Share

แผลจากภัยธรรมชาติ

last update Last Updated: 2025-06-22 22:54:14

พายุหิมะมหาวินาศได้พัดผ่านไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงความเสียหายและรอยแผลลึกไปทั่วทั้งแคว้น แสงแดดอันอบอุ่นเริ่มสาดส่องลงมาละลายผืนหิมะที่ปกคลุมอยู่ แต่สิ่งที่ปรากฏเบื้องล่างนั้น คือภาพของความเสียหายอันใหญ่หลวง พืชผลทางการเกษตรที่เคยเขียวขจี บัดนี้เน่าเปื่อยและแข็งตายอยู่ในแปลงนา หมู่บ้านหลายแห่งถูกตัดขาดจากโลกภายนอก สะพานและถนนหนทางพังทลายลง การคมนาคมขนส่งยังคงเป็นอัมพาต

แม้จะรอดพ้นจากความอดอยากด้วยอาหารจากผักหิมะสวรรค์และเห็ดน้ำแข็งที่เหม่ยหลินค้นพบ แต่ความยากลำบากก็ยังคงเป็นเงาตามติดชีวิตประชาชน ความหนาวเย็นที่กัดกินจิตใจ อาหารที่เริ่มจำเจ และความไม่แน่นอนของอนาคต ทำให้ความไม่พอใจเริ่มก่อตัวขึ้นในหมู่ประชาชนบางส่วน โดยเฉพาะกลุ่มชนชั้นล่างและเกษตรกรที่สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง

ความตึงเครียดในเมืองหลวงและเสียงกระซิบแห่งความไม่พอใจ

ในเมืองหลวง บรรยากาศไม่ได้สงบสุขอย่างที่ใครคิด การจัดสรรอาหารและทรัพยากรกลายเป็นปัญหาใหญ่ แม้ทางวังหลวงจะพยายามแจกจ่ายอย่างเท่าเทียม แต่ด้วยจำนวนประชากรที่มาก และความเสียหายที่รุนแรง ทำให้การช่วยเหลือไม่ทั่วถึง

"ท่านแม่เจียง! พวกเราอดอยากกันจะแย่แล้วขอรับ!" ชาวบ้านคนหนึ่งตะโกนขึ้นขณะที่เหม่ยหลินกำลังเดินสำรวจตลาดที่เงียบเหงา "ผักหิมะสวรรค์มันจะไปพออะไรกัน! พวกเราต้องการข้าว! ต้องการเนื้อ!"

เหม่ยหลินพยายามอธิบายอย่างใจเย็น "โปรดใจเย็นก่อนนะท่านพี่ ทางวังหลวงกำลังพยายามอย่างเต็มที่แล้วเจ้าค่ะ"

"พยายามอะไรกันเล่า!" อีกคนโต้กลับ "พวกท่านอยู่ในวังหลวง สุขสบาย! พวกเราต่างหากที่ต้องทนทุกข์ทรมาน!"

แม้เหม่ยหลินจะเข้าใจความรู้สึกของพวกเขา แต่คำพูดเหล่านั้นก็สร้างความเจ็บปวดให้แก่เธอไม่น้อย เธอรู้ว่าการฟื้นฟูแคว้นจากภัยพิบัติครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ข่าวลือและความไม่พอใจเริ่มแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว มีกลุ่มคนบางส่วนที่เริ่มกล่าวหาว่าวังหลวงไร้ความสามารถในการจัดการวิกฤตการณ์ บางคนถึงกับกระซิบกระซาบว่า "การที่จักรพรรดิประชวรหนักมาก่อน เป็นเพราะกรรมที่ทรงสะสมไว้ การที่แคว้นต้องประสบภัยพิบัติเช่นนี้ ก็เป็นเพราะสวรรค์ลงโทษ!" เสียงกระซิบเหล่านี้เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ สร้างความสั่นคลอนให้กับเสถียรภาพของราชบัลลังก์

ในราชสำนักเองก็มีความตึงเครียดไม่แพ้กัน บรรดาขุนนางบางคนเริ่มมองหาแพะรับบาป และบางคนก็ฉวยโอกาสนี้ในการสร้างอำนาจให้แก่ตนเอง

"ฝ่าบาท! หม่อมฉันเกรงว่าการที่ประชาชนเริ่มไม่พอใจ อาจจะนำไปสู่ความวุ่นวายได้พะย่ะค่ะ!" ท่านราชครูจ้าวรายงานด้วยความกังวล "มีบางกลุ่มที่กำลังยุยงให้ประชาชนต่อต้านวังหลวงพะย่ะค่ะ"

