แสงแดดเช้าตกกระทบผ่านผ้าม่านโปร่งในห้องสวีทสุดหรู เสียงลมหายใจที่เคยสม่ำเสมอข้างกายบัดนี้เงียบไปแล้ว ไลอ้อนลืมตาช้าๆ พลิกตัวอย่างเคยชินจะคว้าเอวบางเข้ามากอด แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า
ไม่มีใครอยู่บนเตียงไม่มีร่างบางที่เขาควรจะได้เห็นในอ้อมแขนไม่มีแม้แต่กลิ่นน้ำหอมจางๆ ที่เธอใช้
เขาลุกขึ้นนั่งกวาดตามองไปรอบห้องอย่างไม่เชื่อสายตา เสื้อผ้าของเธอหายไปหมดแล้วราวกับไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนมาอยู่ตรงนี้เมื่อคืนนี้เลยด้วยซ้ำ
บนโต๊ะไม่มีโน้ตไม่มีข้อความไม่มีคำลาไร้ซึ่งร่องรอยใดๆ ยกเว้นความรู้สึกบางอย่างที่ยังติดค้างอยู่ในใจเขา เขากัดกรามแน่นแววตาเรียบนิ่งค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชา
“หนีไปเงียบๆ แบบนี้คิดว่าฉันจะไม่รู้สึกอะไรเหรอ เหมือนโดนฟันแล้วทิ้งเลย” เขาพึมพำกับตัวเองมองเงินที่วางไว้บนซึ่งมันหายไปแล้ว
ปกติเขาจบไม่ผูกมัดไม่สานต่อ แต่กับคนนี้ทำเหมือนเขาไม่มีค่า
หลายวันผ่านไปแล้วในเมื่อหญิงสาวไม่คิดเรียกร้องเขาจึงเลิกตาม ไลอ้อนปรากฏตัวที่ออฟฟิศในชุดสูทเรียบหรูเช่นเคย แต่แววตาที่เคยนิ่งขรึมกลับเต็มไปด้วยความไม่พอใจที่ปิดไม่มิด
“เคนเอกสารที่ให้เตรียมล่ะ?” เสียงเขาแข็งกร้าวผิดจากปกติ
“อะ...เอ่อ อยู่ที่โต๊ะครับบอส ผมกำลังจะเอาไปให้”
“ถ้ากำลังจะทำก็แปลว่ายังไม่ทำ!” เขาตอบทันควัน ดวงตาคมจ้องจนลูกน้องถึงกับหลบตา
บรรยากาศในห้องประชุมเงียบงัน แม้กระทั่งเสียงเปิดแฟ้มเอกสารยังฟังดูดังเกินไป
ทุกคนรู้ดีว่าหากเจ้านายสายสุขุมอย่างไลอ้อนเริ่มอารมณ์เสียเมื่อไร มันจะเหมือนพายุเงียบที่พร้อมกลืนกินทุกอย่าง
แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าเหตุผลที่เขาเป็นแบบนี้ไม่ใช่เรื่องงานไม่ใช่เรื่องธุรกิจใดๆ ทั้งสิ้นมันเป็นเพราะผู้หญิงคนเดียวที่เขาเคยคิดว่าอ่อนโยนใสซื่อ และน่าทะนุถนอม
กลับกลายเป็นคนที่เด็ดขาดพอจะตัดขาดทุกอย่างหลังจากคืนนั้น โดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามอง
ไม่บอกลาไม่ร้องไห้ไม่เรียกร้องอะไรเลย และนั่นมันทำให้เขาโคตรหงุดหงิด
“ไอ้สมชาย สมชายโว้ยหายหัวไปไหน!”
“มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ” สมชายปาดเหงื่อเพราะงานที่เจ้านายสั่งเขาทำยังไม่เสร็จ วันนี้ไม่มีใครเข้าหน้าเจ้านายติดสักคน
“ไปหาผู้หญิงมาให้ฉัน!”
“ตอนนี้เลยเหรอครับ?”
