Semua Bab อ่านใจทรราช สนมปลาเค็มถล่มวังหลัง: Bab 61 - Bab 70

88 Bab

บทที่ 61

“รีบอารักขา! คุ้มกันฝ่าบาท!” ผู้บัญชาการกองกำลังทหารม้าอวี่หลินตะเบ็งเสียงดังทะลุห้องโดยสารนักฆ่ามาอย่างกะทันหัน เงาร่างดำดุจหมึกโผล่พรวดพราดออกจากสองฝากฝั่งของป่าทึบ แสงประกายดาบทำลายการเดินทางอันเงียบสงบเหล่าสนมต่างตกตะลึงพรึงเพริด หดตัวอยู่ภายในห้องโดยสารไม่กล้าออกมากองกำลังทหารม้าอวี่หลินและนักฆ่าชุดดำต่อสู้กัน ภายนอกชุลมุนวุ่นวายเจียงหวนได้ยินเพียงเสียงดาบกระบี่ปะทะกันที่ภายนอกดังขึ้นเป็นระลอกๆ จากนั้นรถม้าก็สั่นไหวอย่างรุนแรง ไพ่ป๊อกบนโต๊ะหล่นกระจัดกระจายบนพื้นมองผ่านหน้าต่างที่ถูกฮั่วหลินเปิดออก เจียงหวนมองเห็นคนชุดดำปิดบังใบหน้าหลายสิบคนกำลังต่อสู้กับกองกำลังทหารม้าอวี่หลิน มีห้าคนในนั้นฝ่าวงล้อมออกมาได้ ปรี่ถลันเข้ามาทางราชรถ“ฝ่าบาทระวังเพคะ!”เจียงหวนแทบจะร้องออกมาโดยสัญชาตญาณ ร่างกายเคลื่อนไหวก่อนสมองสั่งการ ครู่ต่อมาถลันไปทางที่ฮั่วหลินอยู่แม้ว่านักฆ่าโจมตีมาทางฝ่าบาท แต่ข้างกายฝ่าบาทย่อมมีกองกำลังทหารม้าอวี่หลินมากที่สุด พวกเขาไม่มีวันเข้าใกล้ฝ่าบาทได้อย่างง่ายดายยิ่งไปกว่านั้นมาถึงขั้นนี้แล้ว อยู่ภายในห้องโดยสารย่อมไม่ปลอดภัย แทนที่นางจะวิ่งหนีไร้ทิทศทาง
Baca selengkapnya

บทที่ 62

[นางโง่เขลาเบาปัญญาหรือ? ดาบกระบี่ไม่มีตา ไฉนเลยจะเป็นเรื่องเล็กๆ ที่นางสามารถรับมือได้!][หากดาบนั้นเอียงไปอีกสองส่วน...][ไม่มีวันเป็นอะไรไร เราจะปกป้องนาง ไม่มีวันเป็นอะไร...]เจียงหวนได้ยินเสียงภายในใจของฮั่วหลิน นางเจ็บปวดจนมึนงง แต่กลับรู้สึกอยากขันอยู่บ้างแม้ว่านางขวางดาบไว้จะเป็นอุบัติเหตุ แต่ความเจ็บปวดนี้กลับไม่สูญเปล่าฮั่วหลินยังมีจิตใจดีอยู่มากนักฆ่านอกห้องโดยสารรถม้าเห็นฮั่วหลินปรากฎตัว แต่ละคนคล้ายโลหิตพลุ่งพล่านก็มิปาน พุ่งเข้าหาฮั่วหลินโดยไม่ใส่ใจอันใดฮั่วหลินอุ้มเจียงหวนหลบซ้ายทีขวาที กระบวนท่าสังหารเฉียบคม โทสะเจืออยู่ในความเยือกเย็นหลายส่วนกองกำลังทหารม้าอวี่หลินไล่ตามมาสนับสนุน นับว่าไม่เลี้ยงดูโดยเสียเปล่า หลังผ่านไปครึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็สามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ นักฆ่าที่ถูกจับไว้ต่างพากันฆ่าตัวตายเจียงหวนขมวดคิ้ว หดตัวภายในอ้อมกอดของฮั่วหลิน สีหน้าย่ำแย่อย่างมากสีหน้าฮั่วหลินเคร่งขรึมลงไป อุ้มเจียงหวนเข้ารถม้า วางนางลงบนตั่งนุ่ม“ตามหมอหลวงเร็วเข้า!”เจียงหวนนอนบนนั้น กลับรู้สึกทรมานมากขึ้น ความรู้สึกอยากอาเจียนอย่างรุนแรงก่อตัวขึ้นมาถึงล
Baca selengkapnya

