เสียงคลื่นกระแทกหาดดังปัง ๆ พร้อมเสียงนกทะเลที่โฉบผ่านยอดไม้
ภายใต้ร่มใบตาลขนาดใหญ่ ชายหนุ่มคนหนึ่งนอนนิ่งอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ ผิวขาวซีดมีเลือดซึมที่แผลกลางอก อีธาน...ยังไม่สิ้นใจ “ข้ายังได้ยินเสียงลมหายใจเขาอยู่” เสียงชายชรา—หมอประจำท่าเรือ—เอ่ยพลางเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก “แม้เจ้าคนนี้จะโดนฟันเฉียดหัวใจ หากไม่ใช่เพราะชาวประมงช่วยเขาได้ ข้าคงได้ฝังเสียแล้ว” อีธานกระพริบตาช้า ๆ ลมหายใจของเขายังคงแผ่วบาง “...นีร่า…” เสียงพร่าที่เล็ดลอดออกจากริมฝีปาก แทบไม่ต่างอะไรจากสายลมผ่านหญ้า หลายวันผ่านไป ด้วยการดูแลของหมอ และสมุนไพรจากป่า อีธานเริ่มขยับตัวได้อีกครั้ง แม้ความเจ็บแผลยังเหมือนมีไฟสุมในอก แต่ในใจเขากลับร้อนแรงยิ่งกว่า—เพลิงแห่งความมุ่งมั่น “ข้าจะไม่อยู่เฉยอีกต่อไป” ชายหนุ่มกัดฟันลุกขึ้นยืน ท่ามกลางเสียงห้ามปรามของชาวบ้าน “ใจเย็นก่อนเถอะ เจ้ายังเดินไม่ไหว!” “ข้าไม่อาจอยู่เฉยได้ หากนีร่าตกอยู่ในมือโจรสลัดพวกนั้น…ข้าจะเอานางคืนมา แม้ต้องแลกด้วยลมหายใจ!” เช้าวันถัดมา อีธานยืนอยู่หน้าท่าเรือเก่า ฝุ่นทรายปลิวว่อนเมื่อเขาชักดาบออกจากฝัก “ผู้ใดสมัครใจล่องเรือกับข้า—ออกตามล่าพวกโจรนรกนั่น! ข้าต้องการเพียงหัวใจกล้า ไม่กลัวตาย!” เหล่าชายหนุ่มในหมู่บ้านมองหน้ากัน ก่อนจะมีชายหนุ่มร่างใหญ่คนหนึ่งก้าวออกมา “ข้า—บอร์ก ลูกเรือเก่าของกัปตันเเบลคธอร์น ข้าติดค้างบุญคุณเจ้าครั้งหนึ่ง ครั้งนี้...ข้าจะติดตามเจ้าไปจนสุดฟ้า!” “นับข้าด้วย!” เสียงอีกคนตะโกน “พี่สาวข้าถูกจับไปกับนีร่า...ข้าจะไม่มีวันให้นางหายไปเฉย ๆ!” เมื่อเรือ “ลูนาร่า” ลำเก่าถูกดึงออกจากคลัง อีธานยืนประจำหัวเรือ ดวงตาเต็มไปด้วยความเจ็บแค้นและแรงศรัทธา “รอข้า นีร่า...ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ปลายฟ้าหรือใต้หล้ามหาสมุทร ข้าจะหาทางไปถึงเจ้า!” แล้วเรือก็แล่นออกไป กลืนหายใต้ฟ้าสีหม่น… ลมทะเลพัดแรง คลื่นซัดสูง ...