นินนี่นั่งจ้องใบหน้าของเพื่อนสาวด้วยความแปลกใจ คืนนั้นแทนที่อัญญาจะต่อว่าเธอแต่กลับไม่ใช่ แถมยังบอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด
“ใช่ๆ ใครจะเลวถึงขนาดส่งเพื่อนไปขายตัว”
นินนี่รีบแก้ตัวทันที แปลกใจกับท่าทีของอัญญา
“ไม่เป็นไรหรอกเรื่องเข้าใจผิดนะ” เธอพยายามมองโลกในแง่ดี
“นั่นกระเป๋าคอคเลคชั่นล่าสุดเอามาจากไหน” นินนี่เพิ่งสังเกตว่าเพื่อนเริ่มของแบรนด์เนม ใบหน้าดูมีความสุขกว่าแต่ก่อน ตอนนั้นคิดว่าสวยแล้วตอนนี้ดูมีความเป็นลูกคุณหนูขึ้นมาอีก
“อัญญาครับพี่ซื้อของมาฝาก” นัทหนุ่มรุ่นพี่ที่รู้จักกันมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง เดินเข้ามาทักทายและยื่นของให้อัญญาด้วยท่าทีเขินอาย
“ขอบคุณค่ะพี่นัท” เธอรับของมาหากบางสิ่งมีมูลค่าเธอปฏิเสธ เพราะมันไม่เหมาะกับเธอสักเท่าไรของแพงแบบนั้นสมควรที่คนอื่นจะได้รับมากกว่าเธอ
“เย็นนี่ว่างไหมครับพี่ว่าจะชวนไปดูหนัง” นัทรีบก้มหน้าเพราะกลัวว่าคนตรงหน้าจะเห็นว่าเขาเขินอายแค่ไหน
“อัญญาไม่ว่างเลยค่ะต้องขอโทษด้วยนะคะ” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนมาชวนออกเดต
“อัญญาเขาไม่ว่างเพราะตอนนี้หัวใจไม่ว่างแล้วนะ ไม่เห็นเสื้อผ้าของใช้เหรอของแพงทั้งนั้น!” นินนี่เอ่ยขึ้นแต่มันไม่ช่วยทำให้อะไรดีขึ้นเลย เหมือนเป็นการบอกรุ่นพี่ว่าอัญญาเป็นเด็กเลี้ยง
“มะ ไม่เป็นไรครับพี่ขอตัวก่อน” นัทรีบเดินออกไปเมื่อเข้าใจความหมาย เขาตามจีบรุ่นน้องตั้งนานแต่ต้องกินแห้วตลอด
นินนี่ยิ่งอิจฉาทั้งที่เธอก็สวยและรวยกว่าอัญญาที่บ้านก็จน จนต้องทำงานหลังเลิกเรียนแบบนั้น เธอไม่เข้าใจพวกผู้ชายตาต่ำพวกนั้นเลยจริงๆ ว่าทำไมถึงชอบมันกันนัก
“เธอไม่โกรธฉันใช่ไหมที่พูดไปแบบนั้น”
“ไม่โกรธหรอกเรารู้ว่านินนี่ต้องการช่วยเรา”
“อืม” โง่แล้วโง่อีกไม่มีใครหน้าโง่เท่าอัญญาอีกแล้ว รอบก่อนมันไปเจอใครถึงได้ดูมีราศีขึ้นมา ตั้งใจส่งให้คนแก่รุ่นเดียวกับพ่อแท้ๆ แต่พลาด
อัญญาก็ยังคงปฏิเสธผู้ชายทุกคนที่เข้ามาจีบเธอและไม่คิดจะสนใจใครทั้งสิ้น เพราะเป็นข้อตกลงของเธอกับเขาซึ่งเธอไม่อยากมีปัญหา
“นั่งทำอะไรกันอยู่ครับสาวๆ” ธีธัชเดินเข้ามาทักทายแฟนสาว แต่สายตาของเขามองอัญญาเพราะอะไรเขาจึงไม่มีวาสนาได้พาคนสวยขึ้นเตียง
