.
.
หลังเลิกงาน
อลิซยืนรอเพื่อนของตนที่บอกว่าจะมารับตั้งแต่ห้าโมงครึ่งจนตอนนี้ก็ปาไปหกโมงครึ่งแล้ว แต่กลับไม่เห็นวี่แววของเพื่อนสนิทตนเลย เธอยืนยกนาฬิกาขึ้นมาดูแทบจะทุกสิบนาทีหลังจากที่เลยเวลานัดพร้อมกับสายตาสอดส่องไปทั่วบริเวณแอบหวังว่าเขาอาจจะมาช้านิดหน่อยเพราะติดงานก็ได้ อลิซโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพร้อมกับแชทหาเพื่อนสนิทอีกครั้ง
อลิซ - อยู่ไหนแล้ว กูยืนรออยู่หน้าบริษัท
อลิซ - ถ้ามึงไม่ว่างก็บอกกูได้นะ กูกลับเองได้
เธอมองหน้าจอกับข้อความที่เพื่อนของเขาไม่มีแม้แต่จะอ่านเลยด้วยซ้ำ ไม่ว่าเธอจะโทรหาไปกี่รอบแต่เขาก็ไม่รับสายจนเธอไม่รู้ว่าควรจะรอหรือกลับเลยดี ที่ยังไม่กลับเพราะนัดเรื่องคุยงานกันไว้ เธอจึงคิดว่ารออีกหน่อยจนตอนนี้ก็จะปาไปหกโมงครึ่งแล้วก็ยังไม่เห็นวี่แววเลยแม้แต่น้อย
“พี่ลิซยังไม่กลับหรอครับ?”
อลิซหันไปตามต้นเสียงที่เอ่ยทักขึ้น เธอยิ้มบางๆ ไม่ได้ตอบอะไร ต้นชาเดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับยืนรออยู่ข้างๆ เธอเงียบๆ ด้วยรอยยิ้มจนอลิซเองก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงต้องมายืนรอด้วยกันกับเธอแบบนี้
“ทำไม...”
“ผมได้ยินพี่คุยกับเพื่อน เห็นบอกว่าจะมารับ”
“แล้ว? ทำไมนายยังไม่กลับ?”
“อ๋อ...ผมมีงานค้างนิดหน่อยน่ะครับ เลยล่วงเวลามา”
“งั้นหรอ...กลับก่อนก็ได้นะต้นชา พี่ก็ว่ากลับแล้วล่ะ งานเขาน่าจะเลท”
“ไปรถผมไหม? เดี๋ยวแวะส่ง..”
“ไม่เป็นไรหรอก พี่กลับเองได้”
“ผมผ่านพอดีน่ะครับ คอนโดพี่ถึงก่อนคอนโดผมนิดเดียวเอง”
ต้นชาพูดด้วยรอยยิ้มเช่นเคย อลิซที่ตอนแรกเกรงใจเพราะคิดว่าอาจจะอยู่คนละทางจึงพยักหน้ารับเมื่อรู้ว่าอยู่ทางเดียวกัน และไหนจะสีหน้าท่าทางที่ดูเต็มอกเต็มใจว่าจะได้ไปส่งเธอนั่นอีกจึงทำให้เธอยอมเดินตาต้นชาและขึ้นรถเขาไป
แซมที่กำลังจะขับรถเข้ามาจอดหน้าบริษัทก็เห็นว่าอลิซนั่งอยู่ในรถที่ขับสวนออกไป เขาจึงรีบยกโทรศัพท์โทรหาอนณทันทีทันใด แต่เขากลับไม่รับสายซะอย่างนั้นจึงทำได้แค่ทิ้งข้อความไว้
แซม - ลิซกลับไปแล้ว กับใครก็ไม่รู้ผู้ชาย...กูมาไม่ทันโทษทีว่ะ
00:00 น.