ฤดูแห่งการล่าโจรสลัดได้เริ่มขึ้นเเล้ว กลางเมืองคอร์เซียร์ – ยามเช้าอันวุ่นวาย เสียงฝีเท้าเร่งรีบและเสียงตะโกนดังระงม “เธออยู่แถวนี้แน่! พวกเจ้า แยกย้ายค้นซอกซอย อย่าให้มันหนีไปได้อีก!” เหล่าคนงานโรงละครสัตว์ทั้งห้ากระจายกำลังกันเดินลัดเลาะทั่วเมือง ภาพหญิงสาวผมทอง หางสีทองสะท้อนแดด เป็นเอกลักษณ์จนใคร ๆ จำได้ “มันเหมือนปีศาจในนิทานทะเลจริง ๆ!” เด็กหนุ่มคนหนึ่งชี้ ...แล้วเสียงตะโกนก็ดังลั่น “อยู่นั่น! นางอยู่ตรงนั้น—ตรงข้างกำแพงหิน!” นีร่า ที่สวมผ้าคลุมเก่า ๆรีบวิ่งสุดแรงหัวใจเธอเต้นรัว เสียงฝีเท้าของคนงานตามหลังมาไม่ห่าง “ปล่อยข้าไปเถอะ...ได้โปรด” เสียงในใจตะโกน แต่เท้าไม่หยุดวิ่ง ปัง!! เสียงปืนดังลั่นขึ้นกลางตลาด กระสุนปืนเฉียดเนื้อขา เธอล้มลงทันที เลือดไหลซึมจากแผลสด “จับมันไว้! อย่าให้ดิ้น!” พวกมันกรูเข้าไปล็อกร่างนีร่าไว้ทั้งที่เธอยังดิ้นสุดแรง “ข้าไม่กลับไป...ข้าไม่กลับไปที่นั่น!!” “เจ้าไม่มีสิทธิ์เลือก” คนงานหัวหน้าแสยะยิ้มก่อนจะสั่งเสียงเย็น “ลากกลับไปซะ อย่าให้มันมีแรงหนีอีก!” --- คืนต่อมา – โรงละครสัตว์กลางเมืองคอร์เซียร์ เสียงเหล็กกระทบกันดังกรุ๊งกริ๊ง นีร่าถูกโยนเข้าไปในกรงแคบ ๆ ท่ามกลางเสียงเห่าหอนของสัตว์แปลกประหลาดรอบข้าง เธอทรุดตัวลง ขาเจ็บจนแทบขยับไม่ได้ น้ำตาไหลซึมลงพื้นดินที่แข็งและเย็น “นี่เจ้ามาใหม่หรือ…” เสียงหนึ่งดังแผ่วเบาจากเงามืด เมื่อสายตาเริ่มชินกับความมืด นีร่าจึงเห็นเงาร่างหญิงสาวผิวคล้ำ ผมดำขลับ ตาเป็นประกายเศร้า “ข้า...ชื่อไอล่า” เธอกระซิบ “ข้าอยู่ที่นี่มานาน..นานจนข้าเเทบลืมน้องชายข้า นีร่าเบือนหน้ามองเธอด้วยความแปลกใจและสะเทือนใจ ไอล่ายิ้มบาง ๆ แม้รอยช้ำเต็มใบหน้า ...เสียงคลื่นจากทะเลไกล ๆ พัดมากระทบหน้ากรง นีร่ากำมือแน่น ดวงตาแดงก่ำด้วยแรงแค้น “สักวันหนึ่ง...ข้าจะเป็นคนลากพวกมันเข้ากรงแทน” คืนเงียบสงัดภายใต้ผ้าห่มแห่งความหวาดกลัว นีร่าหลับไปเพียงครู่เดียวก่อนเสียงฝีเท้าหนัก ๆ จะดังใกล้เข้ามา ลูกกรงเหล็กส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเมื่อถูกเปิดออก “เจ้าลุกขึ้น ” เสียงเย็นชาจากคนงานในโรงละครดังลอดเข้ามา หญิงสาวผิวคล้ำเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ในแววตามีเพียงความว่างเปล่า ไม่มีแม้ความโกรธหรือต่อต้าน เธอไม่พูดอะไร…เพียงเดินตามออกไปอย่างเงียบงัน นีร่ารีบยันตัวขึ้น แม้ขาจะยังเจ็บ “เจ้า...