ณ ตำหนักเฉิงเต๋อ ฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้เสียงตวาดดังกระหึ่มกลางห้องจนแม้แต่ขันทีจื่อกงยังสะดุ้งเฮือก ตวัดสายตาขุ่นขวางไปยัง ราชครูโม่ชิงเหยียน ที่คุกเข่ารายงานเรื่อง จดหมายขอออกไปปลีกวิเวกที่วัด จากองค์หญิงใหญ่“จะไปบวช! บวชอะไรเล่า!! บุตรสาวของเราเป็นองค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นต้าหลี่ มิใช่แม่ชี”จื่อกงรีบก้มหัวแต่หัวใจร้อนผ่าว พึมพำเบาๆ“ฝ่าบาท ทรงระงับโทสะก่อนพะยะค่ะ…”“ออกไปบวช! บวช?! เจ้ารู้ไหมจื่อกง ลูกข้าพูดว่าจะไปบวช! บวชเชียวนะ! เจ้าจะให้ข้านั่งเฉยรึ?!”“ก็พระองค์เองนั่นแหละ ที่เมื่อวานยังพูดอยู่เลยว่าอยากให้องค์หญิงได้อยู่ที่เงียบๆทำใจให้สงบ…”“ข้าแค่หมายถึงอยู่ในตำหนัก อ่านตำรา ปลูกดอกไม้ นอนกินขนม มิใช่ออกไปกลางวัดกลางวาแบบนั้น”ราชครูโม่ชิงเหยียนค้อมกายเบาๆยังคงสงบเยือกเย็นไม่ต่างจากน้ำแข็งบนภูเขา สีหน้าไม่เปลี่ยนแม้ฮ่องเต้กำลังพ่นไฟ“ฝ่าบาท องค์หญิงเพียงอยากไปศึกษาธรรมไม่กี่เดือน หามิได้จะบวชจริงๆหากมีการ…”“เจ้าคิดว่าเส้นผมนางจะรับแสงตะวันของป่าเขาได้หรือ” ฮ่องเต้โวย “ในวังมีตำหนักตั้งมากมาย อยากศึกษาธรรมให้ข้าสร้างวัดให้หลังตำหนักยังได้ ไม่ต้องไปเสี่ยงภัยอะไรทั้งสิ้นที่ข้างนอ
ณ จวนแม่ทัพไป๋ยามดึกสุราระดับเลิศรสจากห้องเก็บของลับในจวนราชครู ถูกนำออกมาวางปังลงบนโต๊ะไม้กลางสวนจวนแม่ทัพ กลิ่นหอมแรงทะลุจมูกท่านแม่ทัพไป๋เหวินหลงเลิกคิ้วสูง มองบุรุษในชุดนักปราชญ์ผู้เคร่งขรึมที่ไม่เคยเห็นว่าจะยอมร่ำสุราด้วยกันสักครั้ง บัดนี้นั่งทำหน้าเครียดกว่าเวลาแก้โจทย์พิชัยยุทธ์ อีกทั้งยังยกขวดสุราราวกับยาจกข้างถนนกระนั้น"ท่านราชครูโม่ชิงเหยียน...ถึงขั้นเอาสุรามาหาข้ากลางดึก ไม่บอกก็รู้ว่าเรื่องหนักใจใช่ไหม"โม่ชิงเหยียนไม่ตอบ เอาแต่รินสุราลงจอกของตัวเอง“ดื่มก่อน...แล้วข้าจะเล่า”พอจอกแรกไหลลงคอ คนเงียบขรึมก็เริ่มเผยร่องรอยความขัดแย้งในดวงตา“ข้าดื่มแล้วตาท่านเล่ามาให้หมดว่าเกิดอะไรขึ้น” โม่ชิงเหยียนยกจอกสุรากระดกหมดจอก"ไป๋เหวินหลง...ข้า...ข้ามาหาท่านก็เพราะ…ข้าแค่...ข้ากำลัง คิดมากเกินไปเกี่ยวกับองค์หญิงใหญ่….คนนั้น"“…ว่าไงนะ” ไป๋เหวินหลงที่ยกจอกชะงัก ค่อยๆ วางลงที่เดิม"องค์หญิงใหญ่… หว่านชิง…ข้ามองว่าเป็นปริศนา...บางทีก็เหมือนรู้ทันทุกอย่าง บางทีก็เหมือนไม่รู้อะไรเลย… เจ้าเคยเจอคนที่น่าระแวงแต่น่ามองด้วยไหม แบบว่าเราหวาดระแวงแต่ไม่อาจละสายตา"ไป๋เหวินหลงกลืนสุราเงียบๆ