“พี่ธีเรียนเสร็จแล้วเหรอคะ” นินนี่รีบเข้าไปคล้องแขนแสดงความเป็นเจ้าของทันที รู้ว่าธีธัชเป็นคนเจ้าชู้มากแต่เขารวยเธอจึงทำใจยอมรับได้
“พี่จะชวนนินนี่ไปดินเนอร์พี่ของร้านอาหารสุดหรูไว้แล้ว”
“เราไปกันเลยไหมคะ”
“แล้วอัญญากลับยังไงครับ”
เขาเสียดายทั้งที่จีบตั้งนานแต่เล่นตัว จนเขาได้นินนี่แทนซึ่งหญิงสาวมีนิสัยที่ขี้อิจฉาไม่น้อย
“อัญญากลับเองได้ค่ะ”
“เดี๋ยวนี้อัญญาไม่ต้องทำงานหนักแล้วเพราะมีเสี่ยเลี้ยงพี่ธีไม่รู้อะไรแล้ว” นินนี่รีบตัดบทพูดให้เพื่อนดูต่ำลง เหยียดหยามเพื่อให้แฟนหนุ่มเลิกสนใจ
“เหรอครับ” เขาตกใจไม่น้อยที่มีคนได้ตัวอัญญาไปก่อนเขา มันเป็นใครกันที่กล้าทำแบบนั้น
“อัญญาขอตัวก่อนนะ” เธอเห็นรถของลูกน้องไลอ้อนที่จอดรอหน้าตึกจึงรีบเข้าไปในรถ พยายามปรับสีหน้าให้ดูปกติ
นินนี่และธีธัชมองรถหรูขับออกไปจากตรงนั้น ธีธีชรู้ดีว่ารถหรูยี่ห้อนี่ราคาแพงแค่ไหน ผู้ชายที่รับเลี้ยงอัญญาคงรวยไม่น้อย แต่เขาไม่ยอมแพ้แค่นี้หรอก
.
ไลอ้อนนั้นจะมาหาอัญญาแค่ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้นหรือวันที่เขาเหนื่อยจากการทำงานแล้วอยากได้คนช่วยผ่อนคลายเขาจึงจะมาหาเธอที่ห้อง ซึ่งเป็นแบบนี้มาเกือบสามเดือนแล้ว
“วันนี้ฉันจะเข้าไปหา”
ข้อความสุดแสนเย็นชาถูกส่งเข้ามาหญิงสาวดีใจทุกครั้งที่เขามาหาเธอ จากตอนแรกที่กลัวเขาตอนนี้ความรู้สึกเริ่มเปลี่ยน เธอเริ่มเอาหัวใจลงมาเล่นทั้งๆ ที่ไลอ้อนเคยเตือนอยู่หลายครั้ง
อัญญาที่รู้ว่าไลอ้อนจะมาก็ตั้งใจทำอาหารไว้ชายหนุ่มอย่างที่ทำเป็นประจำทั้งที่มันไม่ใช่หน้าที่ของเธอ แต่เธอก็อยากที่จะทำเพราะอยากตอบแทนชายหนุ่มที่เลี้ยงดูเธอและแม่มาเป็นอย่างดี ทว่าชายหนุ่มก็ไม่ให้เธอไปหางานทำ
แต่หญิงสาวก็หางานทำจนได้เพราะวันหนึ่งหากต้องจบกันเธอจะได้มีอาชีพติดตัว ปัจจุบันการหาเงินนั้นไม่อยากหากเราลงแรงได้ถูกที่
“มาแล้วเหรอคะ ทานข้าวก่อนไหม” เธอช่วยเขาถอดสูท แต่ไม่ทันได้นำไปเก็บเขาคว้าตัวเธอมากอดไว้แน่น ก่อนจะกดปลายจมูกลงที่แก้มทั้งสองข้างของอัญญา
“อืมม ฉันหิวแล้ว” น้ำเสียงเขาดูแหบพร่าไม่น้อย เมื่อคืนที่เขาติดงานจนไม่สามารถมาหาอัญญาได้
“คุณไลอ้อนเดี๋ยวสิ ข้าวยังไม่ได้กินเลยนะ”
เสียงเธอขึ้นเอ่ยเบาๆ พลางยื่นจานกับข้าวไปตรงหน้า น้ำเสียงทั้งอ่อนโยนทั้งวิงวอน แต่แววตาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกเขินปนตื่นตระหนก
