เสียงฝีเท้าของลิซ่าดังสะท้อนในโถงคฤหาสน์หรูเมื่อเธอก้าวออกจากห้องของน้องน๊อต ท่าทางเธอรีบร้อน ผิดแปลกจากปกติจนคีรินทร์หันมองด้วยแววตาเฉียบคม ลิซ่าโน้มตัวมากระซิบข้างหูเขา เพียงไม่กี่คำ ทำให้เส้นเลือดข้างขมับเขาเต้นตุบ
“เหยื่อติดเบ็ดแล้วค่ะ”
คีรินทร์ไม่พูดอะไร เขาหันหลังเดินตรงไปยังห้องทำงานด้วยสีหน้าเรียบสนิท แต่แววตาเย็นเยียบแทบทำลายทุกอย่างในทางที่ก้าวผ่าน
ประตูห้องทำงานปิดสนิท เสียงล็อกประตูดัง แกร๊ก ก่อนเขาจะกดรีโมตเปิดหน้าจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ที่ผนัง รายการไฟล์ภาพจากกล้องวงจรปิดปรากฏขึ้นเป็นแถว
นิ้วเรียวยาวของเขากดเลือกไฟล์ช่วงเวลาหนึ่ง — เวลาที่ลิซ่ารายงาน
ภาพในกล้องปรากฏใบหน้าที่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้ในกับดักของเขา… “มายด์”
เธอสวมแว่นกันแดดใหญ่ เดินจงใจตรงไปยังบริเวณโรงจอดรถด้านหลัง ซึ่งกล้องตัวที่เขาสั่งติดตั้งเพิ่มเป็นพิเศษจับภาพไว้ได้ชัดเจน เธอเดินเข้าไปหาใครบางคน — ลูกน้องของเขาในชุดลำลองที่ทำงานอยู่หน่วยความปลอดภัยภายใน
เสียงจากกล้องไม่มี แต่ภาพภาษากายบอกชัด...เธอยื่นซองเอกสารซองหนึ่งให้ชายคนนั้น กะพริบตาหวาน ส่งยิ้มเล็กน้อย แต่เต็มไปด้วยความเจตนา
“เธอคิดจะทำอะไร...มายด์?” คีรินทร์พูดกับตัวเองเสียงต่ำ ดวงตาคมกริบจับจ้องทุกท่าที
เขากดปุ่มเปิดเสียงจากไมค์ลับที่ฝังไว้ในบริเวณนั้น เสียงของมายด์แทรกเข้ามาในห้องเงียบๆ
“…แค่คอยรายงานว่าเขาไปไหน ทำอะไร กับใคร ฉันไม่ทำอะไรเมลินหรอกน่า แค่อยากรู้ว่าเขาคิดยังไงกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆ”
“...ไม่ใช่แค่เรื่องเมลินแน่ๆ” คีรินทร์พึมพำ ดวงตาคมเข้มฉายแววผิดหวัง แต่ไม่มีใครเห็นร่องรอยความเจ็บ เพราะมันถูกฝังไว้ใต้ใบหน้าเย็นชานิ่งสนิท
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดเบอร์ภายใน
“ออสการ์ เรียกเจย์เข้ามา มายด์ไปแล้วใช่ไหม”
“ครับบอส” เสียงตอบรับราบเรียบ
ไม่กี่นาทีถัดมา เจย์ ลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามาในห้อง คุกเข่าลงตรงหน้า
“ผมไม่ได้รับเงินจากเธอครับบอส ซองนั้น…ผมส่งให้ลิซ่าแล้ว และไมค์ก็บันทึกครบถ้วน”
คีรินทร์พยักหน้าเบาๆ แล้วหยิบปืนพกจากลิ้นชักมาวางบนโต๊ะ ดวงตาเขายังจ้องหน้าชายหนุ่มแน่นิ่ง
“รู้ใช่ไหมว่าถ้ามึงรับ มึงไม่ต้องมายืนตรงนี้แล้ว”
เจย์กลืนน้ำลาย “ผมรู้ครับ… ผมอยู่เพื่อปกป้องหลังบอส ไม่ใช่แทงหลังบอส”
คีรินทร์ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาโบกมือไล่ ก่อนจะลุกขึ้นมายืนหน้ากระจกสูงที่มองออกไปเห็นสนามหญ้า สายตาเหม่อลอยไปไกล
เขาเคยคิดว่ามายด์เป็นอีกคนที่เขาไว้ใจได้ รองมาจากภาคิน หลังจากเหตุการณ์ที่น้องชายเขาตายโดยไม่มีคำตอบ เธอคือคนที่อยู่ข้างๆ เขาในตอนที่เขาแทบลุกไม่ขึ้น... แต่ตอนนี้เธอคือคนที่พยายามสืบความเคลื่อนไหวของเขา...เพราะอะไร?
