Chapter 6
ผ่านมาแล้วหนึ่งวันกับการพยายามโทร. เข้าเครื่องของเธอเพื่อหวังว่าอีกฝ่ายที่เก็บเครื่องไปนั้นจะยอมรับสายและยังไม่นำเครื่องของเธอไปขายทิ้งก่อน สุดท้ายแล้วก็เริ่มตัดใจเมื่อไม่มีคนรับ อีกทั้งยังถูกปิดเครื่องไปดื้อ ๆ อีก ลฎาภานั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก พลางเอื้อมมือกดรีโมตโทรทัศน์เปลี่ยนช่องไปเรื่อย ๆ ในช่วงที่ต้องรอผลการสัมภาษณ์อย่างไร้ความหวังนั้น ทำให้รู้สึกแย่เช่นกัน แม้ว่าจะติดต่อไปหลายบริษัท ทว่าช่วงนี้ยังไม่มีการรับพนักงานใหม่บ้าง หรือบางบริษัทก็มีพนักงานเต็มอัตราอยู่แล้ว เหมือนแสงที่ริบหรี่มาก กริ๊ง—กริ๊ง เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น หญิงสาวจึงขยับตัวเอื้อมมือไปหยิบหูโทรศัพท์ยกขึ้น [ทำไมพี่โทร. เข้าเครื่องแล้วไม่รับล่ะ] “โทรศัพท์หาย แล้วนี่ไม่คิดจะกลับบ้านเลยหรือไง วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ ?” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความแปลกใจที่ไม่เห็นพี่สาวกลับบ้านมาตั้งแต่เมื่อคืน อันที่จริงเมื่อก่อนที่จะคบกับแฟนหนุ่มก็เคยเป็นอยู่บ้าง จนไม่รู้สึกแปลกใจเท่าไหร่ ทว่า...นั่นก็หลายปีผ่านมาแล้ว [เออน่า...วันนี้พี่ลางาน กำลังจะกลับบ้าน เมื่อวานเมามาก] “เมาแล้วไปนอนที่ไหนมาอะ” [เรื่องนั้นไม่ต้องยุ่งหรอกน่า...จะเที่ยงแล้ว ทำมื้อเที่ยงเผื่อด้วยนะ] ลฎาภาถอนหายใจออกมาพลางหันมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง “โอเค...ขับรถดี ๆ ละกัน” เมื่อพูดจบอีกฝ่ายก็วางสายลง เธอมองโทรศัพท์แบบงง ๆ เพราะน้ำเสียงฟังออกจะไม่สบอารมณ์มากนักทำให้รู้สึกแปลกใจ ลฎาภาวางหูโทรศัพท์ ปิดโทรทัศน์ก่อนขยับตัวลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องครัว หญิงสาวเปิดตู้เย็นกวาดสายตามองก่อนหยิบผักและอาหารสดออกมาวางไว้ข้างนอก หั่นและล้างอย่างสะอาด ครั้นกำลังตั้งกระทะเปิดเตา เสียงโทรศัพท์บ้านก็ดังขึ้นติดต่อกันจนต้องปิดเตาและเดินออกจากครัวไปรับสายทันที “สวัสดีค่ะ” [สวัสดีครับ] ลฎาภาอึ้งไปครู่หลังจากที่รับสาย “ค่ะ เออ...ไม่ทราบว่า...” [คือผมเก็บโทรศัพท์ของคุณได้เมื่อวันก่อนที่ห้องน้ำชายในบริษัท ไม่ทราบว่าเป็นของคุณหรือเปล่าครับ] “ชะ...ใช่ค่ะ” หญิงสาวตอบรับด้วยน้ำเสียงดีใจ “ดีใจจัง” [พอดีเมื่อวานผมยุ่ง ๆ เลยไม่ได้รับสายที่คุณโทรเข้ามา อีกทั้งแบต ฯ โทรศัพท์ก็หมดพอดี ขอโทษด้วยนะครับ] เขาดูสุภาพมาก...