ทางด้านเซียวหงหลังจากที่พูดคุยกับบุตรสาวก็รีบร้อนออกมาจากจวนทันที ตอนนี้หยุดอยู่ด้านหน้าห้องทรงอักษร ลู่กงกงเดินออกมาพบเขา เซียวหงแจ้งความจำนงลู่กงกงจึงบอกให้เขารอก่อนจะเข้าไปถวายรายงาน
"ทูลฝ่าบาท.. นายท่านเซียวบุตรชายอดีตเจ้ากรมโยธาเซียวหานมาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ"
"หืม...เซียวหงหรือ ปกติเขาขี้โรคร่างกายอ่อนแอมิออกสังคมเท่าไหร่ วันนี้มาหาข้าหรือจะให้ข้าเอาโทษจ้าวเฉิงคนนั้นที่ทิ้งงานแต่งงานกัน ลู่กงกงไปเชิญเขาเข้ามา"
ลู่กงกงไปแล้ว แต่อีกคนเข้ามาแทน หยางเทียนฮั่วถอนหายใจ วันนี้เขาส่งคนไปสืบดูลาดเลาแล้ว เด็กคนนั้นนับว่าร้ายกาจเจ้าเล่ห์พอๆกับไอ้ตัววุ่นวายที่กำลังนั่งรอว่าที่พ่อตามาเข้าเฝ้าเขาอยู่
"ข้ายังไม่ร่างราชโองการเจ้าก็เสนอหน้า"
"เสด็จลุง ไม่มีใครเหมาะกับหลานเท่านางแล้วพ่ะย่ะค่ะ นางไม่ยึดติดหลานชอบท่องเที่ยว นางเหมาะที่จะติดตามหลานที่สุด"
"เจ้านี่นะ แค่ไม่อยากแต่งงานถึงกับหาสตรีมาเป็นโล่กันมารดาตนเอง"
สองลุงหลานเอ่ยจบลู่กงกงก็นำเซียวหงเข้ามา เขาคุกเข่าลงเพื่อถวายพระพรฮ่องเต้
"กระหม่อมเซียวหงถวายพระพรฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆปีพ่ะย่ะค่ะ"
"เอาล่ะๆลุกขึ้นเถอะ อายุยืนขนาดนั้นเราคงเป็นขี้ข้าเหล่าขุนนางขี้เกียจไปอีกนานอย่าอวยพรนักเลย ว่าแต่เจ้ามาหาเรามีเรื่องอันใด"
"ใต้เท้าลู่รบกวนแล้วขอรับ"
เซียวหงส่งห่อผ้าให้กับลู่กงกง เขารับมาก่อนจะเปิดออก ในนั้นมีตั๋วเงินมากมายอีกทั้งยังมีสมุดบันทึกอีกสามเล่ม ลู่กงกงนำไปให้ฮ่องเต้ทอดพระเนตร ทันทีที่หยางเทียนฮั่วอ่านสมุดก็นิ่วหน้า ก่อนจะส่งต่อให้หลานชาย หยางเทียนหลงอ่านทีละหน้าก่อนจะมองหน้าเสด็จลุงของตนแล้วเอ่ยขึ้น
"แผนรับมือภัยแล้ง แผนรับมือน้ำท่วม แผนรับมือโรคระบาด สามเล่มนี้มิทราบว่าท่านเซียวเขียนเองหรือไม่"
"ทูลหนิงอ๋อง เป็นบุตรีกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ"
"อ้อ..เงินหกแสนตำลึงส่งมอบให้ราชสำนักนำไปบรรเทาภัยแล้ง บวกกับแผ่นรับมือเล่มนี้ บุตรสาวท่านเซียวนับว่ามีความสามารถไม่น้อย ว่ามาเถอะท่านต้องการสิ่งใด"
"ทูลฝ่าบาท กระหม่อมขอสองข้อเท่านั้น ข้อแรกทรงประกาศราชโองการให้บุตรีกระหม่อมเป็นฝ่ายถอนหมั้นจ้าวเฉิงหลานชายอำมาตย์ซ้ายจ้าวอันป๋อพ่ะย่ะค่ะ ข้อสอง ชาวบ้านที่ร่วมกันซื้อของเพื่อมอบรายได้บริจาคให้ท้องพระคลังอยากขอพระเมตตามอบประกาศให้พวกเขาอย่างที่ตั้งใจ หลายคนล้วนเป็นคหบดีร่ำรวย ที่ขอพระเมตตาก็เพื่อให้พวกเขาเหล่านั้นตั้งใจและเต็มใจช่วยเหลือราชสำนักต่อไปพ่ะย่ะค่ะ"