“เออ”
สมชายงงเมื่อคืนยังไม่พออีกหรือ ตอนนี้ยังไม่มันจะบ่ายเขาทำตามหน้าที่ของตัวเอง พอพาหญิงสาวมาส่งก็เป็นเหมือนเดิมผู้หญิงเหล่านั้นจะถูกไล่ออกไป
จนผ่านมาหลายวันไม่มีสาวสวยคนไหนถูกใจเจ้านายเลยสักคนจนสมชายเริ่มเหนื่อย เพราะเจ้านายเขาหงุดหงิดอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“สมชาย”
“ไม่มีแล้วครับหมดแล้ว”
“ฉันไม่ได้จะสั่งให้ไปหาผู้หญิงฉันขอประวัติ” เขาพูดแค่นั้น ละไว้ในฐานะที่เข้าใจ
“ประวัติ? ของพนักงานเหรอครับ” สมชายกับเคนมองหน้ากันประวัติใครก่อน เดี๋ยวนี้พูดอะไรกลัวดอกพิกุลจะร่วงจากปาก
“อัญญา”
“???” สมชายกำลังคิดว่ามีผู้หญิงคนไหนที่ชื่ออัญญา มีคนเดียวที่ดูน่ารักน่าทะนุถนอม สาวน้อยคืนนั้นเขาจึงไม่ถามและรีบไปสืบประวัติอย่างละเอียด
ไม่นานประวัติทั้งหมดมาอยู่ในมือของเขา ซึ่งเขานั่งอ่านอย่างละเอียดมีบางช่วงที่เขาเผลอยิ้ม และบางครั้งที่ใบหน้าเขารู้สึกโกรธแทนหญิงสาว มีแม้ติดการพนันมันน่ารังเกียจมาก ไม่สงสารลูกบ้างเลย
ได้ให้คนไปตามตัวอัญญาในตอนที่เธอกำลังจะกลับบ้านพอดี
อัญญามองรถหรูที่จอดห่างออกไปไม่ไกล แถวนี้ไม่น่าจะมีใครมีรถราคาหลายสิบล้านขนาดนั้น เธอหันกลับมากำลังไขกุญแจบ้าน
“คุณอัญญาครับผมเองครับไม่ใช่โจร” สมชายรีบแนะนำตัว ว่าเขาคือผู้ชายที่ไปรับเธอในคืนนั้น
“คุณมีอะไรคะ”
“เจ้านายผมอยากคุยด้วยครับ ไม่นาน” คำหลังเขาแต่งเติมขึ้นเอง เพราะเจ้านายสั่งให้ทำยังไงก็ได้ให้อัญญายอมเข้าไปหาในรถ
“ฉันไม่คุยค่ะ”
“ไม่นานครับรีบไปเดี๋ยวมีคนมาเห็น” อัญญาที่ถูกตามตัวและกลัวว่าจะมีคนรู้เรื่องคืนนั้นเธอจึงได้ทำตามที่คนพวกนั้นบอกและเข้ามาอยู่ในรถตู้ที่มีผู้ชายที่เธอเคยนอนด้วยคืนนั้น
“ฉันจะคุยเรื่องสำคัญ” ไลอ้อนจ้องหน้าหญิงสาวที่เขาคิดถึงมาหลายคืน
“คุณจะมาทวงเงินจากอัญญาไม่ได้นะคะ” เพราะเอาไปจ่ายค่าเทอมหมดแล้ว
“ไม่ใช่เรื่องนั่น”
“อย่าบอกนะว่า คุณมีโรคติดต่อ”
อัญญาทำตาโตตกใจจนลูกน้องที่นั่งอยู่หน้ารถได้ยิน และกลั้นเสียงหัวเราะไว้ ไลอ้อนหน้าชาเหมือนกำลังโดนดูถูกว่าตัวเขามั่ว
“พวกมึงลงไปให้หมด!” เขาหันไปตะคอกให้ลูกน้องลงไปจากรถ
อัญญาเงยหน้าขึ้น และจังหวะที่เธอสบตากับเขาหัวใจก็เหมือนหยุดเต้นไปชั่ววูบ
“หนีไปเงียบๆ แบบนี้เรียกว่าจบแล้วเหรอ?” เสียงเขาต่ำลึกและจริงจังกว่าที่เธอคุ้นเคย อัญญาขยับตัวเล็กน้อยแต่ไม่หลบสายตา
“เราไม่ได้เป็นอะไรกันจะให้อัญญาพูดยังไง?”
