“นี่ ! หูหนวกหรือไง ข้าบอกว่ามาดื่มสุรา”
ซ่งเทียนตะคอก พร้อมกับจกระชากข้อมือเรียวจนตัวของเจ้าปลิวติดมือมา
“โอ๊ย..เจ็บ~~~”
เสียงหวานร้องเจ็บทันที แทนที่เจ้าบ่าวจะปล่อยกลับยิ่งบีบข้อมือของนางแรงขึ้น โดยไม่ได้สนใจว่านางจะเป็นอย่างไรแม้แต่น้อย
“คุณหนูแห่งจวนแม่ทัพช่างบอบบางเสียจริง” เขาทำเสียงไม่พอใจ
“ท่านก็เบามือหน่อยสิ กระชากแรงแบบนั้นต่อให้เป็นสตรีชาวไร่ก็ทนมือทนเท้าท่านไม่ไหว”
ฉู่เหลียนดึงมือออกจากกรงขังนั้น จ้องตาเขาเถียงกลับ ภาพที่เคยเห็นเขาเป็นเทพบุตรในหัวใจเสมอมาแทบจะสลายลงฉับพลัน นี่คือบุรุษที่นางหลงรักมากว่า 10 ปีจริง ๆ หรือ
“ลูกสาวท่านแม่ทัพ ช่างปากดีนัก”
ซ่งเทียนกระชากนางเข้าไปหาอีกครั้ง คราวนี้ร่างบางถึงกับปะทะเข้ากับอกแกร่ง
“อ๊ะ ! นี่ทำอะไร ปล่อยนะ”
ฉู่เหลียนตาโต ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดนั้นทำให้นางสั่นด้วยความกลัว เหมือนลูกนกตัวน้อยๆ
“ในเมื่อเจ้าอยากแต่งกับข้านัก ข้าก็จะสนองต่อความต้องการของเจ้าไง”
ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็ช้อนตัวนางขึ้นมาในท่าเจ้าสาว สายตาของเขาเหมือนกำลังกลืนกินร่างกายของนางไปทั้งตัว
“หรือว่างานแต่งงานนี้ ท่านไม่เคยต้องการ”
ฉู่เหลียนถามเจ้าบ่าวด้วยใจระทึก ตั้งแต่เขาเหยียบเข้ามาในห้องหอ ไม่เคยพูดจาดี ๆ กับนางสักครั้ง หรือว่านางเข้าใจผิดมาตลอดว่าเขา คือ สุภาพบุรุษ เป็นองค์ชายที่แสนสง่างาม และบางทีเขาอาจมีใจให้บ้างจึงได้มีสมรสพระราชทานมาสู่ขอนาง
“ข้าถูกบังคับให้อภิเษกกับเจ้า ข้ามีสตรีที่ข้ารักอยู่แล้ว ไม่อยากแต่งกับเจ้าเลยสักนิด”
ซ่งเทียนแค่นเสียงอย่างดูถูก เขาคิดว่าบิดาของนางคงอยากได้เขาเป็นลูกเขย เพื่อสร้างอำนาจในวงขุนนาง ไต่เต้าขึ้นที่สูง ถึงได้ยอมยกลูกสาวให้เป็นชายาเขา
ฉู่เหลียนได้ยินเช่นนั้น หัวใจนางก็แทบแตกสลาย แท้จริงแล้วนางหลงรักเขาแค่ฝ่ายเดียว เช่นนั้น ข่าวลือหนาหูที่นางได้ยินว่า องค์ชายหลงรักอยู่กับแม่ค้าขายเครื่องหอมก็งจะเป็นความจริง
“ในเมื่อท่านไม่เต็มใจจะแต่ง เหตุใดท่านไม่ขอฮ่องเต้ให้ยกเลิกงานอภิเษกนี้เสีย”
“ข้าขัดคำสั่งมิได้ ดังนั้น เราทั้งสองก็อยู่กันแบบทรมานกันไปเช่นนี้ก็แล้วกัน”
สิ้นคำ องค์ชายซ่งเทียนก็โยนเจ้าสาวลงบนเตียงอย่างไร้ความเอ็นดู คิดว่าใบหน้างดงามของนางจะทำให้เขาใจอ่อนหรือ ไม่มีทาง ! เขาจะทรมานนาง ให้นางเจ็บช้ำใจ จนวิ่งหนีออกจากตำหนักไปเอง
ตุบ
“อ๊ะ เจ็บ !”