เธอแค่หึง...หรือเธอกำลังทำตามคำสั่งใคร?
เขากำหมัดแน่น ทั้งเจ็บ ทั้งโกรธ และปวดร้าวเกินจะเรียบเรียงได้ว่าอย่างไหนมาก่อน ความทรงจำดีๆ ถูกมายด์ลากมากระชากหัวใจเขาให้ขาดกระจุยทีละชิ้น
เขาหยิบภาพถ่ายใบนั้นขึ้นมา — ภาพถ่ายเก่าๆ ที่ถ่ายร่วมกันเมื่อหลายปีก่อน มายด์ยิ้ม...เขาไม่ยิ้ม แต่สายตาเขาในภาพคือคนที่เชื่อใจ
ตอนนี้...ความเชื่อนั้นถูกเผาทิ้ง
เสียงมือถือดังขึ้นขัดจังหวะความคิด เบอร์ของหมออคิน
“ว่าไง” น้ำเสียงของเขาเย็นเรียบ
“เมลินดูเครียดมาก อย่ากดดันเธอมากกว่านี้ เธอกำลังรักษาใจตัวเองอยู่”
“ใครกันแน่…ที่ควรรักษาใจ?” เขาถามกลับ ก่อนจะตัดสายโดยไม่รอฟังคำตอบ
ดวงตาของเขาเหลือบไปมองประตูที่นำไปสู่ทางเดินไปยังห้องของเมลิน
เธอ...คือผู้หญิงที่เขาไม่รู้จะเกลียดหรือห่วงก่อนดี
แต่ไม่ว่าจะเลือกทางไหน สิ่งที่เขารู้แน่คือ...
ไม่มีใคร...จะหลอกเขาได้อีก
คืนวันเดียวกัน...
เสียงเปิดประตูเบา ๆ ดึงเขาออกจากห้วงความคิด คีรินทร์ผินหน้ากลับมาทันทีที่ได้ยินฝีเท้าแผ่วเบาของเธอ เมลินยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องใต้ดิน ใบหน้าเธอยังซีดจากวันที่ยาวนาน ขอบตาบวมแดงเพราะร้องไห้กับลูก
เธอชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นเขานั่งรออยู่ในความมืดเพียงลำพัง แสงจากโคมไฟหัวเตียงทอดเงายาวจนเขาดูคล้ายเสือเงียบที่พร้อมกระโจน
เหมือนเวลาหยุดนิ่ง ความทรงจำของคืนก่อนย้อนกลับมาในหัวเธอพร้อมเสียงหัวใจที่เต้นระรัว เขาอยู่ตรงนั้น...แต่ความรู้สึกของเธอไม่เหมือนเดิม
“คีรินทร์…”
เธอเอ่ยชื่อเขาอย่างลังเล แต่ไม่ทันจะก้าวขาไปไหน เขาก็ลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ร่างสูงเดินเข้ามาหาเธอโดยไม่มีเสียงฝีเท้า ราวกับเงาสะกดเงา มือใหญ่คว้าข้อมือเธอไว้แน่นก่อนดึงให้ร่างบางล้มลงบนตักเขาอย่างไม่ให้ตั้งตัว
“มานั่งให้มันดี ๆ เมลิน” เสียงเขาทุ้มต่ำชิดริมใบหู
เมลินพยายามดันตัวออกแต่ถูกมืออีกข้างรวบมือไพล่หลังไว้แน่น แผ่นหลังแนบกับอกกว้าง ร่างเธอเกร็งทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร่างกายของเขาและแรงเต้นของหัวใจที่ไม่ปกติ มือหยาบกร้านของเขาเชยคางเธอขึ้นมา เธอจำต้องสบตากับดวงตาคมกริบที่เหมือนจะมองทะลุไปถึงหัวใจ
“ถึงเวลาที่เธอต้องพูดความจริงแล้ว ว่าทำไมถึงหนีฉันไป”