หยางเทียนฮั่วมองหน้าหลานชาย หยางเทียนหลงนั่งเคาะโต๊ะเล่นเบาๆ เซียวอี้เซียนสตรีนางนี้ชาญฉลาดนัก มิใช่ประจบสอพลอแต่เป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ นางขอแค่หนังสือถอนหมั้น ไม่ขออย่างอื่นจ้าวอันป๋อนับว่ามีอำนาจมากพอ หากล่วงเกินเขาอาจมีชีวิตไม่สงบสุขนัก วันนี้ขายทอดตลาดสินสอดสมบัติของสกุลจ้าวราวกับผักปลาในตลาดเขาย่อมเสียหน้า มีเพียงแต่งนางเข้าจวน ใช้ตำแหน่งผู้อาวุโสของตระกูลเล่นงานนางถึงระบายความอัปยศที่ได้รับ เซียวอี้เซียนใช้ราชโองการเป็นมีดในมือจ้วงแทงจ้าวอันป๋อหากเขาคิดบีบบังคับสกุลเซียว
ส่วนรายชื่อที่นางถวายขึ้นมาคือคนที่ซื้อสินค้าในรายการสินสอดทั้งหมด อีกทั้งยังใจกว้างควักเนื้อตัวเองอีกสองแสนตำลึง คนที่มีรายชื่อล้วนแต่เป็นพวกคหบดีอีกทั้งขุนนางแม้ว่าขั้นจะไม่สูงมากนักแต่ก็มีคุณต่อราชสำนัก หากฮ่องเต้พระราชทานเพียงแค่ลายพระหัตถ์ก็เท่ากับช่วยให้การค้าและตระกูลของพวกเขาได้อยู่แถวหน้า ถือว่ามีสายสัมพันธ์กับราชสำนัก ยิ่งเพิ่มความมั่นคงของพวกเขา เฮ้อ..หากคนเหล่านั้นไม่ขอบคุณนาง จะให้พวกเขาขอบคุณใครกัน เซียวอี้เซียนผู้หญิงคนนี้แหละเหมาะสมกับเขาที่สุด หยางเทียนฮั่วรับปากเซียวหงในข้อเสนอที่เขาเอ่ยมา พร้อมกับขอบคุณนางเรื่องแผนรับมือ
"ได้เราจะให้ท่านตามนั้น ฝากขอบใจบุตรสาวท่านด้วย"
"กระหม่อมเซียวหงขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นกระหม่อมทูลลา ทูลลาหนิงอ๋องเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ"
"อืม..เดี๋ยวคงได้เจอกัน กลับดีๆล่ะท่านเซียว"
"ขอบพระทัยหนิงอ๋องพ่ะย่ะค่ะ"
เซียวหงกลับไปแล้ว สองลุงหลานมองหน้ากันทันที หยางเทียนฮั่วเรียกหาคนสนิทของตน ลู่กงกงฝนหมึกอยู่ข้างหลานชายนั่งเฝ้าไม่ไปไหน จนหยางเทียนฮั่วมองหน้าให้รำคาญก่อนจะเอ่ย"
"นางฉลาดเฉลียวอีกทั้งเจ้าแผนการ ใช่ๆๆนางเหมาะกับคนเจ้าเล่ห์อย่างเจ้าที่สุด พรุ่งนี้ข้าจะให้ลู่กงกงไปประกาศสมรสพระราชทานของเจ้ากับนางที่จวนเซียน ส่วนราชโองการที่นางขอถอนหมั้นกับสกุลจ้าวข้าจะให้ลู่เสวียนหลานชายลู่กงกงเป็นคนไปประกาศที่จวนจ้าว ไปได้แล้วเจ้าเด็กบ้า อย่ามากดดันข้าอีก เจ้ามันน่ารำคาญยิ่งนัก"
"ขอบพระทัยเสด็จลุงที่หาเมียให้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทูลลา"
