Home / โรแมนติก / SiRen เงือกสาว ผจญภัย / #8 เมืองบาป..ที่ชื่อว่าคอร์เซียร์

Share

#8 เมืองบาป..ที่ชื่อว่าคอร์เซียร์

last update Last Updated: 2025-06-17 21:27:27

จากวันกลายเป็นเดือน จากเดือนกลายเป็นปี

นีร่าเริ่มชินกับเสียงหัวเราะของเด็กๆ ที่วิ่งเล่นท้ายหมู่บ้านบ้าน

เริ่มชินกับกลิ่นแดดแรง ๆ ที่แผดลงบนผ้าปูที่ตากไว้หลังบ้าน

เริ่มชินกับการถูกแม่บาร์บราชวนไปช่วยจัดปลาทู และถูกยายมัลด้าบ่นเวลาเดินทำเทียนน้ำมันหก

นางเรียนรู้การใช้ชีวิตแบบชาวบ้านทีละนิด

ขูดมะพร้าว หาบน้ำ ผ่าฟืน

และแน่นอน...นางหั่นผักได้เท่ากันหมดแล้วในตอนนี้

(แม้อีธานจะแอบแก้ให้บ้างเวลานางเผลอก็ตาม)

ชีวิตที่เรียบง่ายนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

โดยเฉพาะยามที่ข้ากับอีธานได้นั่งฟังเสียงคลื่นเบา ๆ ริมระเบียง

มือของเขาอุ่นเสมอ เวลาวางลงบนมือนาง

และหัวใจของก็เต้นแปลก ๆ เสมอ เวลาที่เขามองตานางแล้วเงียบไป

แต่ท้องทะเล…ไม่มีวันสงบนานนัก

เย็นวันหนึ่ง ฟ้าเปลี่ยนสีเร็วกว่าทุกวัน ลมแรงพัดฝุ่นคลุ้ง

เด็ก ๆ หายตัวจากลานเล่น เหลือเพียงเสียงแม่ค้าลากผ้าคลุมแผงกันลม

จากขอบฟ้า เรือใบสีดำลำหนึ่งโผล่ขึ้น

"เรือธงดำ! โจรสลัดมา!!" เสียงตาเฟร็ดหัวแหลมร้องลั่น

ทุกคนวิ่งวุ่น ซ่อนของ ซ่อนตัว

แต่ไม่ทัน...โจรสลัดกว่า 10 คนกระโดดขึ้นฝั่ง พวกมันลากของ ขูดทอง จับคนตะโกนใส่กันระงม

อีธานคว้าดาบสนิมๆ ข้างฝาไว้

“เจ้าหนีไปนีร่า!”

“ไม่! ข้า—”

“ไป!!!”

เขาพุ่งเข้าใส่ชายตัวโตที่ดูเป็นหัวหน้า แต่เพียงไม่นาน ดาบของศัตรูก็ฟาดลงกลางแผ่นหลังของเขาอย่างแรง

เลือดพุ่งกระเซ็น

“อีธาน!!!” นีร่ากรีดร้องสุดเสียง

ร่างเขาล้มลง ขยับไม่ได้อีก

นางวิ่งไปหา แต่โดนกระชากหัวกลับ

มือของโจรสลัดตะครุบเธอไว้ พร้อมหัวเราะเสียงต่ำ

“หญิงสาวแบบเจ้านี่ ข้าจะเอาไปขายดีมั้ยน้า…”

นางร้องไห้ หันไปมองร่างที่นอนแน่นิ่งของอีธาน หัวใจเหมือนจะฉีกขาด

“อย่าตายนะ...ข้า ขอร้อง...อีธาน...”