บทที่ 63

เพียงแต่น่าเสียดาย เพิ่งเอ่ยออกมา เจียงหวนก็อาเจียนแห้งอีกครั้งกระเพาะทรมานเหลือหลาย ทำให้นางพูดไม่ออกฮั่วหลินนั่งอยู่ข้างกาย บรรยากาศรอบตัวอึมครึม ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึมจนน่ากลัวหมอหลวงมองสีหน้าของทั้งคู่ ไม่เข้าใจอยู่บ้างหรือพระสนมตั้งครรภ์ไม่ใช่เรื่องดีกระนั้น? เหตุใดมองดูแล้วฝ่าบาทและจวงกุ้ยเหรินมีท่าทางไม่สบอารมณ์กันเล่า?โดยเฉพาะจวงกุ้ยเหริน สายตานั้นใกล้จะกินคนเต็มทีบรรยากาศรอบด้านเงียบสงัด หมอหลวงใช้แขนเสื้อซับเหงื่อบนหน้าผาก รู้สึกทรมานเหลือเกินเขาอายุมากแล้ว ทนความตกใจไม่ไหว[ลูกของผู้ใดอาละวาดถึงเพียงนี้ ทำเสียจนจวงกุ้ยเหรินพูดไม่ออกแล้ว?][อยู่กับเราทุกวัน ตกลงนางไปเอาเวลาใดมาตั้งครรภ์?]สายตาฮั่วหลินวาวโรจน์ ราวกับสามารถมองทะลุเจียงหวนได้“ฝ่าบาท หม่อมฉันเปล่า...แหวะ เพียงแต่เวียนหัวเล็กน้อย...”เจียงหวนอาเจียนจนเวียนหัว เพียงได้ยินเสียงภายในใจของฮั่วหลิน ก็เกือบตายไปแล้วปรักปรำกันชัดๆ เขานี่เห็นตนเองเป็นปรมาจารย์จัดการเวลาไปแล้ว!เจียงหวนยื่นมือไปจับข้อมือฮั่วหลิน ออกแรงหนักๆขอบตาแดงก่ำ หยาดน้ำตาแห่งสัญชาตญาณเอ่อคลอทอประกายระยับ ดวงหน้าน้ำตาคลอหน่ว
Baca selengkapnya

บทที่ 64

เสี่ยวเจายกชามยาเข้ามา ฮั่วหลินเป็นฝ่ายรับไปก่อน“เราทำเอง”[เอาล่ะๆ อย่างไรเสียก็เป็นเราเข้าใจผิดไปเอง จวงกุ้ยเหรินช่วยกำบังดาบแทนเราแล้วยังเกือบถูกเราบั่นคออีก วุ่นวายอยู่นานก็แค่เรื่องไร้สาระเท่านั้น อืม...เราฝืนดูแลๆ นางหน่อยก็แล้วกัน][ต่อให้เรามอบลูกให้นางไม่ได้ แต่เรายังสามารถดีต่อนางได้อีกนิด]เขาขยิบตาให้ผู้อยู่ใต้อาณัติ ประคองเจียงหวนขึ้นนั่งยกชามยาขึ้น ตักน้ำแกงยาหนึ่งช้อน เป่าอย่างใส่ใจแล้วก็ยื่นเข้าไปแตะริมฝีปากของเจียงหวน“มา ดื่มยา”เจียงหวน ‘เอ่อออออ’นางไม่อยากได้ลูกเสียหน่อยก็แค่ได้รับบาดเจ็บ ตกใจทีหนึ่ง ก็สามารถได้รับผลประโยชน์เล็กน้อย ‘ความเอาใจใส่จากฮั่วหลิน’ นับว่าคุ้มอยู่เหมือนกันกลีบปากเจียงหวนอ้าออก น้ำแกงยาถูกส่งเข้าไปเพียงแต่“อึก.....”สีหน้าเจียงหวนเปลี่ยนไป ขมวดคิ้วชนกัน ปิดปากกลืนลงไปอย่างฝืนๆนางแลบลิ้นออกมา “ขมเหลือเกิน”[เหตุใดเหมือนเด็กน้อยเพียงนี้?]ฮั่วหลินหันมองซ้ายขวาหนึ่งรอบ สุดท้ายหยิบผลไม้เชื่อม ส่งเข้าริมฝีปากเจียงหวน“กินผลไม้เชื่อมสักชิ้นก็ไม่ขมแล้ว”เจียงหวนกำลังทรมานเพราะความขม กัดผลไม้เชื่อมหนึ่งคำกลีบปากนุ่มนิ่ม
Baca selengkapnya