เมลินสั่นเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะความกลัวเพียงอย่างเดียว แต่เพราะหัวใจของเธอกำลังสั่นคลอน เธอก้มหน้าหลบสายตา หายใจไม่ทั่วท้อง ใจอยากจะพูด แต่ความกลัวกลับยิ่งรัดคอจนพูดไม่ออก
คีรินทร์เห็นเธอเงียบ ไม่ตอบ ไม่ปฏิเสธ เขาหรี่ตาลงก่อนโน้มหน้าลงขบเบา ๆ ที่ริมฝีปากล่างของเธอ
“อ๊ะ…!” เมลินสะดุ้ง เธอไม่ได้คาดว่าเขาจะทำแบบนี้ เจ็บ แต่ไม่พอให้เลือดไหล ทว่ามากพอจะทำให้เธอรู้สึกว่าถูกลงโทษ
“ฉันถามอะไร ทำไมไม่ตอบ หืม?” เสียงเขากดต่ำลงอีก สั่นแผ่วตรงข้างแก้ม
เมื่อเธอยังไม่ตอบอีก เขาก็โน้มตัวลงกัดที่ลำคอขาว ก่อนลากริมฝีปากลงมาจนถึงเนินอกผ่านเสื้อบาง เน้นแรงขึ้นทีละนิด ราวกับจะลอกเปลือกของเธอออกมาให้หมด
“อื้อ…!” เธอเผลอสะอื้นออกมา น้ำตาเริ่มเอ่อขึ้นมาจากแรงที่ปะทะทั้งเจ็บและเสียววาบในเวลาเดียวกัน
คีรินทร์กระซิบข้างหู ขณะที่มือยังกดรั้งเธอไว้แน่น
“ถ้าไม่พูด ฉันไม่รับประกันว่าจะยั้งมือได้อีก…”
คำพูดนั้นเย็นเยียบแต่ร้อนรุ่มเกินต้าน เธอสั่นไปทั้งตัว ใจเต้นแรงระส่ำจนหายใจแทบไม่ออก
เมลินสับสน เจ็บก็ใช่ กลัวก็ใช่ แต่สิ่งที่กัดกินเธอหนักกว่าคือความรู้สึก...เธออยากจะเชื่อว่าเขาทำไปเพราะยังรัก แต่ความรักแบบไหนกัน ที่ปะปนด้วยโทษทัณฑ์และน้ำตา?
คืนนั้นยังหลอกหลอนเธอไม่หาย…
“คะ…คีรินทร์…พอเถอะ…” เสียงเธอเบาราวกระซิบ แต่เขาไม่หยุด ร่างสูงผลักเธอลงไปนอนบนโซฟา ขึ้นคร่อมแล้วกดมือทั้งสองของเธอไว้เหนือหัว ใบหน้าคมโน้มลงมาชิดจนลมหายใจร้อนระอุเป่ารดกัน
เมลินสะดุ้งสุดตัว ก่อนจะเอ่ยเสียงสั่นทั้งน้ำตา
“…ฉันไม่เคยอยากหนี ถ้าฉันไม่มีใครที่ต้องปกป้อง…”
คีรินทร์ชะงัก
ดวงตาคมกริบเบิกขึ้นช้า ๆ เหมือนคำพูดนั้นแทงเข้าไปในหัวใจเขาอย่างจัง เขาผละตัวออกเล็กน้อย
“ใคร…ที่เธอปกป้อง?” เขาถามเสียงแหบพร่า นัยน์ตาดุดันเปลี่ยนเป็นสั่นไหววูบหนึ่ง
เมลินไม่ตอบ เธอเพียงเม้มปากแน่น น้ำตาไหลซึมออกมาจากหางตา คำว่า "แม่และลูก" มันเกือบจะหลุดจากปากแล้ว แต่เธอกลับกลืนมันลงไปเพราะแววตาเขาที่ไม่เคยเชื่อใจ… ไม่เคยเลยสักครั้ง
เขารักเธอ—แต่ไม่เคยศรัทธาในเธอเลย
คีรินทร์เงียบไป เขาเห็นสีหน้าซีดเซียวของเธอ เห็นริมฝีปากที่เริ่มสั่น และนึกถึงคำเตือนของหมออคิน…
“…ร่างกายเธอยังไม่ฟื้นดี อะไรที่กระตุ้นอารมณ์มากเกินไปอาจส่งผลต่อหัวใจ…”
