เจ้าสาวร้องลั่นเมื่อเจ้าบ่าวกดแท่งมังกรลำใหญ่ของเขาเข้าเรือนหยกงาม
ซ่งเทียนขยับสะโพกกระแทกเข้าอย่างแรง โดยไม่ปรานีปราศรัย ทำเอาสตรีใต้ร่างสั่นสะท้านไปทั้งตัว ส่วนนั้นของนางกำลังบีบรัดท่อนมังกรของเขาแน่น เสียงร้องของนางขาดหายเป็นช่วง ๆ
"ซี้ดดด.....หืม.."
บุรุษหนุ่มขบกรามแน่นจนขึ้นเป็นสัน มือหนารั้งสะโพกสวยยกขึ้นสูง จากนั้นก็ถาโถมแท่งมังกรลำใหญ่เข้าใส่นางอย่างไม่ปรานี
"อะ ฮึกก…เจ็บงื้ออ…เอาออกไป...อะ อา~~"
ฉู่เหลียนเผยอปากครางกระเส่า น้ำตาไหลรากเมื่อถูกเขากระแทกแรงๆ นางดิ้นทุรนทุรายอย่างน่าสงสารด้วยความเจ็บแปลบมากกว่าเสียวซ่าน
ซ่งเทียนไม่ฟังเอาแต่เล่นสนุกกับร่างกายนี้ เพราะเขาคิดว่าการร้องไห้ของนาง มันคือการเรียกร้องความสนใจ สตรีที่เข้าหาเขาที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้กันหมด ยิ่งเป็นสตรีผู้นี้ เขายิ่งไม่น่าสงสารเลยสักนิด เป็นเพราะบิดาของนางมาทูลขอให้เสด็จพ่อมีพระราชทานพิธีมงคลสมรส เขาก็คงไม่ต้องแต่งงานกับนาง ไร้ยางอายทั้งพ่อทั้งลูก
"อื้อ..อึก"
เขาบดจูบขยี้ปากนางอย่างรุนแรง ด้วยความที่อารมณ์ไม่ดี ยิ่งคิดก็ยิ่งใช้ความรุนแรงมากขึ้น มือหนารั้งมือฉู่เหลียนไว้ไม่ให้ดิ้นหนี ยิ่งฉู่เหลียนดิ้นเขาก็ยิ่งจับไว้แน่น ปากหนาขบกัดริมฝีปากอีกฝ่ายเพื่อให้เปิดปากรับลิ้นร้อนเข้าไป
ร่างกายของฉู่เหลียนถูกจู่โจมหนักหน่วง นางจิกเล็บเข้าที่ต้นแขนแกร่ง เพราะเริ่มจะหายใจไม่ออก
"..เป็นไงอยากได้ข้าเป็นสามีนัก สาสมใจเจ้าแล้วใช่หรือไม่"
ซ่งเทียนกระตุกยิ้มที่มุมปากอย่างชั่วร้าย เมื่อเห็นร่างบางดิ้นพล่านจากการกระทำของเขา ผู้หญิงมันก็เหมือนกันหมด พอโดนยั่วอารมณ์เข้าหน่อยก็ครางทั้งนั้น แต่ยังทำตัวน่าสงสารร้องไห้ฟูมฟาย
“ฮึกก..ฮือ..ฮึก ฮือๆ”
ร่างบางร้องไห้สะอื้น ไม่หยุด นางไม่มีอารมณ์รัญจวนเลยสักนิด มันเป็นสิ่งชั่วร้ายที่เขามอบให้ มันมีแต่ความเจ็บแปลบๆ แปลกๆ ความรู้สึกแตกต่าง ท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด เวลานิ้วแกร่งของซ่งเทียนชำแรกลงบดขยี้ติ่งเสียว พร้อมกับกดปากขบเม้มปลายปทุมถัน ทำเอานางเสียวสะท้านจนแอ่นหน้าอกเข้าหาซ่งเทียน
" ฮือ..อึก..อ้ะ..ข้าเจ็บ~~~ งื้ออ อะ ฮือ"
นางร้องไห้ออกมาอย่างทรมาน พยายามดิ้นหนีแต่มันไร้เรี่ยวแรง
“จะร้องอะไรนักหนา…ห้ะ!!..”
สองมือหนาบีบรัดข้อมือน้อยพร้อมกระชากจนร่างบางลอยขึ้นตามแรงของเขา
"อึก… ฮือๆ องค์ชาย ดะ ได้โปรด เอาออกไป…อะ.. เจ็บ ฮึกก..ฮือ.."