ภาพสุดท้ายที่นางเห็น คือแม่บาร์บรา วิ่งฝ่าฝูงคนเข้ามากับช่างไม้บีลาร์ และลุงโทบี้

พวกเขาช่วยกันไล่พวกโจรออกไป

และลากตัวอีธานเข้าไปในบ้านแม่เฒ่ามาร์ธา ก่อนที่โจรสลัดจะพานางขึ้นเรือลอยหายออกทะเลไป…

นางถูกจับโยนใส่ห้องเก่า ๆ ใต้ท้องเรือ

แสงไฟสลัวลอดผ่านช่องไม้ผุ น้ำหยดติ๋ง ๆ จากเพดาน

นางกอดเข่าตัวเองเอาไว้แน่น

แม้เพียงเสื้อผ้าธรรมดาที่ใส่ติดตัวมา ก็ยังรู้สึกเย็นเฉียบจนแทบสั่น

หัวใจนางเหมือนจะหยุดเต้น เมื่อนึกถึงร่างของอีธานที่นอนแน่นิ่งในกองเลือด

“เจ้า...อย่าเป็นอะไรเลยนะ...”

นางพึมพำเบา ๆ เสียงแหบพร่า

เจ้าน้ำตาไหลอาบแก้ม ขณะนางซุกหน้ากับเข่าตนเอง

เสียงฝีเท้าดังขึ้น

ประตูไม้ถูกเปิดออก พร้อมเงาใหญ่ของชายคนหนึ่ง

“เจ้าชื่ออะไร” เขาถามเสียงเข้ม

“...ข้าไม่จำเป็นต้องบอกกับโจรอย่างท่าน” นางเชิดหน้าตอบ แม้จะกลัวจนแทบขาสั่น

เขาหัวเราะ “มีน้ำอดน้ำทนดีนัก ข้าชอบ...ไว้ขายให้พ่อค้ามหาเศรษฐีในเมืองคอร์เซียร์ก็ยังได้กำไร”

เขาเดินจากไป ทิ้งให้นางนั่งท่ามกลางความชื้นและกลิ่นเค็มของน้ำทะเล

คืนต่อมา

ขณะเรือโคลงเคลงจากพายุฝน

น้ำทะเลสาดเข้ามาทางช่องไม้ แฉะลงพื้นห้องขังของนางอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

“ไม่...อย่า...”

นางถอยหนีไปจนชิดมุม แต่ก็สายเกินไป

หยดน้ำแรกสัมผัสปลายนิ้ว

ผิวของนางเริ่มเรืองแสงสีมุกบาง ๆ

เส้นผมพลิ้วสยาย กลายเป็นประกายสีทองอร่ามดุจเส้นไหมเปียกฝน

ขาทั้งสองข้างเริ่มสั่นไหว ก่อนจะรวมตัวกันกลายเป็นหางเงือกสีทองสว่างวาบ!

แปร๊บ!

เสียงน้ำกระเพื่อมดังขึ้น เมื่อหางนางฟาดลงบนพื้นเปียก ราวกับกระจกเงาที่แตกกระจาย

เกล็ดบางแวววาวกระพริบแสงเป็นประกายใต้น้ำ

นางหายใจหอบ

ตัวสั่นเทิ้ม

และเมื่อหันไปมองประตูไม้...นางก็พบว่า ชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังยืนอึ้งอยู่ตรงนั้นพอดี!

เป็นหนึ่งในโจรสลัด...และเขาเห็นทั้งหมด!

“เจ้าคือ...เงือก?” เขากระซิบเบา ๆ ด้วยแววตาตกตะลึง

นางนิ่ง

สายตาแข็งกร้าว

“แล้วท่านจะทำอย่างไรต่อเล่า? จะลากข้าไปประมูลในตลาดรึ? หรือจะเอาเกล็ดของข้าไปต้มเป็นยา?”

เขากลืนน้ำลาย ไม่พูดอะไร

เพียงแค่ค่อย ๆ ถอยหลังออกไป…และปิดประตูลงอย่างช้า ๆ

แต่สายตาคู่นั้นยังคงฝังอยู่ในหัวใจนาง

เสียงตะโกนจากชายบนเรือดังขึ้นท่ามกลางหมอกควันหลังศึกปล้นหมู่บ้าน

> “ข้าสาบานต่อชื่อแม่ข้า! นางเป็นเงือกจริง ๆ!”