ครืดดดดด ครืดดดดด
เสียงโทรศัพท์ที่อยู่บนหัวเตียงสั่นไม่หยุด หญิงสาวที่กำลังหลับใหลสะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์พร้อมกับปรือตามองหน้าจอที่ขึ้นชื่อผู้โทรก่อนจะลุกขึ้นมานั่งแล้วกดรับสายด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
“อือ...ว่า”
(มึงนอนแล้วหรอ?)
“นี่มันกี่โมงแล้วอนณ”
(เที่ยงคืน)
“กูรู้...หมายถึงมึงมีอะไร กูจะนอน”
(เปิดประตูหน่อย)
“ประตูอะไรของมึง รหัสห้องมึงก็รู้”
(กูหมายถึงห้องนอน)
อลิซมองหน้าประตูก่อนจะเดินสะลึมสะลือไปเปิดประตูห้องอย่างว่าง่าย ก็เห็นว่าเพื่อนชายคนสนิทยืนอยู่หน้าห้องของเธอจริงๆ แต่ที่น่าแปลกคือเขายังคงอยู่ในชุดเหมือนเมื่อเช้าไม่มีผิดเพี้ยน
“มีอะไร มากวนกูดึกๆ”
“เมื่อเย็นมึงกลับกับใคร?”
“มึงจะมาถามแค่เนี๊ยะ?”
“ทำไมมึงไม่รอไอ้แซม กูใช้ให้มันไปรับแต่มันบอกว่ามาไม่ทัน มึงไปกับคนอื่นแล้ว”
“แล้วทำไมมึงไม่มารับ มึงเป็นคนนัดกูไว้ไม่ใช่หรอ?”
คำถามที่เหมือนไม่ได้คิดอะไรเพราะความง่วงนอนของอลิซทำให้อนณชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ถึงเขาไม่พูดเธอก็พอจะรู้เหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่ยอมมาตามนัด ไม่ใช่ว่าติดงานหรืออะไรทั้งนั้น แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องที่เธอเคยชินและเป็นเรื่องปกติของอนณไปแล้ว ในกลุ่มเพื่อนๆ ก็รู้ดีเป็นที่สุด
“ธุระ”
“เออ เรื่องของมึงเถอะ”
“นี่มึงย้อนกูหรอ”
“มึงก็เป็นแบบนี้ตลอดอยู่แล้ว จะให้กูทำไงได้”
“มึงไม่โกรธกูหรอที่ผิดนัด”
“ไม่อ่ะ กูชินแล้ว”
“แล้วสรุปมึงมากับใคร”
“กูจะมากับใครมันก็เรื่องของกูป่ะ ทีกูยังไม่ยุ่งเรื่องมึงเลย”
อลิซพูดพลางขมวดคิ้วเล็กน้อยที่คนตรงหน้าเอาแต่เค้นถามเธอว่าเธอให้ใครมาส่ง ทั้งที่เขาเองผิดนัดไปนอนจ้ำจี้มะเขือเปราะกับผู้หญิงแท้ๆ ยังมีหน้ามาตีหน้าเข้มถามเธออีก พออลิซพูดอย่างนั้นอนณก็ทำได้แค่นิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น เพราะเถียงไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ อลิซไม่เคยยุ่งเรื่องของเขาเลย ไม่เคยสนใจด้วยซ้ำ
“มึงมีอะไรอีกไหม? กูจะนอน...พรุ่งนี้มีงานเช้า”
“ไม่มี”
“ไม่มีก็กลับห้องไปได้แล้ว”
“กูอยากแดกเหล้า...แดกเป็นเพื่อนหน่อย”
“ฮะ? ตอนนี้เนี่ยนะ? มึงตลกอะไรเนี่ย?”
“กับเพื่อนไม่ได้หรอ?”
“กูต้องตามใจนิสัยเอาแต่ใจของมึงไหม?”
