนี่ยนเรียบเฉย ไม่มีอารมณ์ใดแฝงอยู่ในถ้อยคำระหว่างที่เฉียวเนี่ยนพูดอยู่นั้น แพทย์ทหารลู่ก็ได้กลิ่นส่วนผสมของยานั้นบ้าง แล้วจึงกล่าวขอบคุณ “ท่านหญิงเฉียวกรุณาแล้ว เป็นพระคุณยิ่งนักขอรับ”“ดื่มเถอะ”เฉียวเนี่ยนกล่าวเสียงอ่อน แล้วยื่นช้อนยาเข้าไปใกล้ปากแพทย์ทหารลู่อีกหน่อยแพทย์ทหารลู่จึงอ้าปากรับยาทีละน้อยทันใดนั้นเอง เฉียวเนี่ยนก็กล่าวขึ้นว่า “ศิษย์ของท่านได้ตายแล้ว วันนี้ข้าเห็นศพของเขาถูกแขวนอยู่บนเสา”เมื่อได้ยินเช่นนั
Read more

บทที่ 922

เมื่อได้ยินคำพูดของเฉียวเนี่ยน แววตาของแพทย์ทหารลู่ก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว“ท่านหญิงเฉียว พูดจากันดีๆ เถิด ได้โปรดอย่าทำให้ข้าลำบากใจเลย! ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าศิษย์ของข้าจะเป็นคนทรยศ บรรพบุรุษข้าล้วนเป็นแพทย์ทหารมาแล้วสามชั่วคน ต่างมีบันทึกชัดเจน! ข้าเป็นคนแคว้นจิ้ง จะไปหักหลังแคว้นจิ้ง เป็นคนทรยศได้อย่างไร!”ระหว่างที่พูดอยู่นั้น ท้องของแพทย์ทหารลู่ก็เริ่มปวดบิดขึ้นมาเขารู้ทันทีว่าต้องเป็นเพราะยาชามเมื่อครู่นั้นแน่!แต่ก่อนดื่ม เขาก็ได้กลิ่นยานั้นแล้ว ไม่มีวี่แววว่าจะมีพิษแม้แต่น้อย!พอนึกถึงก่อนหน้านี้ที่เฉียวเนี่ยนแค่จดตำรับอย่างลวกๆ ก็สามารถต้มยาเป็นพิษโลหิตดับลมปราณได้ แพทย์ทหารลู่ก็แทบจะร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัวแต่เฉียวเนี่ยนกลับนั่งอยู่ข้างๆ มองแพทย์ทหารลู่อย่างเย็นชา“อืม เป็นแพทย์ทหารมาสามชั่วคนเ เช่นนั้นก็ยิ่งได้รับความนับถือในกองทัพก็มากขึ้น หากใครรู้ว่าแพทย์ทหารลู่ถูกทรมาน เกรงว่าอาจก่อให้เกิดความวุ่นวายไม่น้อย! แต่ไม่ต้องกังวลไป ต่อให้เจ้าทรมานจนตาย อีกสักพักพอแพทย์ทหารคนอื่นมาตรวจสอบ ก็จะพบเพียงว่าท่านล้มป่วยกะทันหัน ไม่มีใครเกี่ยวข้อง”ดังนั้น ต่อให้แพทย์ทหารล
Read more

