นึกภาพว่าการเล่าแบบนิยายที่เน้นความเงียบในหัวตัวละครถูกแปลงเป็นภาพเคลื่อนไหวบนหน้าจอ—นั่นคือ
จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงใหญ่ ๆ ที่ผู้สร้างจะต้องตัดสินใจเมื่อเอา 'when the phone rings' ไปทำเป็นซีรีส์
การเปลี่ยนจากเสียงบรรยายภายในหัวมาเป็นภาพคือความท้าทายแรกสุด เพราะสิ่งที่นิยายทำได้ง่าย ๆ ด้วยบรรทัดเดียว อาจต้องใช้ทั้งภาพ เสียง และจังหวะการตัดต่อเพื่อสื่ออารมณ์เดียวกัน ฉันคงเลือกใช้ฉากสั้น ๆ ที่เป็นสัญลักษณ์ซ้ำ ๆ—ภาพโทรศัพท์ที่สั่น แสงที่เปลี่ยน เสื้อผ้าที่เปื้อน—มาช่วยแทนคำบรรยาย และจะให้ตัวละครบางคนมีมุมมองที่แตกต่างกันในแต่ละตอน เพื่อรักษาความหลากหลายของเสียงเล่าเรื่องโดยไม่ทำลายธีมหลัก
อีกประเด็นคือโครงสร้างเรื่อง: นิยายมักมีจังหวะขึ้นลงแบบจบในแต่ละบท แต่ซีรีส์ต้องแลกด้วยความต่อเนื่องและจุดพีคที่กระชากคนดูตอนท้าย ตอนจบของแต่ละตอนอาจถูกดัดแปลงให้มีคลิฟแฮงเกอร์หรือเบาะแสใหม่เพิ่มเข้ามา เพื่อให้ผู้ชมอยากกดดูตอนต่อไป ฉันเชื่อว่าการขยายความสัมพันธ์ตัวรองบางคนจะทำให้เรื่องมีพลังมากขึ้นในทีวี เช่นฉากที่หนังสือบรรยายสั้น ๆ อาจถูกแผ่เป็นบทสนทนายาว ๆ ที่เผยความขัดแย้งหรือความลับของตัวละคร
สุดท้ายงานภาพและซาวด์ทรายจะเป็นตัวกำหนดโทนเรื่องมากกว่าที่คิด ดนตรีและตีฟุตเทจใกล้ ๆ ใบหน้าเป็นเครื่องมือสำคัญในการถ่ายทอดความตึงเครียดที่นิยายใช้คำพูดทำ นักแสดงและการคัดเลือกนักแสดงเสริมจะเปลี่ยนวิธีที่คนดูผูกพันธ์กับตัวละครได้โดยสิ้นเชิง ฉันมักนึกถึงงานดัดแปลงอื่น ๆ อย่าง 'The Handmaid's Tale' ที่ขยายความและปรับโทนให้เข้ากับสมัยใหม่ หรือภาพยนตร์อย่าง 'Battle Royale' ที่เลือกตัดและเปลี่ยนจังหวะเพื่อให้พลังงานภาพเข้มข้นขึ้น ถ้าผู้สร้างยึดใจความสำคัญของ 'when the phone rings'—ซึ่งเป็นการสอบสวนความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับเหตุการณ์ที่ดูเล็กแต่เปลี่ยนชีวิต—การดัดแปลงที่ดีจะไม่ละทิ้งธีม แต่เลือกภาษาภาพและการจัดโครงเรื่องที่ทำให้ทีวีเล่าได้อย่างมีพลังขึ้นกว่าเดิม