Home / วาย / The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg) / ตอนที่ 13 กลิ่นที่ติดจมูกแต่แกล้งทำเป็นไม่ได้กลิ่น

Share

ตอนที่ 13 กลิ่นที่ติดจมูกแต่แกล้งทำเป็นไม่ได้กลิ่น

Author: Glita
last update Last Updated: 2024-12-16 21:19:19

          ถึงจะพยายามหลับต่อแต่สิ่งที่ได้กลับเป็นความมืดไร้จุดสิ้นสุด ไม่มีอะไรแปลกประหลาดจนมิวคิดว่าความฝันนั้นมันอาจเป็นเพียงแค่ฝันธรรมดา ที่ผ่านการปรุงแต่งจากจิตใต้สำนึก

          อันที่จริง ‘*Lucid Dream’ ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับมิว การรู้ตัวว่ากำลังฝันทำให้มิวสามารถสร้างสนามเด็กเล่นในจินตนาการได้อย่างเพลิดเพลิน แต่นั่นก็ทำให้เขาจำสลับความฝันกับความจริงอยู่บ้าง

          หลังจากตัดใจเลิกนอนต่อ มิวใช้เวลาที่ควรวิ่งในสวนสาธารณะเปลี่ยนเป็นจดจ่ออยู่หน้าแล็ปท็อป เลือกหนังผู้ใหญ่ที่ถูกใจเพื่อทำสิ่งที่ค้างคาให้จบ

          ทว่าทุกอย่างก็เหมือนเดิม ไร้การเคลื่อนไหวอื่นใดจากช่วงล่าง นอกจากฝ่ามือที่พยายามขยับอย่างรวดเร็ว นั่นสร้างความหงุดหงิดให้ชายหนุ่มผู้เปี่ยมล้นด้วยความหวัง

          ความตะขิดตะขวงใจเหล่านี้อึดอัดอยู่ในหัวของมิวตามไปจนถึงที่ทำงาน ชายหนุ่มไม่อาจสลัดความตื่นเต้นที่พบเจอได้เลย 

          ส่วนล่างแม้จะนิ่งสงบ ทว่ามิวยังรู้สึกเต้นตุบๆอยู่ภายใต้ผิวหนังขาวสะอาด ทั้งตัวปกคลุมไปด้วยถ่านไฟที่คุกรุ่นตามติดไปทุกที่ มันค่อนข้างแปลกแต่เขาก็อยากสัมผัสประสบการณ์เช่นนี้อีก

          ชายหนุ่มเอนกายลงบนพนักเก้าอี้หลังจากทาลิปมันลงบนริมฝีปากเสร็จ โต๊ะเครื่องแป้งตรงกลางใหญ่สุดในบรรดาทั้งสามตัวที่วางใกล้กัน เป็นเหมือนพุ่มเงินพุ่มทองอวยยศของผู้ที่อยู่เหนือสุด

          ด้านขวาเป็นส่วนที่จัดสรรเอาไว้ให้อันดับสอง มีชายอายุมากกว่านั่งเล่นมือถืออยู่ แม้จะเข้าใกล้เลขสามแต่ความอ่อนเยาว์นั้นเทียบเท่ากับเด็กวัยยี่สิบต้นๆอีกคนในห้องได้ไม่ยากเย็น

          มิวชำเลืองมองเจษที่เอาแต่จ้องหน้าจอสี่เหลี่ยมเล็กๆ ในหัวอยากบอกเล่าเรื่องความฝันแปลกประหลาดอีกครั้ง ทว่าเขาก็ไม่กล้าปรึกษา เพราะกลัวจะโดนไล่ให้ไปหาหมอผีหรือจิตแพทย์อีก

          หัวข้อการสนทนาจึงมีแค่การนินทาลูกค้า รวมถึงเรื่องที่มีเด็กบางคนในร้านถูกเป็นเอกเรียกพบเป็นการส่วนตัว เจษบอกว่าเขาเห็นกับตาว่าเด็กคนนั้นขึ้นรถไปกับผู้จัดการร้านหน้าหล่อตอนเลิกงาน