เขาปล่อยมือเธออย่างเสียไม่ได้ ร่างสูงลุกขึ้นยืน จ้องเธอที่นอนนิ่งบนโซฟาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ความโกรธ ความเจ็บ และความสับสน
“…ถ้าเธอไม่พูด ฉันก็จะหาคำตอบได้อยู่ดี”
น้ำเสียงเขากลับมาเย็นชาเฉียบขาด
“และถ้าความจริงเป็นอย่างที่ฉันคิด…เมลิน ฉันไม่ปล่อยเธอไปแน่”
คำประกาศกร้าวสุดท้ายถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ก่อนที่ประตูจะปิดลง
เมลินทรุดตัวลง ร้องไห้เงียบ ๆ อย่างคนที่หมดแรงจะต้าน—ระหว่างความรัก…กับความลับที่อาจเปลี่ยนทุกอย่างไปตลอดกาล
เสียงนาฬิกาปลุกเบา ๆ ดังขึ้นในห้องนอนอบอุ่นยามเช้า แสงอาทิตย์ลอดผ่านม่านสีครีมสาดกระทบเตียงใหญ่กลางห้องเมลินค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะหันไปมองร่างของลูกชายตัวน้อยที่นอนหลับอยู่ตรงกลางระหว่างเธอกับคีรินทร์“แม่...วันนี้ผมได้ไปโรงเรียนกับพ่อใช่ไหมครับ?”เสียงน้องน็อตดังแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ทั้งที่ยังไม่ลืมตาดีคีรินทร์ที่นอนนิ่งอยู่ข้าง ๆ ขยับตัวช้า ๆ เขาค่อย ๆ ยกมือขึ้นลูบผมนิ่มของลูกชายอย่างทะนุถนอม“ใช่ วันนี้พ่อจะไปส่งน็อตเอง”เสียงทุ้มของเขานุ่มนวลขึ้นกว่าทุกครั้ง ราวกับต้องการให้ทุกเช้าวันใหม่ของลูกชายเริ่มต้นด้วยความปลอดภัยเมลินยิ้มบาง ๆ พลางโน้มตัวไปหอมแก้มน้องน็อต“แม่วางเสื้อผ้าไว้ให้แล้วนะลูก อยู่ที่ปลายเตียง ไปอาบน้ำก่อนนะครับ เดี๋ยวเราจะไปพร้อมกัน”เช้านั้นคือเช้าวันแรกที่น้องน็อตได้ไปโรงเรียน…ในฐานะลูกของ “พ่อกับแม่” อย่างเป็นทางการชื่อในใบสมัครเรียน ชื่อของบิดา คือ “คีรินทร์ กัลย์พิทักษ์”ไม่มีคำว่า &ld
กรุงเทพฯ ยามเช้าดูวุ่นวายกว่าทุกวันเสียงแตรรถยนต์ที่ไม่เคยเงียบลงสักวินาที สะท้อนผ่านกระจกห้องนอนชั้นบนสุดของคฤหาสน์หรูใจกลางสุขุมวิท เมลินยืนพิงระเบียง เฝ้ามองวิวเมืองในความเงียบงัน ปลายนิ้วยังกำถ้วยกาแฟอุ่นไว้แน่นแค่กาแฟหนึ่งแก้ว…ก็ยังไม่มีแรงจะยกดื่มเธอฝืนยิ้มให้กับความจริงที่ตนเองไม่ยอมรับมาเนิ่นนานคฤหาสน์หรู ห้องนอนใหญ่ เตียงนุ่ม และคนรักที่พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อเธอแต่มันไม่สามารถลบภาพในหัวของเธอออกไปได้เลย—เสียงระเบิด เสียงน็อตร้องไห้ หรือแม้แต่สัมผัสจากรถที่พุ่งเข้าหาเธอในวันนั้นเธอ…ยังคงฝันถึงมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า"เมื่อคืนฝันร้ายอีกใช่ไหม?"