บทที่ 923

นางหยิบยาลูกกลอนจากอกเสื้อออกมา แล้วป้อนใส่ปากแพทย์ทหารลู่ยาเม็ดนั้นละลายทันทีที่เข้าสู่ปาก อาการปวดท้องก็ค่อยๆ บรรเทาลงแพทย์ทหารลู่แหงนหน้าขึ้น เสื้อผ้าเปียกโชก หอบหายใจแรง ทั้งตัวราวกับเพิ่งโผล่ขึ้นมาจากใต้น้ำหลังจากหายใจลึกอยู่หลายครั้ง แพทย์ทหารลู่จึงค่อยๆ ฟื้นตัว แล้วจึงหันไปมองเฉียวเนี่ยนช้าๆ “ท่านหญิงเฉียว เหตุใดจึงไว้ชีวิตข้าไว้?”เฉียวเนี่ยนกลับค้อมตัให้แพทย์ทหารลู่วอย่างจริงจัง “แพทย์ทหารลู่คือชายชาติทหาร เฉียวเนี่ยนผู้นี้นับถือนัก”ถึงขั้นยอมเอาชีวิตเป็นเดิมพัน เพื่อปกป้องเพื่อนของตน สมควรแก่การยกย่องแพทย์ทหารลู่มองเฉียวเนี่ยน ไม่เอื้อนเอ่ยคำใดเฉียวเนี่ยนกล่าวว่า “แต่ข้าก็อยากให้แพทย์ทหารลู่ให้โอกาสท่านอ๋องกับองครักษ์พยัคฆ์สักครั้ง พวกเขาไม่ใช่ปีศาจกระหายเลือดที่ฆ่าคนทั้งที่ยังไม่กระพริบตา แม้สนามรบจะโหดร้าย แต่สำหรับพวกเขาแล้ว ทหารที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่คือพี่น้องสายเลือดเดียวกัน พวกเขาไม่มีวันพรากชีวิตพี่น้องเช่นนั้นโดยไร้หลักฐานแน่นอน!”เมื่อได้ยินดังนั้น แพทย์ทหารลู่ก็ยังคงมองเฉียวเนี่ยนอยู่โดยไม่เอ่ยอะไรแต่แววที่ฉายในดวงตากลับเปลี่ยนแปลง คล้ายกำลังไตร่
Read more

บทที่ 924

นายกองหลินงั้นหรือ?เฉียวเนี่ยนจำได้ว่าหลินเย่ว์คือนายกองจึงเปิดม่านกระโจมและออกไปดูด้านนอก ก็พบว่าไม่ไกลนัก มีนักลอบสังหารในชุดดำคนหนึ่งถูกล้อมไว้อย่างแน่นหนาด้วยเหล่าทหาร ส่วนหลินเย่ว์กำลังกุมแผลบนแขนขณะถูกคนประคองไปอีกทางนักลอบสังหารที่สวมชุดสีดำปกปิดใบหน้าอย่างมิดชิดและดูตื่นตระหนกเล็กน้อยคบเพลิงที่อยู่ไม่ไกลส่องไปที่ใบหน้าของชายคนนั้น ทำให้เห็นได้รางๆเฉียวเนี่ยนอยู่ไกลออกไปและไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของชายคนนั้นได้อย่างชัดเจน แต่นางก็รู้สึกว่าร่างของชายคนนั้นดูคุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ถูกครั้นก็เดินไปทางนักลอบสังหารช้าๆในที่สุดนักลอบสังหารก็สังเกตเห็นเฉียวเนี่ยน เขายกมือขึ้น "เนี่ยนเนี่ยน!"เสียงนี้...เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้ว ฝีเท้าก้าวเร็วขึ้นเล็กน้อยแต่ในตอนที่ใกล้จะถึงตัวนักลอบสังหาร หลินเย่ว์ก็ตะโกนห้ามไว้ "เนี่ยนเนี่ยน! อันตราย!"เฉียวเนี่ยนชะงักฝึเท้า เหลือบมองหลินเย่ว์ แล้วหันไปมองนักลอบสังหารอีกคราตอนนี้เมื่อระยะห่างใกล้กันมากขึ้น จึงมองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นรูปลักษณ์ที่คุ้นเคยนี้...เฉียวเนี่ยนเผลอร้องออกมาด้วยความตกใจ "พี่ใหญ่?"พี่ใหญ่?หลินเย่ว์เบิกตากว้า
Read more