แต่ไลอ้อนไม่แม้แต่จะมองจานข้าว เขายืนมองเธออยู่นานแล้ว สายตาคมคู่นั้นราวกับจะกลืนกินทุกอณูของเธอเข้าไปทั้งตัว
“ไว้กินทีหลังก็ได้” เขาตอบเสียงต่ำแววตาไม่เปลี่ยน
“ไม่ได้สิ อัญญาอุตส่าห์ทำเองเลยนะคะ”
เธอพยายามเบี่ยงสายตาหนี ยิ่งเห็นแววร้อนแรงในดวงตาเขาใจเธอก็ยิ่งเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะหันไปไหน ร่างบางก็ถูกโอบรวบเข้าอ้อมแขนแกร่งอย่างรวดเร็ว และในเสี้ยววินาทีถัดมาตัวเธอก็ลอยขึ้นจากพื้นด้วยฝีมือของเขา
“คุณไลอ้อน! เดี๋ยวก่อนไหนบอกหิว อ๊ะ” เธอร้องเสียงหลงมือทั้งสองข้างรีบคว้าบ่าของเขาไว้แน่น
“หิว แต่ไม่ใช่ข้าว”
เขาพูดกระซิบข้างหูน้ำเสียงแหบพร่าทำเอาเธอขนลุกวาบตั้งแต่ต้นคอลงไปถึงปลายเท้า
เธอหน้าร้อนวูบพยายามดิ้นเบาๆ แต่ไร้ผลเพราะเขาก้าวยาวๆ มุ่งตรงไปที่ห้องนอนอย่างไม่คิดจะฟังเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น
“ของกินจะเย็นหมดแล้วนะ” เธอยังพยายามส่งเสียงประท้วง
แต่เขาเพียงหัวเราะเบาๆ แล้วเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและเจ้าเล่ห์
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราค่อยอุ่นกันใหม่...”
ประตูปิดลง พร้อมเสียงหัวใจของใครบางคนที่ยังเต้นแรงไม่หยุด
อัญญาอาบน้ำเสร็จหลังจากที่ทั้งสองผ่านบทรักอันแสนเร่าร้อนกันมา แต่คนต้นเรื่องยังคงนอนอยู่บนเตียง บนกายไม่มีอะไรปิดไว้สักชิ้น เขาจ้องมองมาที่เธออย่างหื่นกระหาย
“กินอะไร” เขาเห็นหญิงสาวแกะแผงยากิน ถ้าป่วยทำไม่บอกเขาสักคำ
“ยาคุมกำเนิดค่ะ” เขาเล่นไม่เคยป้องกันเลยเธอเองก็กลัวว่าจะพาด กฎเหล็กของเขาคือให้เธอท้อง
“อุ้ย ทำอะไรคะ”
เขาก้าวเข้ามาใกล้ ร่างสูงข่มเธอจนเธอต้องถอยหลังไปติดโต๊ะเครื่องแป้งโดยไม่รู้ตัว
“ใครสั่งให้เธอกิน” น้ำเสียงเขาเริ่มแข็ง อารมณ์ร้อนคุกรุ่นอยู่ใต้ท่าทีเยือกเย็นนั้น
“กะ ก็เราเคยตกลงกันไว้ไม่ใช่เหรอว่าห้ามท้อง” เธอพูดติดขัด พยายามสบตาเขาแต่ก็รู้สึกเหมือนถูกแรงกดดันบางอย่างสะกดเอาไว้
“ใช่! ฉันห้ามเธอท้องแต่ฉันไม่เคยบอกให้เธอกินอะไรแบบนี้” เขาคำรามเบาๆ ดึงขวดยาในมือนางเอกขึ้นมาดูแล้วขว้างมันลงพื้นทันที
อัญญาสะดุ้งมือกำชายเสื้อแน่น ไม่คิดว่าเขาจะโกรธขนาดนี้
“ก็คุณไม่เคยป้องกัน”