จะไปไหน?” ไอล่าหันมา ยิ้มอ่อน ๆ แต่ในแววตาเหมือนมีคลื่นน้ำตาซัดอยู่ข้างใน “ที่เดิม...ที่ข้าต้องไปทุกคืน” และแล้วเงาของเธอก็ถูกกลืนไปในความมืด --- รุ่งเช้า เสียงโซ่กระทบกันดังเบา ๆ ไอล่าถูกโยนกลับเข้ากรง ร่างทั้งร่างล้มลงกับพื้น นีร่าวิ่งไปหาเธอทันที “เจ้าโอเคหรือไม่!?” ไม่มีคำตอบ มีเพียงเสียงหายใจแผ่วบาง และรอยฟกช้ำใหม่บนต้นแขนกับลำคอ “มัน...พวกมันทำอะไรกับเจ้า…” ไอล่าหลุบตาลง ไม่ตอบ น้ำตาหยดหนึ่งไหลซึมจากหางตา “พวกมันพรากทุกอย่างจากข้า...จนข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ข้ายังเหลืออะไรอยู่บ้าง” นีร่ากัดฟันแน่น น้ำตาคลอด้วยความเจ็บปวดแทน เธอยื่นมือไปจับมือของไอล่าไว้แน่น “แต่เจ้าก็ยังมีข้า” เสียงเธอสั่น “และข้าจะไม่ยอมให้มันทำแบบนี้กับเราอีก ข้าสาบาน…” ในเงามืดของกรงเหล็ก – กลางดึกที่โรงละครสัตว์ เสียงลมหายใจของสัตว์ในกรงข้างเคียงดังคลอเคล้าไปกับเสียงคลื่นทะเล นีร่ากระพริบตาช้า ๆ แม้จะเจ็บขา แต่เธอก็ยังไม่ยอมนอน “ไอล่า…เจ้าตื่นอยู่ไหม” เสียงกระซิบของนางเบาเกือบเท่าลมพัด “ข้าไม่เคยหลับจริง ๆ อีกเลย” ไอล่าตอบพลางมองผ่านซี่กรงออกไปยังแสงจันทร์ที่ลอดลงมา นีร่าเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ ค่อย ๆ ดึงผ้าคลุมเก่าขึ้นเพื่อปิดบังร่างกาย “ข้ามีความคิดอยู่...เจ้าเห็นกุญแจที่ชายคนนั้นพกติดเอวหรือไม่—คนที่เฝ้าเราเปลี่ยนเวรตอนยามดึก” ไอล่าขมวดคิ้ว “เจ้าคิดจะขโมยมัน?” นีร่าพยักหน้าเบา ๆ “ข้าเคยลอบเดินตามพวกมันเมื่อยังไม่ถูกจับกลับ...พวกมันจะเปลี่ยนเวรช่วงใกล้สว่าง และคนใหม่มักมึนเมา เขาจะวางกุญเเจทิ้งไว้” “แล้วเราจะหนีไปทางไหน? ท่อระบายน้ำใต้โรงเก็บสัตว์ ไอล่าสบตานางด้วยความลังเล “หากเราพลาด...” “...ก็แค่ตาย” นีร่าตอบเสียงเรียบ “แต่ข้ายอมตายกลางทะเลมากกว่าถูกขังอยู่ที่นี่จนไม่เหลือวิญญาณ” จากคืนนั้น ทั้งสองเริ่มสังเกตพฤติกรรมคนเฝ้า ค่อย ๆ เก็บรายละเอียด ขโมยเสื้อคลุมเก่า ซ่อนเศษไม้ไว้ใต้ฟาง วันเวลาผ่านไป ทุกค่ำคืนคือการฝึก—เดินเบา ๆ ขยับเงียบ ๆ แม้แผลของนีร่าจะยังไม่หายดี แต่นางกัดฟันทุกคืนเพื่อฝึกให้ขาทำตามใจ “อีกสามวัน...