อนณไม่ตอบคำถามของอลิซแต่กลับคว้าข้อมือของเธอเดินไปยังโซฟาแทนก่อนที่ตนจะเดินเข้าโซนครัวเพื่อไปหยิบไวน์และแก้วสองใบมาแล้วนั่งลงข้างๆ เธออย่างเงียบๆ อนณรินไวน์ทั้งสองแก้วพร้อมกับยื่นให้อลิซที่ยังนั่งทำหน้างงอยู่แต่ก็รับแก้วมาแต่โดยดี สายตาดวงสวยปรายตามองเพื่อนสนิทอย่างสงสัยก่อนจะอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้น
“เครียดอะไรมาอีก?”
“เปล่า...แค่อยากดื่ม”
“อ่า”
“แค่นั้น? มึงไม่ถามหรอว่ากูไปกับใครมา?”
“อยากเล่าก็เล่า ไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่า”
“มึงนี่เป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ”
คำชมที่ออกจากปากของเขาแต่เต็มไปด้วยน้ำเสียงประชดประชัน ที่เพื่อนสาวไม่เคยมองเขาเป็นอื่นเลย ซ้ำคำพูดยังตอกย้ำได้อย่างดีว่าเธอคิดกับเขาแค่เพื่อน อลิซเห็นเพื่อนไม่สบอารมณ์เท่าไหร่จึงถอนหายใจยาวพร้อมกับถามขึ้นอย่างที่เขาต้องการ
“รอบนี้กับดาราคนไหนอีกอ่ะ?”
“ก็นางเอกที่เล่นละครด้วย”
“คนเดียว?”
“ตัวประกอบอีกคน ช่วงก่อนจะกลับมานี่”
“มึงนี่ก็เหี้*ใช้ได้นะ”
“กูก็อยากเลิกเหี้*นะ...แต่...”
สายตาคมปรายตามองไปยังเพื่อนสาวที่ยกแก้วไวน์ดื่มอย่างไม่สนใจเขา ก่อนที่คำพูดของเขาจะกลืนลงคอไป เพราะพูดไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไร อนณเลือกที่จะยกไวน์ขึ้นมาดื่มทีเดียวจนหมดแก้วแทน
“แล้วบอกกูได้ยัง? ว่าใครมาส่ง”
“รุ่นน้องที่ทำงานอยู่ทีมเดียวกัน”
“ผู้ชาย?”
“อืม”
“มันจีบมึงหรอ?”
“แค่กๆๆ ...”
อลิซสำลักทันทีที่อนณพูดถามเสียงเข้มเหมือนไม่พอใจ และเหมือนอยู่ในเหตุการณ์ที่คนในทีมพูดคุยกันเมื่อเช้า ก่อนจะหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทที่นั่งทำหน้าตึงใส่เธอ
“เรื่องส่วนตัวกู”
“แค่นี้บอกกูไม่ได้?”
“โอ๊ย! ถ้าน้องมันจีบแล้วมึงจะทำไมล่ะ?”
อลิซพูดขึ้นเมื่อเพื่อนสนิทของเธอเริ่มขึ้นเสียง แม้พวกเธอจะสนิทกันแต่ก็ยังคงด่ากันไม่เว้นวัน อยู่ด้วยกันนานๆ เป็นทะเลาะ ยกเว้นตอนอลิซเมาเท่านั้นที่เธอจะไม่กวนประสาทเขา แต่เขาเองก็ใช่ย่อยเรื่องปากดีนี่ที่หนึ่ง แต่รอบนี้ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้รู้สึกหงุดหงิดไปหมดขนาดนี้
เขารู้ว่าเขารู้สึกพิเศษกับอลิซ แต่ก็คิดว่าเป็นห่วงเพราะเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มและอยากให้เธอสนิทกับเขามากที่สุดและเขาอยากเป็นเพื่อนคนสำคัญที่สุดสำหรับเธอ นั่นคือคำว่าเพื่อนที่เขาอยากได้จากอลิซ ยิ่งคนอื่นมองว่าเขากับอลิซตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋เขายิ่งรู้สึกดี เพื่อนแบบนั้น...
“ก็ไม่ทำไม...ต้องให้กูแสกนก่อน”
“มึงอย่ามาบ้า มึงเป็นพ่อกูหรือไง?”
