ราวกับถูกชักนำไปยังห้องสมุดที่มีแสงอ่อน ๆ ตั้งแต่บรรทัดแรกของหนังสือ '
everlasting longing' — ภาษาในหน้าเล่าเรื่องไหลลื่นและเต็มไปด้วยบทสนทนาภายในที่ฉันมักซุกซ่อนความคิดของตัวละครไว้อย่างแนบชิด
ฉันรู้สึกว่าหนังสือมอบช่องว่างให้หัวใจได้พักผ่อนในความหวังและความขมขื่นพร้อมกัน การบรรยายลึกจนเห็นรายละเอียดเล็ก ๆ อย่างกลิ่นกาแฟหรือรอยสักของตัวละครช่วยให้ความคิดถึงมีมวล ในหน้ากระดาษ ฉากสถานีรถไฟที่ฝนตกเป็นฉากสำคัญที่ใช้อธิบายอดีตของสองคน; บทพูดถูกวางเป็นชั้น ๆ ที่คนอ่านต้องค่อย ๆ แกะความหมาย ส่วนซีรีส์เลือกใช้มอนทาจพร้อมเพลงประกอบทำให้ความรู้สึกเข้าถึงเร็วกว่าแต่สูญเสียมิติภายในบางส่วนไป
การเปลี่ยนแปลงโครงเรื่องที่ฉันสังเกตคือการตัดบทภายในบางตอนเพื่อลดความยาว ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครหลักบางครั้งดูผิวเผินขึ้น แต่ในทางกลับกัน ผู้แสดงกลับเติมเต็มช่องว่างนั้นด้วยการจ้องตาและท่าทางที่หนังสือบรรยายไว้เป็นคำซึ่งย่อยง่ายกว่าสำหรับผู้ชมที่ต้องการสัมผัสเร็ว ๆ สรุปแล้วทั้งสองเวอร์ชันให้ความสุขคนละแบบ — หนังสือชวนให้ฉันค่อย ๆ เคี้ยวความหมาย ส่วนซีรีส์ให้ฉันดื่มรสชาติทันที