ฉู่เหลียนร้องทันทีที่ตัวถูกเหวี่ยงพร้อมกับร่างสูงที่ขึ้นมาคร่อมบนตัวของนาง ร่างกายของนางถูกพันธนาการด้วยสองมือของเขา พร้อมกับออกแรงบีบรัดจนนางเจ็บ
“อื้อ…อึก”
เขาก้มล้มไปจูบนาง ปีศาจร้ายอย่างซ่งเทียนไม่เคยปล่อยให้เหยื่อร้องนานหรอก ต่อให้ร้องไห้จนน้ำตาไหลออกมาเป็นสายเลือดเขาก็ไม่สน เขากระชากร่างบางเข้ามาจูบยัดเยียดความทรมานให้สมกับที่สตรีที่เขารักกำลังร่ำไห้ในวันวิวาห์
“อื้ออ”
หัวใจนางเต้นแรงจนตัวสั่น นางไม่เคยถูกใครบดจูบอย่างหนักหน่วงแบบนี้มาก่อน ปากของนางเจ็บไปหมด ในหัวของนางคล้ายกับไม่สั่งการ เรี่ยวแรงของนางค่อย ๆ หมดสิ้นลง
“หืม”
ซ่งเทียนคำรามในอก พร้อมกับดันตัวของร่างบางชิดไปกับหัวเตียง แล้วบดจูบขยี้ริมฝีปาก เขาไม่พอแค่นั้นใช้ฟันขบกัดซอกคอจนเลือดซิบ
“อ๊ะ..อึก…เจ็บ~~~”
ฉู่เหลียนเจ็บไปหมดจนต้องร้องออกมา ร่างบางดิ้นทุรนทุราย ความเจ็บเล่นงานนางจนใจนึกหวั่น เริ่มรู้กลัวกับการกระทำของเขา หรือเขาจะเป็นทรราชดั่งที่เล่าลือจริง ๆ หรือ
"ฮึ....ร้องสิ ร้องดัง ๆ..ให้พวกบ่าวไพร่นอกห้องมันรู้ว่า พวกเราสองคนเข้าหอกันดุเดือดแค่ไหน..หึ"
ซ่งเทียนยิ้มร้ายใส่ร่างบางที่นอนตัวสั่น มองนางด้วยสายตาที่น่ากลัว บ่งบอกว่าเขาไม่สนใจว่านางจะเจ็บแค่ไหน
“ออกไปนะ”
นางใช้แรงทั้งหมดที่มีผลักร่างแกร่งให้ออกห่าง แต่ร่างกำยำดุจหินผากลับไม่ไหวติงแม้แต่น้อย ทั้งยังใช้มือแกร่งจับที่ชุดเจ้าสาวแล้วออกแรงดึง
แคว้กก!!
ชุดสวยที่สวมใส่ก็ถูกกระชากขาดคามือ ไม่สนใจว่ามันจะทำให้นางเจ็บมากแค่ไหน
ซ่งเทียนขยับตัวขึ้นมานั่งคร่อมร่างบางทันทีหลังจากที่เขาปอกเปลือกนางเสร็จ เหลือเพียงร่างงดงามกระจ่างตาอยู่ตรงหน้า
"อ้ายยย เจ็บ...อึก..ปะ..ปล่อยยย นะ..อื้อออ~~"
ฉู่เลียนน้ำตาไหลอาบแก้มสองข้างอย่างน่าสงสาร นางกลัวจนตัวสั่นสะท้านไปหมด บุรุษที่นางแอบรักมานานไม่ไยดีนางเลยสักนิด
“ปล่อยทำไม ในเมื่อคืนนี้เป็นคืนเข้าหอ ไหน ๆ พวกเราก็แต่งกันแล้ว ข้าก็จะทำให้เจ้าเป็นภรรยาของข้าอย่างสมบูรณ์”
ขณะที่พูดนั้นก็ดึงขาเรียวที่พยายามหดหนีให้อ้าออกกว้างพอที่เขาจะจัดการชำแรกส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดเข้าไปได้
สวบ !