ชายหนุ่มชื่อ รัฟเฟอร์ ผู้หนึ่งวิ่งหน้าตื่นขึ้นไปยังดาดฟ้าเรือ บอกเล่าแก่ กัปตันแบร็กซ์ตัน โจรสลัดเฒ่าที่ตาเป็นมันไม่ต่างจากงู

> “เจ้าแน่ใจหรือไม่?” กัปตันหรี่ตา เสียงต่ำดังลอดไรฟันเหลือง

> “ข้าเห็นกับตา! พอร่างนางเปียก...หางสีทองมันโผล่จากผ้าแถบที่พันไว้ นางกรีดร้องด้วย!”

กัปตันหัวเราะเสียงต่ำในลำคอ ก่อนชักดาบเล่มเขื่องมาเกี่ยวสายรัดคอเสื้อรัฟเฟอร์

> “เช่นนั้น อย่าปล่อยให้หลุดมือ...นำข้าไปดูนางเดี๋ยวนี้!”

---

ในห้องเก็บของใต้ท้องเรือที่ชื้นเย็น นีร่านั่งแน่นิ่งในมุมมืด เสื้อผ้าที่เคยแห้งตอนนี้เปียกโชกเพราะลมฝนสาดเข้าเรือ ร่างบางสั่นเทา หางเงือกสีทองอร่ามเผยชัดออกมาจากชายผ้าที่หลุดร่นลงขา

เมื่อกัปตันแบร็กซ์ตันเดินมาถึง เขาเบิกตาโต มองนางจากศีรษะจรดปลายหาง

> “โอ้ว...เจ้าเป็นของจริง…”

เขาเดินวนรอบตัวนางราวกับนางเป็นสมบัติ ลูบเคราอย่างใช้ความคิด

> “ข้าจะรวย! ละครสัตว์เมืองหลวงย่อมยอมจ่ายมหาศาลเพื่อครึ่งมนุษย์ครึ่งปลาแบบเจ้า!”

> “ท่านไม่มีสิทธิ์...” นีร่าเอ่ยเสียงแข็ง

> “เจ้าถูกจับ! อยู่บนเรือข้า เจ้าไม่มีสิทธิ์อะไรทั้งนั้น!”

หลังจากที่โจรสลัดจับนางขึ้นมาจากทะเล เรือก็แล่นสู่เมืองท่าขนาดใหญ่ชื่อ คอร์เซียร์ เมืองซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการค้าทุกสิ่ง แม้กระทั่ง "ชีวิต" ของสิ่งมีชีวิตที่ประหลาด

เมื่อถึงท่าเรือ บรรยากาศอบอวลด้วยกลิ่นคาวปลาและเหล้าราคาถูก ตะโกนโหวกเหวกของพ่อค้า แรงงาน และนักเลงท่าเรือทำเอานีร่าต้องก้มหน้าซ่อนตาไว้ใต้ผ้าเก่า ๆ ที่โจรสลัดคลุมให้ก่อนจะโยนตัวนางลงกรงบนเกวียน

> “อย่าคิดหนีล่ะ เจ้านางปลา” หนึ่งในลูกเรือแสยะยิ้มเหี้ยม

---

ค่ายละครสัตว์กลางเมือง

นีร่าถูกส่งเข้าไปยังเขตโรงละครสัตว์ กลิ่นของม้าเปียก เหงื่อคน และเสียงแส้ดังฉับ ๆ ทำให้นางหายใจไม่ทั่วท้อง

> “แปะป้ายไว้! ครึ่งมนุษย์ครึ่งเงือก! แสดงสัปดาห์หน้า!”

> “ข้าไม่ใช่ของเจ้า...” นีร่าเอ่ยเสียงแผ่ว

> “ที่นี่ ไม่มีใครมีสิทธิ์เลือก!”

คืนแรกในกรงเหล็ก ท่ามกลางเสียงเห่าหอนและกลิ่นชื้น

ชายอ้วนคนงานประจำโรงละครสัตว์โยนถาดไม้ใส่ขนมปังแข็ง ๆ ลงตรงหน้า เสียงเหล็กกระทบกันดังกริ๊ก ทว่าเขากลับหันหลังกลับไปทันทีโดยไม่ได้สังเกต...

เขาลืมล็อกกรง!

นีร่าชะงักไปชั่วครู่ หัวใจเต้นระรัวด้วยความไม่แน่ใจ นางเหลือบมองซ้ายขวา แล้วค่อย ๆ ขยับมือผลักบานกรงเบา ๆ

แกร๊ก...

เสียงเบาจนแทบไม่ได้ยิน แต่เพียงพอให้นางรู้ว่า...ข้า...มีโอกาสแล้ว!

---

กลางเมืองคาร์เซียร์

นางไม่รู้ว่าเดินไปทางไหน ใจเต้นระรัว ท้องร้องจ๊อก ๆ ทุกคราวที่ได้กลิ่นขนมปังหรือปลาย่าง

> "ข้าจะไม่ตาย...ที่นี่" นีร่ากระซิบกับตัวเอง ก่อนจะหยิบเศษปลาสลิดจากกองขยะยัดใส่ปาก มือสั่นเทา

นางซ่อนตัวในตรอกแคบ ซ่อนหางใต้ผ้าขาด ๆ หลบพวกนักล่าที่ออกตามหา กระทั่งนางเดินผ่านสภานที่เเห่งหนึ่งที่มีชื่อว่าเรือนรื่นรมย์

เสียงหัวเราะคุ้นหูดังแว่วออกมาจากข้างใน

> “ข้าสิ! ข้าน่ะ! เคยได้กับเจ้าหญิงทะเลนะเว้ย ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

นีร่าหยุดฝีเท้า หันขวับทันที ดวงตากลมโตเบิกกว้าง

> “เรน...?”

ภายในนั้น แสงไฟสลัวปรากฏภาพชายหนุ่มผมยาวรุงรัง เสื้อผ้าเปรอะเปื้อน มือกอดหญิงสาวสองนางไว้ข้างกาย ขณะที่อีกมือลูบไล้ขวดเหล้า

> “เขา...คือ...เรนของข้า...”

น้ำตาไหลอาบแก้มทันที นางยืนค้างอยู่ตรงนั้น...หัวใจแตกละเอียด

ชายผู้ที่นางตามหามาทั้งชีวิต ผู้เคยบอกจะกลับมารับนางขึ้นฝั่ง บัดนี้กลับกลายเป็นคนแปลกหน้า หลงอยู่ในกลิ่นกายหญิงอื่นและเหล้าเน่าราคาถูก

> “ข้าคิดถึงเจ้า...แต่นี่หรือคือคำตอบ?”

นีร่าค่อย ๆ ถอยหลังออกจากที่นั่น มือยกขึ้นปิดปากกลั้นเสียงสะอื้น

ท่ามกลางผู้คนพลุกพล่านในเมืองบาป นางกลับรู้สึกว่างเปล่ากว่าเคย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #19 การตามล่าจากโจรสลัด

    เมืองคอร์เซียร์...เมืองท่าขนาดใหญ่ทางฟากตะวันตกของทวีปที่เหล่าโจรสลัด นักล่าทะเล และพ่อค้าวัตถุต้องสาปต่างพากันมารวมตัว ไม่ใช่เพื่อศีลธรรม...แต่เพื่อผลประโยชน์ เงินทอง และเลือดเรือโจรสลัด “แบล็คดราฟต์” ของกัปตันแบร์กตัน จอดเทียบอย่างลับ ๆ ที่ท่าเรือหมายเลขเจ็ดของเมืองกลางยามสนธยา ท้องฟ้าถูกย้อมด้วยกลุ่มเมฆแดงหม่น แววตาเจ้าของเรือก็ไม่ต่างกัน“ลากของขึ้นฝั่ง!” แบร์กตันสั่งเสียงห้วนลูกเรือสองคนลากกรงเหล็กขนาดใหญ่คลุมด้วยผ้าดำขึ้นจากเรือ แบกผ่านตรอกแคบ ๆ ไปยังด้านในของเมืองที่หมายของพวกเขาคือ — โรงละครสัตว์ใต้ดินซึ่งว่ากันว่าสะสมสิ่งมีชีวิตประหลาดไว้มากกว่ารัฐบาลราชสำนักเสียอีกภายใต้โคมไฟน้ำมันที่ส่องไหวริบ ๆ เจ้าของโรงละครออกมาต้อนรับชายวัยกลางคนตัวเตี้ย ร่างอ้วนท้วน ใบหน้าคล้ายลูกหมู ผูกผ้าพันคอแดงทับเสื้อกำมะหยี่เก่าแก่“เจ้าพาสิ่งนั้นมาหรือยัง?” เขาถามเสียงขุ่น “ข้าจ่ายเงินล่วงหน้าไปแล้ว หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ผิดหวังนะ...แบร์กตัน”แบร์กตันโบกมือผ้าคลุมกรงถูกเปิดออก...เผยให้เห็นเพียงเเค่คนเเคระคนนึงเท่านั้น“ไม่มี!?” เจ้าของโรงละครร้องเขาก้าวไปจนหน้าดำหน้าแดง “เจ้ากล้าหลอ