“ถ้ามึงเจอคนไม่ดีทำไง?”
“อันนั้นมันก็ปัญหาของกูแล้วนณ อีกอย่างน้องมันก็เป็นคนดี”
“เหอะ....”
อนณแค่นหัวเราะก่อนจะคว้าไวน์ยกกระดกทั้งขวดด้วยความหงุดหงิดที่อลิซไม่ยอมเข้าใจว่าเขาเป็นห่วงเธอแค่ไหน อลิซมองเพื่อนสนิทด้วยสีหน้าไม่เข้าใจเพื่อนของเธอเช่นเดิม
“กูถามจริงๆ มึงมาห้องกูแล้วมาแดกไวน์นี่มึงเป็นอะไร?”
“กูเป็นห่วงมึง ทำอะไรมึงชอบไม่บอกกู”
“มึงก็ไม่บอกกูนะ กูโทรไปมึงก็ไม่รับ”
“กูไม่รับมึงก็น่าจะรู้อยู่แล้วไหม?”
“อย่างน้อยมึงก็แชทยกเลิกนัดกูทิ้งไว้ก็ได้ กูไหมที่ควรหงุดหงิด”
“ก็มึงเป็นแบบนี้ไง ใจเย็นเกินไป”
อลิซฟังคำพูดของเพื่อนสนิทของเธอที่เริ่มพูดไม่รู้เรื่องและไม่มีแม้แต่คำขอโทษก็พาลหงุดหงิดขึ้นมาทันที การที่เธอใจเย็นเพราะเธอไม่อยากก้าวก่ายเรื่องของเขามากไปจนน่ารำคาญก็เท่านั้น เพราะเธอเองก็ไม่ได้มีสิทธิ์อะไรนอกจากคำว่าเพื่อน และเธอก็ไม่รู้ว่าเขาต้องการคำว่าเพื่อนที่เป็นแบบไหนจากเธอกันแน่ อลิซกัดฟันแน่นก่อนจะแย่งขวดไวน์จากมืออนณแล้วยกขึ้นมาดื่มแทนเขา เพื่อให้มันช่วยระงับความหงุดหงิดที่เพื่อนสนิทจอมเอาแต่ใจของตนได้พูดออกมา
“ถ้าหมดขวดนี้มึงจะกลับห้องใช่ไหม?”
“ทำไมรีบไล่?”
“กูมีงานเช้า กูพูดไปแล้วนะ”
“กูไปส่ง”
“ไม่ กูจะไปเอง”
“ยังไงกูก็ต้องเข้าไปเซ็นสัญญาอยู่แล้ว”
“ต่างคนต่างไป จบแยก”
พูดจบอลิซก็ลุกขึ้นเมื่อไวน์หมดขวดเพราะเธอยกดื่มเองจนหมด อนณมองตามอลิซเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่พูด จนเพื่อนสาวตัวเล็กเดินเข้าห้องไปและเตรียมจะปิดประตูหนีเขา ร่างกายไปไวกว่าความคิดเขารีบเดินไปดันประตูที่กำลังจะปิดลงไว้ อลิซเงยหน้ามองคนตัวสูงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเคือง
“อะไรอีก”
“เอ่อ...ขอโทษ”
น้ำเสียงทุ้มที่เคยเข้มและดุดันเมื่อครู่กลับแผ่วเบาลงจนแทบจะไม่ได้ยิน อลิซขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ตอบกลับอะไรไป จนคนตัวสูงเริ่มไม่แน่ใจว่าเธอได้ยินหรือเปล่า
“ก็บอกว่าขอโทษไง”
“อืม”
“กูนอนนี่ได้ไหม?”
“โซฟาอ่ะหรอ? แล้วแต่มึง”
“ในห้อง”
“ฮะ?”
“นอนกับมึง”
คำพูดและสายตาที่จริงจังจ้องมองใบหน้าสวยไม่วางตา อลิซที่ได้ยินอย่างนั้นก็ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที บรรยากาศแปลกๆ ที่แตกต่างออกไปจากทุกที่เริ่มทำให้เธอหวั่นใจไม่น้อย ปากเรียวเล็กไม่แม้จะปฏิเสธออกมาได้อย่างใจ
.