“อ๊ายยยย ~~~~~”
ชีวิตการแต่งงานของนางไม่ได้งดงามหอมหวานเหมือนกับที่คิดเอาไว้เลย เพราะองค์ชายรัชทายาทแห่งแคว้นฮั่นจิตวิปริต ทุกครั้งที่รวมหอกันจะต้องตบตีนางให้เจ็บตัว ยิ่งนางกรีดร้อง เขาก็ยิ่งฮึกเหิม"อะ.. องค์ชายเพคะ วันนี้หม่อมฉันระบมไปทั้งตัวแล้วนะเพคะ ปล่อยหม่อมฉันสักคืนเถิด"องค์หญิงกู่เยี่ยรีบกระทดตัวก็เข้าไปยังเตียง ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นสามีกระชากอาภรณ์ของตัวเองออกจนเผยให้เห็นเรือนกายกำยำเปล่าเปลือย"เจ้าคิดว่าทำผิดพลาดแล้วจะไม่ต้องรับโทษรึ คืนนี้เจ้าต้องได้รับโทษจากข้าอย่างสาสม !"สิ้นคำ เขาก็กระชากนางอย่างแรง“ว๊าย.... โอ๊ย !”แรงกระชากนั้นทำให้นางอยู่ใต้ร่างกำยำ ดวงตาของสามีเต็มไปด้วยความหื่นกระหายราวกับสัตว์ป่า ไม่มีความรักให้กับนางแม้แต่น้อย“พระชายา.... จะบ่ายเบี่ยงไปไย... เจ้าเป็นภรรยาข้า ชั่วชีวิตนี้ เจ้าต้องสนองความต้องการของข้าเท่านั้น !”สิ้นคำ เขาก็กระชากอาภรณ์ของนางออกแคว่ก !"กรี้ดดดดด อึก อื้อออ"องค์หญิงกู่เยี่ยร้องได้เพียงเท่านั้นก็ถูกสามีบดจูบอย่างรุนแรง อีกทั้งสองมือของเขายังเข้ากอบกุมทรวงอกของนางทั้งสองข้าง แล้วออกแรงเฟ้นฟอนอย่างหนักหน่วง“อึก... อื้อออ”นางได
"กระหม่อมก็เห็นด้วยกับการอภิเษกสมรสระหว่างสองแคว้นในครั้งนี้"จากนั้นทุกคนก็พร้อมใจกันเปล่งเสียงออกมาว่า"กระหม่อมเห็นด้วย ขอพระองค์โปรดราชทานพิธีอภิเษกสมรสระหว่างแคว้นฉีและแคว้นฉู่ด้วยเถิด"ฮ่องเต้ทรงพยักหน้าอย่างพอพระทัย“หากทุกท่านเห็นสมควรดังนั้นแล้ว ข้าก็จะส่งสารไปถึงฮ่องเต้แคว้นฉีขอสานสัมพันธไมตรีอภิเษกสมรส เจ้ากรมพิธีการโปรดดำเนินการจัดพิธีอย่างยิ่งใหญ่ เชิญทุกแคว้นมาร่วมงาน รวมถึงเตรียมค่าสินสอดให้มากกว่าที่แคว้นฮั่นไปสู่ขอแคว้นฉี !""รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ"เจ้ากรมพิธีการโค้งคารวะน้อมรับพระบัญชาองค์ชายเซวียนอี้ยิ้มแย้มออกมา เขารีบคุกเข่าลงต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้"ขอบพระทัยเสด็จพ่อ"ด้านหน้าท้องพระโรงหลังจากเลิกประชุมในท้องพระโรงเสร็จ ต่างฝ่ายต่างก็ไปจัดการเตรียมงานพระราชพิธีอภิเษกสมรสองค์ชายรัชทายาทเร่งฝีเท้าเข้ามาหาพระปิตุลา แล้วเอ่ยด้วยความซาบซึ้งใจว่า"ท่านอา ขอบใจท่านมากที่ช่วยทูลขอกับเสด็จพ่อ หากท่านไม่ช่วยทูล เกรงว่าเสด็จพ่อจะทรงกริ้วมากกว่านี้"เซวียนซ่งวางมือบนบ่าองค์ชายรัชทายาท พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเปี่ยมไปด้วยเมตตาว่า"เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น หลานอย่าใส่ใ