เสียงกรีดร้องออกมาอย่างทรมานทันทีที่ซ่งเทียนกระแทกเข้าไปในตัวของนางอีกครั้งเต็มแรงโดยไม่ฟังคำขอของนางแม้แต่น้อย
"หืม.. ครางขนาดนี้ แล้วยังบอกให้เอาออกอีกรึ..หึ.."
ซ่งเทียนพูดกระซิบข้างหูของเจ้าสาวที่ร้องไห้ไม่หยุด นางเจ็บแสบเพราะเรือนหยกนางยังไม่เคยมีแท่งหยกของใครชำแรกเข้ามาก่อน ส่วนนั้นจึงคับแน่นเป็นพิเศษ ยิ่งเมื่อเจอท่อนมังกรลำใหญ่ในครั้งแรก นางก็ยิ่งแทบขาดใจตาย
แม้เขาจะรู้อยู่แล้วว่าร่างกายนี้ไม่เคยผ่านบุรุษมาก่อน แต่ก็ไม่คิดจะหยุดทั้งๆ ที่เห็นว่ามีน้ำคาวผสมเลือดไหลออกมาจากจุดเชื่อมต่อร่างกาย
ซ๊วบ.... ซ๊วบ... ซ๊วบ...
"อ๊ะ เจ็บ~~ ฮืออ..~~"
ร่างบางแอ่นสะโพก ร่างกายสั่นไปหมด เมื่อซ่งเทียนส่ายวนแท่งมังกรร้อนไปมา กระแทกแท่งมังกรร้อนใส่อย่างไม่กลัวว่านางจะเจ็บหรือทรมานเพียงใด
"อา ~ ข้าชอบเสียงที่เจ้าร้องจริงๆ ซี้ดด. รัดข้าแน่นเพียงนี้..ยังจะขอให้ข้าเอามันออกไป หืม"
ร่างกายของฉู่เลียนโยกไปตามแรงกระแทกกระทั้นของบุรุษหนุ่มที่ขย่มเข้าใส่อย่างไม่บันยะบันยั้ง
ซ่งเทียนจับร่างบางเปลี่ยนท่าให้นอนคว่ำ แล้วกดแทงมังกรเข้าใส่อีกครั้ง พร้อมกับขยับสะโพกชำแรกเข้า ๆ ออก ๆ อย่างต่อเนื่อง จนเกิดเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังตับ ๆ
"อื้อ..อะๆ อา ๆ อ๊าๆ”
ร่างบางแอ่นสะโพก บิดส่ายร่อนสะโพกเข้าหาซ่งเทียนอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ จนกระทั่ง เขาทนต่ออารมณ์ตัวเองไม่ไหว สาดซัดน้ำมังกรสีขุ่นขาวฉีดพุ่งเข้าใส่ในร่างนางจนไหลย้อยออกมา
ร่างนางกระตุกเป็นระยะๆ รู้สึกเหมือนไร้เรี่ยวแรง หอบหายใจกระเส่า
“หึ.. ช่างเป็นเจ้าสาวที่ไร้รสชาติสิ้นดี”
ซ่งเทียนแค่นเสียงเอ่ย
“อึ…ฮือ..”
ฉู่เหลียนหลับตาลงพร้อมกับน้ำตาไหลอาบแก้มอย่างน่าสงสาร คำพูดนั้นทำร้ายจิตใจนางยิ่งนัก
ซ่งเทียนเห็นนางยิ่งร้อง ก็ยิ่งอารมณ์เสีย มือหนากระชากนางเข้าหาอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มบทสวาทกับนางอีกครั้ง
"ไม่ ปล่อย..ข้า..ในเมื่อข้าไม่ถูกใจท่าน ก็อย่ามาแตะต้องกัน อึก ฮือ...”