.
“สรุปพวกมึงยังไง?” - แทนไท ลุคค์ แซม พูดขึ้นพร้อมกัน“อ้าว พวกมึงยังไม่รู้หรอ?” -จีซัส“ถามไอ้ลิซดิ” -อนณ“อ้าว ทำไมโยนมาให้กูอ่ะ” -อลิซ“พูดกับผัวดีๆ ดิ” -อนณ“อะไรของมึง อนณมันปล้ำกูไงเลยต้องยอม” -อลิซ“อ้าว! ไอ้เหี้*นณ” ทุกคนหันไปคาดโทษอนณก่อนจะรุมต่อยเขาหยอกๆ จีซัสเองก็ไม่วายร่วมวงด้วย อนณเอามือกันตัวเองพร้อมกับหัวเราะออกมาก่อนจะหันไปสบตากับจีซัส“มึงรู้แล้วไม่ใช่หรอไอ้จี” -อนณ“เออ แต่อยากร่วมวงด้วย” -จีซัส“มึงนี่ตัวดีเลยไอ้หมอ” -ลุคค์“กูเปล๊า” -จีซัส“กูไม่ได้ปล้ำมัน ไอ้ลิซมันเรียกกูไปหาเอง” -อนณ“พวกมึงจะเชื่อกูหรือเชื่อมันอ่ะ” -อลิซ“ไม่เชื่อทั้งคู่อ่ะ พอๆ กันเลยพวกมึงสองตัว” ทุกคนพูดขึ้นพร้อมกันแล้วส่ายหน้า อลิซมองดูทุกคนอย่างยิ้มๆ ภายในใจคิดว่าไม่อยากให้บรรยากาศอย่างนี้หายไปเลย พวกเพื่อนๆ คือสิ่งที่เธอเหลืออยู่“ถ้ากูคบกับอนณพวกมึงจะเปลี่ยนไปไหม?” -อลิซ“มึงพูดอะไรของมึง เพื่อนนะไม่ใช่ผัว” -จีซัส
“พี่อลิซ!...คุณอนณ..” ต้นชาหันไปเห็นอลิซก่อนจะเรียกชื่อของเธอ สายตาของเขาเลื่อนไปที่มือของอลิซที่อนณจับกุมไว้แน่น ก่อนจะเรียกชื่อพี่ชายต่างแม่ด้วยท่าทีที่ไม่สบอารมณ์นัก เมื่อพวกเขาเดินจับมือกันเข้ามาในห้องพักรักษาตัวของผู้เป็นพ่อ“แก! แกยังจะกล้าทำแบบนี้กับอลิซอีกหรอ!! ไอ้เลว!!” อิ่มอุ่นผู้เป็นแม่เลี้ยงเดินเข้าไปหาทั้งคู่พร้อมกับทำท่าจะพุ่งเข้าไปดึงตัวของอลิซออกมา แต่อนณกลับดึงอลิซไปข้างหลังแล้วเอาตัวบังไว้ เขาโน้มตัวลงไปกระซิบเสียงเบากับผู้เป็นแม่เลี้ยงจนทำให้สีหน้าของเธอนั้นถึงกับตกใจ“ถ้าไม่อยากให้ลูกชายของคุณรู้ความจริงก็อย่าเสียงดังไป...ยายชุลีบอกผมหมดแล้ว เรื่องนี้ผมจะบอกพ่อเอง อย่ายุ่ง!”“แก! กล้าดียังไงมายุ่งกับลูกสาวของฉัน!!”“ฉันไม่ใช่ลูกสาวของคุณตั้งแต่วันที่คุณทิ้งฉันไว้กับยายแล้วค่ะ ฉันเป็นแค่ลูกสะใภ้ของคุณเท่านั้น” อลิซพูดพร้อมกับน้ำตาเอ่อคลอ แต่ก็พยายามกลั้นไม่ให้มันไหลลงมาอาบสองแก้ม อิ่มอุ่นมองลูกสาวของตนอย่างเจ็บปวดแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอทำแบบนั้นกับลูกสาวจริงๆ“แม่...แม่ขอโทษ