อยากเจอจัง ใครกันที่เก็บโทรศัพท์ของเธอไป “ขอบคุณมากนะคะ” [วันมะรืนช่วงเย็นคุณสะดวกไหม ? ผมจะนำโทรศัพท์มาคืนให้คุณ] “สะดวกมากค่ะ” ลฎาภารีบตอบกลับทันที [ครับ ถ้าอย่างนั้นห้าโมงครึ่งที่ร้านกาแฟตรงข้ามบริษัทนะครับ ผมจะนั่งรออยู่โต๊ะด้านในของมุมร้าน] “ได้เลยค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” หญิงสาวกล่าวขอบคุณ ขณะที่อีกฝ่ายได้วางสายลงหลังจากที่พูดจบ สวรรค์ยังไม่ใจร้ายกับเธอ...ขอบคุณจริง ๆ โชคดีที่ยังไม่ตัดสินใจซื้อเครื่องใหม่ไปเมื่อวาน ไม่อย่างนั้นคงจะเสียดายแย่ ลฎาภาวางโทรศัพท์ลงแล้วเดินกลับเข้าไปในห้องครัว ทำอาหารมื้อเที่ยงอย่างมีความสุข จนเสร็จเรียบร้อย พอดีกับที่ได้ยินเสียงประตูและเสียงรถ จึงรู้ว่าพี่สาวได้กลับมาแล้ว หญิงสาวนำอาหารออกมาจัดวางบนโต๊ะก่อนเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของพี่สาวด้วยความตกใจ “พี่รัก...ไปทำอะไรมา” ถลัชนันท์มองด้วยสายตาที่สับสนมากกว่าจะพูดออกมาได้ แค่เธอมีสติขับรถกลับมาบ้านได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว มันจะมีอะไรที่แย่มากกว่านี้อีกไหม ? “แกทำอะไรกินบ้าง” ถลัชนันท์เปลี่ยนเรื่องสนทนาทันที วางของไว้ที่โต๊ะแล้วเดินไปล้างมือ ก่อนมานั่งรับประทานอาหารเงียบ ๆ ไม่ปริปากพูดอะไร “เป็นอะไรหรือเปล่า ?” ไม่มีคำตอบจากคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามจนกระทั่งเสียงของช้อนและส้อมวางลงกระทบจานกระเบื้องอย่างดัง ทำให้ลฎาภาที่นั่งก้มหน้ารับประทานอาหารอยู่เงยหน้าขึ้นมองทันที “ยัยจอม พี่กำลังจะแต่งงาน” “หา !” แทบสำลักข้าวเลยทีเดียว หญิงสาวยกมือขึ้นลูบหน้าอก หยิบน้ำขึ้นดื่มแล้วส่งสายตามอง “แต่งกับพี่อาร์ตเหรอ ไหนว่าเลิกกันแล้วไง ?” “เปล่า ไม่ใช่พี่อาร์ต” “อ้าว แล้วใครล่ะ พี่ไปปิ๊งผู้ชายที่ไหนมาอีก ?” “ไม่ได้ปิ๊ง แต่เสียตัวให้เลยต่างหาก” ถลัชนันท์พูดอย่างไม่ปิดบัง ลฎาภาอึ้งจนพูดไม่ออก หญิงสาวไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือทำหน้าตาอย่างไรดี “ละ...แล้วพี่ก็ตอบตกลงแต่งงานเนี่ยนะ !” ถลัชนันท์พยักหน้าเป็นคำตอบ “ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ทำงานอะไร เขานิสัยดีไหม ?” “พี่ก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร” ถลัชนันท์ตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเพราะว่ารับปากไปแล้ว และคิดว่าคงไม่มีอะไรเสียหายหากอีกฝ่ายจะรับผิดชอบ “แต่...เขาดูมีฐานะดีนะ” เมื่อได้ยินก็อึ้งยิ่งกว่าเดิม ลฎาภาพูดไม่ออกทีเดียว “เรื่องนี้อย่าบอกที่บ้านนะ พี่อยากเก็บเอาไว้ก่อน” “เดี๋ยวสิ ถ้าไม่บอกแล้วมารู้ทีหลัง...” “ถ้าบอก...