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #18 เสียงที่ล่อลวง

    สายลมจากทะเลพัดโชยผ่านใบไม้หนาทึบ กลิ่นเกลือและไอชื้นของป่าไหลเข้าปะทะจมูก แต่นีน่าไม่แม้แต่จะหายใจลึก หัวใจเธอมีเพียงความเร่งรีบ"มาริเบล...ต้องรอด"น้องสาวของนางนอนอยู่ในถ้ำเล็กริมชายหาด ดวงตาร้อนผ่าว ผิวที่เคยสดใสเริ่มซีดจางจากพิษของบาดแผลขณะหลบหนี แม้นีร่าจะใช้ความรู้จากเผ่าตนรักษาเบื้องต้น แต่สมุนไพรที่ต้องการมีเฉพาะในป่าภายในเกาะ ซึ่งแปลกและไม่คุ้นเคยนางจำตำราได้ว่า ใกล้ภูเขาใจกลางเกาะนี้เคยมี “ดอกวารีทอง” — ดอกไม้ขนาดเล็กที่มีกลีบสีเงินสลับทอง ผสมกับราก "เฟินน้ำเที่ยงคืน" แล้วบดกับเกลือ จะถอนพิษจากบาดแผลลึกได้“นางจะต้องไม่เป็นอะไร…” นีร่าพึมพำในใจ ขณะฝ่าไผ่รกและเลื้อยไม้ขึ้นสู่แนวเขาเล็กแต่ทันทีที่นางไปถึงลำธารกลางป่า...เสียงบางอย่างก็ดังขึ้น—เสียงเพลงแผ่วเบา แฝงความเศร้าโศก ราวเสียงร้องของหญิงสาวใต้ผิวน้ำนีน่าหยุดชะงัก หางตากวาดไปรอบ ๆ — ไม่มีใครแต่ผิวน้ำสั่นเบาเหมือนมีบางสิ่งตื่นขึ้นจากก้นลึก> “...ผู้หลงทางในความมืด… กลิ่นเลือดเจ้าช่างหวานนัก…”เสียงนั้นกระซิบในหัว ไม่ใช่เสียงมนุษย์ ไม่ใช่เงือกธรรมดาทันใดนั้น ผิวน้ำก็แตกกระจาย ร่างหนึ่งพุ่งขึ้นมา—เงือกสาวผิวซีดจ