"เจ้ายอมแต่งงานกับข้าแล้ว !” องค์ชายเซวียนอี้ตะโกนออกมาด้วยความดีใจราวกับคนบ้า “ข้าดีใจที่สุดเล้ย... อะ... อื้ออ อู้ยยย คัน ๆ ทำไมทั้งแสบร้อนทั้งคันแบบนี้ โอ๊ย.... อู้ยย คัน ๆ"องค์ชายเซวียนอี้ยืนอยู่นิ่งไม่ได้ เขาขยับตัวขยุกขยิกไปมา เพราะเขารู้สึกคัน และปวดแสบปวดร้อนไปหมดทั้งตัวเขาคันมากจนทนไม่ไหว คิดว่าอาจจะมีมดหรือแมลงซ่อนอยู่ในอาภรณ์ของตนจึงรีบวางผลกลอเซียะลงกับพื้น แล้วถอดอาภรณ์ของตนเองออกจนเหลือแต่กางเกงตัวใน"โอ๊ย.... อู้ย.. ทำไมคันไปหมดแบบนี้ อ๊ะ อู้ยย โอ๊ย แสบ ๆ คัน ๆ"ผิวของเขาแดงเถือกไปหมด อีกทั้งยังมีรอยเล็บข่วนไปทั้งตัว ใบหน้าแดงก่ำองค์หญิงกู่ชิงกลั้นหัวเราะเอาไว้เต็มที่ ก่อนเอ่ยกับเขาว่า"ขออภัยเพคะ หม่อมฉันลืมบอกองค์ชายไปว่า ทั้งต้นและผลของกลอเซียะล้วนทำให้ระคายเคืองผิวหนัง ใครสัมผัสเป็นต้องทั้งแสบทั้งคันไปทั้งตัว""อู้ยย โอ๊ย แสบ ๆ คัน ๆ นี่เจ้ารู้ว่าต้นนี้มีพิษแต่เจ้าก็ยังให้ข้าแก้เสื้อผ้าปีนขึ้นไปเอาผลของมัน เจ้าจงใจแก้แค้นข้าใช่ไหม โอ๊ย คัน ๆ อู้ยยยย"องค์ชายเซวียนอี้โวยวายออกมา พร้อมกับเกาตัวเองไปด้วย"อี้เอ๋อร์.... เจ้าจะโวยวายกู่ชิงทำไม ในเมื่อเจ้าเป็นคนรับปาก
องค์หญิงกู่ชิงปรายตามองไปยังแผ่นหลังของเขาที่ยังคงชุ่มไปด้วยเลือด ใบหน้าซีดเซียว ริมฝีปากแห้งผาก หากไม่ใช่เพราะเขาปกป้องชีวิตของนาง เขาก็คงไม่อยู่ในสภาพเช่นนี้ท่ามกลางความเงียบนั้น จู่ ๆ เสียงแหบแห้งของบุรุษบนเตียงก็ดังขึ้นว่า"เสด็จแม่.... หากนางไม่อยากแต่งก็อย่าบังคับจิตใจของนางเลย ลูกรู้ว่าลูกกระทำผิดกับนางไว้มาก ลูกจะยอมรับผลกรรมที่เกิดขึ้นนี้เอง”องค์หญิงกู่ชิงได้ยินเช่นนั้นจึงขึ้นว่า“ท่านรับลูกธนูแทนข้า ก็นับว่าเป็นการชดเชยความผิดที่ท่านได้กระทำไว้กับข้าแล้ว”“เจ้าหมายความว่า เจ้าตกลงยอมแต่งงานกับข้าใช่หรือไม่ อ๊ะ... โอ๊ย... เจ็บ ๆ”องค์ชายเซวียนอี้ดีใจจนเผลอขยับลุกขึ้น สะเทือนถึงบาดแผลที่กลางหลังจนต้องร้องออกร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดฮองเฮาเห็นเช่นนั้นก็รีบเข้าไปประคองโอรสของตนให้ลุกขึ้นนั่งดี ๆ พลางเอ็ดว่า“ดูสิ เจ้าลูกคนนี้ บาดเจ็บสาหัสเพียงนี้ยังเลือดร้อนเหมือนเดิมไม่มีผิด เมื่อไหร่เจ้าจะสุขุมเยือกเย็นให้สมกับเป็นองค์ชายรัชทายาท”“โธ่.... เสด็จแม่ เป็นเพราะลูกดีใจมากที่ได้ยินว่ากู่ชิงจะยอมยกโทษให้ลูกแล้ว และยังยอมแต่งงานกับลูกด้วย จะไม่ให้ลูกตื่นเต้นดีใจได้อย่างไร”ริมฝีปาก