          “พี่ว่านะ พี่เป็นเอกต้องพาไอ้หนุ่มนั่นไปคั่วกันในโรงแรมแถวนี้แน่เลย” เจษหันรีหันขวาง… เมื่อแน่ใจว่าทั้งห้องมีกันแค่สองคนเลยกล้าพูดชื่อบุคคลอื่นอย่างเต็มปาก ทว่าเพื่อความแน่ใจเขาก็ไม่ลืมลดระดับเสียงเพื่อที่มิวจะได้ยินแค่คนเดียว “ไม่ใช่คนแรกด้วยนะ”

          “ไม่จริงหรอกน่า! ที่ทำงานเราห้ามมีความสัมพันธ์กับลูกค้าหรือพนักงานภายในองค์กรไม่ใช่เหรอ ก่อนเซ็นสัญญาเข้าทำงานก็มีเขียนตัวเบ้อเริ่ม” มิวแสร้งทำเป็นไม่เห็นด้วยเพื่อให้เรื่องราวถูกตีฟู “พี่เป็นเอกเป็นคนดูแลกฎ ก็ไม่น่าจะทำผิดกฎหรือเปล่าครับ”

          “น้อยไปน่ะสิ พวกออกกฎนี่ตัวแหกกฎเลย”

          “ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย พี่เป็นเอกโสดไม่ใช่เหรอครับ จะพกเด็กกลับบ้านคงไม่เป็นไรหรอก” มิวไม่ได้เดือดร้อนกับกฎห้าม เพราะถึงเขาอยากจะแหกกฎแต่ก็ทำไม่ได้อยู่ดี

          “แบบนี้เขาเรียกเอาเปรียบ ห้ามคนอื่นแต่ตัวเองทำเอง ยิ่งเป็นผู้จัดการร้านด้วยแล้ว… เผลอๆมาแบ่งฝักแบ่งฝ่ายคนไหนเด็กผู้จัดการ คนไหนไม่ใช่”

          “พี่เจษพูดอย่างกับจะไม่ค่อยชอบกฎข้อนี้เป็นพิเศษ”

          “เอาจริงๆนะมิว!.... เงินที่ลูกค้าเอามาฟาดหัวเพื่อแลกกับการบริการพิเศษมันก็ไม่ใช่น้อยๆนะ” เจษนึกเสียดายที่หลายครั้งต้องปฏิเสธทิปก้อนโตที่ลูกค้าเสนอให้ “พี่ว่าอย่างมิวก็น่าจะรู้ดี”

          เด็กหนุ่มนิ่งเงียบคิดถึงจำนวนเงินที่เคยมีคนหยิบยื่นมาให้ เพื่อแลกกับความสัมพันธ์ทางกายแบบชั่วคราว หากตอนนี้น้องชายของเขายังทำงานได้ปกติ ตอนนี้เงินเก็บในบัญชีคงมีตัวเลขมากกว่าหกหลัก

          “ผมยังไม่สนใจอะไรแบบนั้นหรอกครับ” มิวทำทีเมินเฉย

          “ใช่สิ! เรายังเด็ก เส้นทางในวงการยังอีกไกล พี่นี่สิ… อีกไม่กี่ปีก็จะสามสิบแล้ว ให้ไปทำงานอย่างอื่นก็ทำไม่เป็น”

          “โห! พี่เจษยังหล่ออยู่เลย ลูกค้ายังต่อคิวยาวไปอีกหลายเดือน ไม่เห็นต้องเครียดขนาดนั้น”

          “ดีครับทุกคน…”

          เสียงยานคางของเด็กหนุ่มคนใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในห้องดังแทรกการสนทนา ดึงความสนใจของชายทั้งสองไปในทันที

          ทั่วทั้งห้องหยุดเคลื่อนไหวไปชั่วขณะหนึ่ง มีเพียงเสียงเท้าจากเด็กหนุ่มผู้มาใหม่ดังกระทบพื้น