หว่านชิงมองออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสนิท “เรื่องแบบนี้...ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดส่งๆ ได้ ข้าไม่มีหลักฐานและอาจไม่มีวันได้หลักฐานด้วยซ้ำ สิ่งที่ข้าทำได้ คือ...ให้ทุกอย่างมันจบลงก่อนที่คนร้ายตัวจริงจะร้อนใจ...แล้วลากคนบริสุทธิ์สักคนมารับผิดแทนคนร้ายตัวจริง ท่านเชื่อข้าเถอะ…หว่านชิงไม่มีทางโกหกอาจารย์หรอกน่า”คำพูดของหว่านชิง ทรงพลังนัก โม่ชิงเหยียนนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าช้าๆ“ข้า...ไม่ได้ไม่เชื่อเจ้า หรือคิดจะปฏิเสธ ข้าแค่ต้องรู้ให้แน่ใจก่อนก็เท่านั้น”หว่านชิงยิ้มออกมาอย่างดีใจ ยื่นจดหมายให้เขา“นี่คือสิ่งที่ท่านต้องเอาไปให้เสด็จพ่อในวันพรุ่งนี้ บอกพระองค์ว่า ข้ายืนยันจะขอไปศึกษาพระธรรมในวัด ทำใจให้สงบบ้างสักระยะ...ส่วนท่าน ก็ยืนยันแทนข้าด้วยว่า ข้าได้ยาดีจากท่าน จึงรอดมาได้และอาการดีขึ้นมาก จากนี้ไปข้าจะค่อยๆ แจ้งให้ท่านรู้ว่าจะทำอะไรบ้าง อาจารย์ไม่ต้องห่วงหว่านชิง เชื่อเถอะว่าหว่านชิงทำดีทีุ่ดแล้ว”“ได้ ข้าเชื่อเจ้า” โม่ชิงเหยียนไม่ลังเลที่จะตอบตกลงพลางถอนหายใจยาว“แต่ตอนนี้...อาจารย์ ท่านช่วยแนะนำข้าก่อน คนจะทำใจให้สงบคนจะออกบวช ควรต้องทำตัวยังไง ต้องโกนหัว ใส่ช
ณ ตำหนักเหนือเมฆา หว่านชิงเขียนจดหมายลงบนกระดาษเนื้อดีด้วยลายมืออ่อนหวานสง่างาม…อาจารย์ ข้ามีเรื่องจะขอร้องเป็นการส่วนตัว ให้ท่านมาเยือนที่ตำหนักเหนือเมฆาตอนเย็น…ก่อนจะพับมันอย่างประณีต“ซื่อซื่อ” “เจ้าค่ะองค์หญิง”“เอาจดหมายนี่ไปส่งให้ท่านราชครูโม่” ซื่อซื่อรับจดหมายไปอย่างนอบน้อม ก่อนก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว หว่านชิงจึงเขียนอีกฉบับ…สีหน้านิ่งแต่แววตาเต็มไปด้วยแผนการลึกล้ำยามเย็น “องค์หญิงใหญ่…”เสียงเรียกทุ้มขรึมดังขึ้น หว่านชิงหันไปเห็นโม่ชิงเหยียนยืนอยู่ตรงหน้า แต่งกายเรียบง่ายตามธรรมเนียมราชครู หว่านชิงพยักหน้าเบาๆ อีกคนกัลบทำท่าทีเหมือนว่ารู้สึกอึดอัดที่ต้องมาพบกับหว่านชิง“ซื่อซื่อ ออกไปรอด้านนอก ปิดประตูให้แน่นหนาด้วย” โม่ชิงเหยียนลอบกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ“เจ้าค่ะ”เมื่อประตูปิดลง เสียงจากภายนอกถูกกลบด้วยความเงียบอันหนักแน่นของตำหนักชั้นในโม่ชิงเหยียนขมวดคิ้วมองหว่านชิงบนแท่นนอน กลืนน้ำลายลงคอช้าๆ อีกครั้งมือเย็นเฉียบทั้งที่โม่ชิงเหยียนฝึกฝนเรื่องการวางตัวมาอย่างดี“องค์หญิง...ท่านเรียกข้ามาเช่นนี้ เพราะเหตุใด อีกทั้งท่านยังบาดเจ็บหนักอยู่…หรือว่ารู้สึกไม่ดีตรงไหน”หว่านชิงยิ้ม