ณ ตำหนักฮองเฮา องค์ชายเซวียนอี้ใช้วิชาตัวเบาแอบย่องเข้ามาในตำหนักของฮองเฮา แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาขององค์หญิงกู่ชิงอยู่ในเรือนรับรอง จึงคาดว่านางน่าจะไปเดินเล่นที่อุทยานสวนดอกไม้ท้ายตำหนักเป็นแน่เขาจึงใช้วิชาตัวเบาเหาะไปยังสวนดอกไม้ท้ายตำหนัก แล้วแฝงตัวอยู่ที่พุ่มไม้หนา ไม่ไกลนัก แลเห็นองค์หญิงกู่ชิงเดินเคียงข้างกับพระมารดาของเขาวันนี้สีหน้าของนางดูแจ่มใสกว่าเมื่อวานยิ่งนัก พวงแก้มขึ้นสีชมพูระเรื่อ ดวงตาเป็นประกายระยับ เรือนร่างบอบบางราวกับกิ่งหลิวต้องลมนั้นห่อหุ้มด้วยอาภรณ์สีชมพูสลับขาว บนศีรษะประดับด้วยปิ่นมุกห้อยระย้าลงมางดงามยิ่งกว่าบุปผาในส่วนนี้เสียอีกเขาอยากรู้นักว่ามารดาของเขาสนทนาอะไรกับนาง จึงทำให้นางหัวเราะน้อย ๆ เพียงแค่เขาเห็นกลีบปากบางฉ่ำน้ำของนางขยับยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอันสดใส เขาก็พลอยยิ้มตามไปด้วย ในอกคล้ายกับมีผีเสื้อนับล้านกระพือปีกบินพร้อมกัน ให้รู้สึกปั่นป่วนระคนสุขซ่านอย่างที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อนความรู้สึกนี้มันทำให้เขาแทบอยากจะกระโจนออกจากที่ซ่อนตัว แล้วเข้าไปกระชากดึงนางเข้ามากอด ดอมดมความหอมกรุ่นของนาง ความหวานล้ำของกายนางนั้นเขายังจรดจำได้ดี และไม่เคยมีสตรีน
ณ ตำหนักองค์ชายรัชทายาท“องค์ชายเพคะ ฮือ ๆ หม่อมฉันผิดไปแล้ว ได้โปรดอภัยให้หม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ”เฟยเซี่ยคุกเข่าลงไปกอดขาขององค์ชายเซวียนอี้เอาไว้แน่น พร้อมกับร่ำไห้สะอึกสะอื้น“เฟยเซี่ย... เจ้าปรนนิบัติข้ามาตั้งนาน ย่อมรู้ดีกว่าข้าเกลียดคนโกหกหลอกลวงมากที่สุด แต่เจ้าก็ยังทำ !”องค์ชายรัชทายาทขบกรามแน่นจนขึ้นเป็นสัน ยืนนิ่งไม่มองนางแม้แต่น้อย เพราะเขารู้สึกผิดหวังในตัวนางเป็นอย่างยิ่ง“ที่หม่อมฉันทำไปทั้งหมดก็เพราะหม่อมฉันรักพระองค์นะเพคะ ฮือ ๆ”“เจ้าอย่าบอกว่ารักข้า เจ้ารักตัวเองต่างหาก ถึงได้กล้าทำเรื่องหลอกลวงทั้ง ๆ ที่รู้ว่าข้าเกลียดคนหลอกลวงที่สุด นับแต่วันนี้ไปเจ้าไม่ต้องมาปรนนิบัติข้า”“ไม่นะเพคะ องค์ชายโปรดยกโทษให้ด้วย หม่อมฉันจะไม่ทำอีกแล้ว”เฟยเซี่ยกรีดร้องออกมาเสียงหลงตั้งแต่นางเป็นที่โปรดปรานขององค์รัชทายาท นางก็ใช้อำนาจข่มเหงนางกำนัลที่ด้อยกว่า จึงสร้างศัตรูไว้มากมาย หากองค์ชายรัชทายาทขับไล่นางออกจากตำหนัก เกรงว่านางต้องถูกนางกำนัลเหล่านั้นแก้แค้นแน่ ๆ“เจ้าเก็บข้าวของออกไปอยู่ที่เรือนซักอาภรณ์เถอะ”องค์ชายเซวียนอี้สั่งน้ำเสียงเด็ดขาดระหว่างเขากับนางมีเพียงความสัมพันธ์ท