[ริสา คือฉัน…จะโทรมาบอกให้แกกลับบ้านไปก่อน แผนเลดี้ไนต์ของเราคงต้องยกเลิกแล้วละ]
“เอ๋…เกิดอะไรขึ้น”
[คือ…เดี๋ยวสิ ฉันกำลังคุยกับเพื่อน นายรอก่อนไม่ได้หรือไง…]
“ว่ายังไงนะ ยายกุ๊กกิ๊ก แกกำลังคุยกับใคร” คาริสามั่นใจว่าประโยคเมื่อครู่ เพื่อนสาวไม่ได้คุยกับตัวเองแน่นอน
[พอดี...ฉันมีธุระด่วนน่ะ ต้องขอโทษจริง ๆ นะแก…รู้แล้ว ๆ กำลังจะวางนี่ไง เออ! ไว้ฉันจะเลี้ยงโอมากาเสะไถ่โทษนะยะ]
ตรู๊ด ๆ ๆ
คาริสายังไม่ทันตอบ กีรติกานต์ก็วางสายไปแล้ว แต่จากบทสนทนาเมื่อครู่ หญิงสาวที่เพิ่งถูกเพื่อนลอยแพ ก็พอจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงไม่ได้หัวเสียนัก
ในเมื่อทุกอย่างออกมารูปนี้ ก็มีแต่ต้องหาทางกลับบ้านเองเท่านั้น
เนื่องจากไม่อยากตอบคำถามของพัดชา คาริสาจึงเลือกที่จะส่งข้อความไปบอก แล้วเดินตรงออกจากร้านไป แต่ว่าคนบางคนกลับยังตามเธอไม่เลิก
“ถ้าเดาไม่ผิด ตอนนี้แผนเก่าเธอล่มแล้ว ทีนี้ให้กฤษณ์ไปส่งได้หรือยัง”
“เรากลับแท็กซี่ได้” คาริสาตอบเสียงเรียบ ไม่มีท่าทีจะหันกลับไปมองคนที่เดินเลียบ ๆ เคียง ๆ อยู่ด้านหลัง
“มืดค่ำดึกดื่น เป็นผู้หญิงกลับแท็กซี่คนเดียวอันตรายออก ให้กฤษณ์ไปส่งดีกว่านะ”
“...อย่าดีกว่า เราเกรงใจ” ความจริงเธอก็เห็นด้วยกับคำพูดของเขา แต่ความหงุดหงิดอันไร้ที่มา ทำให้ตอบปฏิเสธออกไป ถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่แน่ใจว่า ทำไมถึงได้หัวเสียกับการกระทำของเขานัก
“ริสา ยกโทษให้กฤษณ์เถอะนะ” เขาปราดเข้าไปขวางหญิงสาวไว้ เพราะอีกไม่กี่ก้าวเธอก็จะเดินไปถึงหน้าถนนแล้ว
“เราบอกไปแล้วว่าไม่เป็นไรไง” แม้จะพูดอย่างนั้น แต่สีหน้ากลับบอกว่าเธอถือสาสุด ๆ
“ถ้าอย่างงั้น ก็ต้องยอมให้กฤษณ์ไปส่งสิ” พอเห็นหญิงสาวทำท่าลังเล เขาก็รีบยกเหตุผลที่เธอจะปฏิเสธไม่ลงออกมา “กฤษณ์จะได้สบายใจไง ว่าริสาไม่โกรธแล้วจริง ๆ”
“แต่ว่า...” แต่กฤษณ์หรือจะรอให้เธอพูดจบ
“ถ้าเป็นเมื่อก่อน ริสาไม่มีทางเคืองเราขนาดนี้นะ หรือว่า...มีเหตุผลอะไรนอกเหนือจากนี้” เขาจดจ้องเธอด้วยแววตาที่เหมือนมองทะลุได้ทุกสิ่ง
ทันใดนั้นคาริสาก็เก็บสีหน้าไม่พอใจลง แล้วถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าธรรมดาเป็นที่สุด “แล้วรถนายจอดอยู่ตรงไหนล่ะ”
“เชิญทางนี้ครับคุณผู้หญิง” กฤษณ์ส่งยิ้มให้คาริสา แล้วเดินนำไปทางลานจอดรถ
หญิงสาวเดินตามพลางมองแผ่นหลังกว้างอย่างครุ่นคิด
เหตุผลนอกเหนือจากนี้งั้นเหรอ นั่นสินะ
ชั่วขณะนั้นเหมือนคาริสาจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมตนเองถึงได้เคืองกฤษณ์นัก ก็ใครใช้ให้พ่อคุณล้อเล่นกับเธอเหมือนที่ทำกับผู้หญิงคนอื่น ๆ ของเขากันเล่า
แต่การที่เธอออกอาการแบบนี้ อาจจะทำให้อดีตเพื่อนชายคนสนิทคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องขึ้นมาได้ ดังนั้นเธอไม่ควรคิดเล็กคิดน้อย และทำตัวให้เหมือนปกติดีกว่า
ต้องโทษที่ช่วงนี้ฝันอะไรบ้า ๆ ทุกวัน
เธอสรุปอยู่ในใจเงียบ ๆ ในขณะก้าวขึ้นรถ...