องค์จักรพรรดิทรงถอนหายใจเฮือกใหญ่ พระองค์ทรงรู้ดีถึงสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ แต่ก็ยังไม่สามารถหาทางออกที่เหมาะสมได้

แผนการชั่วร้ายจากเงามืด: เบื้องหลังความไม่พอใจ

ในขณะที่ราชสำนักกำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์จากภัยธรรมชาติและเสียงความไม่พอใจของประชาชน เงามืดแห่งความชั่วร้ายก็กำลังเคลื่อนไหวอย่างลับๆ

ขันทีหลง ขันทีเก่าแก่ในวังหลวง ซึ่งเคยเป็นลูกน้องคนสนิทของขันทีจางที่ถูกประหารไปแล้ว เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังแผนการทั้งหมด เขารู้สึกแค้นเคืองที่ขันทีจางถูกประหาร และต้องการที่จะล้างแค้นราชสำนัก รวมถึงเหม่ยหลินและครอบครัว

"ฮ่าฮ่าฮ่า! พวกมันคิดว่าจะหนีจากเงื้อมมือของข้าพ้นอย่างนั้นรึ!" ขันทีหลงหัวเราะอย่างชั่วร้ายในห้องลับใต้ดิน "ภัยธรรมชาติครั้งนี้...เป็นโอกาสทองของข้าที่จะล้มล้างราชบัลลังก์ และสร้างอำนาจใหม่ขึ้นมา!"

ขันทีหลงได้ร่วมมือกับ พรรคอัคคีทมิฬ ซึ่งเป็นกลุ่มกบฏเก่าแก่ที่มีเป้าหมายในการโค่นล้มราชวงศ์ พวกเขากำลังใช้สถานการณ์ที่ประชาชนกำลังเดือดร้อนจากภัยพิบัติ ในการยุยงปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยก และก่อจลาจลขึ้น

"ผู้นำพรรคอัคคีทมิฬ" ขันทีหลงกล่าวกับชายร่างใหญ่ผู้มีรอยสักรูปเปลวเพลิงที่แขน "เราจะปล่อยข่าวลือเรื่อง 'อาถรรพ์แห่งหิมะ' ว่าเป็นเพราะวังหลวงไร้บุญญาธิการ และสวรรค์กำลังลงโทษ! และเราจะกล่าวหาว่า 'เชฟหลวง' ผู้นั้น...เป็นต้นเหตุของอาถรรพ์ทั้งหมด!"

"แผนการนี้ช่างแยบยลนักขันทีหลง!" ผู้นำพรรคอัคคีทมิฬกล่าว "ประชาชนที่กำลังทุกข์ทรมานย่อมเชื่อคำกล่าวอ้างของเราอย่างง่ายดาย! และเมื่อถึงเวลา...เราก็จะจุดไฟแห่งการจลาจลขึ้น!"

การปรากฏตัวของไป๋เฟิงและการตั้งรับของเหม่ยหลิน

ข่าวความไม่พอใจของประชาชนและการก่อตัวของกลุ่มกบฏได้แพร่ไปถึงหูไป๋เฟิงที่กำลังเดินทางกลับแคว้นเยว่ เขารีบหันหัวเรือกลับมายังแคว้นของเหม่ยหลินทันที พร้อมด้วยกองกำลังเสริมอีกจำนวนหนึ่ง

เมื่อมาถึงวังหลวง ไป๋เฟิงรีบเข้าพบเหม่ยหลินและท่านราชครูจ้าวทันที

"ท่านแม่เจียง! ท่านราชครู!" ไป๋เฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรน "ข้าได้ยินข่าวลือเรื่องการก่อกบฏจากพรรคอัคคีทมิฬ! พวกมันกำลังใช้ภัยพิบัติครั้งนี้ในการยุยงประชาชน!"

"เรารู้เรื่องนี้แล้ว" ท่านราชครูจ้าวตอบ "แต่เรายังไม่สามารถหาทางหยุดยั้งพวกมันได้"

"ข้ามีแผนขอรับ!" ไป๋เฟิงกล่าว "พรรคอัคคีทมิฬเชื่อในไสยศาสตร์และอาถรรพ์ หากเราสามารถสร้าง 'ปาฏิหาริย์' บางอย่างขึ้นมาได้... เราก็จะสามารถทำลายความเชื่อของพวกมัน และเรียกศรัทธาจากประชาชนกลับคืนมาได้!"