ฉู่เหลียนพูดทั้งน้ำตา
“น่าสงสารเสียจริงๆ แต่น้ำตาของเจ้าใช้ไม่ได้กับข้าหรอกนะ”
สิ้นคำ เขาก็โฉบปากหนาขบกัดซอกคอของนาง
“อื้อ.. คนบ้า อำมหิต ข้าเกลียดท่าน..ฮึกก..ฮือ”
“ข้าก็จะมาชำระแค้น ที่เจ้าทำให้ข้าต้องสูญเสียคู่หมั้นไป !”แม่ทัพฉงหรงเอ่ยอย่างเดือดดาลพอกัน หากไม่ใช่เพราะแผนการชั่วช้าของจ้าวเหยา เขากับกู่ชิงก็คงได้แต่งงานกัน“วันนี้ถ้าหัวเจ้าไม่กระเด็นออกจากบ่า ข้าจะไม่ถอยทัพ ทหารบุก !”องค์ชายเซวียนอี้ตะโกนสั่ง“หัวใครจะกระเด็นออกจากบ่าจะได้รู้กัน โจมตี !”องค์ชายจ้าวเหยาตะโกนสั่งทหารให้บุกเข้าไปฆ่าฟันศัตรูเช่นกันฆ่ามันนนน....ย้ากกกกก.....เคร้ง ! ฉึบ ! ฉับ ! ในที่สุดทั้งสองฝ่ายก็เปิดศึกสู้รบกันข้ามวันข้ามคืน จนกระทั่ง องค์ชายเซวียนอี้ตัดศีรษะองค์ชายจ้าวเหยาได้สำเร็จ จากนั้น ก็สั่งทหารบุกเข้าวังหลวงยึดแคว้นฮั่นให้เป็นเมืองขึ้นของแคว้นฉู่ และแคว้นฉี6 เดือนต่อมาเนื่องด้วยองค์ชายเซวียนอี้รบชนะแคว้นฮั่น สร้างความดีความชอบครั้งยิ่งใหญ่ จนเป็นที่เรื่องลือไปทั่วทั้งห้าแคว้น ดังนั้น ฮ่องเต้แคว้นฉู่จึงสละราชสมบัติให้เขาได้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้องค์ใหม่เมื่อขึ้นครองบัลลังก์มังกรแล้ว เซวียนอี้ก็ตั้งใจศึกษางานราชการ และบริหารบ้านเมืองล่วงเข้ายามห้ายแล้ว แต่เขาก็ยังตรวจฎีกาในห้องทรงงานฮองเฮากู่ชิงเห็นฮองเต้ไม่ทรงเสด็จมาที่ตำหนักนางเสียที นางจ
ณ แคว้นฮั่นในขณะที่องค์ชายจ้าวเหยากำลังเริงสำราญอยู่กับสนมนางกำนัล เสียงฝีเท้าวิ่งอึกกระทึกก็ดังขึ้น พร้อมกับเสียงโลหะกระทบกัน“เฮ้ย ! ใครช่างบังอาจมาก่อความวุ่นวายในตำหนักของข้า !”องค์ชายจ้าวเหยาตวาดขึ้นด้วยความเดือดดาลในจังหวะนั้นเอง หัวหน้าองครักษ์ก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามารายงานด้วยความตื่นตระหนกว่า“องค์ชาย แย่แล้วพ่ะย่ะค่ะ แคว้นฉี กับแคว้นฉู่บุกมาถึงวังหลวงของแคว้นเราแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ว่าไงนะ !”องค์ชายจ้าวเหยาลุกขึ้นพรวดพราด“แคว้นฉี กับแคว้นฉู่นำไพร่พลทหารห้าแสนนายประชิดวังหลวงแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฮ่องเต้มีรับสั่งให้พระองค์รีบนำทหารออกไปรับศึก”เพล้ง !องค์ชายจ้าวเหยาขว้างจอกสุราลงพื้นด้วยแรงอารมณ์“ช่างบังอาจนัก ! ข้าจะทำให้พวกเจ้ารู้ว่าแคว้นฮั่นยิ่งใหญ่เพียงใด”กล่าวจบ เขาก็ก้าวอาจ ๆ มุ่งหน้าไปยังประตู พร้อมกับสั่งให้ทหารทุกกองตามไปทันทีณ กำแพงแคว้นฮั่นองค์ชายเซวียนอี้ในชุดทหารเกราะเหล็กสีดำยืดกายองอาจอยู่บนหลังม้าสีดำทมิฬ ข้าง ๆ เขาคือ แม่ทัพฉงหรงในชุดเกราะเหล็กสีเงิน แม้รูปร่างของเขาจะเล็กกว่าแต่ก็สง่างามไม่แพ้กันเบื้องหลังของพวกเขาทั้งสองเป็นกรงขังขนาดใหญ่ ในนั้นขังองค์หญิงกู่เยี่