แกลองนึกภาพดูสิว่าจะเป็นยังไง” ลฎาภายิ้มเจื่อน ๆ รู้ทันทีว่าหากโทร. บอกวันนี้พี่ชายคงนั่งเครื่องลงมาหาไม่เกินวันพรุ่งนี้แน่นอน อีกทั้งยังคงอยากจะพบหน้าผู้ชายคนนั้นด้วย และถ้าหากไม่ถูกชะตาด้วยแล้วล่ะก็... “ตามใจละกัน จอมไม่อยากยุ่งกับการตัดสินใจของพี่ แต่ถ้าคิดว่ามีความสุขก็ทำไป” เปล่าหรอก...ไม่ได้มีความสุขสักนิด ไม่รู้สึกตื่นเต้นเหมือนงานแต่งงานที่เคยวาดฝันเอาไว้สักนิด แค่ไม่มีอะไรจะให้เสียหายอีกแล้วต่างหากกับความรัก “รู้แล้วน่า...อยู่กันไปเดี๋ยวก็รักกันเองแหละ” ถลัชนันท์พูด ที่จริงไม่ได้เล่าว่าการแต่งงานมาจากความเต็มใจของเขาแต่เป็นผู้ใหญ่ที่จัดให้ต่างหาก “ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็ดีสินะ” ถลัชนันท์ไม่ตอบเอาแต่ก้มหน้าก้มตาตักอาหารเข้าปาก ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดี เธอจะได้ไม่ต้องเสียเวลารักผู้ชายแบบอรรถนนท์มาถึงห้าปี ! เป็นเช้าอีกวันที่นั่งส่งอีเมลสมัครงานเช่นเคย จนกระทั่งเที่ยงทำเพียงแค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกิน แล้วเขียนจดหมายสมัครงานทางอีเมลไปหลายต่อหลายที่ ส่วนมากมักจะตอบกลับมาว่ายังไม่เปิดรับพนักงานฝ่ายนี้เนื่องจากเต็มอัตรา จนกระทั่งเกือบบ่ายสามหญิงสาวจึงรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อออกไปรอตามนัดกับชายที่เก็บของของเธอได้ในห้องน้ำ ลฎาภาวิ่งหน้าตั้งข้ามสะพานลอยมาทันทีที่ลงจากรถเมล์ เพราะอุบัติเหตุการจราจรในช่วงเย็นเป็นเหตุทำให้มาสายกว่าเวลาที่นัด ไม่คิดว่าวันนี้จะใช้เวลาเดินทางเกือบสองชั่วโมงกว่า เมื่อวิ่งลงจากสะพานมาแล้วหันหากระจกร้านจัดแต่งทรงผมที่ดูยุ่งเหยิงให้เข้าที่ เขายังจะรอเธออยู่ไหม ? หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ผลักประตูร้านเดินเข้าไปพลางกวาดสายตามองไปยังมุมร้านที่เขานัดหมาย แล้วค่อย ๆ สาวเท้าเดินเข้าไปหา “เอ่อ...ขอโทษนะคะ คือ...” ให้ตายสิ ตอนนั้นก็ลืมถามชื่อไว้ด้วย ลฎาภายกมือขึ้นกุมขมับอย่างคาดโทษตัวเอง เมื่อได้ยินเสียงชายหนุ่มจึงหันมาและขยับตัวลุกขึ้นขณะที่ หญิงสาวยังคงก้มหน้าอยู่ “สวัสดีครับ” เมื่อได้ยินเสียงหล่อเอ่ยทักทายลฎาภาก็รีบเงยหน้าขึ้นมองทันที ดวงตากลมกะพริบมองอยู่นานเมื่อเห็นชายหนุ่มยิ้มตอบกลับ “เอ่อ...” หญิงสาวรู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก สูดลมหายใจเข้าตั้งสติและขยับตัวนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามเขาก่อนกล่าวทักทาย “สวัสดีค่ะ” เจตนิพัทธ์เรียกพนักงานแล้วสั่งเครื่องดื่ม ก่อนจะหันมาถามเธอเพื่อสั่งให้เช่นกัน