เสียงทุ้มต่ำของคีรินทร์ดังขึ้นจากด้านหลัง เขาก้าวเข้ามาช้าๆ สวมเสื้อเชิ้ตสีดำแบบลำลอง ร่างสูงใหญ่มากพอจะบดบังแสงเช้าไว้จนหมดมือเย็นแต่นุ่มของเขาแตะที่ไหล่เธอเบาๆ ก่อนจะเลื่อนมากอดจากด้านหลัง"ฉันไม่เป็นไร" เธอตอบอัตโนมัติ…แต่ไม่มองตาเขาคีรินทร์ไม่พูดอะไรอีก เขาเพียงกอดเธอแน่นขึ้นเล็กน้อยเขารู้…เธอไม่โอเครู้&h
มือแกร่งไล้ลงไปที่ต้นขาด้านใน เขาแยกขาเธอออกช้า ๆ แล้วก้มลงใช้ปลายลิ้นสัมผัสตรงกลางกลีบกุหลาบที่เปียกชื้นอยู่แล้วจากความปรารถนา“อื้อ…คี…”เสียงสะอื้นสั่นเครือหลุดออกมาไม่ทันจบประโยคเมื่อปลายลิ้นแกร่งนั้นกวาดลากซ้ำแล้วซ้ำเล่าเขาดุนปลายลิ้นเข้าข้างใน สลับกับการดูดเม็ดละมุนจนร่างเธอสั่นเกร็งทุกครั้งที่ถูกจู่โจม“ไม่…อย่า…” เธอครางห้าม แต่มือกลับจิกเส้นผมเขาแน่นเพราะเขาไม่เพียงแค่สัมผัส…แต่กำลัง โอบกอดบาดแผลทั้งหมดของเธอด้วยลิ้นของเขาเมื่อเธอใกล้ถึงขีดสุด เขาจึงยอมถอนริมฝีปากออกแต่ยังไม่หยุด… ปลายนิ้วร้อนแทรกเข้าไปทีละน้อยอย่างช้า ๆเขาดูดปลายอกเธอแรงขึ้นในขณะที่นิ้วข้างหนึ่งดันเข้าไปจนสุดโคนเสียงครางเบา ๆ หลุดจากริมฝีปากเธออีกครั้ง พร้อมกับสะโพกที่แอ่นขึ้นอย่างลืมตัว“แฉะไปทั้งตัวแบบนี้…” เขาพึมพำต่ำ“แน่ใจเหรอว่าไม่ต้องการฉัน?”คีรินทร์จับเรียวขาเธอพาดบ่า แล้วขยับตัวเข้ามาจนส่ว
แสงแดดยามเย็นอาบไล้ผืนทรายทองบนเกาะส่วนตัวเงียบสงบในอ่าวไทย เสียงคลื่นซัดเบา ๆ กับเสียงหัวเราะใส ๆ ของเด็กชายตัวน้อยกำลังวิ่งไล่ปูกับแม่ของเขา สายลมอุ่นพัดกลิ่นเค็มของทะเลแทรกผ่านกลิ่นหอมของอาหารที่ลอยออกมาจากโต๊ะไม้ใต้ศาลาริมชายหาด—อาหารทั้งหมดถูกจัดเตรียมโดยฝีมือของคีรินทร์เองเขาไม่ใช่มาเฟียอีกแล้วไม่มีแววโหด ไม่มีกลิ่นเลือด ไม่มีร่างกายที่เปื้อนบาปจากการฆ่ามีเพียงชายคนหนึ่ง…ที่เคยผ่านนรกมาเพื่อปกป้องคนที่เขารักคีรินทร์ยืนพิงเสาไม้ ยกแก้วน้ำมะพร้าวขึ้นจิบ ดวงตาคมทอดมองภาพสองแม่ลูกอย่างเงียบงัน เมลินหัวเราะ เสียงนั้นไม่ใช่เพียงเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง…แต่มันคือเสียงของ "บ้าน"เขาไม่เคยมีบ้าน จนได้ยินเสียงนั้น"คุณพ่อ ทำไมวันนี้ทำกับข้าวเองล่ะครับ!" น็อตวิ่งเข้ามาเกาะขาเขาแล้วเงยหน้าถามอย่างไร้เดียงสาคีรินทร์ย่อตัวลง ลูบผมลูกชายเบา ๆ"ก็พ่ออยากทำให้คนสำคัญกินไงครับ"น็อตหันไปมองเมลินแล้วหัวเราะ"คุณแม่เป็นคนสำคัญใช่ไหมครับ!"เขาไม่ได้ตอบอะไร แต่หัวใจกลับเต้นแรงในอกหลังอาหารมื้