บทที่ 925

ทว่าหลินเย่ว์กลับเอ่ยขึ้น “เจ้ามั่นใจหรือว่าเจ้าอายุมากกว่าข้า?”มู่หงเสวี่ยจึงเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีความเป็นไปได้นี้ จ้องมองหลินเย่ว์ พลางคิดว่าหลินเย่ว์ทั้งผิวคล้ำทั้งกำยำ ดูแก่กว่าเขาอยู่ไม่น้อย จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เจ้าเกิดเมื่อใด?”“……” หลินเย่ว์ไม่คิดจะตอบ เพียงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เจ้าสวมชุดอย่างนี้ ลอบเข้าค่ายทหารกลางดึก คิดจะทำอะไรแน่?”มู่หงเสวี่ยจึงคล้ายเพิ่งนึกขึ้นได้ถึงเรื่องสำคัญได้ มองไปที่ฉู่จืออี้ข้างๆ อีกครั้ง แล้วหันไปทางเฉียวเนี่ยน พูดว่า “โอ้ ลืมธุระไปเลย ข้ามาเพื่อส่งข่าว”ขณะพูดก็ล้วงจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากอก แล้วยื่นให้ฉู่จืออี้กล่าวว่า “เมื่อไม่กี่วันก่อน ท่านหัวหน้าตระกูลก็อยู่ที่แคว้นจิ้ง พอดีได้ยินข่าวจากพี่ใหญ่ว่าพบหลานสาวของท่านป้าทวดแล้ว ท่านจึงรีบเดินทางมา อยากจะพบพวกเจ้าในอีกสามวันข้างหน้า”ฉู่จืออี้มองข้อความในจดหมายแล้ว ก็พบว่าไม่ต่างจากที่มู่หงเสวี่ยกล่าว จึงยื่นจดหมายนั้นให้เฉียวเนี่ยน จากนั้นจึงเอ่ยว่า“ท่านหัวหน้าตระกูลมู่ต้องการพบเนี่ยนเนี่ยนกับหลินเย่ว์ ข้าพอเข้าใจได้ แต่เหตุใดถึงอยากพบข้าด้วย?”เขานึกไม่ออกชั่วขณะ ว่าทำไมในจ
Read more

บทที่ 926

อันที่จริงก็ไม่อาจโทษมู่หงเสวี่ยได้ ที่จะรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้างตอนนั้นสมุนไพรหลายหีบ ตระกูลมู่บอกจะให้ก็ให้เลย บัดนี้ผู้นำตระกูลอุตส่าห์เร่งรุดมาจากที่อื่น บอกว่าจะมาพบหน้ากันสักครั้ง พวกเขากลับบ่ายเบี่ยงสารพัดข้ออ้างเฉียวเนี่ยนก็รู้สึกว่าเช่นนั้นช่างไม่เหมาะนักนางขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ท่านพี่อย่าได้โกรธไป ท่านอ๋องอยู่ในฐานะแม่ทัพ ต้องบัญชาทัพ ไม่อาจออกจากค่ายได้ตามใจชอบ ส่วนตำแหน่งของข้านั้นมีความสำคัญน้อยกว่า เช่นนั้นให้ข้าตามท่านพี่ไปจะดีกว่า!”“ไม่ได้!” หลินเย่ว์เอ่ยห้ามทันควัน สีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเฉียวเนี่ยนก็มีแววดุดันอยู่บ้าง “เหตุใดเจ้าถึงตอบตกลงง่ายเช่นนี้? ถึงเขาจะเป็นคนตระกูลมู่แล้วอย่างไร? ตระกูลมู่จะไม่มีคนไม่ดีเลยหรือ? เจ้าตามเขาไป หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น เจ้าจะให้ข้าตอบพ่อแม่อย่างไร?!”เฉียวเนี่ยนสีหน้าถมึงทึงลง “เมื่อครั้งก่อนเจ้าวางแผนสกปรกต่อข้าครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนนั้นคิดจะอธิบายอะไรกับใครบ้าง? ในเมื่อเมื่อก่อนไม่มี ตอนนี้ก็ไม่ต้องพูดถึงอีก!”"เนี่ยนเนี่ยน!"ในที่สุดน้ำเสียงของหลินเย่ว์ก็แฝงความจนใจขณะเดียวกัน มู่หงเสวี่ยที่ยืนฟังการโต้เถียง
Read more