บทที่ 65

ทุกวันฮั่วหลินมาจับตาดูเจียงหวนกินยาด้วยตนเอง ยังสั่งให้คนเตรียมผลไม้เชื่อมไว้ให้นางกินแก้ขมอีกด้วยเพราะบำรุงได้ดี บาดแผลบนไหล่ของนางจึงไม่เป็นอะไรร้ายแรงแม้ปากพูดว่ารังเกียจยาขม แต่ภายในใจเจียงหวนกลับรู้สึกบางอย่าง ชีวิตเช่นนี้ราวกับว่าไม่เลวเฉกเดียวกันวันนี้ขบวนเดินทางของวังหลวงผ่านตำบลเล็กแห่งหนึ่ง บังเอิญมาทันเทศกาลโคมไฟประจำปีพอดีสีท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง โคมไฟบนถนนในตำบลเล็กกลับส่องสว่าง ผู้คนเนืองแน่นดุจไหมทอผ้าเกี่ยวพันกัน ครึกครื้นไม่ธรรมดาเจียงหวนงอตัวข้างหน้าต่างรถม้า ทอดสายตามองกลุ่มคนภายนอก ดวงตาทอประกายวาววับนางมายังโลกใบนี้มานานมากถึงเพียงนี้ อยู่ในวังหลังหากไม่นับยุงก็นับไม้โบยกำแพงสี่เหลี่ยมของเมืองหลวงนั้น ไม่อาจขวางกั้นจิตวิญญาณอิสระของนางได้!“ฝ่าบาท ท่านมองความครึกครื้นภายนอกนั้นเถิด!” นางหันกลับไปพูดกับฮั่วหลิน ดวงตาทั้งสองข้างทอประกายระยับฮั่วหลินมองตามสายตานางไป มองเห็นโคมไฟหลากสีสันแขวนเรียงกันทั้งสองฝากฝั่ง เสียงเร่ขายของของพ่อค้าแผงลอยดังแข่งกันไม่ขาดสาย เด็กๆ หิ้วโคมไฟวิ่งไปมา บรรยากาศอบอวลไปด้วยความรื่นเริงของเทศกาลหัวใจฮั่วหลินสั่นไหวเล็กน้อย
Baca selengkapnya

บทที่ 66

ทั้งคู่เดินต่อไป ท้องของเจียงหวนถูกของอร่อยหลากหลายอย่างเติมจนเต็ม กระนั้นนางยังซื้อขนมข้าวเหนียวทอดหนึ่งชุดอย่างอดไม่ได้ ประคองไว้ในมือแล้วกินทีละคำ ๆเดินไปๆ จู่ๆ เจียงหวนก็พบว่าสายตาฮั่วหลินตกลงที่ทิศทางหนึ่งอยู่ตลอดนางมองตามสายตาของเขาไป พบว่าเป็นร้านแผงลอยบัวลอยหมักสุราแห่งหนึ่ง“ฝ่าบาท กินหรือไม่?” นางกระซิบถามเสียงค่อยฮั่วหลินดึงสายตากลับ พูดเสียงเรียบ ๆ ว่า “เราเพียงอยากดูสักหน่อยเท่านั้น”[ฮึ เราไม่กินหรอก ยั่วโมโหนางให้ตายไปเลย]เจียงหวนลอบหัวเราะภายในใจ ทั้ง ๆ ที่อยากกิน ยังปากแข็งอีกนะนางไม่พูดพร่ำทำเพลง จูงมือฮั่วหลินไปที่ร้านแผงลอยเจียงหวนตะโกนเสียงดัง “เถ้าแก่ เอาบัวลอยหมักสุราหนึ่งชาม!”ฮั่วหลินมององครักษ์ที่ลอบคุ้มกันเขาและเจียงหวนที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล เอ่ยปากปฏิเสธอย่างยากลำบาก “เราบอกว่าไม่กิน”[เฮ้อ องครักษ์เหล่านั้นติดตามเราใกล้ถึงเพียงนี้ทำอันใด เรากินดีๆ ไม่ได้เลย][ยิ่งไปกว่านั้น เราเองก็สวมหน้ากาก ไฉนเลยจะมีคนจำเราได้อย่างง่ายดาย]เจียงหวนได้ยินเสียงภายในใจฮั่วหลิน ก็รู้ว่าฮั่วหลินพูดว่าไม่กิน นั่นคือปากไม่ตรงกับใจไอหยา แต่เห็นแก่ฝ่าบาทที่ว
Baca selengkapnya

