เคยหลงเข้าไปในโลกของ 'กำสรวล' แล้วพบว่ามันไม่ใช่แค่นิยายความเศร้า แต่เป็นการเดินทางที่ค่อยๆ คลี่ความสัมพันธ์และความทรงจำจนเห็นร่องรอยของชีวิตที่ถูกทิ้งไว้
เรื่องย่อสั้นๆ ของฉันจะบอกว่าเรื่องเริ่มจากตัวละครหลักซึ่งเป็นคนที่กลับคืนสู่บ้านเกิดหลังจากต้องจากไปนาน ไม่ว่าจะเพราะเรียน การงาน หรือหนีความจริง การกลับมาครั้งนี้เขาพบว่าหมู่บ้านและคนรอบข้างเปลี่ยนแปลงไป แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงจริงๆ กลับเป็นชั้นลึกของความทรงจำและความเจ็บปวดที่ถูกเก็บงำไว้ เรื่องเล่าเดินระหว่างเหตุการณ์ปัจจุบันและความทรงจำในอดีต ทำให้ผู้อ่านค่อยๆ รู้เบื้องหลังของความสัมพันธ์ในครอบครัว บาดแผลจากความรักที่ไม่สมหวัง และความลับที่ทุกคนพยายามจะกลบฝัง
ความขับเคลื่อนของพล็อตไม่ได้เน้นแค่เหตุการณ์ตื่นเต้น แต่เป็นการสังเกตและการเผชิญหน้ากับสิ่งที่เคยผลักไส ตัวเอกต้องพบกับตัวละครหลากหลาย ทั้งเพื่อนสมัยเด็กที่กลายเป็นคนแปลกหน้า ญาติผู้ใหญ่ที่มีมุมมองขัดแย้ง และคนรักเก่าที่ยังไม่มีคำอธิบาย จังหวะเรื่องมีทั้งฉากเงียบที่เต็มไปด้วยอารมณ์และฉากปะทุของความโกรธหรือเสียใจ ที่ทำให้การอ่านไม่รู้สึกเบื่อ คำใบ้เรื่องราวในอดีตถูกวางกระจายเป็นชั้นๆ คล้ายการเดินสำรวจห้องที่ปิดมานาน พอเปิดหนึ่งประตูแล้วจะเห็นประตูถัดไป ทั้งปมปัญหาในครอบครัว เรื่องทรัพย์สิน ความผิดพลาดในวัยหนุ่ม และการเลือกทางเดินชีวิตที่ส่งผลยาวนาน ล้อมรอบด้วยบรรยากาศที่บางครั้งมีความเหนือจริงเล็กน้อย เสมือนเสียงกำสรวลที่ไม่รู้ว่าเป็นเสียงจากคนหรือจากความทรงจำเอง
ธีมหลักของ 'กำสรวล' สำหรับฉันคือการเยียวยาและการยอมรับ ความเศร้าในเรื่องไม่ใช่เพื่อชวนให้จม แต่เป็นพื้นที่ให้ตัวละครได้เรียนรู้วิธีดำเนินชีวิตต่อไปหลังการสูญเสีย นอกจากนี้ยังมีธีมเรื่องราวของอัตลักษณ์และการตกผลึกตัวตน เมื่อคนถูกทิ้งให้เลือก ทางเดินก็ถูกตัดสินด้วยอดีตและพันธะทางสังคม เรื่องยังสะท้อนปัญหาความเหลื่อมล้ำและความคาดหวังจากครอบครัว การเมืองท้องถิ่น หรือความเชื่อแบบดั้งเดิม ที่กดทับความต้องการส่วนตัวของตัวละคร การใช้สัญลักษณ์ เช่น เสียงน้ำ เส้นทางเก่า หรือวัตถุในบ้านเก่า ช่วยขับเน้นความรู้สึกไม่สิ้นสุดของความทรงจำและความเสียใจ
สำนวนของผู้เขียนค่อนข้างละเอียดอ่อนและมีลมหายใจ บทสนทนามีน้ำหนักแม้จะเป็นคำพูดสั้นๆ ทำให้ตัวละครมีมิติ ส่วนโทนเรื่องผสมทั้งเศร้า อ่อนโยน และเฉียบคมในบางจังหวะ โดยรวมแล้วอ่านแล้วรู้สึกอบอุ่นแปลกๆ เหมือนถูกปลอบด้วยเรื่องเล่าที่ไม่ยัดเยียดคำตอบให้เสมอ ฉันชอบวิธีที่งานเล่มนี้ไม่ผลักผู้อ่านไปทางใดทางหนึ่ง แต่เปิดพื้นที่ให้คิดถึงรายละเอียดเล็กๆ ของชีวิต จบเรื่องแล้วยังคงนึกถึงเสียงของคนที่เคยผ่านมาในชีวิต เหมือนฝากความเศร้าและความหวังไว้ข้างกันอย่างแน่นแฟ้น