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #17 คำสาปในเกาะลึกลับ

    แสงจันทร์ส่องลงมากระทบลานหินกลางป่าลึก เงาไม้โยกไหวตามแรงลม คืนนี้เงียบผิดปกติ—เงียบเสียจนได้ยินเสียงลมหายใจของผู้ถูกจับไอล่าและรัฟเฟอร์นั่งอยู่กลางวงพิธี แขนทั้งสองข้างถูกมัดด้วยเถาวัลย์ศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยอักขระโบราณ พวกเขาไม่ได้ถูกทำร้าย ไม่แม้แต่รอยขีดข่วนบนร่างกาย...แต่หัวใจกลับสั่นสะท้านด้วยสิ่งที่มองไม่เห็นเพราะรอบตัวพวกเขา...ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่เลยมีเพียง "เงา" — เงาบางเบาของสิ่งที่เคยมีชีวิตเสียงสวดมนต์ต่ำ ๆ ดังขึ้นจากทุกทิศ เสียงนั้นไม่ใช่มนุษย์ ไม่ใช่สัตว์ แต่เป็นเสียงกระซิบของลมหายใจในอดีต เสียงของวิญญาณที่เคยมีเลือดเนื้อ และบัดนี้...หลงเหลือเพียงเศษความตายที่ยังไม่สงบ"พวกมัน...ไม่มีร่าง" รัฟเฟอร์กระซิบเบาไอล่าหันมามอง สีหน้าซีดเผือด "แต่ยังมีเจตจำนง"จู่ ๆ อากาศรอบกายเย็นวาบ ลมหอบหนึ่งพัดผ่าน ก่อนที่แสงสีฟ้าหม่นจะก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่างของหญิงชราโบราณ ใบหน้าซีดเผือดดั่งกระดูก ห้อยลอยอยู่เหนือพื้นเพียงนิ้วเดียว ดวงตาขาวขุ่นไร้แววชีวิต แต่มองตรงมาราวกับมองทะลุหัวใจ“เจ้าจะเป็นสะพาน...” เสียงนั้นดังกังวานโดยไม่มีปากขยับ“สะพานเพื่อพวกข้า...จะกลับมาอีกครั้ง”แท่นหิ

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #16 เผ่าที่โดนสาป

    เปลวแดดยามสายส่องทะลุม่านเมฆครึ้ม ปลายหางเรือเล็กแหวกผืนน้ำอย่างเงียบงัน อีธานนั่งนิ่งบนหัวเรือ สายตาคมใต้คิ้วเข้มทอดมองไปยังผืนป่าแน่นทึบบนเกาะร้างเบื้องหน้า"ตรงนี้แหละ" เสียงไอล่าเอ่ยพลางหยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นดู เธอชี้ไปยังฝั่งที่มีโขดหินเรียงตัวคล้ายประตูธรรมชาติ "ฉันเห็นรอยเท้า...มันมุ่งเข้าไปด้านใน"อีธานพยักหน้า รอยแผลบนแขนยังไม่ทันแห้งดี แต่เขาไม่อาจรอให้บาดแผลสมานก่อน รอยเลือดของพวกโจรสลัดยังเปรอะเปื้อนอยู่บนเสื้อผ้า กลิ่นคาวยังติดปลายจมูก — มันคือเครื่องเตือนใจว่าเขาต้องเร็วขึ้นอีก ก่อนจะสายเกินไปลูกเรืออีกคนที่ยังเหลือ—ชายร่างสูงชื่อรัฟเฟอร์—เป็นคนเงียบขรึม แต่ซื่อสัตย์ เขาหิ้วสัมภาระตามหลัง ไม่เอ่ยถ้อยคำใด นอกจากพยักหน้าอย่างพร้อมเคียงบ่าเคียงไหล่สามคนขึ้นฝั่ง ใต้ร่มไม้เงียบงัน เย็นยะเยือกผิดกับแสงแดดข้างนอก เสียงใบไม้แห้งลั่นกรอบใต้เท้า พร้อมกลิ่นดินชื้นที่คละเคล้ากลิ่นเกลือทะเล"หยุดก่อน..." เสียงอีธานเบาและกดต่ำ ขณะเขาย่อตัวลง มือหนาแตะบางสิ่งบนพื้นมันคือหยดเลือด...เล็กแต่ยังสดไอล่าถลาเข้ามาอย่างเร็ว "เลือดเหรอ?"อีธานไม่ตอบ เขายืนนิ่ง ขมวดคิ้วแน่น ดวงตาเขาสั่นไหว.