"มีทั้งพยาน และหลักฐานเช่นนี้แล้วเจ้ายังไม่ยอมรับอีกเหรอ ได้ในเมื่อเจ้าไม่สารภาพออกมา ข้าก็จะเป็นคนเปิดเผยแผนการชั่วของเจ้าทั้งหมดเอง "จากนั้นเขาก็หันไปทูลฮองเต้ว่า"ทูลฝ่าบาท เมื่อตอนเช้าของวันนี้กระหม่อมได้รับสารลับจากแคว้นฉู่ส่งข่าวมาว่า เซวียนซ่ง พระปิตุลาเป็นไส้ศึกร่วมมือกับแคว้นฮั่น และองค์หญิงกู่เยี่ยทำการปลอมแปลงสารตอบรับการอภิเษกสัมพันธไมตรีส่งมาที่แคว้นฉู่ จนทำให้เกิดเข้าใจผิดคิดว่าแคว้นฉีหักหลังโดยการยกธิดาให้กับแคว้นฮั่น แล้วกระหม่อมก็ถูกความโง่เขลาของตนครอบงำ ตกเป็นเครื่องมือในแผนร้ายครั้งนี้”องค์ชายเซวียนอี้สูดลมหายใจเข้าลึก เมื่อต้องเอ่ยถึงเรื่องผิดพลาดที่ตนได้กระทำต่อองค์หญิงกู่ชิงอย่างไม่น่าให้อภัย“เพราะความโกรธเพียงชั่ววูบ กระหม่อมถึงกับลงมือชิงตัวเจ้าสาว โดยที่ไม่รู้ว่าองค์หญิงกู่เยี่ยได้วางแผนหลอกล่อให้น้องสาวของตนเองถูกจับไปแทน แล้วองค์หญิงกู่ชิงก็กลายเป็นหมากในกระดานนี้เช่นกัน”เมื่อองค์ชายเซวียนอี้กล่าวถึงตรงนี้ ฮองเฮา และองค์หญิงกู่ชิงต่างก็มองไปที่องค์หญิงกู่เยี่ยด้วยสายตาตื่นตะลึง เกิดเสียงอุทานขึ้นรอบด้าน"จากนั้น พวกเขาก็วางแผนสังหารองค์หญิงกู่ชิงในแคว้น
ในขณะนั้นเอง ขันทีประจำราชสำนักก็ประกาศขึ้นว่า“ฮ่องเต้เสด็จ !”บรรดาข้ารับใช้ในตำหนักต่างหมอบลงถวายความเคารพฮ่องเต้ และฮองเฮาสาวเท้าเข้ามาในเรือนรับลมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด"นี่มันเกิดอะไรขึ้น !"ฮ่องเต้กู่โจตรัสถามด้วยความตื่นตระหนก เมื่อสักครู่ระหว่างที่เขากำลังอ่านฎีกาจู่ ๆ ทหารองครักษ์ก็เข้ามาแจ้งว่าเกิดเหตุร้ายที่ตำหนักองค์หญิงกู่ชิง และเมื่อเขากับฮองเฮามาถึง ก็พบราชบุตรเขยนอนจมกองเลือด โดยมีธิดาองค์เล็กร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ข้าง ๆ "นางวางยาพิษพระสวามีเพคะ"องค์หญิงกู่เยี่ยชิงทูลรายงานก่อนน้องสาวของตน"ไม่เพคะ ลูกไม่ได้ทำ""หม่อมฉันไม่เชื่อว่ากู่ชิงเป็นคนวางยา ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดบางอย่างเกิดขึ้นแน่ ๆ เพคะฝ่าบาท"ฮองเฮากู่เหนียงรีบออกปากปกป้องลูกสาวของตนเอง เพราะเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของกู่ชิง"เสด็จแม่... ท่านอย่าได้ปกป้องน้องหญิงอีกเลย ในเมื่อทั้งตำหนักนี้เป็นของน้องหญิง นางเป็นคนสั่งให้บ่าวไพร่ต้มข้าวให้สามีกินด้วยตนเอง หากไม่ใช่นางวางยาสามีแล้วจะเป็นใครได้"องค์หญิงกู่เยี่ยรีบทูลขัดคนที่ถูกกล่าวหาว่ายาสามีถึงกับหันขวับมองพี่สาวต่างมารดาอย่างไม่เชื่อสายตา ก่อนเอ่ยขึ้นว่