"ดูเหมือนพี่สะใภ้จะเดาถูกนะพี่ใหญ่...นางถึงได้ให้ท่านเสนอแก่ฝ่าบาทถึงสามรอบเรื่องไปสำรวจภูมิทัศน์ต้าฉิน อ้างว่าเพื่อให้รัชทายาทได้รู้จักแผ่นดินตนเองก็เป็นนางที่แนะนำให้ท่านกราบทูลแก่ฝ่าบาท"เสียงดังมาจากคนที่เพิ่งเดินลงมาจากด้านบ้าน ลู่เสวียนเดินเข้ามาด้วยอาภรณ์ที่สะอาดไร้รอยเปื้อนแต่อย่างใด หวังจิ่วคอหด ขนลุกตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาอยู่ข้างนอกมิใช่หรือ เหตุใดลงมาจากข้างบนได้กัน ว่ากันว่าคุณชายลู่ฆ่าคนเสร็จก็จะเปลี่ยนอาภรณ์ใหม่ทันทีเพราะเป็นคนรักสะอาด หยางเทียนหลงภูมิใจในตัวเซียวอี้เซียนเอ่ยออกอย่างภูมิใจ"เมียข้านางฉลาดนัก แต่คนกลับคิดว่านางเป็นเพียงสตรีที่ต้องอาศัยบุรุษถึงสามารถอยู่ได้""แล้วคนที่คิดเช่นนี้ตอนนี้ถูกปรับไม่ได้รับเบี้ยหวัดสามปี อีกทั้งยังถูกลดจากอำมาตย์ช้ายไปเป็นรองเจ้ากรมพิธีการ ทั้งจวนจ้าวถูกองครักษ์หลวงควบคุม ช่างน่าขันยิ่งนักฮ่าๆๆๆ"ลู่เสวียนหัวเราะไม่เก็บอาการแต่อย่างใด ยามที่อยู่นอกเมืองหลวงเขาก็คือน้องรอง ส่วนหลิวหย่งก็คือน้องสามเป็นพี่น้องบุญธรรมกับหยางเทียนหลง เมื่อพี่ใหญ่มีความสุขเหตุใดพวกเขาจะไม่แสดงความยินดีออกมากันเล่า "ฮ่าๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ คนต้
ในห้องพักทุกคนเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในคืนนี้ หยางเทียนหลงนอนอยู่บนเตียงด้านนอกลู่เสียนที่ปลอมเป็นคนขับรถม้ายืนเฝ้าอยู่ด้านล่างขอโรงเตี๊ยมคนของแคว้นเหลียงเริ่มที่จะลงมือ โรงเตี๊ยมยามนี้เงียบวังเวงแม้แต่เสียงยุงบินผ่านยังไม่มี ลู่เสวียนได้ยินเสียงเคลื่อนไหวก่อนจะลืมตาทำท่าทีงัวเงียแล้วเอ่ยกับองครักษ์ที่เฝ้ายาม"นี่ๆๆ พี่ชายข้าจะไปนอนที่รถม้านะ""อ้อ..อืม"ลู่เสวียนเดินออกไปด้านนอกเมื่อออกมาได้ก็แอบไปด้านหลังแล้วดีตัวไปยังยอดไม้เพื่อดูความเคลื่อนไหว ชายชุดดำกว่าร้อยคนกำลังมา แปลว่าพวกมันเหมาโรงเตี๊ยมทุกโรงที่เป็นทางผ่านเพื่อรอจัดการรัชทายาท หากวันนี้เป็นตัวจริงเสด็จมาคงลำบากแน่นอนชายฉกรรจ์ชุดดำกว่าร้อยคนเคลื่อนมายังโรงเตี๊ยม เมื่อมาถึงก็ปิดล้อม ส่วนนักฆ่าอีกกลุ่มที่ซ่อนตัวอยู่ในโรงเตี๊ยมที่พักก่อนหน้าสามห้องก็เปิดประตูห้องออกมาทันทีที่ได้รับสัญญาณ ทุกคนสวมชุดนักรบของเผ่าเหลียง องครักษ์ของหยางเทียนหลงที่อยู่ในห้องต่างก็พยักหน้า หวังจิ่ว อารองขององค์ชายใหญ่เดินมายังด้านในโรงเตี๊ยม ก่อนจะเอ่ยถาม"มีคนออกไปข้างนอกหนึ่งคนกลับเข้ามาหรือยัง""เป็นค
