บททั้งหมดของ รัชทายาทผงาดฟ้า: แผ่นดินนี้ข้าเป็นใหญ่: บทที่ 21 - บทที่ 30

100

บทที่ 21

ทว่า นับว่าเขาเองก็ฉลาดมาก ในเมื่อหยางเฉินให้เขาชี้แนะ เช่นนั้นก็บอกกุ้ยเฟยว่า องค์รัชทายาทเองก็พึงใจบุตรสาวของเขา หากท่านจัดการองค์รัชทายาทไม่ได้ เช่นนั้นบุตรสาวของข้าก็จะไม่แต่งกับองค์ชายรองเมื่อเซวียกุ้ยเฟยได้ทราบข่าวนี้ ก็โกรธจนขว้างถ้วยแก้วหลิวหลีที่ฮ่องเต้พระราชทานให้แตกละเอียดทันที ด่าทอซ่างกวนหลินว่าเป็นเฒ่าหน้าด้านไร้คุณธรรมโดยตรง ถึงขั้นเอาองค์รัชทายาทมาเป็นข้ออ้าง……ในเรือนด้านหลังของจวนอัครมหาเสนาบดีซ่างกวนซืออินสวมชุดผ้าแพรสีชมพูลูกท้อ ด้านล่างสวมกระโปรงครึ่งท่อนสีขาวมุกเข้าคู่กัน บนใบหน้ารูปไข่ที่ขาวผ่องอ่อนนุ่มดุจหยก ปรากฏลักยิ้มบาง ๆ คู่หนึ่ง สองแก้มแดงระเรื่อดั่งดอกโบตั๋นที่เรียบง่ายสง่างามคนตางอนยาวกะพริบอย่างแผ่วเบา เมื่อเหลียวมองไปมา ดวงตาก็เปล่งประกายเจิดจ้า ในดวงตางดงามแบ่งสีขาวดำชัดเจน ใสกระจ่างเจิดจรัส เปล่งประกายเสน่ห์อันอ่อนเยาว์ของดรุณีน้อยคนงาม ให้ความรู้สึกสูงศักดิ์และสง่างามที่ไม่มีผู้ใดล่วงเกินได้แถบผ้ากว้างสีขาวสะอาด มัดผมดำสนิทที่ยาวสลวยถึงเอวอย่างหลวม ๆ แผ่รัศมีดุจเทพเซียนออกมา ไข่มุกบนหน้าผาก บางครั้งมีหนึ่งถึงสองเม็ดที่กระเด้งออกมาอย่างไม่
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 22

คำพูดของเสี่ยวชุ่ยตรงไปตรงมามาก ฟังดูหยาบคายแต่มีเหตุผล นี่ก็คือเหตุผลที่ซ่างกวนหลินไม่ยอมให้บุตรสาวแต่งกับองค์ชายรองปัญหาในตอนนี้คือ หากนางแต่งกับหยางเฉิน ไม่แน่ว่า ‘รัชทายาทขาเป๋’ ผู้นี้ก็อาจจะถูกปลด ถึงตอนนั้น บุตรสาวของตนก็จะลำบากไปด้วยซ่างกวนซืออินย่อมไม่รู้ถึงความคิดของบิดา เพียงแค่รู้สึกว่าบิดารักตนมากขนาดนี้ ต้องหาสามีที่ดีให้ตนแน่นอนแท้จริงแล้ว ในใจลึก ๆ นางไม่ได้ชื่นชอบบุรุษประเภทที่มีวรยุทธ์แกร่งกล้า แต่ชอบบุรุษที่มีความรู้ด้านวรรณศิลป์และมีคุณธรรมมากกว่าภาพลักษณ์ของหยางเฉินที่เป็นชายแกร่งออกรบอยู่ข้างนอกตลอดทั้งปี ไม่ใช่ประเภทที่นางชอบเลย“ชุ่ยเอ๋อร์ เจ้าพบองค์รัชทายาทหรือยัง? เขาเป็นคนแบบไหน?” ซ่างกวนซืออินถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น“แน่นอนว่าพบแล้วเจ้าค่ะ องค์รัชทายาทดูท่าทางเป็นคนมีความสามารถ หล่อเหลาสง่างาม พูดจาสุภาพนุ่มนวล แถมเขายังบอกอีกว่า ฝ่าบาทให้เขามาดูคุณหนู แล้วยังพูดว่า...” เสี่ยวชุ่ยพูดแล้วก็หยุด“แล้วยังพูดว่าอะไร?” ซ่างกวนซืออินไล่ถาม“องค์รัชทายาทยังพูดอีกว่า ฝ่าบาทตรัสแล้ว ขอเพียงเขาถูกใจคุณหนู ฝ่าบาทก็จะประทานคุณหนูให้แต่งกับเขาโดยตรงเจ้าค่ะ”
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 23