เหม่ยหลินหันไปมองไป๋เฟิงด้วยความสนใจ "ท่านหมายความว่าอย่างไรเพคะ?"

"ท่านแม่เจียง! ท่านเคยบอกว่า 'อาหารคือพลัง' ใช่หรือไม่ขอรับ!" ไป๋เฟิงกล่าวด้วยดวงตาเป็นประกาย "เราจะใช้ 'อาหาร' ในการสร้างปาฏิหาริย์ครั้งนี้!"

แผน "อาหารบำบัดจิตวิญญาณ" และบททดสอบแห่งศรัทธา

เหม่ยหลินและไป๋เฟิงร่วมกันวางแผนอย่างละเอียด พวกเขาตัดสินใจที่จะจัดงานเลี้ยงครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นในเมืองหลวง เพื่อแจกจ่ายอาหารให้แก่ประชาชน และใช้โอกาสนี้ในการเผยความจริง และสร้างความหวังให้แก่พวกเขา

"เราจะต้องปรุงอาหารที่ไม่ใช่แค่บำรุงร่างกาย แต่ต้องบำบัดจิตวิญญาณด้วยเพคะ!" เหม่ยหลินกล่าว "เป็นอาหารที่แสดงถึงความหวัง ความเมตตา และพลังแห่งการฟื้นฟู!"

เหม่ยหลินเสนอที่จะปรุง "ซุปแห่งแสงตะวัน" ซึ่งเป็นซุปที่ทำจากวัตถุดิบที่หาได้ยากยิ่งกว่าเดิม รวมถึง "ดอกบัวหิมะแห่งแสงจันทร์" ที่บานเพียงปีละครั้งบนยอดเขาสูง และ "หยกเลือดมังกร" ที่ได้จากลำธารใต้ดินลึก ซึ่งทั้งสองอย่างนี้มีสรรพคุณในการฟื้นฟูร่างกายและจิตใจอย่างน่าอัศจรรย์

ไป๋เฟิงรับหน้าที่ในการนำทางหลี่เฟยหลงและหัวหน้าหมาไปตามหาวัตถุดิบเหล่านั้น ซึ่งเป็นภารกิจที่อันตรายและท้าทายกว่าครั้งไหนๆ พวกเขาต้องปีนป่ายขึ้นยอดเขาที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็ง ฝ่ากระแสลมพายุที่รุนแรง และเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่งกว่าเดิม

ในขณะเดียวกัน เหม่ยหลินก็เริ่มเตรียมการจัดงานเลี้ยง เธอระดมพ่อครัวหลวงทั้งหมดในวัง และขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านที่ยังคงภักดีต่อราชสำนัก ให้มาร่วมแรงร่วมใจกันปรุงอาหารจำนวนมหาศาล

ข่าวเรื่องงานเลี้ยงและการปรุง "ซุปแห่งแสงตะวัน" แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง ทำให้ประชาชนบางส่วนเริ่มมีความหวัง แต่ก็ยังมีกลุ่มคนที่ไม่พอใจที่ถูกพรรคอัคคีทมิฬยุยงปลุกปั่นให้เชื่อว่านี่เป็นเพียงเล่ห์กลของวังหลวง

การจลาจลปะทุและแสงแห่งปัญญา

ในวันจัดงานเลี้ยง ขณะที่ประชาชนนับหมื่นกำลังรวมตัวกันอยู่ที่ลานประลองที่เคยใช้จัดงานประลองรสชาติครั้งก่อน บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึมครึมและอึดอัด

ทันใดนั้นเอง! เสียงปืนใหญ่ก็ดังสนั่น! พร้อมกับกลุ่มคนติดอาวุธจำนวนมากที่ปรากฏตัวขึ้น พวกเขาคือ พรรคอัคคีทมิฬ! นำโดยผู้นำที่มีรอยสักเปลวเพลิง และขันทีหลงที่ยิ้มเยาะอย่างชั่วร้าย

"พี่น้องชาวเมืองหลวงทั้งหลาย!" ผู้นำพรรคอัคคีทมิฬตะโกนด้วยเสียงกึกก้อง "พวกเราอดอยาก! พวกเราถูกกดขี่! วังหลวงไร้ความสามารถ! สวรรค์กำลังลงโทษพวกมัน! จงลุกขึ้นต่อสู้เพื่ออิสรภาพของเรา!"