หวงเหวินเทียนส่งมารดาเข้านอน เมื่อเรียบร้อยคนของรัชทายาทก็มารายงานเรื่องราว รัชทายาทตัวปลอมนั้นกำลังเดินทางกลับเมืองหลวง และคืนนี้จะมีการลงมืออีกครั้งจากฝ่ายตรงข้าม ครั้งนี้เขาจะรวบให้หมด หยางต่งเจ้ารอก่อนเถอะผ่านคืนนี้ไปข้าจะรับซิ่วเอ๋อร์กลับจวนอย่างเอิกเกริก ให้เจ้าได้รู้ว่าที่ผ่านมาเจ้าและมารดาของเจ้ากลับสกุลหวังไม่เคยควบคุมนางและใครได้เลย และเมื่อเจ้ารับรู้ว่าที่จริงแล้วนางเป็นคนของใคร ข้าจะให้เจ้ากระอักเลือดจนยกดาบไม่ขึ้นเชียวล่ะโรงเตี้ยมพเนจรยามอิ๋นรถม้าที่กำลังทะยานควบขี่มายังโรงเตี้ยม กระทั่งมาถึงคนขับรถม้าจึงไปเคาะเรียก ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆ ก๊อกๆๆเสียงเคาะประตูหลายครั้งทำให้เสี่ยวเอ้อที่งัวเงียๆจากการที่แอบงีบหลับก็ลืมตาขึ้นมา เมื่อตอนบ่ายมีคนมาเหมาโรงเตี้ยมที่ผ่านทางนี้จนหมด มีเพียงโรงเตี้ยมของเขาที่ไม่มีใครมาขอเหมา แขกก็น้อยได้มาเพิ่มอีกคนเถ้าแก่คงมีเงินจ่ายเงินเดือนของเขา จากนั้นเสี่ยวเอ้อก็เดินไปเปิดประตูเพื่อต้อนรับคนที่มาพัก"มาแล้ว มาแล้ว เสี่ยวเอ้อเดินขยี้ตารัวๆก่อนจะตะโกนตอบกลับไป เมื่อเปิดประตูก็เห็นบุรุษสิบกว่าคน มีรถม้าคันใหญ่ เขาจึงถามออกไป"
ในเมืองหลวงตอนนี้กำลังมีการเฝ้าระวังคนของแคว้นเหลียงกับคนขององค์ชายใหญ่ จ้าวอันถูกปล่อยออกมาแล้ว ฮ่องเต้ลงโทษงดรับเบี้ยหวัดสามปี อีกทั้งลดขั้นจากอำมาตย์ฝ่ายซ้ายไปเป็นรองเจ้ากรมพิธีการ จ้าวอันป๋อเองก็แทบจะกระอักเลือด จวนถูกองครักษ์ควบคุมไปไหนไม่ได้ ตอนนี้ในห้องลับของจวน คนของแคว้นเหลียงกำลังนั่งหน้าดำคล้ำเจรจากับจ้าวอันและจ้าวอันป๋ออยู่"ตกลงอาวุธ..พวกท่านจะส่งมอบเมื่อใด""ทางเราถูกยึดไปหมด นายกองหม่าท่านรออีกสักนิดเถอะ""เสนาจ้าว แคว้นเหลียงของเราคงไม่รอแล้ว ข้าจะพากำลังเข้าเมืองหลวง พวกท่านก็เตรียมเปิดประตูเมืองรอด้วยเล่า"จ้าวอันป๋อกำมือแน่น หากไม่มีอาวุธต่อให้พวกเขามาได้ก็ใช่ว่าจะชนะ แต่ทางแคว้นเหลียงไม่เจรจาต่อ พวกเขานัดวันบุกเมืองหลวงเรียบร้อยก็กลับไป ส่วนองครักษ์ของวังหลวงแสร้งไม่รับรู้ว่าสกุลจ้าวมีคนแปลกหน้าเข้าออก พวกเขานำผักมาส่งทุกๆวันแต่ต้าฉินเป็นดินแดนแห่งการเพาะปลูก พื้นที่มิได้หนาวเย็นเช่นแคว้นเหลียง แต่สามคนนี้กลับใบหน้ากร้านลมจนเห็นชัด เหมือนกับคนที่อยู่กับอากาศหนาวมาตลอดชีวิตองครักษ์นายหนึ่งถึงเวลาเปลี่ยนเวรกับคนใหม่ เมื่ออกเวรก็ตรงไปตำหนัก