          ชายร่างขาวใสเดินดิ่งตรงไปยังโต๊ะเครื่องแป้งที่ว่างอยู่ทางซ้ายมือของมิว เขาโยนสัมภาระที่พกติดมาด้วยไว้ข้างๆ อย่างไม่ใส่ใจ

          ดวงตาของเด็กหนุ่มลึกโบ๋ แก้มตอบนิดหน่อย แต่ยังคงเหลือเค้าความหล่อเอาไว้ โชคดีที่ผิวของเขาขาวเกลี้ยงเกลา จึงทำให้ความโทรมที่ห่อหุ้มเปลือกนอกนั้น ไม่สามารถทำร้ายได้

          “มาลาออกหรือไง” เจษทักทายอย่างสนิทสนม

          “ผมไม่ออกหรอก ออกแล้วผมจะเอาอะไรกิน” อาร์เต้โต้ตอบพลางเริ่มแต่งหน้า

          “แล้วหายไปไหนมาตั้งหลายวัน” พี่ใหญ่สุดเริ่มซักถาม “พี่เป็นเอกจะเด็ดปีกไปให้คนอื่นอยู่รอมร่อแล้ว”

          “ไม่มีทาง! ผมเช็กยอดของรอบนี้แล้ว ยังไงปีกก็ติดอยู่กับหลังผมนี่แหละ”

          “ว่าแต่หายดีแล้วเหรอ?” มิวแทรกถาม

          “จริงๆผมก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บป่วยอะไร แค่รู้สึกเพลียๆ ง่วงนอน… น่าจะเพราะช่วงก่อนดื่มหนักไม่ได้พักเลย ร่างกายคงน็อค”

          “แล้วผู้ชายคนที่อยู่ในห้องแกเป็นใคร?”

          “คนไหน?”

          “ก็คนที่เปิดประตูให้ตอนพี่ไปหาไง!”

          คำถามของมิวทำเอาเจษหูผึ่ง เขาวางทุกอย่างในมือแล้วตั้งใจฟังอย่างสอดรู้

          “พี่มาหาผมด้วยเหรอ?” อาร์เต้ตอบพลางแต่งใต้ตาให้มีสีสันสดใส “ผมจำแทบไม่ได้”

          “ตอนเช้ามืดไง พี่แวะไปหาที่ห้อง”

          “อ๋อ! เมื่อเช้านี้น่ะเหรอ… ผมเป็นคนเปิดประตูให้พี่นะ”

          คำตอบของอาร์เต้ไม่ตรงกับภาพในความทรงจำของมิว เขาพยายามไม่กระโตกกระตากโวยวาย อาจเพราะเริ่มคุ้นชินกับความประหลาด อีกอย่างมิวไม่มีหลักฐานเพื่อยืนยันคำกล่าวอ้างของตัวเอง

          มิวพยายามคิดไปอีกทางเพื่อความสบายใจ…. อาร์เต้คงเหนื่อยล้าจนสมองสับสนมึนงงจำภาพสลับกัน ไม่ก็คงไม่อยากให้คนอื่นรู้ว่าตัวเองขลุกอยู่กับผู้ชายจนเสียการเสียงาน

          “พี่เจอใครในห้องของผมด้วยเหรอ?” อาร์เต้วางแปรงแต่งหน้า หันมาถามมิวด้วยความสงสัย แล้วชะโงกเลยไปยังเจษที่ตั้งหน้าตั้งตารอเก็บข้อมูล “ผมไม่มีแรงพาใครขึ้นห้องหรอก หลับเป็นบ้าเป็นหลังติดกันหลายวัน”

          “สงสัยพี่คงเบลอเองแหละ ก่อนไปหาแกก็โดนไปหลายดื่มเหมือนกัน” มิวเออออไหลตามน้ำไปก่อน

          “แต่ผมก็ฝันแปลกอยู่นะช่วงที่หยุดงาน รู้สึกกึ่งหลับกึ่งตื่นทั้งวันทั้งคืน”