“คราวหลังฉันจะป้องกันเอง” เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันทำไมต้องโกรธขนาดนั้น การกินยาคุมกำเนิดไม่ดีต่อสุขภาพในระยะยาวอาจจะทำให้มีลูกยาก แล้วทำไมเขาต้องเป็นห่วงนางบำเรอของเขาด้วย
“เงินพอใช้อยู่ใช่ไหม”
“ค่ะ”
“วงเงินบัตรไม่จำกัดอยากได้อะไรก็ซื้อ” เขาหันหลังเดินเข้าห้องน้ำไป
ตั้งแต่เป็นนางบำเรอของเขา ไลอ้อนให้เงินใช้ไม่ขาดมือรวมถึงเงินเดือน ซึ่งทำให้เธอกับแม่นั่นสุขสบายไปอีกนาน แต่เหมือนเป็นดาบสองคมเพราะแม่ก็เล่นการพนันหนักขึ้นเรื่อยๆ จนเขาเป็นคนเข้ามาจัดการปัญหานี่แทนเธอ
“คุณจะไปไหนคะ? ยังไม่ทานข้าวเลย”
“ฉันจะออกไปไนต์คลับไม่ต้องรอและไม่กลับ” เขาเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองอีกฝ่าย
อัญญานั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นอยู่พักใหญ่ ร่างกายชาไปหมด สุดท้ายก็แค่ค่อยๆ ดึงเก้าอี้ออกแล้วนั่งลงอย่างแผ่วเบา ตักข้าวใส่จานให้ตัวเองเพียงเล็กน้อยก่อนจะเริ่มกินอย่างช้าๆ
แต่คำแรกที่กลืนลงคอ กลับขมขื่นจนแทบจะอาเจียนออกมา
เธอก้มหน้าลงไม่กล้ามองแม้แต่อาหารตรงหน้า น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงมาเงียบๆ ตามด้วยอีกหยด และอีกหยด กลายเป็นเสียงเบาๆ ของน้ำตาที่หยดลงบนข้าวในจานที่เธอเคยตั้งใจทำเพื่อเขา
เสียงนาฬิกายังคงเดินต่อไป
แสงไฟในห้องครัวไม่ต่างจากแสงเทียนไร้เปลวในใจเธอ
เธอยังกินต่อไม่ใช่เพราะหิว แต่เพราะเธอไม่อยากให้ความตั้งใจของตัวเองสูญเปล่า
แม้จะนั่งกินอยู่คนเดียว
แม้จะร้องไห้อยู่คนเดียว
แม้จะไม่มีใครกลับมาเห็นเลยก็ตาม
ค่ำคืนบรรยากาศในห้องมืดสนิท ไฟในห้องปิดไปหมด สะท้อนแสงเพียงเล็กน้อยจากหน้าต่างที่สั่นไหวตามลมเบาๆ ไลอ้อนนอนหลับตาอย่างเหนื่อยล้า แต่ในความมืดที่ปิดกั้นโลกภายนอกนั้น ก็กลับมีสิ่งที่รอคอยเขาอยู่ในความฝันในฝันเขาตื่นขึ้นในวัดมืดๆ ทั้งสภาพแวดล้อมรอบตัวคลุมไปด้วยเงาดำ และเงามืดจากต้นไม้ที่โอนเอนพัดไปตามลมที่ไม่มีเสียงเขามองเห็นภาพของอัญญา แต่เธอยืนอยู่ตรงหน้าประตูวัดปากของเธอเหมือนจะขยับ แต่เสียงของเธอกลับไม่หลุดออกมาเป็นคำพูดราวกับเป็นแค่ภาพลวงตา“อัญญา” ไลอ้อนพูดออกไปเสียงสั่นพยายามเข้าใกล้แต่ทุกย่างก้าวเหมือนจะเดินไปในอากาศ ดวงตาของเขาลึกลงไปในความมืดที่พยายามกลืนกินทุกสิ่ง“เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”แต่ในตอนนั้นบางสิ่งยื่นมือออกมาจากความมืด จับข้อมือเขาไว้แน่น ก่อนที่เขาจะถูกดึงไปในความมืดจนหมดหนทางหลบหนี เสียงคำรามดังขึ้นรอบตัว“หากมึงไม่ทำตามสัญญาลูกชายของมึงต้องเป็นของกู” เสียงนี้เหมือนจะสะท้อนกลับมาจากทุกทิศทาง บีบคั้นหัวใจให้แหลกสลาย “ไม่! อย่ามายุ่งกับลูกชายฉัน” ไลอ้อนร้องลั่นเขาพยายามจะยื้อร่างของตัวเองให้หลุดพ้นจากแรงดึงนั้น แต่ร่างกายเขากลับช้าเหมือนเคลื่อนที่ในน้ำ แค
อัญญาในชุดเจ้าสาวสีงาช้างเรียบหรู ก้าวเข้ามาช้าๆ พร้อมมือที่กุมท้องตัวเองไว้อย่างทะนุถนอมดอกไม้ในแจกันวางเรียงตามแนวทางเดิน ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ไปทั่วห้องพิธีพื้นไม้เก่าเอี๊ยดอ๊าดเบาๆ เมื่อแขกเหรื่อไม่กี่คนเริ่มทยอยเข้ามานั่งแถวหน้ามีชายหญิงวัยกลางคนพ่อแม่ของไลอ้อนนั่งยิ้มอย่างตื้นตันข้างๆ กันคือไทเกอร์ในชุดทักซิโด้ตัวจิ๋วสีครีม ผูกเนคไทสีชมพูตอนนี้ไทเกอร์อายุเพียงสิบเอ็ดเดือน แต่ตาเป็นประกายเหมือนรู้ดีว่า วันนี้พ่อกับแม่ของเขากำลังทำสิ่งสำคัญไลอ้อนยืนรออยู่ที่หน้าแท่น ดวงตาของเขาเริ่มแดงตั้งแต่เห็นเธอเดินเข้ามาเพียงไม่กี่ก้าว และพอเธอยิ้มให้เขาก็กลั้นไม่อยู่น้ำตาไหลอย่างเงียบงันลงบนแก้ม ขณะที่อัญญาก้าวเข้ามาใกล้จนยืนอยู่ตรงหน้า“คุณร้องไห้ทำไมคะ” เธอกระซิบถามเขา“ก็ฉันไม่คิดว่าจะโชคดีขนาดนี้”เขาเช็ดน้ำตาเบาๆ อายแขกที่มาร่วมงาน เขาจัดงานแต่งในโบสถ์เล็กๆ มีแค่ลูกน้องและพ่อแม่มาเป็นสักขีพยานอัญญาบีบมือเขาแน่น ดวงตาเธอเองก็พร่าไปด้วยน้ำตาเสียงของผู้ประกอบพิธีดังขึ้นอ่อนโยน ท่ามกลางความเงียบสงบและอากาศที่อบอุ่นราวฤดูใบไม้ผลิ“อิงครัตคุณยินดีจะอยู่เคียงข้างอริญดา ทั้งในวันที่สุขและวัน
รองเท้าผ้าใบสีขาวที่ก้าวลากไปกับพื้นลินิเลียมดังก้องไปตามทางเดินยาวของโรงพยาบาลจิตเวช นินนี่ถูกคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่สองคน พาเธอเข้าไปในห้องพักรักษาที่ถูกออกแบบมาอย่างปลอดภัย ใบหน้าเคยสวยหวานของเธอบัดนี้ซีดเซียวและไร้ความรู้สึกดวงตาเบิกกว้างแต่ไร้แววเหมือนคนหลุดออกจากโลกของความจริงไปแล้ว“อัญญา อัญญา อัญญา!” เสียงของเธอเอ่ยชื่อของหญิงสาวซ้ำๆ ด้วยเสียงที่สั่นเครือและหวาดระแวง