บทที่ 927

เห็นนางเป็นเช่นนั้น ฉู่จืออี้จึงถอนหายใจเบาๆหนึ่งที กล่าวว่า “เพราะวันนี้หลินเย่ว์เป็นห่วงเจ้า เจ้าถึงได้รู้สึกว่าตนเองพูดแรงไปหรือ?”เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้ารู้สึกว่า สำหรับหลินเย่ว์กับจวนโหว ข้าควรจะต้องเกลียดถึงจะถูก แต่ตอนนี้ จวนโหวก็กลายเป็นสภาพนี้แล้ว หลินเย่ว์ก็เกือบตายเพราะข้า ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตนเองควรจะยังเกลียดอยู่อีกไหม”ได้ยินดังนั้น ฉู่จืออี้ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบาๆ อีกครั้ง “เจ้าน่ะ ชอบคิดมากเกินไปเสมอ”“ในโลกนี้ ไม่เคยมีอะไรที่เรียกว่าควรหรือไม่ควรเกลียด ต่อให้เป็นสะเก็ดแผลเก่าที่เลือดแห้งกรังไปแล้ว หากเจ้ารู้สึกเจ็บ มันก็คือเจ็บ”ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่เรียกได้ว่าควรหรือไม่ควร ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับว่านางสามารถปล่อยวางเรื่องในอดีตได้หรือไม่เท่านั้นหากเรื่องเหล่านั้น เมื่อนึกย้อนขึ้นมายังรู้สึกเจ็บอยู่ เช่นนั้นถึงจะยังเกลียด แล้วอย่างไรล่ะ?อย่างไรเสีย ที่จวนโหวกลายมาเป็นแบบทุกวันนี้ ไม่ใช่ว่านางเป็นคนทำเสียหน่อยแต่นางกลับต้องทนรับความเจ็บปวดเหล่านั้น ความเสียหายเหล่านั้น ล้วนเกี่ยวข้องกับทุกคนในจวนโหวทั้งสิ้น!เมื่อฟังคำขอ
Read more

บทที่ 928

ตลอดทางนี้ เพราะนั่งรถม้า จึงช้ากว่าตอนที่ไปกับฉู่จืออี้ด้วยการควบม้าอยู่พอสมควร กว่าจะถึงเมืองจี๋เสียงก็ผ่านไปถึงสองวันเต็มมู่ซ่างเสวี่ยมายืนรอต้อนรับอยู่หน้าโรงแรมด้วยตัวเองมู่หงเสวี่ยลงจากรถม้า แนะนำกับมู่ซ่างเสวี่ยว่า “ท่านผู้นี้ก็คือหลานชายของท่านย่าทวด”พูดพลาง ก็กระซิบขึ้นต่อหน้าหลินเย่ว์ว่า “ความสัมพันธ์กับเนี่ยนเนี่ยนไม่ดีสักนิด”ถ้าจะวัดกันตามมาตรฐานของ ‘การพูดกระซิบ’ เสียงนั้นถือว่าดังไปหน่อยไม่ต้องพูดถึงมู่ซ่างเสวี่ย แม้แต่หลินเย่ว์กับเฉียวเนี่ยนก็ได้ยินชัดถนัดเต็มสองหูหน้าหลินเย่ว์ถมึงทึงทันทีแต่มู่ซ่างเสวี่ยดูเหมือนจะชินกับนิสัยของมู่หงเสวี่ยอยู่แล้ว จึงยกมือคารวะหลินเย่ว์แล้วพาสองคนเข้าโรงแรม “ท่านเจ้าตระกูลจะมาถึงพรุ่งนี้ วันนี้พวกท่านพักผ่อนให้เต็มที่เถิด วันนี้ที่เมืองจี๋เสียงมีตลาดนัดพอดี คึกคักยิ่งนัก ไว้ช่วงเย็นออกไปเดินเล่นได้นะ”เฉียวเนี่ยนกล่าวขอบคุณกับมู่ซ่างเสวี่ยนางอยากออกไปเดินเล่นจริงๆ นั่นแหละตอนออกจากเมืองหลวง แม้จะพกเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนมาด้วย แต่ตอนนี้อากาศเย็นลงทุกวัน อีกไม่นานคงจะเข้าสู่ฤดูหนาว แต่ทั้งนางกับหนิงซวงก็มีแค่เสื้อผ้าบางๆ
Read more