          “ฝันว่าไง?” มิวใคร่รู้

          “ไม่รู้สิ… จำไม่ค่อยได้ ทุกอย่างมันเบลอๆไปหมด ขนาดนาฬิกาปลุกดังผมยังคิดว่าฝันอยู่เลย” พูดจบอาร์เต้ก็หัวเราะร่าเริง “แต่หลับไปขนาดนั้นก็ยังรู้สึกเหนื่อย จนพี่มิวแวะมาหาผมถึงรู้สึกดีขึ้น”

          “สงสัยเจ้ากรรมนายเวรมันเปลี่ยนเป้าหมาย” เจษแทรกพลางหยิบพระบนโต๊ะมากำ “ช่วงก่อนมิวก็บ่นว่าฝันแปลกๆไม่ใช่เหรอ”

          “เจ้ากรรมนายเวรมันก็ของใครของมันไหมพี่” มิวหันขวับทันควัน “มันจะเปลี่ยนเป้าหมายกันง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ?”

          “อาจจะเป็นกรรมที่ชาติก่อนก่อร่วมกันก็ได้” เจษหาเหตุผลมาสมอ้าง

          ทั้งมิวและอาร์เต้มองหน้ากัน ก่อนเราะหัวร่วน พวกเขารู้ดีว่าการต่อสู้กับความเชื่อของเจษนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะพี่ใหญ่คนนี้ค่อนข้างแน่วแน่กับเส้นทางของตัวเองในทุกด้าน

          “เอ้อ… แต่ว่าผมจำกลิ่นได้นะ” อาร์เต้จ้องมิวอย่างจริงจัง “ผมได้กลิ่นอะไรสักอย่างช่วงที่นอนสะลึมสะลือ กลิ่นมันเหมือนพี่มิวในตอนนี้เลย”

          คนแรกที่ทำจมูกฟุดฟิดคือเจษ เขาโน้มตัวดมตามเสื้อผ้าของมิว “กลิ่นน้ำหอมชาแนลนี้เหรอ?”

          “ไม่! กลิ่นคล้ายต้นไม้แห้งๆ หรืออะไรสักอย่าง ผมไม่เคยได้กลิ่นจากที่ไหนมาก่อนเลยอธิบายไม่ค่อยถูก”

          แค่นี้มิวก็รู้ได้ทันทีว่ามันเป็นกลิ่นแบบไหน เพราะมันติดอยู่ในจมูกของชายหนุ่มมาสักพักแล้ว เพียงแต่เขาไม่ได้สนใจ

          “ต้นไม้?” เจษสูดหายใจเข้าลึกซ้ำอีกหลายรอบ ข้างๆหัวไหล่ของมิว “ไม่เห็นจะได้กลิ่นเลย”

          “ไม่รู้สิ มันเป็นกลิ่นจางๆ ที่ลอยอยู่รอบๆตัวพี่มิว”

          “พี่ว่ากลิ่นธูปแน่เลย” เจษผงะเว้นระยะห่าง “ช่วงวันหยุดไปทำบุญไหมมิว?”

                                                —---------------------

          *Lucid Dream คือการฝันโดยที่ผู้ฝันรู้ตัวว่าตัวเองกำลังเผชิญกับความฝันไม่ใช่ความจริง บางคนถึงขั้นควบคุมความฝันได้ หรือสื่อสาร พูดคุยกับบุคคลในฝันได้เป็นเรื่องเป็นราว โดยปกติจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่ก็มีบางคนพยายามค้นหาวิธีเพื่อให้ตัวเองสามารถควบคุมความฝันได้โดยสมบูรณ์