เสียงของสตรีผู้หนึ่งดังมาจากด้านหลัง จางลี่เฟยและเซียวอี้เซียนกับฉีฮุ่ยหมินหันไปพร้อมกัน สตรีในชุดทหารเดินเข้ามาหร้อมกับเอ่ยกับจางลี่เฟย ด้านหลังนางมีเด็กสาวอีกคนวัยน่าจะสิบเจ็ดสิบแปดเดินตามหลงมา หลานซิ่วเอ๋อร์รีบวิ่งไปเกาะแขนนางทันทีก่อนจะเอ่ย"พี่ใหญ่ท่านมาแล้ว ไหนท่านบอกว่าอีกหลายวันไงเจ้าคะ""ทำไม ไม่อยากให้พี่กลับมาเช่นนั้นหรือ""ไอ้โย่ว เปล่าสักหน่อยข้าคิดท่านมากจริงๆนะเจ้าคะ คิดถึงน่ะ คิดถึง ชายแดนมีอะไรน่าอยู่กัน ท่านชอบตัดหัวศัตรูมากกว่าคิดถึงน้องสาวอย่างข้าหรือ แม่ทัพฮวน สามปีมานี่ข้าคิดถึงท่านแทบบ้า"หลานซิ่วเอ๋อร์อ้อนพี่สาวทันที หลานฮวนลูบศีรษะหลานซิ่วเอ๋อร์ด้วยกิริยาอ่อนโยน บรรยากาศอบอุ่น จากนั้นก็หันไปหาเซียวอี้เซียนและฉีฮุ่ยหมิ่นก่อนจะคำนับ"หม่อมฉันหลานฮวนถวายพระพรไท่จื่อเฟย ถวายพระพรพระยาชาเซียวเพคะ""คุณหนูใหญ่ ไม่เจอท่านสามปีดูงามสง่าขึ้นมากนัก ว่าแต่ท่านเอ่อ..."ฉีฮุ่ยหมิ่นเอ่ยกับหลานฮวน ส่วนเซียวอี้เซียนนอกจากวิ่งตามจ้าวเฉิงก็มิได้รู้จักคุณหนูจวนอื่นแต่อย่างใดจึงพยักหน้ารับเท่านั้น หลานฮวนหันไปหาน้องสาวก่อนจะเอ่ย"ไม่เจอสามปี ซิ่วเอ๋อร์ข
เซียวอี้เซียนยามนี้ยืนสงบนิ่งอยู่ ด้านหน้าเป็นเนินดินที่นางนำเสื้อผ้าของเวียวอร้เซียนคนเดิมมาฝังเอาไว้ ป้ายหลุมศพแกะสลักจากหินอ่อน เขียนว่า สถานที่พักผ่อนของเซียวอี้เซียนผู้เป็นที่รัก มารดาและท่านย่าของนางกลับไปแล้วหลังจากเซ่นไหว้เรียบร้อย เซียวอี้เซียยืนสงบนิ่ง นางปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดไปแล้วดูเหมือนเซียวอี้เซียนคนนั้นคงยอมจากไปแล้ว เสี่ยวฮวามองไปยังร่างบางก็อดสงสัยไม่ได้ พระชายานึกอย่างไรจึงสร้างหลุมศพตนเอง ฉีฮุ่ยหมิ่นเดินมาแตะไหล่บางก่อนจะเอ่ย"เซี่ยนเซี่ยน สบายใจหรือยัง""เพคะหม่อมฉันรู้สึกดีเหมือนได้เกิดใหม่จริงๆ ว่าแต่พี่ฮุ่ยหมิ่นได้ยินว่าคนๆนั้นบาดเจ็บไม่น้อย"ฉีฮุ่ยหมิ่นถอนหายใจก่อนจะพยักหน้า คนๆนั้นที่เซียวอี้เซียนกล่าวถึงก็คือคนที่ปลอมเป็นหยางเฟยหยางไปตรวจงานที่เมืองตงซาน เขาถูกลอบสังหารถึงสามครั้ง คนของสกุลหวังคงร้อนใจแล้ว ทั้งสี่คนเดินมาจนถึงด้านหลังของอารามก็พบกับคนๆหนึ่ง เซี่ยวอี้เซียนไม่อยากเสียเวลาจึงพากันเดินหนี เสี่ยวฮวากับซีซีเองก็เดินตามเจ้านายของตน กระทั่งเสียงของสาวใช้คนหนึ่งดังขึ้น"บังอาจ...เห็นพระสนมแล้วเหตุใดไม่เคารพ เด็กๆจับพวก