ลฎาภานั้นตอบแค่น้ำเปล่าหนึ่งแก้วด้วยความเกรงใจ “ขอบคุณนะคะที่ช่วยเก็บไว้ให้ ฉันคิดว่าจะไม่ได้คืนซะแล้ว” หญิงสาวพูดกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงสั่นๆ “ไม่เป็นไรครับ” เขาพูดพร้อมกับหยิบซองเอกสารและโทรศัพท์ส่งคืน “ขอบคุณค่ะ” ลฎาภาเอื้อมมือหยิบของตรงหน้าแล้วยิ้มให้ขณะที่เครื่องดื่มเพิ่งจะมาเสิร์ฟ “มีคนลืมของคุณไว้หรือครับ” อ่า...เป็นคำถามที่อยากจะลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีไปไกล ๆ ทันที แน่นอนว่าทำแบบนั้นไม่ได้ ลฎาภาฉีกยิ้มหวานมองแบบเขินอาย ก่อนจะขยับตัวและโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ ๆ พร้อมกับกวักมือเรียกให้ชายหนุ่มโน้มใบหน้าเข้ามาหา เจตนิพัทธ์เลิกคิ้วมองอย่างสงสัยแต่ก็ทำตามโดยดี “คือว่า...” ลฎาภาอ้ำอึ้งอยู่นานเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร “คือว่า...มีคนหยิบของฉันไปผิดน่ะค่ะ” SWEET SITUATION หนีรัก มาพบคุณChapter 61 (special III)“นี่...” เธอเรียกเขาด้วยเสียงสะอื้นก่อนจะใช้มือดึงเสื้อจากทางด้านหลัง “ทำไมถึงยอมมารับฉันล่ะ”“ไม่รู้สิ” ศรันภัทรตอบโดยไม่หันหลังกลับไปงั้นเหรอ...?ถลัชนันท์ปล่อยมือออกจากเสื้อของเขา ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปกอดชายหนุ่มทางด้านหลัง นั่นไม่ใช่ความรู้สึกที่รักเลยเพียงแต่ว่าอยากทำยังไงก็ได้ให้ความเจ็บปวดนี้หายไป“มีอะไรกับฉันได้ไหม” เป็นคำพูดสิ้นคิดหรือความต้องการในส่วนลึกกันแน่ เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันเพียงแต่ถ้ามันปลอบใจจากความเจ็บปวดได้แล้วล่ะก็... “แค่ครั้งนี้ แล้วพรุ่งนี้ฉันสัญญาว่าจะหย่ากับคุณ ขอร้องละ”ศรันภัทรยืนอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อได้ยินคำพูดจากปากหญิงสาว เขาเองตอนนี้ยังสับสนมากที่จะบอกว่ารู้สึกชอบผู้หญิงคนนี้แบบคนรักจริง ๆรู้ดีว่ามันไม่มีทางเกิดขึ้น...ถลัชนันท์คลายมือออกจากชายหนุ่มยกมือขึ้นปาดน้ำตา บางทีก็คิดว่าพอแล้วกับความรักที่เข้ามา“ขอโทษค่ะ ฉันคงบ้าไปหน่อย” เธอพูดเสียงสั่นพลางหัวเราะ “ถ้ายังไงพรุ่งนี้เราไปหย่ากันนะค
(special I)เวลาทำงานผ่านไปจวบจนกระทั่งหมดวันแล้ว ถลัชนันท์ขยับตัวเก็บกองเอกสารบนโต๊ะให้เข้าที่ ก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายเช็กชื่อออกจากบริษัทไป แต่ละวันผ่านไปก็ช่างยาวนานซะเหลือเกิน และก็ไม่ค่อยแตกต่างกันมากนัก ตื่นเช้าออกไปทำงานกลับมาบ้านกินข้าวและเข้านอน ถึงแม้ว่าช่วงเดือนนี้จะเริ่มสนทนากับสามีที่แต่งงานด้วยมากขึ้นก็ตาม ทว่าความสัมพันธ์รักใคร่ก็ไม่ได้พัฒนาตามไปด้วยเลยหญิงสาวเดินออกจากลิฟต์แล้วหยุดชะงักเมื่อเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้น มือข้างหนึ่งล้วงเข้าไปหยิบขึ้นมาดูปลายสายที่โทร. เข้ามา“มีอะไรหรือเปล่าคะ” ถลัชนันท์เอ่ยถามอย่างทันทีเมื่อรู้ว่าคนที่โทร.