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 67 มุมมองที่ต่างกัน

    “ทวดของผม” โพรงปากของเด็กหนุ่มอ้าค้างจนมองเห็นลิ้นไก่ข้างในลึกสุด “นี่พี่เกิดสมัยอยุธยาเป็นเมืองหลวงเลยไหมเนี่ย?” “ไม่นานขนาดนั้น” เสียงหัวเราะร่วนของเป็นเอกดัง “พี่เกิดหลังทวดของนายไม่กี่ปี ปี พ.ศ. สองพันสี่ร้อยกว่าเห็นจะได้” “แล้วพี่เป็นใครกันแน่?… ผีบรรพบุรุษส่งให้พี่มาดูแลตระกูลของผมหรือยังไง?” “ฉันว่าเรื่องของนายเหลือเชื่อกว่าเรื่องของฉันอีก” ยังไม่ทันจะต่อความยาวสาวความยืด เสียงฝีเท้าตึงตังก็ดังมาจากบันไดไม้ หญิงสาวแรกรุ่นพรวดพราดเข้ามาในห้องนอนที่ชายทั้งคู่อยู่ เธอกระโจนเข้าหาเป็นเอกและสวมกอดรอบคอจนแน่น “คิดถึงคุณลุงจัง” น้ำเสียงของหญิงสาวสดใสพอกันกับหน้าตา ดวงตาของเธอสุกใสเป็นประกาย ผิวหนังเนียนหนุ่มอ่อนเยาว์สมกับการเป็นสาวแรกรุ่น “คิดถึงลุงหรือคิดถึงของฝากกันแน่” มือของชายผู้แก่กว่ามากลูบศีรษะอย่างเอ็นดู “ก็ต้องคิดถึงคุณลุงอยู่แล้วสิคะ” “ถ้าอย่างนั้นวันนี้ลุงไม่มีของฝาก นิดหน่อยก็จะยังคิดถึงลุงอยู่ใช่ไหม?” หญิงสาวตัวเล็กยืดตัวขึ้นทำแก้มป่อง “ไม่มีจริงเหรอ?”

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 66 เพื่อนเก่าเพื่อนแก่

    ไม่ได้มีโอกาสบ่อยนักที่อาร์เต้จะได้อ้าแขนกอดรับดวงอาทิตย์ยามสาย ถึงมันออกจะร้อนสักหน่อยก็เถอะแต่สำหรับชายหนุ่มที่ไม่ค่อยชอบชีวิตช่วงกลางคืนเท่าไหร่นัก นี่ก็นับว่าเป็นคุ้มค่าที่จะแลก หลังจากได้ฟังเรื่องราวอันไกลเกินขอบเขตของความเชื่อมาแล้ว แววตาของอาร์เต้ตอนมองเป็นเอกกลับไม่ได้ต่างจากเดิมเท่าไหร่ หากไม่ใช่เพราะยังไม่เชื่ออย่างสมบูรณ์แบบบ ก็คงเป็นเพราะอคติบางอย่างที่สร้างความเอนเอียง ความรู้สึกในใจของชายทั้งสองไม่อาจถูกคั่นกลางด้วยสิ่งแปลกปลอม ระยะห่างระหว่างกันยังคงเส้นคงวา ไม่อาจใกล้มากกว่านี้หรือถอยห่างจากที่เป็น ถึงหมุดหมายของทริปนี้เป็นเอกจะบอกไว้ว่าเป็นการออกตามหาความจริง ทว่าอาร์เต้มองแตกต่างออกไป เขาคิดเงียบๆ อยู่คนเดียวว่าการเดินทางครั้งนี้เป็นเสมือนการออกเดตนอกสถานที่ครั้งแรกของพวกเขา นั่นเลยช่วยทำให้รู้สึกดีมากกว่ากังวล อาร์เต้ไม่เอ่ยถามถึงจุดหมายปลายทาง เขารู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมพูดอะไรแน่นอน ซึ่งเป็นเอกก็คิดเช่นนั้น ชายแก่ในร่างหนุ่มคิดไว้ว่าการอธิบายกลางอากาศอย่างเดียว คงไม่หนักแน่นพอจะยืนยันทุกอย่าง ท้องฟ้าปลอ