แม้จะเป็นคืนวันศุกร์ แต่ก็เลยช่วงการจราจรคับคั่งไปแล้ว ถึงอย่างนั้นกฤษณ์กลับไม่ได้เร่งร้อน เขาขับรถไปตามเส้นทางอย่างช้า ๆ พร้อมเปิดเพลงสากลคลอเบา ๆ ทำให้บรรยากาศระหว่างคนสองคนไม่เงียบเกินไปนัก
หลังจากบอกจุดหมายปลายทางเสร็จ คาริสาก็เอาแต่ทอดสายตาไปบนถนน ไม่กล้าหันไปมองชายหนุ่มสุดเท่ที่กำลังขับรถอยู่ตรง ๆ ได้แต่เหลือบสายตาพิจารณาคนคุ้นหน้า แต่ไม่คุ้นเคยอยู่เงียบ ๆ
แสงไฟวูบวาบจากภายนอกเคลื่อนไปตามเนื้อตัวของชายหนุ่ม คาริสายิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าเขาไม่ใช่เพื่อนสนิทสมัยเรียนคนเดิมอีกแล้ว แต่เป็นผู้ชายเต็มตัว และเป็นผู้ชายเต็มตัวที่เซ็กซี่เป็นบ้า คิดแล้วก็ชวนให้เลือดในกายร้อนผะผ่าว ดีที่ภายในรถไม่สว่างนัก ทำให้กฤษณ์สังเกตใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอไม่ชัด
ชั่วขณะนั้นเอง หญิงสาวที่กำลังเหม่อมองชายหนุ่มสุดฮอตก็มีอันต้องตกใจ
“ฟัค!” กฤษณ์สบถอย่างหัวเสีย เมื่อรถคันหนึ่งพุ่งออกมาจากซอย แล้วปาดเข้าเลนขวาสุดอย่างกะทันหัน โชคดีที่เขาไม่ได้ใช้ความเร็วมาก จึงควบคุมรถไว้ได้
“กฤษณ์ใจเย็น ๆ ก่อนนะ” คาริสาคิดว่าควรพูดอะไรสักอย่าง เพราะดูจากคิ้วที่ขมวดกันยุ่ง เขาคงโมโหมากทีเดียว และการหัวร้อนระหว่างขับรถไม่ใช่เรื่องดี โดยเฉพาะกับคนที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ซึ่งยังไม่ชินเส้นทาง
“ริสาเป็นอะไรหรือเปล่า เจ็บตรงไหนไหม” เขาหันไปถามเธอด้วยความห่วงใย
“เราโอเค ว่าแต่กฤษณ์เถอะ หายหัวร้อนหรือยัง”
“อะ...ขอโทษที กฤษณ์ไม่ได้ตั้งใจจะหยาบคายเลยนะ”
“ไม่ต้องคิดมากหรอก เวลาเรานั่งแท็กซี่ ลุงคนขับก็อัญเชิญสารพัดสัตว์ขึ้นมาบนรถออกจะบ่อย กฤษณ์แค่บ่นคำเดียวเอง จิ๊บ ๆ” คาริสากลั้วหัวเราะ พอได้พูดอะไรออกมาบ้าง ก็ทำให้ความน่าอึดอัดที่รายล้อมพวกเขาอยู่ทุเลาเบาบางลงไปมาก
พอเห็นว่าเธอเลิกกางบาเรียใส่เขาแล้ว กฤษณ์ก็ไม่คิดจะปล่อยให้การสนทนานี้จบลงง่าย ๆ อีก
“ริสานั่งแท็กซี่ประจำเหรอ”
“ปกติเวลาไปทำงานเรานั่งรถไฟฟ้า แล้วต่อแท็กซี่เอาน่ะ”
“กฤษณ์ว่าริสาน่าจะซื้อรถสักคันดีกว่านะ”
“ไม่เอาอะ อย่าลืมสิว่ากรุงเทพรถติดจะตายไป” คาริสาคิดภาพตนเองต้องตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เพื่อที่จะขับรถไปให้ทันเวลางาน ก็ส่ายหัวดิก