“พ่อมึงปลอดภัยแล้ว” จีซัสเดินเข้ามาบอกเพื่อนของเขาที่นั่งก้มหน้าคอตกอยู่หลังจากออกมาจากห้องฉุกเฉินมาพร้อมกับบ่าอนณเบาะๆ เพื่อปลอบใจ อนณเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนด้วยสีหน้าที่ดูเศร้าและเพื่อนของเขาคิดว่าไม่น่าใช่เรื่องของพ่ออย่างเดียว“ไปคุยกับกูที่ห้องทำงานก่อนไหม?”“อืม”จีซัสพูดขึ้นก่อนจะเดินนำไปที่ห้องทำงานของเขาโดยมีอนณเดินตามหลังไป ปล่อยให้ต้นชาและแม่อิ่มนั่งเฝ้ารอพ่อของเขาออกจากห้องฉุกเฉิน เหมือนโชคชะตาเล่นตลกที่นำพาครอบครัวของเขาและอลิซมาเจอกัน ดันมาอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน อนณคิดไม่ออกเลยว่าถ้าเจอกันมันจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก คนที่น่าสงสารมากที่สุดคงไม่พ้นอลิซที่ตอนนี้ขึ้นชื่อว่าน้องสาวของเขา และเขากลับเอาน้องสาวตัวเองทำเมีย“มีเรื่องอะไร?”“พ่อกูบอกว่าอลิซ....เป็นน้องสาวกู..”“ฮะ?! ถ้าเป็นอย่างนั้นเหี้*มากนะ”“กูสิเหี้* ...ก็กูไม่รู้” อนณพูดก่อนจะน้ำตาไหลพรากออกมาหลังจากที่กลั้นมานาน มือหนากุมขมับปิดบังหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตา จีซัสถอนหายใจก่อนจะตบบ่าเพื่อนอีกครั้ง นี่คงเป็นครั้ง
“กูรักมึง...เกินคำว่าเพื่อนมาตั้งนานแล้ว”“.........”“แต่กูแค่พยายามหลอกตัวเองไง เพราะเหมือนยังไงมึงก็ไม่มองกูเป็นอื่น”“แล้วทำไม...”“เพราะกูข้ามเส้นนั้นมาเอง ไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อนคู่ขา หรืออะไรอย่างนั้นนอกจากแฟนมึง”“อนณ...”“ตั้งแต่ได้กับมึงมากูไม่คิดอยากจะไปเอากับใครอีกเลย...กูสัญญาว่าจะไม่แรดอีก”“คือ...”“คบกับกูได้ไหม?”“มึงคือว่า....”“เป็นแฟนกันเถอะนะ”“ไม่ได้...” อลิซมองหน้าเพื่อนสนิทที่ทำหน้าจริงจัง และเธอก็รู้แล้วว่าเขารู้สึกยังไง น้ำตาเอ่อคลอเบ้าตอบออกไปเสียงแผ่ว ก่อนจะเบือนหน้าหนีหลบสายตาเพื่อนของตน“ทำไม? ...ลิซ มองหน้ากูแล้วตอบ”“อนณ...มึงมีคนที่ต้องแต่งงานด้วยอยู่แล้ว” อนณเอื้อมมือไปจับใบหน้าสวยนั้นให้หันกลับมามองเขา อลิซตอบทั้งน้ำตา คิ้วเข้มขมวดแน่นเมื่อได้ยินคำพูดนั้น สีหน้าที่จริงจังในตอนแรกเปลี่ยนเป็นดุดันเต็มไปด้วยความโกรธ ก่อนจะเข้นเสียงลอดไรฟันถามเพื่อนสาวอย่างใจเย็น“มึง...ไปเจอพ่อกูมาใช