ซ่างกวนฮูหยินอธิบายอย่างละเอียดซ่างกวนซืออินเฉลียวฉลาด เข้าใจความหมายในนั้นทันที พยักหน้าพลางเอ่ยตอบว่า “ท่านแม่ ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ”“องค์รัชทายาทนั่นก็เป็นคนฉลาด ถึงแม้ตอนนี้จะไม่มีวรยุทธ์ ซ้ำยังเป็นคนพิการ แต่สมองว่องไวมาก เหล่าองค์ชายองค์อื่นคิดอยากจะขับไล่เขา คาดว่าคงยากนัก” ซ่างกวนฮูหยินพูดอย่างครุ่นคิด“ท่านแม่ การปกครองแผ่นดินต้องใช้ปัญญา ไม่ใช่ใช้กำลัง ดังนั้นตราบใดที่สมองของพระองค์ยังดีอยู่ ข้ากลับรู้สึกว่าองค์รัชทายาทนั้นดีกว่าองค์ชายรองกับองค์ชายใหญ่เสียอีก” ซ่างกวนซืออินเอาใจใส่เรื่องบ้านเมืองอย่างเห็นได้ชัด“ทำไมหรือ? เจ้าได้ยินข่าวอะไรมาอีก?” ซ่างกวนฮูหยินถาม“ตอนนี้ที่หอถงเหวิน มีหลายคนถกเถียงกันเรื่องบ้านเมือง คิดว่าที่องค์รัชทายาทตกหลุมพรางของศัตรูตอนทำศึกเขาซือถัว คงเป็นเพราะมีคนทำให้ข่าวรั่วไหล...”“หลายคนล้วนคิดว่าองค์รัชทายาทต่างหากที่เป็นผู้ที่มีความสามารถปกครองบ้านเมือง องค์ชายใหญ่ใจอ่อนไม่เด็ดขาด ไร้ซึ่งความคิดของตนเอง องค์ชายรองชอบโอ้อวด หยิ่งยโสโอหัง ไม่เข้าใจเรื่องบ้านเมืองเลยสักนิด…”ซ่างกวนซืออินถ่ายทอดข่าวลือที่ได้ยินให้มารดาฟังซ่างกวนฮูหยินได้ฟั
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 24

มีเงินก็ใช้ผีโม่แป้งได้!หอซ่อนเงาคือสถานที่ขายข่าวกรอง ตราบใดที่เจ้าจ่ายไหว ข่าวกรองแบบใดก็ล้วนหาให้เจ้าได้ทั้งสิ้นครั้งก่อนหยางเฉินสั่งไป๋หานอีออกมา ก็เพื่อให้หอซ่อนเงาสืบหาสายลับที่แฝงตัวอยู่ในเมืองอู่ตี้ แม้จะเสียเวลาไปบ้าง แต่สุดท้ายก็สืบออกมาได้พูดตามตรง องครักษ์เสื้อแพรและทหารรักษาพระองค์สืบมาหลายวันก็ไม่พบอะไรเลย ยังสู้สำนักแห่งยุทธภพสำนักหนึ่งไม่ได้จริง ๆที่จริงแล้วหยางเฉินก็คิดจะตั้งหน่วยข่าวกรองของตนเอง ทว่าสิ้นเปลืองเงินทองเกินไป ไม่สู้ซื้อข่าวกรองตรง ๆ เสียยังจะได้ผลกว่าความจริงแล้ว องครักษ์เสื้อแพรก็คือสำนักข่าวกรองทั่วทั้งแผ่นดิน เพียงแต่พวกที่เลี้ยงเปลืองข้าวสุกเหล่านี้มัวแต่เสวยสุข ไม่สามารถหาข่าวกรองที่มีคุณภาพออกมาได้ยิ่งไปกว่านั้น รอภายหลังได้สืบทอดบัลลังก์แล้ว เขาย่อมมีหนทางสร้างสำนักข่าวกรองขึ้นมาแน่นอน หลังหยางเฉินอ่านข่าวกรองจบ ก็ส่งคืนให้ไป๋หานอี สีหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นเยียนขึ้นเรื่อย ๆความแค้นของทหารห้าหมื่นนาย กดทับอยู่ในใจเขามาหลายวันแล้ว ทว่า ต่อให้เป็นเช่นนี้ หยางเฉินก็ยังไม่ได้เตรียมทำลายหอว่านฮวา หากแต่ต้องการขุดคุ้ยหาตัวคนที่ลอบขายเขาอยู่เบ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 25