“ถ้าจำไม่ผิด มันมีอาคารฝากรถไม่ใช่เหรอ แค่ขับมาจอดตรงนั้น แล้วขึ้นรถไฟฟ้าไปทำงานก็ได้นี่”
“เราแค่ไม่ชอบขับรถน่ะ อีกอย่างการได้นั่งเชิด ๆ ให้คนอื่นขับให้แบบนี้ก็สะดวกดีอยู่แล้ว”
“อย่างงั้นเองเหรอ”
“แล้วจะมีเหตุผลอะไรอื่นอีกล่ะ แต่ถ้าคุณโชเฟอร์ไม่เชื่อ ก็ตามใจ” คาริสายักไหล่ไม่นำพา
“เชื่อแล้วครับคุณผู้หญิง” กฤษณ์เหลือบไปมองคาริสาที่ทำเป็นยืดคอตั้งตรงคล้ายไฮโซสาว ก็อดสัพยอกไม่ได้
“หันมาทางนี้ทำไม มองทางสิ ขับแบบนี้เดี๋ยวไม่ให้ทิปเลยนะ” คาริสาหันไปดุเขาที่เริ่มมองมาทางเธอมากกว่ามองถนนแล้ว
“ขับดีมีรางวัลเหรอ เยี่ยม!” กฤษณ์ส่งยิ้มให้เธอ เวลานั้น คาริสาไม่รู้เลยว่า เขาถือเอาคำพูดล้อเล่นของตนเองไปคิดเป็นจริงเป็นจังเสียแล้ว
หลังผ่านความวุ่นวายย่านกลางใจเมือง ในที่สุดชายหนุ่มก็พาหญิงสาวมาถึงบ้านพักย่านชานเมืองอย่างปลอดภัย
“ขอบคุณที่มาส่งนะ เอ๊ะ!?” คาริสาพูดในขณะที่ปลดเข็มขัดนิรภัยไปด้วย แต่ดูเหมือนตัวล็อกจะค้าง “ขอเวลาริสาแป๊บนึงนะกฤษณ์”
“จะใช้เวลานานแค่ไหนก็ได้ครับ ว่าแต่ว่า...เมื่อกี้ผมขับรถดีหรือเปล่าครับ คุณผู้หญิง” กฤษณ์ไม่ได้สนใจท่าทางลนลานของเธอ แต่กลับถามคำถามที่ไม่เข้ากับสถานการณ์ขึ้นมาดื้อ ๆ
“อร่อยปะ” เขาถามพลางยักคิ้วให้เธออย่างกวน ๆ แต่มือทั้งสองข้างเริ่มสาละวน กับการบีบคลึงหน้าอกคัพบีของเธออย่างมันเขี้ยว“ไอ้พี่คินบ้า!” เธอสบถ เนื่องจากไม่รู้สึกเลยว่าตัวเองอร่อย“เดี๋ยวเถอะ เป็นเด็กเป็นเล็กหยาบคายกับพี่ได้เหรอ” เขาส่งเสียงดุพร้อมกับใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้บี้ยอดอกสาวแล้วดึงแรง ๆ เป็นการลงโทษที่เธอพูดไม่เพราะ “อือ...ปาล์มขอโทษค่ะ อ๊า...” ปาริมาสะดุ้ง แอ่นอกจนตัวโค้งไปตามแรงดึงของเขา“ดีมาก...เด็กดี” คิรากรค่อย ๆ ลูบศีรษะของปาริมาเหมือนที่เคยทำ แต่ดวงตาที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนาทำเอาคนมองสะท้านไปทั้งกาย“พี่คิน ปาล์มกลัว มันจะเจ็บมากไหมอ่ะ” เธออ่านนิยายมาหลายเรื่อง และทุกครั้งที่นางเอกถูกเปิดซิง เช้ามาเหล่านักเขียนทั้งหลายก็มักจะบรรยายว่านางเอกได้รับบาดเจ็บตรงน้องสาว และที่แน่ ๆ มันต้องมีเลือดออก“ไม่ต้องกลัว แค่ทำตามที่พี่บอก รับรองว่าปาล์มจะสุขจนลืมเจ็บไปเลย”“แต่...