“ขอโทษนะครับ ช่วยหลีกทางหน่อย” อนณพูดอย่างไม่คิดจะสนใจผู้หญิงตรงหน้า ไม่ว่าเธอจะบิดม้วนต้วนเป็นไข่ม้วนพร้อมกับส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มให้เขาแค่ไหนก็ตาม ถ้ายุ่งเรื่องมันก็เหยิงไปกว่านี้“อะ...เอ่อ...คือว่า...”“.........”“พี่ลิซไม่มาด้วยหรอคะ? พอดีมีเรื่องจะคุยกับพี่ลิซเรื่องงาน”“ไม่มาครับ” อนณตอบเสียงเรียบพร้อมกับเบนสายตาไปทางอื่นแทน สาวเจ้าก็ยังคงทำท่าขวยเขินใช้แขนบีบอกให้ชิดติดกันจนเป็นร่อง เสื้อยืดเจ้าหล่อนก็คอลึกเสียเหลือเกิน นั่นคือสาเหตุที่อนณไม่มอง“งั้นพานุ่นไปที่คอนโดด้วยได้ไหมคะ? นุ่นว่าจะนั่งแท็กซี่ไปแต่ไม่รู้ทางเลย”“คงจะไม่ดีมั้ง”“นะคะ...นุ่นไม่รู้ทางจริงๆ” หญิงสาวพูดก่อนจะกระโดดเข้าเกาะแขนอนณอย่างตั้งใจให้เจ้าอกเจ้าเต้าของตนชนแขนเขา อนณผงะตัวออกเล็กน้อย ก่อนจะมองหน้าสาวอย่างไม่สบอารมณ์นัก มารับปากก็คงจะเกาะไม่ปล่อยแน่ๆ“เข้าใจแล้ว...ช่วยปล่อยมือด้วย” อนณตอบพร้อมกับขมวดคิ้วแน่นมองหน้าหญิงสาวและแขนของเขาสลับกันเป็นเชิงบอก นุ่นมองหน้าอนณพร้อมกับยิ้มก่อนจะยอมปล่อ
“จะรีบเสร็จก่อนกูได้ยังไง...นี่พึ่งเริ่มเองนะ” เขายกยิ้มร้ายก่อนจะจับกำแก่นกายใหญ่ของตนที่กำลังตื่นตัวเต็มที่พร้อมกับรูดมันเข้าออกอีกสองสามครั้งแล้วจับแก่นใหญ่นั้นจ่อปากทางแคบ เพื่อนสาวเบิกตากว้างพึ่งเห็นชัดๆ ว่ามันอลังการขนาดนี้ก็ตอนนี้แหละ...และคิดว่าไอ้นั่นหรอที่มันเข้าไปในกายเธอเมื่อคืน...“อ๊ะ!!! อ๊ายยย!! ยัง..เจ็บอยู่เลย...” อลิซถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อเขาจับไอ้แท่งนั้นยัดเข้าไปก่อนจะดันมันเข้าไปทีเดียวมิดลำ เขาทำหน้าเหยเกเพราะภายในยังคงรัดแน่นไม่คลาย ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า“อืมมมม...มึงอย่ารัดกูแน่นนักสิ...จะขยับไม่ได้อยู่แล้ว” เขาไม่พูดเปล่าพร้อมขยับสะโพกออกก่อนจะกระแทกเข้าไปอีกครั้งหนักๆ รอบนี้เขาจะไม่กัดฟันทนทำแบบเนิบๆ อีกต่อไป สะโพกหนาเริ่มโยกเป็นจังหวะที่เขาต้องการเพราะความคับแคบและบีบรัดแน่นทำให้เขาต้องขบกรามอย่างข่มอารมณ์“อ๊า! อ๊า!” เสียงครางใกล้ๆ หูทำเอาอารมณ์ของเขาคุกรุ่นกว่าเดิม ใบหน้าสวยของเพื่อนสาวยบิดเบี้ยวไปตามอารมณ์แรงราคะนั้นมันทำให้เขาอดใจไม่ไห