ว่ากันว่าเซียนกระบี่ฝูหรงเป็นทุกข์เพราะรัก ความเจ็บปวดยังหลงเหลืออยู่ เมื่อมองเห็นดอกฝูหรงเบ่งบานและโรยรา ก็ซาบซึ้งถึงความโศกศัลย์ของกระบี่ที่แฝงอยู่ในนั้น จึงสร้าง ‘เพลงกระบี่ฝูหรง’ ขึ้นมา ดอกไม้ยิ่งเบ่งบานงดงามเท่าไร ก็ยิ่งเป็นลางบอกว่าดอกไม้จะร่วงโรยเร็วเท่านั้น“เกิดอะไรขึ้น? ท่านอัครมหาเสนาบดีไม่ให้องค์รัชทายาทไปพบบุตรสาวของเขางั้นหรือ?” ฮ่องเต้อู่เต๋อพูดพลางหัวเราะร่วน“คงเป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ หลังองค์รัชทายาทออกมา ก็ไปหอจุ้ยเซียน ดูเหมือนว่าอยากไปชิมฝีมือพ่อครัวใหญ่ของหอจุ้ยเซียน” ผู้บัญชาการเซียวรายงานต่อ“หอจุ้ยเซียน? นั่นเป็นแหล่งรวมคนมากหน้าหลายตานี่! บัดนี้เขาสูญสิ้นวรยุทธ์แล้ว ไม่กลัวมีใครมาทำอะไรเขาหรือ?” ฮ่องเต้อู่เต๋อกล่าวอย่างครุ่นคิด“องค์รัชทายาททรงมีไป๋หานอีคอยคุ้มกันอยู่ข้างกาย และยังมีทหารรักษาพระองค์กลุ่มหนึ่งคอยคุ้มกันด้วย ให้กระหม่อมส่งคนไปเพิ่มหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” ผู้บัญชาการเซียวทูลถาม“ไม่ต้อง ในเมื่อเขากล้าออกไป ก็ไม่มีทางไม่คิดถึงจุดนี้ หากไม่คิด ก็แสดงว่าเขาก็ไม่เหมาะจะเป็นองค์รัชทายาท” ฮ่องเต้อู่เต๋อดวงพระเนตรมืดมนลงตั้งแต่หยางเฉินได้รับบาดเจ็บสาหัส
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 26

ซึ่งก็คือในตอนที่หยางเฉินอายุครบยี่สิบปีและก้าวเข้าสู่เขตแดนสามัญวชิระนั้น ประกอบกับตอนนั้นนำทัพไปปราบกบฏเขตตะวันตก สร้างความดีความชอบอันโดดเด่น ฮ่องเต้อู่เต๋อนึกครึ้มขึ้นมาชั่วขณะ สถาปนาหยางเฉินเป็นองค์รัชทายาท ณ ตรงนั้นเลยขุนนางคนอื่นแม้มีข้อโต้แย้ง ทว่า ตอนนั้นหยางเฉินมีกำลังทหารในมือมาก วรยุทธ์ก็สูงส่ง แม้แต่ฮองเฮาเองก็ยังไม่กล้าออกมาโต้แย้ง คนอื่นก็ย่อมสงบปากสงบคำต่อไปหลังจากที่หยางเฉินได้เป็นองค์รัชทายาทแล้ว ก็บัญชาทัพลงใต้ ปราบปรามความหยิ่งผยองของจักรวรรดิหนานชิ่งอย่างรุนแรง ทำให้เสียงชื่อเสียงองค์รัชทายาทของเขายิ่งเลื่องลือจนกะทั่งครั้งนี้ที่จักรวรรดิตงเซิ่งรุกรานแผ่นดิน หยางเฉินนำทัพสกัดกั้น สุดท้ายกลับถูกศัตรูซุ่มโจมตี ฆ่าฟันฝ่าวงล้อมออกมาอย่างสุดชีวิต แต่กลับถูกยอดฝีมือทำลายวรยุทธ์ กลายเป็นคนพิการตอนนี้หยางเฉินกลายเป็นคนพิการ เช่นนั้นโอกาสขององค์ชายองค์อื่นก็มาแล้วดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นองค์ชายใหญ่ องค์ชายรอง หรือองค์ชายสาม องค์ชายเจ็ด องค์ชายเก้า โอกาสในตอนนี้ล้วนมาแล้วทว่า โอกาสนี้จำต้องมีเงื่อนไขหนึ่ง นั่นก็คือหยางเฉินต้องถูกปลดหรือตายไป ตำแหน่งองค์รัชทายาทจึงจะว
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 27