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 65 เริ่มนับเวลาถอยหลัง

    เมื่อความสุขสุดขีดพุ่งสูงจนทะลุหลอด ความเหนื่อยล้าก็เข้ามาห่อหุ้มร่างกึ่งเปลือยเปล่าของเด็กหนุ่ม หน้าอกภายใต้เสื้อตัวบางกระเพื่อมหนักหน่วง ริมฝีปากเผยออ้าเติมอากาศเข้าไปทดแทนกับที่ขาดหาย ใบหน้าฝาดก่ำด้วยสีเลือดสดๆ และเข้มมากขึ้นไปอีกเมื่อนึกถึงความดังของเสียงที่เพิ่งเปล่งออกไป ท่อนล่างโล่งโจ้งเลอะเทอะด้วยคราบของเหลวจากร่างกาย ในใจของมิวร้องตะโกนกู่ก้องเมื่อความรู้สึกที่อัดอั้นถูกระบายออกมาได้เสียที นั่นเป็นสิ่งประจักษ์แน่ชัดแล้วว่า ร่างกายและความเป็นชายได้กลับเป็นปกติอย่างที่ควรจะเป็น ทว่าก็ยังรู้สึกติดค้างบางอย่างแถวก้นบึ้งของจิตใต้สำนึก รอยยิ้มกางกว้างบนใบหน้าเรียวงาม เด็กหนุ่มรีบจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อย ด้วยกลัวจะมีใครเปิดประตูเข้ามา การโดนมองเห็นไม่น่าหนักใจเท่ากับการโดนล้อ มิวนึกออกว่าดันเต้จะพูดอะไรบ้างหากเห็นสภาพของเขาในตอนนี้ ‘ไม่คิดจะชวนกันสักหน่อยเหรอ?’ ‘ทำไมนายถึงหนีมาสนุกคนเดียวล่ะ!’ ‘อีกรอบไหม?’ ‘คิดถึงดุ้นยักษ์ของฉันล่ะสิ!’ น้ำเสียงทะลึ่งตึงตังรวมกับสีหน้าหื่นกระหายของดันเต้ ผุดขึ้นมาใน

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 64 กลับไปใช้งานได้

    ความเงียบบรรเลงดนตรีกระซิบข้างใบหู ความเหนื่อยล้าขับกล่อมท่วงทำนองยืดยานจนชายหนุ่มหลับใหลไปอย่างง่ายดาย พื้นที่แสนปลอดภับโอบกอดมิวเอาไว้แน่นไปถึงความฝัน ชายหนุ่มทิ้งความหวาดระแวงเอาไว้ข้างเตียง และปล่อยความอิสระให้คืนสู่จิตใจ เวลาในกำมือหมดไปอย่างรวดเร็ว จนแอบนึกเสียไม่ได้ว่าสิ่งล้ำค่านี้ไม่เคยเพียงพอในหนึ่งชีวิต… ร่างกายของมิวนั้นฟื้นฟูได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อ ทั้งความเหนื่อยล้าหรือบาดแผลบนร่างกาย อันที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องนอนเลยด้วยซ้ำหากในตัวมีเมล็ดพันธุ์ปีศาจอยู่ ความรู้สึกเบาสบายจากห้วงนิทราถูกความร้อนตรงท้องทำลาย เด็กหนุ่มกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ ลำตัวบิดงองุ่นง่าน การข่มตาให้หลับกลายเป็นเรื่องยากขึ้นทุกที การโดนร่างกายของตัวเองรังควานสร้างความหงุดหงิดนิดๆ มิวลืมตาตื่นนั่งพิงหัวเตียง ดวงตาแจ่มใสทั้งที่เพิ่งนอนไปได้แค่สองชั่วโมง ด้านล่างของลำตัวร้อนรุ่มอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนบาง ปลายเท้าบิดงอเข้าหากัน ต้นขาหนีบแน่นจนสะโพกเกร็ง อาการวูบวาบแผ่ซ่านจากศูนย์รวมความรู้สึกไปยังเส้นประสาท ดวงตาของมิวหั