เสียงตะโกนปลุกระดมดังขึ้น พร้อมกับกลุ่มคนที่ไม่พอใจจำนวนหนึ่งที่เริ่มถืออาวุธขึ้นมาเข้าร่วมกับพรรคอัคคีทมิฬ สถานการณ์เริ่มเลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว การจลาจลกำลังจะปะทุขึ้น

ในขณะนั้นเอง เสียงระฆังก็ดังขึ้น! องค์จักรพรรดิเสด็จมายังลานประลอง พร้อมด้วยเหม่ยหลิน ไป๋เฟิง หลี่เฟยหลง หัวหน้าหมา และทหารองครักษ์จำนวนหนึ่ง

"หยุดเดี๋ยวนี้!" องค์จักรพรรดิมีราชโองการด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลัง "ประชาชนของข้า! โปรดใจเย็นก่อน!"

แต่เสียงของพระองค์ถูกกลบด้วยเสียงโห่ร้องและเสียงปืนใหญ่ที่เริ่มยิงเข้าใส่กำแพงวัง

"ฮ่าฮ่าฮ่า! เจ้าจักรพรรดิแก่!" ขันทีหลงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง "ถึงเวลาที่บัลลังก์ของเจ้าจะล้มลงแล้ว!"

ในขณะที่สถานการณ์กำลังจะบานปลาย เหม่ยหลินก็ก้าวออกมาข้างหน้า เธอชูหม้อซุปขนาดใหญ่ขึ้นเหนือศีรษะ

"ประชาชนของข้า! โปรดเงียบและฟังข้าก่อน!" เสียงของเหม่ยหลินแม้จะไม่ดังเท่าเสียงปืนใหญ่ แต่กลับมีความหนักแน่นที่ทำให้ผู้คนบางส่วนเริ่มสงบลง

"ข้าคือเหม่ยหลิน เชฟหลวงแห่งแผ่นดิน! ข้าเข้าใจความทุกข์ยากของพวกท่าน! และข้าก็รู้ว่าพวกท่านกำลังหิวโหย!" เหม่ยหลินกล่าวต่อ "แต่การจลาจล...ไม่ใช่ทางออก! มันจะนำมาซึ่งความสูญเสียและเลือดเนื้อ!"

"อย่าไปเชื่อมัน!" ผู้นำพรรคอัคคีทมิฬตะโกน "มันเป็นหมาของวังหลวง! มันจะหลอกลวงพวกเจ้า!"

"ข้าไม่ได้มาหลอกลวงพวกท่าน!" เหม่ยหลินตอบ "ข้ามาเพื่อนำพาความหวังมาให้พวกท่าน! ข้าได้ปรุง 'ซุปแห่งแสงตะวัน' นี้ขึ้นมา! มันคือซุปที่ทำจากวัตถุดิบอันล้ำค่าที่พวกเราเสี่ยงชีวิตไปค้นหามา! มันจะบำรุงร่างกาย! บำบัดจิตใจ! และนำพาพลังแห่งการฟื้นฟูมาให้พวกท่าน!"

เหม่ยหลินสั่งให้พ่อครัวหลวงเริ่มแจกจ่ายซุปแห่งแสงตะวันให้แก่ประชาชน ผู้คนเริ่มลังเล แต่เมื่อเห็นกลิ่นหอมของซุปที่โชยออกมา และความจริงใจในแววตาของเหม่ยหลิน พวกเขาก็เริ่มเข้ามาต่อแถวรับซุป

เมื่อซุปแห่งแสงตะวันถูกแจกจ่ายไปทั่ว กลุ่มคนที่หิวโหยเริ่มดื่มซุปนั้นด้วยความกระหาย และทันใดนั้นเอง!

พลังงานอันอบอุ่นก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของพวกเขา! ความเหนื่อยล้าและความหนาวเย็นหายไป! ร่างกายของพวกเขารู้สึกสดชื่น มีพลังงาน และจิตใจของพวกเขาก็รู้สึกสงบและเปี่ยมด้วยความหวัง

"นี่มัน...อะไรกัน! ทำไมข้าถึงรู้สึกดีขึ้นขนาดนี้!"

"ซุปนี้...มันวิเศษจริงๆ!"

เสียงแห่งความประหลาดใจและความชื่นชมดังขึ้นจากฝูงชน ขันทีหลงและผู้นำพรรคอัคคีทมิฬถึงกับตกตะลึง พวกเขาไม่คิดว่าซุปธรรมดาๆ จะมีอานุภาพถึงเพียงนี้

"หยุดเดี๋ยวนี้!" ผู้นำพรรคอัคคีทมิฬตะโกน "อย่าไปเชื่อมัน! มันกำลังใช้เวทมนตร์!"