ค่ำคืนที่คฤหาสน์แถบชานเมือง — เงาสุดท้ายของความแค้นในห้องที่เคยเป็นห้องนอนของคริส คีรินทร์นั่งอยู่ลำพัง เขาจุดไฟใส่รูปภาพเก่าๆ ของตัวเองกับน้องชาย ดวงตาเรียบนิ่งมองเปลวไฟที่เผารูปนั้นช้าๆ จนเหลือเพียงเถ้าเมลินไม่ได้อยู่ตรงนี้ ไม่มีเสียงของลูก ไม่มีความอุ่นจากอ้อมแขนของใคร ทำให้เขารู้สึกอ้างว้างเหน็บหนาวไปถึงหัวใจเถ้ารูปเก่าปลิวตามลมเบาๆ ขณะเขามองมันด้วยสายตาว่างเปล่า...แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยเสียงโหยหาแม้ในความเงียบของห้องจะไม่มีใครอยู่ด้วยเลยสักคน—แต่จู่ๆ เสียงหนึ่งกลับแทรกเข้ามาในหัวเขา...นุ่มนวลแต่หนักแน่นเสียงของเธอ...เมลิน...“ถ้าวันหนึ่งคุณเข้าใจทุกอย่าง...ฉันจะรอฟังด้วยใจ ไม่ใช่ด้วยความแค้น”ประโยคนั้นที่เคยพูดไว้ด้วยน้ำตา...กลับดังชัดราวเพิ่งพูดจบเมื่อครู่และคีรินทร์...ที่เคยเชื่อว่าหัวใจตัวเองด้านชา...กลับต้องเบือนหน้าหนี เพราะดวงตาร้อนผ่าวโดยไม่รู้ตัวเขายกมือขึ้นปิดเปลือกตาแน่น ก่อนเสียงแหบพร่าจะเล็ดลอดออกมาเบาๆ“ฉันไม่คู่ควรกับการให้อภัย...แต่ขอบคุณที่ย
เสียงลมหอบหนักในห้องประชุมชั้นใต้ดินของคฤหาสน์เก่าที่เมืองไทยไม่ใช่เพราะเครื่องปรับอากาศขัดข้อง หากแต่เป็นเพราะอารมณ์ในห้องที่อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก คีรินทร์ยืนเงียบอยู่หน้าจอโปรเจกเตอร์ ดวงตานิ่งสนิทเย็นชา ปราศจากแววของความเมตตา"เปิดเสียง"คำสั่งสั้นๆ ถูกส่งออกไปในน้ำเสียงเรียบเย็น เหมือนไม่ได้ตั้งใจฆ่าใคร...แต่พร้อมจะทำลายทั้งเผ่าพันธุ์ไฟในห้องหรี่ลง เสียงสนทนาในคลิปถูกฉายผ่านลำโพงอย่างชัดเจน"ถ้าเราปรับโครงสร้างตอนนี้ คนของคีรินทร์จะเริ่มลังเล ส่วนของฉันฝังไว้หมดแล้ว ไม่นานก็เปลี่ยนขั้วได้""มายด์ก็อยู่ใกล้เขามากพอจะรู้ทุกอย่าง...แค่เขาไม่ตายตอนนั้นก็โชคดีไป""เมลินเหรอ? โยนให้เธอไปสิ ตำแหน่งแพะมันเหมาะกับผู้หญิงไม่มีตัวตนแบบนั้นอยู่แล้ว"เสียงหัวเราะเหยียดหยามจากคลิปกรีดแทงลึกลงในหัวใจคนฟังทุกคน เสียงของภาคินและมายด์ชัดเจนราวกับพวกเขากำลังยืนอยู่ตรงนั้นจริงๆคีรินทร์ก้าวเดินอย่างช้าๆ ไปยืนหน้าห้อง ดวงตาคมกริบเหลือบมองชายชราในชุดสูทสีเข้ม ซึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่มเก่าแก่ขององค์กรที่เคยจงรักภักดีกับเขามาโดยตลอด"นี่คือหลั