มาคือสามีนั่นเอง น้อยครั้งที่เขาจะติดต่อมาหาหรือยอมพูดคุยด้วย[เปล่า คุณแม่บอกวันนี้คุณจะไม่กลับมากินข้าวที่บ้าน เลยให้ผมโทร.มาถามว่ากลับดึกไหม ?]พอได้ฟังก็รู้สึกสมเพชตัวเองมานิดหนึ่ง ทว่าเรื่องนี้ก็เริ่มชินไปซะแล้ว อีกอย่างแม่สามีไม่ได้ใจร้ายเหมือนในละครหลังข่าว ตรงข้ามกันกลับทำดีกับเธอด้วยซ้ำไป“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันมีนักเดตกับเพื่อนสมัยเรียน” เธอตอบกลับไปแล้วพูดต่อไปว่า &ld
ค่ำคืนแสนหวานอันยาวนานได้ผ่านพ้นไปเข้าสู่เช้าวันหยุดสุดสัปดาห์ ร่างเล็กบนเตียงขยับตัวปรือตาด้วยความหนักอึ้ง หันมองพื้นที่เตียงว่างเปล่าก่อนใช้แรงที่เหลืออยู่น้อยนิดพยุงร่างกายขึ้นนั่ง สะโพกปวดร้าวระบมไปหมดจนไม่มีแรงจะขยับ ดวงตากลมมองรอบห้องที่เงียบสนิทไร้วี่แววของชายหนุ่มประตูห้องถูกเปิดออกหญิงสาวรีบยกผ้านวมขึ้นปิดบังร่างกาย พลางส่งสายตามองอวิ่นเยว่เดินเข้ามาหา“คุณตื่นแล้วหรือ” เขาเดินเข้ามาหาลฎาภาพยักหน้าแทนคำตอบด้วยความเขินอายพลางขยับตัวลงจากเตียงแต่ว่าขาสั่นจนแทบไม่มีแรง ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากก่อนเดินเข้ามาอุ้มเธอขึ้น นัยน์ตาคมมองร่างเปลือยที่เชยชมมาทั้งคืนมีร่องรอยตีตราจนนับไม่ถ้วน“ฉันเดินเองได้ค่ะ”อวิ่นเยว่หัวเราะในลำคอ “แสดงว่ายังมีแรงเหลือสินะ”“คุณเผิง !” เธอแก้มแดงผ่าวร้อนขึ้นมาทันทีชายหนุ่มยิ้มขำก่อนจะอุ้มหญิงสาวมายังห้องน้ำ เขาวางเธอลงบนขอบอ่างอาบน้ำก่อนเอ่ยถามขึ้นว่า “คุณอาบน้ำไหวไหม ?”“ไหวค่ะ คุณออกไปเลยนะคะ” ลฎาภาตอบกลับในทันทีอวิ่นเยว่ยิ้มข
Chapter 57การเคลื่อนไหวของร่างกายรุกล้ำเข้ามาโดยที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิด อวิ่นเยว่ดันร่างเล็กให้ชนชิดกับผนังกำแพง บดจูบขยี้ริมฝีปากด้วยความโหยหา คราวนี้ทำเธอหายใจลำบากจึงต้องดันเขาออกห่าง แต่กลายเป็นว่าการพักนั้นทำให้ชายหนุ่มรุกล้ำลิ้นเข้ามาได้สำเร็จ“อื้อ” เสียงร้องครางดังประท้วงบอกจนต้องถอนจูบออกด้วยความเสียดาย อวิ่นเยว่จ้องมองใบหน้าเนียนสวยแดงก่ำก้มหลบเขินอาย มือข้างหนึ่งเชยขึ้นให้สบตาอีกครั้งและจูบหยอกเย้าเบา ๆ จนสติสัมปชัญญะของหญิงสาวหลุดล่องลอยไปลฎาภาควบคุมความต้องการของร่างกายไม่ได้ราวกับว่าไม่ฟังสิ่งที่สมองสั่งการสักนิด เธอเผลอให้ความปรารถนาที่อยู่ภายในจิตใจเข้าครอบงำจนหมดสิ้น จูบเร่าร้อนอ่อนโยนจนแทบระทวยนี้กลับรู้สึกคุ้นเคยโหยหามากที่สุดแต่...