เริ่มจากฉากเปิดที่ท้องฟ้าผืนน้ำกลายเป็นสนามรบ ฉากนั้นบีบหัวใจจนทำให้ผมหยุดอ่านไม่ได้—การท้าทายของโลกใน 'เทียบท้า
ปฐพี' เริ่มจากการพบร่องรอยพลังโบราณที่ทำให้หลายฝ่ายต้องขยับตัวอย่างเงียบๆ
เส้นเรื่องหลักเดินตามการเติบโตของตัวเอกที่มาจากพื้นเพธรรมดา แต่ถูกผูกติดกับเวรกรรมหรือพลังเก่าแก่ เขาต้องเรียนรู้ทั้งศิลป์การต่อสู้และการเมืองของอาณาจักร ซึ่งไม่ใช่แค่การฝึกฝนเพื่อชนะศัตรู แต่ยังหมายถึงการเข้าใจข้อจำกัดของตัวเองและเลือกฝ่ายที่ควรเชื่อใจ ระหว่างทางมีพันธมิตรแปลกหน้า สถาบันโบราณที่ซ่อนความลับ และตัวร้ายที่มีแรงจูงใจซับซ้อน—บางคนไม่ใช่คนเลวเพราะชั่ว แต่เพราะถูกระบบบีบให้เป็นเช่นนั้น
จุดไคลแม็กซ์คือการปะทะระหว่างพลังแห่งอดีตกับเจตจำนงของปัจจุบัน เมื่อต้องตัดสินใจว่าจะใช้พลังเพื่อยึดครองโลกหรือฟื้นฟูให้สมดุล เรื่องราวไม่จบลงที่การต่อสู้ทางกายเพียงอย่างเดียว แต่ขยายไปถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงสังคมและการเป็นผู้ใหญ่ของตัวเอก แนวทางการเล่าเตือนให้คิดถึงความเทาในศีลธรรม คล้ายความรู้สึกเมื่ออ่าน '
fullmetal alchemist'—มีทั้งฉากดาร์กและช่วงพีคที่ให้ความหวัง ผมชอบที่
งานเขียนไม่ยัดคำตอบสำเร็จรูปให้ แต่ปล่อยให้บทสรุปของโลกและชะตากรรมของตัวละครค่อยๆ กระจ่าง ผ่านการตัดสินใจที่เจ็บปวดและความเสียสละที่มีค่า