ตำหนักเหนือเมฆา องค์หญิงรองเยี่ยนอิงก้าวเข้ามาข้างในทรุดกายลงนั่งหลังตรง สีหน้าพยายามเรียบสงบ แต่ในอกยังคงสะท้านเบาๆ เมื่อมองใบหน้าขาวเนียนซีดเซียวของพี่หญิงตนเอง“เจ้ามาพอดีข้ากำลังเหงาหลายวันมานี้เจ้าก็ไม่มาหยางหลินก็ไม่มาข้าเหงาเหลือเกิน น้องพี่มานี่เถอะมานั่งกินขนมด้วยกัน” หว่านชิงเรียกเยี่ยนอิงพร้อมกับไอถี่ๆ แสดงละครมายังไม่หายจากอาการบาดเจ็บจากพิษร้าย เยี่ยนอิงไม่กล้าลุกเพราะคิดว่าหว่านชิงองค์หญิงใหญ่ที่ร้ายกาจกำลังจะแก้แค้นด้วยขนมที่เคลือบยาพิษเช่นกัน“พี่หญิงท่านดีกับข้าเสียจริง”“หือว่าอย่างไรนะไม่ดีกับเจ้าแล้วดีกับใครเจ้าเป็นน้องของพี่นะเยี่ยนอิง เจ้ากับหยางหลินเป็นน้องที่ดีนี่” หว่านชิงยิ้มกว้าง เยียนอิงกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ“ท่านไม่โกรธข้าหรือ” หว่านชิงเลิกคิ้วทำตาโต“โกรธเจ้าเรื่องอะไรพี่ไม่เข้าใจ” เยี่ยนอิงทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้นเหมือนคนที่ตั้งใจมาสารภาพ“พี่หว่านชิง...ข้าไม่รู้เรื่องจริงๆ เจ้าค่ะ ข้าไม่เคยคิดร้ายต่อพี่หว่านชิงเลยนะ ข้าเพียงแค่...แค่อยากส่งขนมให้ท่านแม่ทัพและท่าน เพื่อขอบคุณเท่านั้น...ไม่เคยคิดว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้” มาเพื่อแก้ตัวสินะ เสียงของเยี่ยนอิงเบา
แต่ประตูบานด้านหน้าถูกผลักออกเบาๆ“พี่หญิง...ข้ามาเยี่ยม....” เสียงหวานนุ่มขององค์หญิงรองเยี่ยนอิงดังขึ้น พร้อมกับภาพของนางในชุดคลุมชมพูอ่อน มือหิ้วตะกร้าผลไม้สด ดูน่ารักอ่อนโยน บอกกับหยางหลินว่าไม่ควรมาแต่เยียนอิงกลับกลับคำมาด้วยตัวเอง แต่ดวงตากลมหวานกลับเบิกกว้าง เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ท่านแม่ทัพไป๋เหวินหลงอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งยืน เสื้อคลุมเปิดอ้าเผยแผงอกแข็งแรง ข้างตัวมีองค์หญิงใหญ่ที่กำลังจับคอเสื้อเขาไว้ ดวงตาเงยขึ้นสบตาเขา...ราวกับเวลาหยุดลงชั่วครู่“ขะ...ข้ามาผิดเวลาเสียแล้วหรือเปล่า...” เยี่ยนอิงพูดเสียงเบา ดวงตาวาวขึ้นเล็กน้อย เหลือบตามองไป๋เหวินหลงสายตาของเยียนอิงแวบหนึ่งคล้ายตัดพ้อ และเศร้าสร้อยหว่านชิงกะพริบตาแล้วคลี่ยิ้มอย่างเฉื่อยชา“อา...เจ้ามาได้ถูกเวลาพอดีเลยล่ะ ข้ากำลังให้เขาสอนวิธี...ป้อนยาแบบเร่งด่วนอยู่พอดี ไม่มีไม่มีอะไรเสียหน่อยอย่าคิดไปเองสิข้ากับท่านแม่ทัพ อ่า อะพอดียาหกรดเสื้อของท่านแม่ทัพ ขะขะข้าก็แค่จะถอดเสื้อให้เขาไม่ไม่ไม่ ข้าแค่จะช่วยเขาถอดเสื้อก็เท่านั้น ไม่ได้คิดจะทำอะไรกันเสียหน่อยฮ่าาาา”ไป๋เหวินหลงสะอึกเบาๆ รีบหันหลังรวบเสื้อคลุมกลับสวม ใบหน้าแดงเร