แต่ว่า...ไอ้นั่นของพี่คิน เหมือนจะใหญ่มากเลยนะคะ” เธอไม่มั่นใจเท่าไหร่ว่าจะรับท่อนเอ็นที่เต้นตุบ ๆ อยู่บนหน้าท้องของเธอไหว ขนาดตอนนี้มันยังไม่เข้าไป ก็พาดยาวมาจนเกือบจะเลยสะดืออยู่รอมร่อ “ปาล์ม...จะฉีกไหม” ‘ฉี
“อืม...” คนถูกถามเพียงครางเครือ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสยิวกาย หรือต้องการตอบคำถามของอีกฝ่ายกันแน่แต่คิรากรหรือจะสน เขาถือว่าปาริมาตอบตกลงให้เขากลืนกินเธอได้ทั้งเนื้อทั้งตัวเรียบร้อยแล้ว“อ๊า...” ร่างบางสะดุ้ง เมื่อปลายลิ้นร้อนปาดลงบนยอดสีชมพู แล้วดูดดึงสลับตวัดเลียไปบนตุ่มไตที่แข็งสู้ปากและลิ้นอย่างชำนิชำนาญ ส่งผลให้ร่างบางบิดเร่าพลางแอ่นอกขึ้นรับการปรนเปรออย่างเต็มอกเต็มใจปาริมาสอดนิ้วเข้าไปใต้กลุ่มผมสีดำคลับก่อนขยำขยี้เพื่อคลายความทรมาน เห็นเธอตอบสนองดังนั้นชายหนุ่มจึงสลับไปดูดดึงยอดเต้าอีกข้าง แล้วเริ่มต้นทำให้เธอร้องครางอย่างอดรนทนไม่ไหวอีกครั้ง“โคตรอร่อยเลย”เมื่อดูดกลืนทรวงเต้าจนพอใจ เขาถึงได้ละอุ้งปากออกจากความอวบอิ่ม แต่การลิ้มชิมเพียงเท่านี้จะไปพอเติมเต็มความโหยหิวในอารมณ์ได้อย่างไรคิรากรจรดริมฝีปากพรมจูบดวงหน้าไล่ลงมาตามซอกคอและลาดไหล่อีกครั้ง ทว่าคราวนี้ชายหนุ่มไม่ลืมที่จะประทับตราไว้เป็นหลักฐานว่าอาณาเขตเหล่านี้ถูกตนเองครอบครองไว้หมดแล้ว เขายิ้มอย่างพอใจเมื่อมองรอยสีกลีบกุหลาบปรากฏบนผิวขาวราวน้ำนมของเธอ แต่กลับไม่หยุดเคลื่อนศีรษะลงต่ำไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงใจกลางความเป็
“หึ ถ้าไม่กล้าจริง ๆ ก็อย่าไปพูดแบบนี้กับผู้ชายทีไหนอีกนะ วันนี้พี่จะถือว่าเราไม่ได้พูดอะไรแล้วกัน”คิรากรคิดว่าอีกฝ่ายคงถูกคำพูดของเขาทำให้ตกใจจนไม่กล้าซ่าอีกแล้ว จึงยันแขนขึ้นตั้งท่าจะผละออก “เดี๋ยว!” ปาริมาผุดลุกขึ้นตามเขา ก่อนโผเขาหาคิรากรอย่างแรง ทั้งสองล้มลงบนฟูกอีกครั้ง ทว่าคราวนี้ร่างอรชรกลับทาบทับอยู่บนกายเขา “ทียายทิชาอะไรนั่นยังลองได้ ทำไมปาล์มจะลองบ้างไม่ได้ล่ะ” ว่าแล้วเธอก็ก้มลงงับริมฝีปากบางทีกำลังเผยอขึ้นจากความตกใจของเขาทีหนึ่งอย่างว่องไวแม้จะถูกคนที่แอบชอบมานานจู่โจม แต่คำพูดของเธอไม่ชวนให้คนดีใจสักนิด