"องค์ชายเพคะ พระชายาเห็นว่าพระองค์บาดเจ็บ ทานอาหารหนักไม่ได้ ด้วยความเป็นห่วงจึงสั่งให้ห้องเครื่องต้มข้าวต้มให้องค์ชายโดยเฉพาะ"องค์ชายเซวียนอี้ได้ยินเช่นนั้นก็ชำเลืองมองถ้วยข้าวต้ม แม้ท้องจะร้องแต่เขาก็เชิดหน้าขึ้นคล้ายกับไม่สนใจองค์หญิงกู่ชิงเห็นท่าทีของพระสวามีเช่นนั้นก็รู้สึกหมั่นไส้ในความหยิ่งทะนงไม่เข้าเรื่องจึงเอ่ยขึ้นว่า"ดูแล้ว... องค์ชายคงจะไม่หิว เสี่ยวไป๋เอาข้าวต้มออกไปเถอะ"เสี่ยวไป๋ได้ยินพระชายาสั่งดังนั้นก็จำใจเอื้อมมือไปหมายจะยกข้าวต้มไปเก็บ แต่ถูกองค์ชายตะโกนด้วยเสียงอันดังเพื่อห้ามนางไว้ก่อนว่า"ยกมาแล้ว ห้ามเอากลับไปคืน ! แค่ข้าวต้มถ้วยเดียว เจ้าก็จะใจร้ายไม่ให้ข้ากินเชียวหรือ""จะกินก็รีบกิน เดี๋ยวหม่อมฉันจะไปหายามาทาแผลให้"องค์หญิงกู่ชิงสะบัดเสียงอย่างแง่งอน นางกำลังจะลุกขึ้นเดินออกไปแต่ลู่เฉารีบเสนอขึ้นว่า"พระชายาประทับอยู่เป็นเพื่อนองค์ชายเถอะพ่ะย่ะค่ะ เดี๋ยวกระหม่อมกับเสี่ยวไป๋จักไปนำกล่องยามาให้"เมื่อกล่าวจบ ลู่เฉาก็รีบดึงมือเสี่ยวไป๋ให้ออกมาจากเรือนรับลม เพื่อเปิดโอกาสให้เจ้านายทั้งสองได้ปรับความเข้าใจกันองค์หญิงกู่ชิงมองสามีตักข้าวต้มกินอย่างเอร็ดอร่อย
ณ ตำหนักองค์หญิงกู่ชิงเมื่อมาถึงที่ตำหนักก็พบองค์หญิงกู่เยี่ยที่หน้าประตู“น้องหญิง พี่มาหาเจ้า แต่กลับไม่พบเจ้าที่ตำหนัก ข้ารออยู่นานไม่เห็นเจ้ากลับมาเสียที พี่เป็นห่วงนัก”นางรีบเดินเข้าไปหาน้องสาวต่างมารดา แล้วจับมือขึ้นมากอบกุมแสดงทีท่าว่าเป็นห่วง“พี่หญิง ข้าไปเข้าเฝ้าเสด็จแม่ที่ตำหนักมาเพคะ”องค์หญิงกู่ชิงตอบ รู้สึกซาบซึ้งใจ“คงจะเพราะเรื่องเมื่อวานใช่หรือไม่ ทำให้เจ้าไม่สบายใจจนต้องไปปรึกษากับเสด็จแม่”“เพคะ”องค์หญิงกู่ชิงรับคำเสียงเบา“น้องหญิง พี่ผ่านการแต่งงานมาก่อนเจ้า รู้ว่าชีวิตหลังการแต่งงานนั้นไม่ง่ายนัก การทะเลาะกันเป็นเรื่องที่มิอาจหลีกเลี่ยง”“เพคะ”องค์หญิงกู่เยี่ยเห็นสีหน้าเศร้าหมองของอีกฝ่าย ก็กระตุกยิ้มที่มุมปาก แล้วเอ่ยว่า“เมื่อครู่ ระหว่างที่รอเจ้าในตำหนัก ข้าเห็นใบหน้าของสามีเจ้าบวมช้ำคล้ายกับไปมีเรื่องกับใครมา”“.........”องค์หญิงกู่ชิงได้ยินเช่นนั้น ก็ใจหายวาบ หมายจะก้าวเท้าเข้าไปในตำหนัก แต่กลับถูกพี่สาวต่างมารดาดึงมือไว้“เดี๋ยวสิ น้องหญิง พี่ยังพูดไม่จบเลย”“ขออภัยเพคะ หม่อมฉันเสียมารยาทแล้ว”“ไม่เป็นไร พี่แค่จะบอกเจ้าว่า ให้เจ้าใจเย็น ๆ ก่อนค่อยไปพูด