ส่วนทหารรักษาพระองค์กลุ่มนั้น เขาไม่ได้ใส่ใจ ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรเลย......อีกด้านหนึ่ง องค์ชายใหญ่ก็ได้รับข่าวที่หยางเฉินออกจากวังเช่นกัน“อะไรนะ? หยางเฉินออกจากวังแล้ว?” องค์ชายใหญ่กล่าวด้วยความตื่นเต้นดีใจ“พ่ะย่ะค่ะ องค์ชายใหญ่ หยางเฉินไปที่จวนอัครมหาเสนาบดี จากนั้นก็ไปกินข้าวที่หอจุ้ยเซียนต่อ สุดท้ายกลับไปที่เรือนรับรองทิงเฟิง...” อวี่เหวินจิ่นกล่าวรายงานโดยละเอียดอวี่เหวินจิ่นผู้นี้คือพี่ชายแท้ ๆ ของฮองเฮาอวี่เหวินเฟยเฟิ่ง และก็เป็นลุงขององค์ชายใหญ่ด้วย“ท่านลุง เช่นนั้นความหมายของท่านคือ...” องค์ชายใหญ่กล่าวแล้วก็หยุด“ง่ายมาก! กระหม่อมจะนำคนไป...” อวี่เหวินจิ่นทำท่าทางเชือดคอ“ท่านลุง เรื่องเช่นนี้ ท่านอย่าปรากฏตัวจะดีกว่า เพื่อไม่ให้มีหลักฐานเหลืออยู่ในที่เกิดเหตุ ถึงเวลาจะอธิบายต่อเสด็จพ่อได้ยาก” องค์ชายใหญ่กล่าวเสียงต่ำ“องค์ชายใหญ่กล่าวได้ถูกต้อง! กระหม่อมจะส่งลูกน้องไปจัดการเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ” อวี่เหวินจิ่นพยักหน้ารับเล็กน้อย“ข้างกายหยางเฉิน มีใครอารักขาเขาอยู่บ้าง?” องค์ชายใหญ่เอ่ยถามเสียงต่ำ“ข้างกายหยางเฉินมีเพียงไป๋หานอีคนเดียว ยังมีทหารรักษาพระองค์กลุ่มหนึ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 28

แม่ทัพทั้งสามที่เคยติดตามหยางเฉินออกไปทำศึก บัดนี้เหลือเพียงไป๋หานอี หยางเฉินย่อมไม่ปล่อยให้นางได้รับอันตรายใด ๆ“แม่ทัพไป๋ หลายครั้ง หลายเหตุการณ์ ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังแก้ไข แต่ต้องใช้สติปัญญา!” หยางเฉินเอานิ้วชี้แตะขมับตนเองไป๋หานอีราวกับจะเข้าใจบ้างแล้ว จึงพยักหน้าพลางกล่าวว่า “องค์รัชทายาท นี่ท่านกำลังล่อเสือออกจากถ้ำหรือเพคะ?”“เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?” หยางเฉินเพียงยิ้มลึกลับ“แต่ว่า ท่านเอาตัวเองเป็นเหยื่อล่อ อันตรายเกินไปแล้วจริง ๆ!” ไป๋หานอีอุทานอย่างตกตะลึง“แม่ทัพไป๋ เจ้าร่วมรบกับข้ามา มีครั้งไหนบ้างที่ปลอดภัย?” หยางเฉินหาได้ใส่ใจไม่“ทว่าตอนนั้นมีพวกเราสามคนคอยคุ้มกันท่าน ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว ข้าน้อยกังวลว่า ข้าเพียงคนเดียวยากจะปกป้องท่านให้ปลอดภัยได้!” “ชนะด้วยเล่ห์กล หาใช่ด้วยศึก อันที่จริง เจ้าเพียงผู้เดียวก็พอแล้ว คืนนี้ เจ้าฟังที่ข้าจัดการก็พอ” หยางเฉินยิ้มบาง ๆ พลางพูดไป๋หานอีรู้ดีว่าหยางเฉินมีเล่ห์เหลี่ยมสารพัด ฉลาดเหนือผู้อื่น จึงประสานมือพลางกล่าว “ไป๋หานอีน้อมฟังการจัดการขององค์รัชทายาทเพคะ!”“แม่ทัพไป๋ คนที่เจ้าส่งไปตามหาแม่ทัพลี่และแม่ทัพจี จนถึงตอน
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 29