มีอย่างที่ไหน ทำอย่างกับเขาเป็นหนุ่มโฮส คิดอยากจะลองรักก็ลอง“นี่เราเห็นพี่เป็นตัวอะไรเนี่ย” เขาถามอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย“เห็นเป็นพี่ชายข้างบ้าน ที่ไม่ได้แปลว่าพี่ชายข้างบ้านไงละ”พอได้ยินประโยคซึ่งสาว ๆ ที่ชอบอ่านนิยายใช้จำกัดความพระเอกที่มีสถานะอื่นมาก่อนจะเป็นคนรัก หัวใจของคิรากรก็เหมือนจะพองโตขึ้น ความรู้สึกคับข้องใจเมื่อครู่ลดน้อยถอยลงจนเกือบเป็นศูนย์ ขอแค่เธอพูดมาว่าคิดกับเขามากกว่าฐานะนั้น ต่อให้คืนนี้เธอทำไปเพราะความเมาเขาก็จะ...“แล้วแปลว่าอะไรล่ะ” ชายหนุ่มถา
คิรากรมองหญิงสาวที่เมาหลับอยู่บนเบาะข้างคนขับอย่างไม่รู้สึกรู้สา เมื่อชั่วโมงก่อน ตอนที่เห็นรูปปาริมายิ้มหวานซบอกอธิป หัวใจของเขาก็ร่วงลงไปถึงตาตุ่ม นึกว่าตนเองเผลอประเคนเธอเข้าปากเสือร้ายไปแล้ว โชคยังดีที่ไอ้เพื่อนบ้าสองคนนั่นแค่จะยั่วให้เขาทนไม่ไหวจนต้องออกไปตามคนกลับมาน้องเขาน้อยใจอะไรมึงไม่รู้ ไปเคลียร์กันเอาเองนะ นี่คือสิ่งที่กฤษณ์บอกก่อนที่เขาจะอุ้มคนตัวเล็กออกมาจากผับโดยไม่แคร์สายตาใครตลอดทางนอกจากบ่นว่า “ใช่สิปาล์มมันไม่มีประสบการณ์ จะไปทำให้คนชอบได้ยังไง” กับ “ทุกอย่างเป็นเพราะพี่คินคนเดียว” นอกเหนือจากนั้นเขาก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก เลยยังไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไรให้เธอเสียใจ จนต้องออกไปดื่มเหล้าท่ามกลางเสือสิงห์กระทิงแรดเหล่านั้นตามลำพังแต่จะเพราะสาเหตุอะไรก็ตาม ตอนนี้สิ่งที่เขาควรทำ คือพาหญิงสาวเข้าไปนอนในบ้านให้เรียบร้อยคิรากรลงจากรถแล้วอ้อมไปยังฝั่งข้างคนขับ จากนั้นก็แงะปาริมาออกมาจากเบาะ หญิงสาวร่างเล็กลอยวืดขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขนคนตัวโตอย่างง่ายดายเนื่องจากครอบครัวของพวกเขาเป็นเพื่อนบ้านกันมานมนาน หลังจากบิดามารดาของปาริมาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน มารดาของ