ถ้าฟ้าใส และลมพัดจากทิศตะวันตก เราจะลงมือ” เสียงของนีร่าแน่วแน่ อีกฟากหนึ่งของทะเล – บนเรือ 'ลูนาร่า' อีธานยืนอยู่ที่หัวเรือ มือจับพังงาแน่น สายตากวาดไปรอบขอบฟ้า เรือแล่นฝ่าคลื่นกลางแสงแดดบ่าย “เห็นเรือที่มีธงสีแดงขลิบดำเมื่อสองวันก่อนตรงแนวนั้น...” บอร์ก ผู้ช่วยเขาชี้ไปยังแผนที่ “มันเป็นเรือของโจรสลัดแน่นอน ข้าเคยเห็นมาก่อนที่ท่าเรือคอร์เซียร์ อีธานเม้มปากแน่น ข้าจะลากพวกมันลงนรก ถ้ามันแตะต้องเธอแม้แต่นิดเดียว…” บอร์กวางมือบนบ่าชายหนุ่ม “เราจะได้ตัวนางกลับมา นายท่าน ข้ามั่นใจ” กลางคืนอันหนาวเย็น อีธานนั่งเขียนบางสิ่งลงในสมุดหนังสีน้ำตาลเก่า > "ข้าจะไม่ให้นางต้องกลายเป็นเงาแบบที่ข้าเคยเป็น นีร่า…เจ้ารอดมาให้ได้ ข้ากำลังจะไปหาเจ้า" แล้วเขาก็ลุกขึ้น “ปรับใบเรือ! มุ่งหน้าไปทางคอร์เซียร์!” เสียงของเขาดังกังวานสู่ฟ้า --- สองหัวใจ…ต่างดิ้นรนอยู่คนละฟากทะเล หนึ่งคือหญิงสาวที่เดิมพันด้วยชีวิตในความมืด อีกหนึ่งคือชายหนุ่มที่แล่นฝ่าแดดและพายุเพื่อไถ่คืนคนรัก คืนหลบหนีกำลังใกล้เข้ามา… แต่ในโลกที่เต็มไปด้วยโจรสลัดและความโลภ ไม่มีอะไรแน่นอน ยกเว้นเพียง…หัวใจที่ไม่ยอมแพ้ใต้น้ำ – หลังจากนีร่าดำลงทะเลทันทีที่ร่างของนีร่าจมลงใต้ผิวน้ำ ทุกอย่างรอบตัวเธอก็เปลี่ยนไปความหนาวจากลมด้านบนค่อยๆ หายไป แทนที่ด้วยความสงบของทะเลลึกผิวของเธอเริ่มเปล่งแสงฟ้าอ่อน ครีบที่หลังขากางออกอย่างช้าๆ หางสีเงินสะท้อนกับแสงจันทร์ที่ส่องทะลุผืนน้ำลงมาเธอหลับตา สูดหายใจลึก—หรือจะเรียกว่ารับพลังจากทะเลก็ไม่ผิด"ในที่สุด...ข้าก็ได้กลับมา" เธอคิดในใจสายตาเธอกวาดมองรอบตัว แล้วก็ต้องยิ้มออกมาอย่างดีใจฝูงเต่าทะเลตัวโตสองสามตัวว่ายผ่านหน้าไปช้าๆ หนึ่งในนั้นหันมามองเธอเหมือนจำได้ปลาสีสันสดใสแหวกว่ายระหว่างแนวปะการัง ทั้งปลาการ์ตูน ปลานกแก้ว และฝูงปลาเล็กๆ ที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มวูบวาบสาหร่ายทะเลพลิ้วไหวตามกระแสน้ำ เหมือนกำลังเต้นรำต้อนรับเธอกลับบ้านมีปลากระเบนตัวใหญ่ลอยอยู่ใกล้พื้นทราย