เธอหัวเราะบางจังหวะ และร้องไห้ในวินาทีถัดมา“ฉันสวยกว่าเธอเขาต้องรักฉันสิ ไลอ้อนเป็นของฉัน เขาเคยบอกว่าเราคู่กันเขาเคยบอก”เสียงเธอพร่ำพูดซ้ำๆ จนเจ้าหน้าที่ต้องฉีดยาระงับประสาท ภาพทั้งหมดถูกบันทึกไว้เป็นหลักฐานยืนยันถึงสภาพจิตที่ไม่สมประกอบของเธอในขณะที่ก่อเหตุเธอถูกตั้งข้อหามีความผิดฐานพยายามฆ่า แต่ด้วยคำวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางจิตเวช ทำให้ศาลมีคำสั่งให้ส่งตัวเข้าสถานพยาบาลแทนการจำคุก เพื่อทำการรักษาอาการทางจิตอย่างต่อเนื่องห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ กลายเป็นโลกใหม่ของนินนี่ที่นี่ไม่มีคำว่าความรัก ไม่มีอัญญาให้เธอแข่งขันด้วยอีกต่อไป มีเพียงเงาสะท้อนในกระจกที่เธอไม่กล้ามองตรงๆส่วนวิภาแม่ของอัญญาถูกตำรวจจับได้แถว
“บอสครับเจอสัญญาณมือถือของคุณอัญญาแล้วครับ ตอนนี้อยู่แถวถนนเลียบคลอง ทางออกเมืองครับ” สมชายรายงานเสียงตื่น บนหน้าจอแท็บเล็ตแสดงตำแหน่งจุดหยุดนิ่งของสัญญาณ GPS“เหยียบให้สุด อย่าแวะที่ไหนทั้งนั้น!” ไลอ้อนไม่พูดอะไรนอกจากเร่งเสียงคำสั่งสั้น ๆรถพุ่งทะยานด้วยความเร็วสูง เสียงเครื่องยนต์คำรามอย่างไม่เกรงใจใครมือของไลอ้อนกำแน่น ใบหน้าเคร่งเครียด เหงื่อผุดเต็มหน้าผาก เขาส่งข้อความหาอัญญาหลายครั้งไม่มีการอ่านไม่มีการตอบ“ขออย่าให้ฉันมาช้าไปได้โปรด”รถเคลื่อนมาถึงโค้งถนนด้านหน้ามีรถพยาบาลและตำรวจจอดเรียงรายไฟไซเรนหมุนวูบวาบ ร่างคนเจ็บนอนเรียงกันอย่างรีบเร่งกำลังรอการเคลื่อนย้าย “ข้างหน้ามีอุบัติเหตุครับ” “ขับเลี่ยงๆ ออกไป” แต่สายตาของเขาหันไปมองรถคันสีดำที่พังยับเยิน เห็นคนเจ็บถูกนำออกจากตัวรถ หัวใจของไลอ้อนเหมือนถูกกระชากออกมาทันที เพราะชุดที่คุ้นเคยที่เห็นอัญญาใส่เมื่อตอนเช้า เป็นชุดที่สั่งตัดเย็บอย่างดีจากแบรนด์ที่เขาสั่งทำ“จอด!! จอดเดี๋ยวนี้!!”เขาเปิดประตูรถก่อนที่จะหยุดสนิทดี วิ่งพุ่งลงไปยังร่างนั้นอย่างคนเสียสติ“อัญญา! อัญญา! ได้ยินฉันไหม” เขาทรุดลงข้างร่างของเธอ มือสั่นแตะที่แก้มแ