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 63 กาลเวลาที่ยืดหดได้

    เบื้องบนโปรยแสงรำไรออกมาจากมาจากรูโหว่อันดำมืดของท้องฟ้า เช้าวันใหม่นี้แสนอึมครึมไม่สดใส ส่งผลโดยตรงต่อจิตใจให้ขมุกขมัว หัวงมหรรณพแห่งเวลาสงบเสงี่ยมเฉกเช่นหนุ่มน้อยหน้าตาใสซื่อ ปกติท่าทีของอาร์เต้จะกระโดกกระเดกไม่เรียบร้อย บัดนี้กลับสงวนกิริยาขัดจากนิสัยปกติราวกับเป็นอีกคน อาจเพราะเขาถนัดการซ่อนมุมจริงจังเอาไว้เพื่อบดบังตัวตน จึงมีน้อยคนจะเคยได้เห็นอีกด้าน “ที่จริงแล้วพี่เลือกจะโกหกต่อไปก็ได้ แต่พี่ไม่อยากทำ” ชายวัยกลางคนนั่งบนโซฟาที่คุ้นเคย สายตาจับจ้องร่างเด็กกว่าตรงกันข้ามด้วยความสับสน หลังจากพยายามเลี่ยงการเปิดปากตอนอยู่ในรถอยู่นาน เขาก็มาถึงสถานที่เหมาะแก่การคายทุกอย่างออกมา “พี่รู้ว่ามันอาจจะฟังแล้วเหลือเชื่อไปหน่อย แต่พี่ก็อยากให้อาร์ตเปิดใจ” หนุ่มน้อยเอียงคอสงสัย ปกติเป็นเอกเป็นคนขึงขังอยู่แล้ว ยังมีเรื่องอะไรที่ทำให้ผู้จัดการร้านคนนี้หัวเสียได้มากกว่าเดิมอีกเหรอ “ผมเปิดใจให้พี่อยู่แล้ว… พี่รู้ใช่ไหม?” “แต่เรื่องที่พี่จะเล่ามันจะเปลี่ยนความคิดของนายที่มีต่อพี่ไปเลย” นี่คือสิ่งที่อาร์เต้ไม่ชอบ

  • The bonding wings เสน่หาพันธะปีศาจ (Mpreg)   ตอนที่ 62 ความจริงที่พูดไม่หมด

    การโดนสปอยด์ตอนจบไม่น่าอภิรมย์ของพิธีกรรมปีศาจที่ได้ยินจากปากของกามเทพ เป็นสิ่งที่มิวพกติดตัวออกจากห้องคุมขังมาด้วย หากเป็นก่อนหน้านี้เด็กหนุ่มคงดวงตาเบิกโพลง จิตใจแช่มชื่นเมื่อรู้ว่าตัวเองมีส่วนพัวพันกับเรื่องราวลี้ลับที่น้อยคนจะได้พบเจอ ตอนนี้ทุกอย่างตาลปัตรกลับด้านชวนใจหาย เขาเริ่มหวาดกลัวในสิ่งเหนือธรรมชาติที่ไม่อาจคาดเดาได้ และโทษที่ตัวเองคิดน้อยเกินไป บนถนนที่แออัดไปด้วยรถยนต์อุ่นหนาฝาคั่ง ในห้องโดยสารนั้นกลับอึดอัดมากกว่าข้างนอกนั่นหลายเท่า การหายใจไม่อาจทั่วท้องเมื่อต้องนั่งชิดติดอยู่กับความหงุดหงิด บรรยากาศธรรมดาที่สามารถพบเจอได้ทุกวัน ท้องฟ้าขมุกขมัวสาดไปด้วยแสงของดวงดาว เสียงบีบแตรและไฟท้ายของรถที่สะท้อนเข้าดวงตา ทุกอย่างในการมองเห็นตอนนี้กลับพิเศษเมื่อเด็กหนุ่มขาดหายไปหลายวัน ปกติมิวไม่ค่อยชอบคนขับรถที่ซอกแซกชีวิตส่วนตัวของผู้โดยสาร ยกเว้นวันนี้… เขารู้สึกอยากกดทิปให้หลายร้อยบาทเพื่อเป็นการแสดงความขอบคุณที่ช่วยให้สมองวุ่นวายได้คิดเรื่องอื่นบ้าง คำพูดยาวเหยียดก่นด่าไปทั่ว ตั้งแต่ลม ฟ้า อากาศ รวมไปถึงปัญหาค่าครองชีพถูกยัด

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status