“องค์รัชทายาท ท่านยังหัวเราะอีกหรือ...” ไป๋หานอีโกรธจัด จึงหันศีรษะไปทางอื่น“แม่ทัพไป๋ ไม่เช่นนั้น เจ้าไปเปลี่ยนใส่ชุดของสตรีดีหรือไม่?” หยางเฉินยิ้มร้าย“ข้าน้อยไม่เคยใส่ชุดของสตรีมาก่อน แต่หากองค์รัชทายาทมีรับสั่ง ข้าน้อยก็จะไปเปลี่ยนใส่ชุดของสตรี!” ไป๋หานอีเอ่ยตอบอย่างจริงจัง“ฮ่า ๆ ๆ... ดี รอข้าผ่านด่านนี้แล้ว ก็จะให้เจ้าใส่ชุดของสตรีทุกวันเลย!” หยางเฉินหัวเราะลั่นขึ้นมาเสียงหัวเราะดังขนาดนี้ ก้องกังวานไปทั่วป่าเขา ผู้ที่แอบจับตาดูอยู่ไกล ๆ เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของหยางเฉิน ก็สรุปได้เลยว่าเขาอยู่ที่เรือนรับรองทิงเฟิง......ท้องฟ้ามืดมิดลงอย่างรวดเร็ว บนท้องฟ้าก็มีฝนพรำลงมาทั้งเรือนรับรองทิงเฟิงปกคลุมด้วยหมอกชั้นหนึ่ง มีเพียงไฟตะเกียงสองดวงที่พลิ้วไหวไปมา พยายามอย่างหนักที่จะส่องแสงสว่าง ภายใต้การพัดของลมภูเขาคืนเดือนมืด ลมพัดแรง ค่ำคืนแห่งการสังหารคน!องค์ชายเจ็ดนำคนมาถึงไหล่เขาของเรือนรับรองทิงเฟิง ไม่ได้รีบร้อนไปสังหาร หากแต่กำลังรอข่าวอยู่หยางเฉินมองไปที่ไหล่เขา ยกยิ้มมุมปากเล็ก ๆ ดวงตาฉายแววเย็นยะเยือกแห่งเจตฆ่าเมื่อครู่เขาได้ใช้วิชาลับที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้อ
อ่านเพิ่มเติม

บทที่ 30

อ๊าก...เสียงโหยหวนดังขึ้นไม่ขาด ในสภาพแวดล้อมยามฟ้ามืดมิดไร้แสงไฟแบบนี้ ขอเพียงไม่ใช่คนของตน นั่นก็คือศัตรูในเมื่อเป็นศัตรู เช่นนั้นก็ต้องกวาดล้างสิ้นซากสองฝ่ายโรมรันไม่ไว้ชีวิต เสียงโหยหวน เสียงคร่ำครวญ และเสียงต่อสู้คลอประสานเป็นบทเพลงแห่งความตายหากองค์ชายเจ็ดกับอวี่เหวินจิ่นยังสามารถอยู่ในเหตุการณ์ได้ ย่อมพบพิรุธของที่แห่งนี้เป็นแน่ แต่หน่วยกล้าตายเหล่านี้กลับรู้จักเพียงฆ่าคน พวกเขาไม่สนว่าผู้ใดอยู่เบื้องหน้าอวี่เหวินจิ่นได้ยินเสียงฆ่าฟันบนเขาที่ด้านล่างเขา ไม่ได้ขึ้นไป เพราะแม้จะสวมหน้ากาก แต่เขาก็ยังกลัวว่าจะทิ้งร่องรอยอะไรไว้ ถึงตอนนั้น หากฝ่าบาทไล่ถามขึ้นมา ก็อธิบายได้ยากแล้วแต่ทว่า ขอเพียงสามารถฆ่าหยางเฉินได้ ทำให้ตำแหน่งองค์รัชทายาทว่างเปล่า ตนก็จะได้ความดีความชอบใหญ่เมื่อองค์ชายใหญ่ได้ขึ้นครองราชย์ เขาผู้เป็นลุงคนนี้ย่อมได้รับความไว้วางใจ อาจถึงขั้นได้เป็นเจ้าเมืองหรืออัครเสนาบดี ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ในใจอวี่เหวินจิ่นเพียรเพ้อพกถึงวันข้างหน้า เฝ้าใฝ่หาความรุ่งเรืองในวันพรุ่งนี้มาเสมอองค์ชายเจ็ดที่อยู่อีกด้าน เมื่อได้ยินเสียงร้องโหยหวน ก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้า
123456
...
10
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status