คำตอบนั้นเหมือนน้ำแข็งที่สาดเข้าหน้าคนอย่างไลอ้อนโดยตรง เขากระตุกยิ้มมุมปากอย่างไม่ไว้หน้า ใบหน้าหล่อคมขึงแน่น
“ไม่เป็นอะไรกันงั้นคืนนั่นเรียกว่าอะไร” เสียงเขาไม่ดัง แต่เฉียบคมพอจะทำให้เธอสะอึก
“คุณจะพูดอะไรกันแน่คะ คุณ?” ทำไมเธอถึงจำชื่อเขาไม่ได้กัน
“ไลอ้อนคือชื่อของฉัน” รู้สึกเสียหน้ามากที่หญิงสาวจำชื่อเขาไม่ได้ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ
“ถ้าฉันจะขอให้เธอมาอยู่กับฉัน เป็นของฉันแค่คนเดียว แลกกับทุกอย่างที่เธอไม่มีในตอนนี้เธอจะรับไหม?”
เขาหันกลับมามองเธอเต็มตาดวงตาสีเทาคมกริบแฝงประกายบางอย่างที่อ่านไม่ออก
อัญญาชะงักหัวใจเธอเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้
“ทุกอย่างหมายถึงอะไรคะ?”
ไลอ้อนยกคิ้วยิ้มมุมปากน้อยๆ เขาหยิบซองเอกสารยื่นให้อัญญา
“ในนี้มีแคชเชียร์เช็คก้อนแรกกับสัญญาโอนเพ้นท์เฮาส์ที่ฉันซื้อไว้ให้เป็นชื่อเธอเรียบร้อยแล้วอยู่ชั้นสูงสุดวิวสวยมีรถคนขับคอยรับส่ง และเงินเดือนให้ใช้เดือนละเจ็ดหลักรวมถึงค่าเทอม”
“ทำไมถึงให้มากขนาดนี้คะ” อัญญาเบิกตากว้าง เธอแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เขาพูด
“เพราะฉันไม่ต้องการแชร์ผู้หญิงกับใคร” เขาตอบนิ่งๆ “และฉันเบื่อความวุ่นวายฉันต้องการผู้หญิงที่เชื่อฟัง ไม่สร้างเรื่องและไม่ผูกพันทางอารมณ์มากกว่าที่ควรจะเป็น”
“แล้วอัญญาต้องทำอะไรบ้าง”
“ไม่มาก” เขายักไหล่เล็กน้อย
“ก็แค่ให้ฉันนอนด้วยเมื่อไหร่ที่ฉันต้องการ และที่สำคัญห้ามท้อง!” เขาโน้มตัวมาข้างหน้าจ้องตาเธอแน่น
ความเยือกเย็นในน้ำเสียงของเขาทำให้อัญญารู้สึกเหมือนโดนบีบหัวใจ
“ฉันไม่ต้องการเด็กไม่อยากมีภาระ และไม่พร้อมจะรับมือกับความผูกพันที่เกินควบคุม”
อัญญานิ่งงันไปครู่ใหญ่ภายในหัวเธอปั่นป่วน ความรู้สึกต่อต้านตีกับความจำเป็นของชีวิตเธอและแม่ เธอหลับตาลงช้าๆ สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา
“อัญญาตกลงค่ะ” เพราะความอยู่รอดเธอจึงยอมทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเอง
ไลอ้อนไม่ได้ยิ้มไม่ได้พูดอะไรเพิ่ม เขาเพียงพยักหน้าเบาๆ แล้วหยิบมือถือขึ้นมากดส่งข้อความบางอย่าง
ผ่านไปเพียงไม่ถึงชั่วโมงรถหรูคันหนึ่งก็มาจอดรอรับอัญญา พร้อมกุญแจเพ้นท์เฮาส์ที่มีชื่อของเธอระบุอยู่ชัดเจนในสัญญา
คืนนั้นหญิงสาวนั่งอยู่บนเตียงในห้องหรูของเธอใหม่ มองซองเงินสดที่แยกไว้ก้อนหนึ่งสำหรับแม่ ก่อนจะนั่งกอดเข่ากับตัวเองเงียบๆ
เธอรู้ดีว่าเธอกำลังแลกบางอย่างกับอีกสิ่งที่จำเป็นในชีวิต และเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไลอ้อนต้องการแค่ตัวเธอ หรือหัวใจเธอด้วยกันแน่