ที่บ้าที่สุดคือการตอบสนองเผลอไปกับคารมของเขา !อวิ่นเยว่จูบซับไปตามใบหน้าไล่จนมาถึงต้นคอของหญิงสาว มือที่เคยรั้งเอวไว้คลายออกล้วงเข้าไปในสาบเสื้ออย่างรวดเร็ว ไม่รอช้าที่จะใช้มือปลดเสื้อผ้าส่วนบนออกโยนทิ้งลงพื้นในขณะที่สติของเธอกำลังหลุดลอย“คุณเผิง” เธอเอ่ยเรียกชื่อเขา ทั้งที่ยิ่งเร
Chapter 56อวิ่นเยว่ผ่อนลมหายใจซุกที่หัวไหล่ของเธอ “นะ”เพียงคำเดียวก็รู้ถึงความหมายที่เขาต้องการบอกว่า ‘ขอซุกหน้าอกแบบอาหยูด้วยคน’“ทำไมอาหยูถึงได้ แล้วผมไม่ ?”ไม่น่าถามนะคำถามนี้ คุณเผิง !“ไม่ค่ะ” เธอตอบกลับเสียงเข้มพลางจ้องหน้าเขาเขม็ง“อาหยูเป็นเด็ก”“เหรอ” เขาขานรับอย่างจำใจก่อนจะขยับตัวหันมา นัยน์ตาคมจ้องมองหญิงสาวตรงหน้า เขาต้องใช้ความอดกลั้นอย่างมากที่จะไม่คิดอะไรเกินเลยตอนนี้ ชายหนุ่มเบี่ยงหน้าหลบยกมือขึ้นปิดปากด้วยความเขินอาย ไม่รู้ว่าจะอดทนไปได้นานแค่ไหนกัน“เราขึ้นกันเถอะ อาหยูกำลังรออยู่”อวิ่นเยว่พูดพลางขยับตัวออกห่างจากหญิงสาว ก่อนจะลุกขึ้นโดยลืมไปว่าร่างเปลือยของเขานั้นเธอได้เห็นเต็มสองตา !ลฎาภาอึ้งนิ่งค้างจนทำอะไรไม่ถูก เขาลืมไปไหมว่าเธอยังอยู่ตรงนี้ “คุณเผิงรีบออกไปเลยนะคะ !”อวิ่นเยว่หันมองและเพิ่งคิดได้ว่าตอนนี้โชว์กายให้หญิงสาวมองอยู่นั่นเอง เขาทำหน้านิ่งรีบเดินไปหยิบผ้าขนหนูและเสื้อคลุมเดินออกจากห้องน้ำไปอย่าง
Chapter 55หลังจากรับประทานอาหารมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว ป้าผ่องจึงจัดการเก็บครัวและกลับบ้านไป ทางด้านลฎาภาที่ไม่รู้สึกคุ้นชินบ้านหลังใหญ่จึงทำตัวไม่ค่อยถูก ทั้งยังไม่รู้ว่าควรจะไปตรงไหนต่อดี จึงได้แต่ยืนงงอยู่หน้าบันไดเป็นเวลานาน“หม่าม้า” เจ้าตัวกลมเดินเข้ามาดึงชายเสื้อของเธอและออกแรงลาก“อาหยู...”เธอเอ็นดูก่อนจะเอ่ยถามขึ้น “มีอะไรเหรอจ๊ะ”“อาบน้ำกับอาหยูได้ไหม” น้ำเสียงออดอ้อนและแววตาของ เจ้าตัวกลมทำให้ลฎาภานิ่งเงียบไปชั่วขณะ ไม่ใช่ว่าจะปฏิเสธหรอกนะ เพียงแต่ว่าสภาพร่างกายที่ยังพักฟื้นไม่สมบูรณ์ ก็ไม่อยากจะใช้แรงดูแลเด็กมากนัก แต่ถ้าหากปฏิเสธไปจะเป็นการทำร้ายจิตใจหรือเปล่านี่สิ“ไม่ได้เหรอ” เสียงอู้อี้ในปากและท่าทางออดอ้อนของเจ้าตัวกลมทำให้หญิงสาวรู้สึกลำบากใจไม่น้อย ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน อาจเป็นเพราะว่าพ่ายแพ้ต่อเด็กผู้ชายน่ารัก ๆ ทว่าความรู้สึกที่เป็นอยู่ตอนนี้แตกต่างจากการพบกับเด็กคนอื่น ๆ ที่เพิ่งเคยเจอครั้งแรก“แต่ว่านะ...”“ได้สิ” เสียงของอวิ่น