เคลื่อนไหวเงียบๆ อย่างสง่างามแสงจันทร์ลอดผ่านผืนน้ำ เป็นลำแสงสีเงินสวยงามที่ส่องรอบตัวเธอนีร่ายิ้ม น้ำตาซึมขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว—แต่เป็นน้ำตาแห่งความสุขเพราะทะเล…คือที่เดียวที่ไม่เคยผลักไสเธอทุกครั้งที่โลกด้านบนโหดร้าย ทะเลจะโอบรับเธอไว้เสมอร่างเธอว่ายลึกลงไปช้าๆ ผ่านแนวหินใต้น้ำที่คุ้นเคย ราวกับเป
ยามค่ำคืน – ริมชายฝั่งที่เงียบสงัด คลื่นทะเลซัดกระทบโขดหินเป็นจังหวะ สายลมเย็นปะทะผิวจนหนาวสะท้าน ดวงจันทร์เต็มดวงส่องแสงจ้าเหนือผืนน้ำสีหมึก นีร่ายืนอยู่บนผืนทราย แผลที่แขนยังพันผ้าแน่น แต่เลือดยังซึมออกไม่หยุด ข้างเธอ อีธานยืนเงียบ เขาไม่พูดอะไร เพียงแต่จ้องมองหน้าเธอราวกับอยากจำทุกรายละเอียดไว้ให้ขึ้นใจ นีร่าหันมามองเขา ดวงตาสองคู่สบกันในความเงียบ “ข้าจะรีบกลับมา” เธอเอ่ยเบาๆ น้ำเสียงสั่น อีธานพยักหน้า แต่สายตาเขาเต็มไปด้วยห่วง “นานแค่ไหน?” “ข้าไม่รู้…” นีร่ากลืนน้ำลาย “แค่ไม่กี่วัน ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด” อีธานถอนหายใจ มือใหญ่ลูบผมเธออย่างแผ่วเบา “เจ้าพูดเหมือนมันจะง่าย” “มันไม่ง่าย” เธอยิ้มจางๆ “แต่ข้าต้องลอง” เขาเงียบไปนาน ก่อนจะหยิบมีดสั้นเล่มหนึ่งจากเอว ด้ามเป็นเหล็กเรียบเรียง เส้นคมคมกริบ “เอาไว้ป้องกันตัว” นีร่ารับมาไว้ในมือ สายตาเธอเริ่มพร่า เธอขยับเข้าไปใกล้ โอบแขนรอบตัวเขาแน่น “ข้ากลัว…” เธอกระซิบ “กลัวว่าจะไม่ได้เห็นหน้าเจ้าอีก” “ข้าก็กลัวเหมือนกัน” เขากอดเธอแน่นยิ่งกว่าเดิม “แต่ข้ารู้ว่าเจ้าเข้มแข็งกว่าใคร ข้าจ
นีร่ายังคงสั่นเทา น้ำตาไหลไม่หยุดอีธานคุกเข่าลงข้างเธอ มือใหญ่ประคองใบหน้าเธอแผ่วเบา“นีร่า…มองข้า…เจ้าอยู่ที่นี่ ปลอดภัยแล้ว”เธอกะพริบตา ถอยหายใจแรงเหมือนจะขาดใจเสียงในคอแหบจนแทบไม่เป็นเสียง“มัน…มันไม่ใช่แค่ฝัน…ข้าเห็นแม่จริงๆ”อีธานกอดเธอไว้แน่นกลิ่นเลือดและเหงื่อยังติดตัวเธอ“แม่ของข้า…ตาเปลี่ยนเป็นสีดำ…”เธอกัดริมฝีปาก มือสั่นจนแทบกำอะไรไม่อยู่“เธอกลายเป็น…สัตว์ประหลาด…พูดว่าข้า…ต้องกลับไป…เป็นเหมือนพวกมัน…”เสียงสะอื้นดังลอดออกมาอีธานค่อยๆ ลูบหลังเธอ“ไม่…เจ้าจะไม่เป็นเหมือนพวกมัน”น้ำเสียงเขาหนักแน่น“ข้าสัญญา”นีร่าเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำ“ถ้าแม่ยังมีชีวิต…ข้าต้องหาคำตอบ…ข้าต้องรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น…”“งั้นเราจะไปด้วยกัน”อีธานพูดช้าๆ จ้องตาเธอแน่วแน่“ไม่ว่าต้องไปที่ไหน…เจ้าไม่ได้อยู่คนเดียว”เสียงคลื่นนอกหน้าต่างยังซัดเข้าฝั่งไฟตะเกียงสั่นไหวเงียบๆในอกนีร่า ความกลัวค่อยๆ แปรเป็นแรงฮึดสู้เธอพยักหน้าช้าๆ“เราจะหาความจริง…ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไร…”อีธานกระชับมือเธอแน่นขึ้นและในค่ำคืนที่หนาวเหน็บหัวใจสองดวงก็ผูกพันกันมั่นคงกว่าเดิมสองวันถัดมาแผลบนแขนของนีร่าไม่ดีขึ้น
หัวหน้าเงือกพุ่งใส่อีธานสุดแรงครีบใหญ่หวดอากาศจนเกิดเสียงแตกดัง วืด!อีธานเบี่ยงตัวหลบไปทางซ้ายปลายมีดในมือฟาดเฉียงเข้าที่คอด้านข้างของมันฉึก!เสียงเนื้อฉีกดังชัดเลือดสีหมึกกระฉูดราดเต็มตัวเขาหัวหน้าเงือกคำรามลั่นจนพื้นสะเทือนร่างมหึมาสะบัดถอยหลังไปสองก้าวชั่ววินาทีนั้น…ศรเซรีออนในมือนีร่าเปล่งแสงจ้าเหมือนจะปล่อยพลังสุดท้ายออกมาเธอยกศรขึ้น…ริมฝีปากแห้งแตกพึมพำถ้อยคำเวทเสียงแหบจนแทบฟังไม่ออก“…จบสิ้น…อสูร…”ประกายฟ้ารูปวงเวทหมุนรอบตัวเธอพลังเวททะลักขึ้นจนฝนสาดกระจายเป็นวงแสงจากศรสว่างจ้า—แต่ทันใดนั้นร่างเธอก็สั่นแรงแผลลึกบนแขนซ้ายฉีกกว้างกว่าเดิม เลือดพุ่งร้อนวาบเต็มมือนีร่าหอบแรง สายตาพร่าเสียงในหูเธอกลายเป็นเสียงอื้ออึงภาพรอบตัวพร่ามัวเหมือนฝันหัวหน้าเงือกที่บาดเจ็บคอคำรามต่ำมันถอยไปช้า ๆ หยาดเลือดดำหยดตามพื้นสายตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด…และความเกลียดชังก่อนมันจะพุ่งหนีเข้าความมืดหลังบ้านเรือนพังยับอีธานจะวิ่งตาม—แต่เขาหันมาเห็นนีร่าทรุดลงบนเข่าตัวเองศรเซรีออนร่วงจากมือกระแทกพื้นหิน“นีร่า!”เขาพุ่งเข้าประคองร่างเธอไว้แขนเธออ่อนแรงจนแทบไม่ขยับสายตาคู่สวยค่อย