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #16 บาดเเผล

    แสงจันทร์สาดสีเงินลงเหนืออ่าวลับ เงาน้ำพลิ้วไหวใต้ผืนฟ้ายามค่ำคืน ท่ามกลางความเงียบงันที่แทบจะได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น ข้าค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นจากแอ่งน้ำข้างหาด ดินเหนียวเปรอะขา เท้าของข้าเหยียบลงไปบนผืนทรายที่เย็นชื้นเท้า—ไม่ใช่หางเงือกอีกต่อไปข้ามองปลายขาตัวเองอย่างอึ้งงัน ผิวเนื้อที่เคยเป็นเกล็ดทองสะท้อนแสงบัดนี้กลายเป็นผิวมนุษย์เรียบเนียน ซีดขาวด้วยไอเย็นของน้ำและความเหน็ดเหนื่อยข้าไม่รู้ว่าสิ่งใดเปลี่ยนร่างข้ากับน้อง…บางที อาจเป็นเวทมนตร์ของโพรงน้ำใต้เกาะ หรือบางสิ่งที่เรายังไม่เข้าใจ> “พี่…” เสียงเบาเรียกจากข้างหลัง ข้าหันไปเห็นมาริเบลกำลังพยายามพยุงตัวลุกขึ้นเช่นกัน“ข้า…ข้าก็มีเท้าเหมือนเจ้าแล้ว”ข้าประคองนางขึ้นจากน้ำ ดวงตานางเบิกโพลง ขณะจ้องมองปลายเท้าตัวเองเหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งเห็นโลกเป็นครั้งแรก ผมของนางเปียกปอนแนบแก้ม หยดน้ำยังเกาะตามขนตาคล้ายหยดน้ำตาข้าจับมือนางไว้แน่น> “เรายังมีชีวิตอยู่ และนั่น…คือสิ่งเดียวที่สำคัญ”สายลมยามค่ำคืนพัดหอบเอากลิ่นทะเล กลิ่นดิน กลิ่นมอส และกลิ่นไม้ผุจากป่าด้านหน้าเข้ามา ด้านหลังของเราคือผืนน้ำกว้างใหญ่เบื้องหลังภูเขาหินสูงชัน ไม่มี

  • SiRen เงือกสาว ผจญภัย   #15 เกาะที่ไร้ชื่อ

    เพลิงลุกไหม้ยอดไม้ โหมกระท่อมริมฝั่งทะเลสาบให้กลายเป็นเศษเถ้าดำราวสรวงสวรรค์เคยทอดทิ้งที่นี่ไปนานแล้ว...ข้ายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ใต้แสงสีส้มของความสูญเสียข้ารู้สึกราวกับห้วงเวลาหยุดหมุนในชั่วครู่ที่สายตาจับจ้องไปยังร่างหนึ่งบนพื้น—เรน ชายผู้เคยเป็นทั้งเพื่อน ทั้งรัก และบัดนี้…เป็นเพียงซากอดีตที่ไร้คำแก้ตัวเสียงสะอื้นของนีร่าดังแผ่วอยู่เบื้องหลัง หยดน้ำตาสีดำยังร่วงทีละหยดลงสู่ผืนดินที่เปียกชื้นจากทั้งฝนที่เพิ่งจางหาย และเลือดที่ยังไม่แห้งข้าอยากยื่นมือไปปลอบนางแต่ข้ากลับยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น...เพราะบางความเจ็บ ก็ไม่มีถ้อยคำใดปลอบประโลมได้> “อีธาน…”เสียงนางเบาเหมือนเสียงคลื่นลมที่ซัดชายฝั่งข้าหันมาช้า ๆ และสบตากับนางดวงตาคู่นั้น—แม้จะยังงดงาม—กลับเต็มไปด้วยร่องรอยของการแตกสลาย> “ข้า…เหนื่อยเหลือเกิน…”นางเอ่ยก่อนจะซบหน้าลงบนบ่าข้า ข้าได้แต่ยกแขนขึ้นโอบประคองแผ่นหลังบางเอาไว้แน่น มาริเบลยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง ร่างเล็กที่เปื้อนเลือดและดินเงยหน้ามองพี่สาวอย่างเงียบงัน น้ำตาของนางไม่ไหล…เพราะนางไม่เหลือแม้แรงจะร้องไห้อีกแล้วข้าอยากให้คืนวันสงบกลับมา แต่ในโลกนี้—มันไม่เคยง่ายเช่นนั้นเพร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status