บทที่ 67

หลังจากหยุดพักเสริมเสบียงที่ตำบลเล็กอยู่ครู่หนึ่ง ขบวนคนก็ออกเดินทางใหม่อีกครั้ง ในที่สุดก็เดินทางมาถึงพระราชวังฤดูร้อนที่แห่งนี้ไม่มีกฎระเบียบเข้มงวดเท่าวังหลวง ทุกหนแห่งล้วนคือทิวทัศน์แปลกตาคนอื่นล้วนเกิดภายในรั้วสูงของวังหลวง คุ้นชินกับการผูกมัดแล้วแต่เจียงหวนเกิดในยุคสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นคนยุคสมัยใหม่วันแรกที่มาถึง นางก็พาเสี่ยวเจาเดินตะลอนทั่วทั้งราชนิเวศน์“นายหญิงน้อย ท่านวิ่งช้าหน่อย”เสี่ยวเจาหายใจกระหืดกระหอบไล่ตามหลังมา มองเห็นนายหญิงของตนคล้ายสกุณาน้อยหลุดออกจากกรงก็มิปาน“เสี่ยวเจาเจ้าไม่เข้าใจหรอกว่าอากาศไร้มลพิษนั้นเจือปนนั้นเป็นเช่นไร”เจียงหวนยืนบนภูเขาปลอมแห่งหนึ่ง ทอดสายตามองทิวเขาสลับซับซ้อน หายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง รู้สึกว่าแม้แต่อากาศเองก็หวานล้ำเสี่ยวเจาเท้าแขนลงบนเข่า เอือมระอาอยู่บ้าง“นายหญิงน้อย ท่านวิ่งเช่นนี้ อีกเดี๋ยวจะร้องบอกว่าเหนื่อย”เจียงหวนไม่ใส่ใจ สายตาทอดมองไป ตกลงบนเนินเขาที่เต็มไปด้วยดอกไม้ป่าบานสะพรั่งสีสันตระการตาสะท้อนเต็มสองตา ราวกับคลื่นทะเลสีชมพูตลอดหลายเดือนที่นางตะเกียกตะกายเอาตัวรอดอยู่ในวังหลัง รู้สึกราวกับได้ทำงา
Baca selengkapnya

บทที่ 68

[พวกขุนนางเหล่านี้กินข้าวโดยเสียเปล่าหรือ? จะต้องให้เราลงมือทำด้วยตนเองทุกเรื่อง ความคิดที่พวกเขาเสนอออกมาเหม็นโฉ่เสียยิ่งกว่าอาหารที่ห้องเครื่องทำเสียอีก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็มอบข้าวแห้งให้คนละชามจะได้ติดคอตายไปให้สิ้นเรื่อง][รวมถึงสนมเหล่านั้น เราอนุมัติฎีกาทุกวันเหนื่อยแทบตาย พวกนางยังจับกลุ่มมาสร้างความรำคาญให้เรา][ในเมื่อว่างมากเพียงนี้ ไม่สู้เรียกทหารของเรากลับมา สวมเสื้อคลุมให้พวกนาง จะได้ไสหัวไปออกรบ!]ดวงตาเจียงหวนกลิ้งกลอก ฝ่าบาทนี่คือกำลังไม่สบอารมณ์เช่นนั้นนางพยายามอย่ารบกวนเลย จะได้ลดความรู้สึกการมีตัวตนลง“ฝ่าบาท วันนี้หม่อมฉันตกปลาไนตัวใหญ่มา จึงอยากทำอาหารสามัญให้ฝ่าบาทได้แก้เลี่ยนเพคะ”เจียงหวนพูดไป วางอาหารลงบนโต๊ะอย่างดีไม่เงยหน้าขึ้น ไม่สอดส่ายสายตา มีท่าทาของสุนัขรับใช้ที่ดี[เราชอบท่าทางนี้ของจวงกุ้ยเหรินยิ่งนัก เพิ่งมาได้วันเดียวก็หาทางไปที่ห้องครัวแล้ว][ไม่เพียงไม่ทำให้เรารำคาญ ยังช่วยเราคลายกังวลอีกด้วย นี่ต่างหากคือสนมที่เหมาะสม อืม จวงกุ้ยเหรินไม่จำเป็นต้องไปออกรบ]ฮั่วหลินล้างมือแล้วก็นั่งลงข้างโต๊ะ คีบเนื้อปลาเข้าปากหนึ่งคำมองเห็นคิ้วของขยับ
Baca selengkapnya

บทที่ 69

ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง ตำหนักน้ำพุร้อนถูกปกคลุมด้วยหมอกไอน้ำขาวโพลนเจียงหวนค่อยๆ ถอดอาภรณ์ ก้าวลงสระอย่างช้าๆ สายน้ำอุ่นโอบล้อมทั่วเรือนร่าง นางถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย เอนกายพิงริมสระ หลับตาพักผ่อนการต่อสู้ในวังหลวง นักฆ่า ล้วนลืมไปแล้วความเหนื่อยล้าหลายวันที่ผ่านมามลายหายไปในทันใด นี่แหละคือความสุขที่คนเราควรได้สัมผัส!“นายหญิงน้อย บ่าวจะเฝ้าอยู่ด้านนอก หากมีเรื่องใดโปรดเรียกบ่าว”เสี่ยวเจาตรวจตรารอบๆ อย่างรอบคอบ จนมั่นใจว่าปลอดภัยแล้วจึงถอยออกไปเจียงหวนรับคำอย่างเกียจคร้าน ปลายนิ้วเขี่ยกลีบดอกไม้ที่ลอยอยู่บนผิวน้ำเล่น กลิ่นหอมหวานจางๆ ชำแรกจมูกอืม… เครื่องหอมนี้หอมยิ่งนัก เพียงแต่ไม่แน่ใจว่าใส่มากไปหรือไม่หน่อย กลิ่นถึงได้แรงอยู่สักนิดเจียงหวนไม่ได้ใส่ใจนัก ซุกกายนอนแช่อยู่ในบ่อน้ำพุร้อน ราวกับร่างไร้กระดูก ไม่อยากขยับเขยื้อนทว่าครู่ต่อมา เจียงหวนยกมือปาดมุกเหงื่อบนหน้าผากเหตุใดนางรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล?ไม่ใช่ว่านี่คือน้ำพุร้อนหรอกหรือ เหตุใดจึงเหมือนแช่อยู่ในหม้อ ร้อนจนถึงขั้นอึดอัด แน่นหน้าอกเจียงหวนเอามือแตะพวงแก้มของตน หายใจเร็ว ร่างกายร้อนผ่าว ร้อนรุ่มรา
Baca selengkapnya

บทที่ 70

ฤทธิ์ยาโหมกระหน่ำเข้ามาดุจเกลียวคลื่น สายตานางเริ่มพร่ามัวทุกห้วงลมหายใจหนักหน่วงดุจตะกั่ว น้ำในสระกลับไร้คลื่นนางกัดริมฝีปากล่างแน่นๆ ฟันเกือบแทรกทะลุเข้าเนื้อ ความเจ็บปวดทำให้สมองของนางมีสติขึ้นมาระหว่างความเป็นตาย เจ็บก็เจ็บอยู่บ้าง แต่ดีกว่าเสียตัวมากนักต่อให้ฮั่วหลินชอบนางมากเพียงใด แต่ก็ไม่มีวันทนโดนสวมเขาหากได้รับโทษนี้ ยังไม่ต้องพูดถึงตำหนักเว่ยยาง ต่อให้เป็นตำหนักเย็นก็ใช่ว่าจะเข้าไปได้ ไม่แน่ว่าอาจถูกประหารไปโดยตรงต่อให้ไม่ตาย ก็จะถูกหักขาสองข้าง ภายภาคหน้าอย่าได้คิดปีนป่ายขึ้นไปได้อีกใจเย็น ใจเย็น จะหมดสติไปไม่ได้เป็นอันขาด!บัดนี้องครักษ์อยู่เบื้องหน้า ไม่อาจขึ้นฝั่งได้แล้ว นางทำได้เพียงหาโอกาสหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้ไปเจียงหวนก้าวซวนเซถอยหลัง นิ้วมือจับปิ่นหยกบนเส้นผม ดึงลงมาอย่างไม่ลังเล กำไว้ในฝ่ามือในเวลานี้เวลากลับเชื่องช้าและยาวนานมากเป็นพิเศษ แต่ก็คล้ายสั้นมากนักหายใจเพียงไม่กี่ครั้ง องครักษ์ก็มาถึงขอบสระน้ำพุร้อนแล้วชั่วขณะเขาโน้มตัวจับเจียงหวน เจียงหวนยกมือขึ้น สายตาคมกริบ ใช้ปิ่นหยกแทงแขนขององครักษ์อย่างแรง!“อ้าก!”โลหิตไหลลงจากแขนขององครัก
Baca selengkapnya
Sebelumnya
1
...
456789
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status