‘อัญญามาทำงานอีกหลายเดือนจนกว่าจะเปิดเทอม เงินนี้ของแม่และหากแม่เอาไปเล่นการพนันหมดอีก จะไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว’
เธอกดส่งข้อความและโอนเงินให้แม่ เมื่ออยู่คนเดียวจึงร้องไห้ออกมาพ่ายแพ้ต่อโชคชะตา แต่การอยู่กับเขาอาจจะดีกว่าต้องลำบาก
นินนี่นั่งจ้องใบหน้าของเพื่อนสาวด้วยความแปลกใจ คืนนั้นแทนที่อัญญาจะต่อว่าเธอแต่กลับไม่ใช่ แถมยังบอกว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด“ใช่ๆ ใครจะเลวถึงขนาดส่งเพื่อนไปขายตัว”นินนี่รีบแก้ตัวทันที แปลกใจกับท่าทีของอัญญา“ไม่เป็นไรหรอกเรื่องเข้าใจผิดนะ” เธอพยายามมองโลกในแง่ดี“นั่นกระเป๋าคอคเลคชั่นล่าสุดเอามาจากไหน” นินนี่เพิ่งสังเกตว่าเพื่อนเริ่มของแบรนด์เนม ใบหน้าดูมีความสุขกว่าแต่ก่อน ตอนนั้นคิดว่าสวยแล้วตอนนี้ดูมีความเป็นลูกคุณหนูขึ้นมาอีก“อัญญาครับพี่ซื้อของมาฝาก” นัทหนุ่มรุ่นพี่ที่รู้จักกันมาตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง เดินเข้ามาทักทายและยื่นของให้อัญญาด้วยท่าทีเขินอาย“ขอบคุณค่ะพี่นัท” เธอรับของมาหากบางสิ่งมีมูลค่าเธอปฏิเสธ เพราะมันไม่เหมาะกับเธอสักเท่าไรของแพงแบบนั้นสมควรที่คนอื่นจะได้รับมากกว่าเธอ“เย็นนี่ว่างไหมครับพี่ว่าจะชวนไปดูหนัง” นัทรีบก้มหน้าเพราะกลัวว่าคนตรงหน้าจะเห็นว่าเขาเขินอายแค่ไหน“อัญญาไม่ว่างเลยค่ะต้องขอโทษด้วยนะคะ” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนมาชวนออกเดต“อัญญาเขาไม่ว่างเพราะตอนนี้หัวใจไม่ว่างแล้วนะ ไม่เห็นเสื้อผ้าของใช้เหรอของแพงทั้งนั้น!” นินนี่เอ่ยขึ้นแต่มันไม่ช่วยทำให้อะไรดีขึ้นเ
แสงแดดเช้าตกกระทบผ่านผ้าม่านโปร่งในห้องสวีทสุดหรู เสียงลมหายใจที่เคยสม่ำเสมอข้างกายบัดนี้เงียบไปแล้ว ไลอ้อนลืมตาช้าๆ พลิกตัวอย่างเคยชินจะคว้าเอวบางเข้ามากอด แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าไม่มีใครอยู่บนเตียงไม่มีร่างบางที่เขาควรจะได้เห็นในอ้อมแขนไม่มีแม้แต่กลิ่นน้ำหอมจางๆ ที่เธอใช้เขาลุกขึ้นนั่งกวาดตามองไปรอบห้องอย่างไม่เชื่อสายตา เสื้อผ้าของเธอหายไปหมดแล้วราวกับไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนมาอยู่ตรงนี้เมื่อคืนนี้เลยด้วยซ้ำบนโต๊ะไม่มีโน้ตไม่มีข้อความไม่มีคำลาไร้ซึ่งร่องรอยใดๆ ยกเว้นความรู้สึกบางอย่างที่ยังติดค้างอยู่ในใจเขา เขากัดกรามแน่นแววตาเรียบนิ่งค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเย็นชา“หนีไปเงียบๆ แบบนี้คิดว่าฉันจะไม่รู้สึกอะไรเหรอ เหมือนโดนฟันแล้วทิ้งเลย” เขาพึมพำกับตัวเองมองเงินที่วางไว้บนซึ่งมันหายไปแล้วปกติเขาจบไม่ผูกมัดไม่สานต่อ แต่กับคนนี้ทำเหมือนเขาไม่มีค่าหลายวันผ่านไปแล้วในเมื่อหญิงสาวไม่คิดเรียกร้องเขาจึงเลิกตาม ไลอ้อนปรากฏตัวที่ออฟฟิศในชุดสูทเรียบหรูเช่นเคย แต่แววตาที่เคยนิ่งขรึมกลับเต็มไปด้วยความไม่พอใจที่ปิดไม่มิด“เคนเอกสารที่ให้เตรียมล่ะ?” เสียงเขาแข็งกร้าวผิดจากปกติ“อะ...เอ่อ อ