บทที่ 929

เฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย ในหัวพลันปรากฏภาพฉู่จืออี้สวมเสื้อผ้าชุดนี้ขึ้นมาว่าไป ชุดนี้ออกจะดูละเมียดละไมเล็กน้อย แต่ฉู่จืออี้แม้เป็นแม่ทัพ ทว่าชุดที่สวมในจวนอ๋องกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายของนักปราชญ์ ดูไม่ขัดตา ตรงกันข้าม กลับเพิ่มเสน่ห์ให้เขาเมื่อก่อนตอนอยู่ที่หมู่บ้านเหอวาน ฉู่จืออี้แต่งตัวแบบพรานล่าสัตว์ ก็ยังไม่ดูขัดเขินเหมือนกับว่า เขาสามารถใส่ได้ทุกแบบ และใส่ออกมาดูดีทุกชุดคิดดังนั้น ริมฝีปากจึงยกยิ้มขึ้น “เช่นนั้นก็รบกวนท่านช่วยไปถามให้หน่อย”เด็กหนุ่มรับคำด้วยความยินดี แล้วก็รีบเดินไปถามพอกลับมาแจ้งราคา เฉียวเนี่ยนก็รู้สึกว่าถูกกว่าที่เมืองหลวงอยู่มาก จึงตัดสินใจซื้อมาเหตุการณ์ทั้งหมดนั้น แน่นอนว่าหลินเย่ว์เห็นเต็มตาพอเห็นนางซื้อเสื้อผ้าผู้ชาย คิ้วของหลินเย่ว์ก็ขมวดมุ่นเขารู้ตัวดีว่าไม่อาจหลงคิดไปเองว่าเฉียวเนี่ยนซื้อให้เขาแน่ๆแต่เพราะไม่ใช่ซื้อให้เขา เลยยิ่งรู้สึกไม่สบายใจว่าให้ชัดก็คือ การแต่งงานกับเซียวเหอครั้งก่อนนับว่าเป็นโมฆะ เพราะฉะนั้น ตอนนี้เฉียวเนี่ยนยังเป็นสาวโสดบริสุทธิ์อยู่แล้วนางจะซื้อเสื้อผ้าให้ชายอื่นได้อย่างไร?ซื้อให้ใคร?องครักษ์พยัคฆ์
Read more

บทที่ 930

หลินเย่ว์มีสีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อยขณะมองเฉียวเนี่ยนก็เห็นว่าเฉียวเนี่ยนซื้อปิ่นมุกนั้นจากพ่อค้ามาแล้วในใจพลันรู้สึกเจ็บหน่วงหรือว่านางลืมไข่มุกเรืองแสงเม็ดนั้นไปแล้ว?หรือว่านางไม่แยแสกับการที่เขาทำร้ายนางอีกแล้ว?ไม่แยแส หมายความว่าไม่เคียดแค้นแล้วหรือเปล่า?ไม่เคียดแค้น หมายความว่าจะไม่จดจำอีกแล้วหรือเปล่า?ในชั่วขณะนี้ หลินเย่ว์พลันพบว่า เมื่อเปรียบกับการที่เฉียวเนี่ยนเกลียดเขา เขากลับกังวลว่าเฉียวเนี่ยนจะไม่เกลียดเขามากกว่า!เขาได้แต่จ้องมองเฉียวเนี่ยนอย่างไม่อาจละสายตา ขณะเห็นนางเก็บปิ่นมุกนั้นอย่างเบามือ ราวกับว่ามันเป็นของล้ำค่าอย่างหนึ่งเขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมนางถึงทำเช่นนั้นดังนั้นเขาจึงรีบสาวเท้าไปด้านหน้า แล้วก็เห็นปิ่นไม้ท้อที่วางอยู่บนแผงขายของเขาหยิบสุ่มหยิบขึ้นมา ซื้อไว้แล้วรีบตรงไปหาเฉียวเนี่ยนเห็นหลินเย่ว์ที่พุ่งตัวมาทันใด เฉียวเนี่ยนก็รู้สึกสงสัยไม่ใช่ว่าเขาบอกเองหรือ ว่าจะตามอยู่ห่างๆ โดยไม่รบกวนสายตา?แล้วนี่มันเรื่องอะไรอีกล่ะ?เขายื่นปิ่นไม้ท้อมาตรงหน้าเฉียวเนี่ยน สีหน้าดูตึงเครียดเป็นพิเศษ “อันนี้ แกะสลักได้ดีกว่าที่ข้าแกะเสียอีก”ขณะนั้น
Read more
PREV
1
...
919293949596
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status