นีร่าเหวี่ยงศรลงสุดแรงปลายศรเซรีออนเปล่งแสงฟ้าแทงเข้าข้างคอหัวหน้าเงือกฉึก!เสียงเนื้อแตกดังชัดเลือดสีหมึกทะลักออกมาเป็นฝอยดำข้นมันคำรามลั่นทั้งลานบ้านแต่พลังมันยังไม่หมด—เงือกกลายพันธุ์ใช้ครีบหนาฟาดสวนใส่เธอเต็มแรงผัวะ!ร่างนีร่ากระเด็นไถลไปตามพื้นหินเธอรู้สึกเหมือนอากาศในปอดหายไปหมดโลกทั้งโลกหมุนเคว้งอยู่ชั่ววูบเสียงอีธานตะโกน“นีร่า!”เธอพยายามลุก แต่แขนซ้ายชาไปหมดพอเหลือบลงมอง…แผ่นหนังแขนเสื้อขาดเป็นทางยาว เลือดสีแดงสดไหลรินตลอดแนวแผลฝนโปรยแรงขึ้นจนทุกอย่างเย็นเฉียบแต่บาดแผลกลับร้อนจี๊ดราวไฟลวกเธอหอบหายใจ สายตาพร่าเสียงฝีเท้าเงือกกลายพันธุ์ก้าวมาช้า ๆมันก้มลง แยกเขี้ยวใส่เธอนีร่ากัดฟัน พยายามยันตัวขึ้นแม้แขนซ้ายจะสั่นจนแทบยกไม่ไหวศรเซรีออนสั่นแสงพร่าอยู่ในมือข้างขวาอีธานพุ่งมาคุกเข่าข้างเธอ“อย่าฝืน…! ถอยก่อน!”เธอสบตาเขาแม้เจ็บจนตัวสั่น แต่เสียงเธอยังนิ่ง“ไม่ได้…มันจะฆ่าพวกเขาทุกคน…”บีลาร์กับลุงโทบี้พุ่งเข้ามาขวางตรงหน้าหอกไม้ยกขึ้นพร้อมกัน แม้จะสู้ด้วยแรงที่สั่นระริกนีร่าหอบแรงหนึ่งทีแล้วกัดฟันจนเลือดซึมที่ริมฝีปากเสียงฝีเท้าเงือกกลายพันธุ์ที่กำลังจะก
เสียงกรีดร้องดังสะท้อนมาตามลมทะเลนีร่าชะงัก…มือยังถือถ้วยซุปที่อีธานเพิ่งตักให้เมื่อครู่แววตาเธอเปลี่ยนไปทันที — ความนิ่งสงบกลายเป็นความตื่นตัว“เสียงจากหมู่บ้าน…”เธอกระซิบ เบาแต่หนักแน่นอีธานวางชามลงแทบจะพร้อมกัน“ข้าจะไปด้วย”ไอล่าลุกพรวด“เดี๋ยว! มันอาจเป็นกับดัก—”“ไม่ไปตอนนี้จะไม่มีใครให้ช่วยแล้ว!” นีร่าตอบพลางคว้าศรเซรีออน ดวงตาสีฟ้าเรืองแสงจาง ๆศรในมือเธอร้อนจัด—เหมือนมัน “เตือน” ว่า ศัตรูอยู่ใกล้---กลางหมู่บ้าน — เปลวไฟลุกโชนร่างของเงือกกลายพันธุ์ 3-4 ตัว กำลังล้อมครอบครัวหนึ่งที่เหลือเพียงพ่อกับลูกสาว พ่อพยายามยื้อไว้ แต่เด็กหญิงร้องไห้เสียงแหบก่อนที่ครีบแหลมจะฟันลงมาที่ร่างพวกเขา—“ฟึ่บ!”เสียงบางอย่างพุ่งผ่านกลางอากาศแสงฟ้ารูปเกลียว ปรากฏขึ้นกลางฝูงเงือกศรเซรีออนแทงทะลุร่างของหนึ่งในพวกมัน ร่างมันกระตุกก่อนระเบิดเป็นเถ้าทะเล“ทางนี้!” เสียงนีร่าตะโกนเธอพุ่งเข้ามาท่ามกลางเปลวเพลิง ผมยาวสยายตามลม ใบหน้าเปื้อนฝุ่น แต่ดวงตาไม่สั่นไหวศรเวทในมือเปล่งแสงจ้า ราวกับรู้หน้าที่ของมันเองอีธานกระโจนตามมา สะบัดมีดคู่แทงเข้าลำตัวเงือกอีกตัวอย่างแม่นยำ เลือดสีดำทะลัก“หนีไปทา