นินนี่คิดจะเอาอัญญาไปส่งถึงห้อง VIP ที่ผู้ชายที่ได้ซื้อตัวของอัญญาไว้รออยู่ด้านใน ถ้าคนที่ไม่เคยมาผับแห่งนี้จะไม่รู้ว่าห้องพวกนั้นมีไว้ทำอะไร ทั้งยังพื้นที่ที่ค่อนข้างมีความส่วนตัวสูงและห้องนั้นก็มีเตียงอยู่ด้านในคนที่จะเข้าไปได้ต้องมีเงินมากพอสมควรเพราะห้องที่นี่คืนละหลายแสน เรียกได้ว่าถ้าไม่รวยจริงก็โง่จนต้องมาเข้าพักในห้องแบบนี้ ทั้งที่พาไปตามโรงแรมห้าดาวคืนละไม่กี่พันก็ได้ แต่นินนี่กลับเข้าใจผิดว่า ลูกน้องของคนที่มารับคือพวกของมาเฟียเถื่อนปลายแถว ที่เธอเคยเห็นเดินเข้าออกคลับเดียวกันบ่อยๆ‘แบบนี้ยิ่งดีให้มันเข้าใจผิดกันไปใหญ่เลยฉันแค่ป้อนเหยื่อ ส่วนใครจะเป็นคนกินก็ไม่ใช่เรื่องของฉันแล้ว’เธอหัวเราะเบาๆ อย่างพอใจโดยไม่รู้เลยว่าไฟที่เธอก่อขึ้น กำลังจะลามกลับมาเผาเธอเองในไม่ช้าสมชายมองหญิงสาวตรงหน้าเด็กแบบนี้ทำไมเจ้านายถึงถูกใจ ผู้หญิงมีตั้งเยอะแยะสงสารสวยสาวหน้าหวานคนนี้ แต่คนนี้ไม่ใช่สเปกเจ้านายเลย“ผมมารับคุณอัญญาครับ”“คนนี้เลยค่ะ” นินนี่รีบผลักเพื่อนที่หลบอยู่ด้านหลังให้มายืนด้านหน้าของเธอแทน“สะ สวัสดีค่ะ”“ตามผมมาครับ”อัญญาที่เดินตามเขามาถึงที่ห้องที่ด้านหน้ามีบอ
อัญญานั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง มือเรียวยังกำแน่นกับซองเงินเล็กๆ ที่เธอเพิ่งได้มาจากค่าจ้างงานพิเศษในสัปดาห์นี้ คิดอยู่ว่าจะนำไปฝากหรือนำมาใช้เสียงประตูไม้เก่าๆ ถูกผลักเข้ามาพร้อมเสียงถอนหายใจหนักของหญิงวัยกลางคน อัญญาหันไปมองแม่ของเธอที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอก ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยความเหนื่อยล้ากับดวงตาที่เริ่มแดงก่ำบอกทุกอย่างโดยไม่ต้องเอ่ยปาก“อัญญาลูกอยู่บ้านเหรอ” วิภามีสีหน้าตกใจเล็กน้อย ปกติลูกสาวจะอยู่หอพักมากกว่า หรือไม่ก็ออกไปทำงาน“อืม” เสียงตอบเบาๆ ของอัญญาดังมาจากมุมห้อง เธอยังไม่เงยหน้าขึ้นจากซองเงินในมือ“แม่ เอ่อ แม่ขอยืมเงินหน่อยนะลูกสักห้าพันก็พอ” แม่เดินเข้ามาใกล้ หย่อนตัวลงนั่งข้างๆ“แม่จะเอาไปทำอะไรเหรอคะ” อัญญาถามทั้งที่คำตอบเธอรู้ดีอยู่แล้ว“ก็ไปต่อลมหายใจนิดหน่อยน่ะลูกเมื่อวานเกือบได้อยู่แล้วเชียวขาดอีกนิดเดียวจริงๆ คราวนี้แม่เห็นทางเลยนะ มันต้องได้แน่ๆ”อัญญานิ่งเธอไม่พูดอะไรอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ พูดด้วยเสียงเรียบ“แต่หนูก็เพิ่งให้แม่ไปเมื่อสองวันก่อนเองนะคะ แม่ก็พูดแบบนี้…”“โอ๊ย อีอัญญาอย่ามาทำเป็นพูดประชดกูสิ เอ่อ แม่ก็แค่อยากให้เรามีชีวิตดีขึ้น จะได้ไม่ต