หนึ่งชั่วโมงก่อนหลังจากถูกเพื่อนรักเทนัดกะทันหัน ปาริมาที่สั่งเหล้ากับมิกเซอร์มารอเลยนั่งดื่มอยู่ที่โต๊ะเพียงลำพัง ไหน ๆ เธอก็ต้องการมากินเหล้าแก้กลุ้ม เลยคิดว่าจะดื่มอีกสักหน่อยแล้วค่อยกลับ ยังไงที่นี่ก็เป็นร้านอาหารกึ่งผับที่ค่อนข้างมีระดับ ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ใช่เด็กวัยรุ่นเลือดร้อน แต่เป็นคนทำงาน บางครั้งหากโชคดีก็อาจจะเจอซูเปอร์สตาร์อีกด้วย เธอจึงค่อนมั่นใจในเรื่องความปลอดภัย โดยไม่รู้เลยว่า ไม่ว่าจะเป็นสถานที่แบบไหนก็อันตรายกับผู้หญิงที่ดื่มจนเมามายคนเดียวอยู่ดีหลังจากปาริมาดื่มไปได้สักระยะหนึ่ง ชายหนุ่มทั้งหลายที่แอบชำเลืองมองมาทางเธอบ่อยครั้งเพื่อดูสถานการณ์ เริ่มมั่นใจแล้วว่าหญิงสาวหน้าตาสะสวยในชุดเดรสสั้นสีขาวรัดรูปมาดื่มเหล้าคนเดียวในแวดวงคนนิยมย่ำราตรี ต่างก็รู้กันดีว่าสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงมาดื่มเหล้าเพียงคนเดียวมีอยู่ไม่กี่อย่าง บางคนอกหักจึงใช้เหล้ามอมเมาตัวเองให้ลืมความเจ็บปวด บางคนก็มาหาความสุขชั่วข้ามคืน จะมีส่วนน้อยที่มาหาลูกค้ากระเป๋าหนักที่นี่ ดังนั้นชายหนุ่มหัวใจเสือทั้งหลายจึงต่างจับจ้องนางฟ้าชุดขาวด้วยแวววาดหวังอย่างไม่ปิดบังทว่าคนที่แทบไม่เคยมาสถานที่แบบนี้คนเ
[ไอ้เชี่ยคิน มึงออกมาหากูเดี๋ยวนี้เลย] คนที่ปลายสายไม่รอให้คนรับกล่าวทักทาย ก็รีบบอกจุดประสงค์ที่โทรมาอย่างรวดเร็ว“ทำไมกูต้องถ่อไปหามึงคร๊าบ...ไอ้เชี่ยธรรม์” คิรากรตอบกลับเพื่อนรักดีกรีพระเอกเบอร์หนึ่งอย่างอธิปด้วยน้ำเสียงยียวน[นาน ๆ กูจะว่างที มึงไม่คิดจะออกมาสังสรรค์กับเพื่อนบ้างหรือไงวะ วันนี้ไอ้กฤษณ์ยังหนีเมียมา แล้วจะขาดมึงได้ยังไง]“เชิญพวกมึงตามสบายเหอะ คืนนี้กูมีนัดไลฟ์สดชดเชยที่ไม่ได้ลงคลิปใหม่มาสองสามวันกับน้องทิชา” เกมเมอร์หนุ่มพูดไปตั้งโปรแกรมไป[เกมอะเล่นเมื่อไหร่ก็ได้ปะวะ ยังไงแฟน ๆ ก็รอมึงได้อยู่แล้ว แต่ถ้าคืนนี้มึงไม่ออกมา มึงอาจจะเสียใจก็ได้]“เสียใจเชี่ยไร กูไม่ได้เงี่ยน”[ปากดีไปเหอะมึง]“ปกติมึงก็ไม่เคยมีปัญหานี่หว่า หนนี้ทำไมเร้าหรือจังวะ”[ก็ไม่มีอะไรหรอก บังเอิญกูเจอน้อง...น้องอะไรนี่แหละ นึกชื่อไม่ออกว่ะ แต่จำได้ลาง ๆ ว่าน่าจะเป็นคนที่มึงเคยแนะนำกูให้รู้จักตอนงานวันเกิดมึง]“มึงเลยต้องชวนกูออกไปให้ได้เนี่ยนะ” คิรากรคิดว่าอธิปคงอยากใช้เขาเป็นสะพานไปหาสาวสวยที่หมายตา ถึงได้ตื้อไม่เลิก[ตอนนี้น้องคนนั้นเหมือนจะเมา ๆ แล้วว่ะ หนุ่ม ๆ โต๊ะอื่นงี้มองกันตาเป็นมัน กูเ