นินนี่นอนเอกเขนกอยู่บนโซฟาหรู สายตาจับจ้องไปที่หน้าจอมือถืออย่างเลื่อนลอย เธอเลื่อนดูฟีดโซเชียลเหมือนทุกวัน แต่แล้วนิ้วของเธอกลับชะงักกึก“ครอบครัวของเรา กำลังจะมีสมาชิกใหม่ ❤️ #BabyOnTheWay”ไลอ้อนโพสต์ภาพอัญญาที่กำลังยิ้มอ่อนโยน มือของเขาวางอยู่บนหน้าท้องของเธอ ภาพนั้นเหมือนฟ้าผ่าลงมากลางใจนินนี่“มะ ไม่จริงอัญญาท้องลูกอีกคนเหรอ” เธอพึมพำ น้ำเสียงสั่นสะท้าน เธอคลิกเข้าไปที่คอมเมนต์ทุกคนแสดงความยินดี เพื่อนเก่าของเธอหลายคนเข้ามาชื่นชม อัญญาดูมีความสุขราวกับโลกนี้เป็นของเธอหัวใจของนินนี่เต้นแรงด้วยความโกรธ แรงอิจฉาและความผิดหวังพุ่งเข้าจู่โจม เธอขบฟันแน่นจนกรามขึ้นเป็นสัน มือที่กำโทรศัพท์สั่นระริก“กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!”เสียงกรีดร้องดังลั่นห้อง โคมไฟที่อยู่ใกล้มือเธอถูกปัดตกลงมาแตกกระจาย เสียงกระจกแตกดังสนั่นทั่วบริเวณ แต่เธอไม่สนใจเธอกรีดร้องออกมาสุดเสียง ผลักข้าวของทุกอย่างลงพื้น โต๊ะกลางถูกพลิกกระเด็น จานชามแตกกระจายตามแรงขว้างของเธอ“ทำไมอีอัญญามึงถึงมีแต่คนเข้าหา” ตั้งแต่วันที่เธอดึงเขาเข้ามาจูบ วันนั้นไลอ้อนถอนหุ้นและยกเลิกสัญญาทุกอย่างกับครอบครัวเธอ จนตอนนี้พ่อของเธอไม่มีเงินไป
เสียงลมหายใจแผ่วเบาของลูกชายตัวน้อยที่หลับอยู่ข้างๆ ทำให้บรรยากาศเงียบงันราวกับโลกทั้งใบหยุดหมุน แต่ในหัวใจของไลอ้อนกลับเต็มไปด้วยเสียงราวพายุโหมกระหน่ำ เสียงคำพูดที่เขาไม่เคยพูดออกไป เสียงความรู้สึกผิดที่เขาไม่กล้าจะยอมรับเขานั่งนิ่งอยู่ปลายเตียงมองรูปคู่ของเขาและเธอที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง รูปที่อัญญายิ้มกว้างขณะอุ้มลูกมือของเขาวางอยู่บนไหล่เธอแบบขอไปที ไม่มีร่องรอยของความรักในแววตาของเขาในวันนั้นหรือบางที อาจเป็นเพราะเขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองรักเธอมากแค่ไหน“อัญญา” เขาพึมพำกับตัวเองน้ำเสียงสั่นเล็กน้อยเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขายอมให้เข้าใกล้หัวใจ ยอมให้เห็นด้านที่เปราะบางที่สุด แต่เขากลับเป็นคนที่ผลักไสเธอเองด้วยคำพูดเฉยชาด้วยความเงียบเย็นที่เหมือนมีดกรีดเขาไม่เคยพูดคำว่ารักไม่ใช่เพราะเขาไม่รู้สึก แต่เพราะเขากลัวว่าจะสูญเสียมันไปหากยอมรับหลังจากวันที่เห็นน้ำตาในตาเธอ วันที่ลูกงอแงแต่เขาไม่เคยอุ้มลูก ไม่เคยพาไปฝากครรภ์ไม่เคยอุ้มชูเลี้ยงดูเพราะความอคติของตัวเองล้วนๆ“ฉันรักเธออัญญา” เขาพูดกับเงาของตัวเองในกระจกซ้ำแล้วซ้ำเล่า“ฉันรักเธอ ขอโทษที่ฉันมันโง่ ขอโทษที่ละเลยเธอ ขอโทษที่