เราเดินผ่านกองไฟสปอตไลต์แล้วได้กลิ่นกาแฟกับน้ำยาวางชุด—เช้านี้ทีมงานกำลังเร่งถ่าย 'วันนี้วันไหน...ยังไงก็เธอ' ฉากหลักที่เปิดกล้องคือฉากดาดฟ้าซีเควนซ์ความยาวประมาณสามนาที (ฉากที่ 12 ในสคริปต์) ที่นางเอก 'มน' ต้องสารภาพความในใจ
ท่ามกลางลมแรงและไฟแบ็คไลท์ ทีมกำกับเลือกใช้แครนและลูปกล้องเพื่อให้ได้การเคลื่อนไหวต่อเนื่องแบบไม่มีตัดมากนัก ซึ่งทำให้ทุกคนบนกองเกร็งไปกับจังหวะเดียวกัน
ภาพที่เด่นสำหรับฉากนี้คือแสงสีส้มจากโคมไฟถนนที่ตัดกับฟ้าสีเทา นักแสดงต้องเล่าอารมณ์หนักๆ โดยมีน้ำฝนเทียมช่วยเพิ่มมิติ บรรยากาศจริงจังแต่มีจังหวะของการหัวเราะเงียบเมื่อทีมเทคสำรองผิดจังหวะ ทำให้ทุกเทคมีความไวต่ออากัปกิริยาเล็กๆ ของนักแสดงมากขึ้น ฉันมองเห็นช่างไฟปรับกิมมิคให้เข้ากับใบหน้า บรรณาธิการคงจะชอบช็อตระยะใกล้ที่ฉากนี้ให้อยู่ในโทนถ่ายเดียวแบบ 'La La Land' แบบฉากเต้นที่ยาวติดต่อกัน—ไม่เหมือนกันตรงเนื้อหาแต่วิธีใช้กล้องสื่ออารมณ์คล้ายกัน
อีกฉากที่ถ่ายในช่วงบ่ายคือฉากคาเฟ่ (ฉากที่ 5) ซึ่งพระเอก 'ต้น' ต้องคุยแบบเงียบๆ กับเพื่อนเก่า ทีมถ่ายเลือกกล้องมือถือเพื่อความเป็นธรรมชาติ และมีการใช้ไมโครโฟนบูมจ่อไว้ใกล้ ๆ ทำให้เสียงการกระดิกถ้วยกาแฟหรือเสียงหายใจถูกขยายเป็นส่วนสำคัญของบท ฉากนี้สั้นกว่าแต่ต้องการความละเอียดในความสัมพันธ์ คนแต่งหน้าและเครื่องแต่งกายปรับโทนเสื้อให้ดูผ่อนคลายมากขึ้นเพราะฉากต้องการความอบอุ่นเล็กๆ ก่อนที่เรื่องจะปะทะจุดหักมุมในตอนหน้า
ตอนเย็นทีมเปลี่ยนไปถ่ายช็อตคัทของนักแสดงประกอบที่มีบทสั้นๆ แต่สำคัญต่อการเล่าเรื่อง ความตั้งใจของทั้งกองเห็นได้ชัด—ไม่ว่าจะเป็นซีนยาวที่ต้องคุมจังหวะทั้งกล้องและนักแสดง หรือตอนที่ต้องจับความละเอียดยิบย่อยของการแสดงเล็ก ๆ วันแบบนี้ทำให้รู้สึกว่าการทำหนังไม่ได้เป็นแค่การผลักเซ็ตไปเซ็ตมา แต่เป็นการเย็บรายละเอียดจนเป็นผืนผ้าใบที่เราทุกคนเห็นเป็นตอนๆ ไป แล้วก็มีความอบอุ่นแปลกๆ เหมือนรู้ว่าในตอนหนึ่งของเรื่องมีคนลงแรงหลายคนเพื่อให้ฉากเดียวทำงานได้อย่างทรงพลัง