แต่เสียงของเขาถูกกลบด้วยเสียงสรรเสริญของประชาชนที่เริ่มกลับมามีศรัทธาในวังหลวงอีกครั้ง

"เราถูกหลอก! พวกเราผิดไปแล้ว!" ประชาชนบางส่วนตะโกนขึ้น "เชฟหลวงไม่ได้โกหก! วังหลวงไม่ได้ทอดทิ้งพวกเรา!"

สถานการณ์พลิกผันอย่างรวดเร็ว กลุ่มคนที่เคยเข้าร่วมกับพรรคอัคคีทมิฬ เริ่มหันหลังให้พวกเขา และกลับมาสนับสนุนวังหลวง

ไป๋เฟิง หลี่เฟยหลง และหัวหน้าหมา ไม่รอช้า พวกเขานำทหารองครักษ์เข้าจัดการกับกลุ่มกบฏทันที การต่อสู้ดุเดือด แต่ด้วยความที่ประชาชนหันหลังให้ พรรคอัคคีทมิฬจึงต้องพ่ายแพ้อย่างยับเยิน ผู้นำของพวกเขาและขันทีหลงถูกจับกุมตัวไว้ได้ในที่สุด

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   พลังงานลึกลับ

    หลายเดือนหลังจากการเอาชนะภัยแล้งและความร่วมมือกับเผ่าหินทมิฬ ความสงบสุขก็กลับมาสู่แคว้นอีกครั้ง เหม่ยหลินยังคงทำหน้าที่เชฟหลวงและครูสอนทำอาหารอย่างไม่ย่อท้อ แต่ในใจของเธอ เธอรู้ว่าความสงบสุขนี้เป็นเพียงช่วงเวลาที่ยืมมาจากโชคชะตาเท่านั้น พลังงานลึกลับ ที่คุณหมอชลธีกล่าวถึง เริ่มแสดงอาการที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆพลังงานที่ปั่นป่วนและอาการผิดปกติของธรรมชาติในคืนหนึ่งที่เงียบสงบ เหม่ยหลินกำลังนั่งสมาธิอยู่ในสวนหลวงเพื่อฝึกจิตให้สงบตามที่คุณหมอชลธีแนะนำ ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังงานประหลาดที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย คลื่นพลังงานนั้นทำให้เธอรู้สึกวิงเวียนศีรษะ และได้ยินเสียงกระซิบที่เธอไม่เข้าใจ ความรู้สึกนี้คล้ายกับความรู้สึกในวันที่เธอเดินทางข้ามมิติมายังโลกนี้!เธอรีบไปยังที่พักของคุณหมอชลธีทันที และพบว่าเขากำลังยืนอยู่หน้าต่างด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด"คุณหมอชลธี! คุณรู้สึกไหมคะ!?" เหม่ยหลินถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก"ครับ...ผมรู้สึก" คุณหมอชลธีตอบ "มันไม่ใช่แค่ในร่างกายเราแล้วนะครับคุณเหม่ยหลิน...แต่ผมรู้สึกว่ามันกำลังปั่นป่วน มิติ นี้อยู่"อาการผิดปกติเริ่มปรากฏขึ้นทั่วแคว้น สัตว์เลี้ยง

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   มิตรภาพกลางทะเลทราย

    การเผชิญหน้าระหว่างสองอารยธรรมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ได้ถูกตัดสินด้วยเงื่อนไขที่แปลกประหลาดที่สุด นั่นคือ "อาหาร" เหม่ยหลินไม่รู้สึกหวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย เธอมองไปยังไป๋เฟิงและคุณหมอชลธีด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ส่วนหัวหน้าหินทมิฬและพรรคพวกของเขาก็จ้องมองเธอด้วยความสงสัยระคนดูถูก"ท่านหัวหน้าหินทมิฬ" เหม่ยหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สงบ "ก่อนที่ข้าจะเริ่มทำอาหาร ข้าอยากจะขอให้ท่านแสดงน้ำใจแก่พวกข้าเสียก่อน โปรดนำน้ำมาให้พวกข้าสักเล็กน้อยเพื่อใช้ในการปรุงอาหาร และถ้าท่านอนุญาต...ข้าอยากจะขอให้พวกท่านช่วยนำทางพวกเราไปหาวัตถุดิบบางอย่างในพื้นที่ของท่านเพคะ"หัวหน้าหินทมิฬหัวเราะในลำคอ "เจ้ากล้าขอของจากข้าอย่างนั้นรึ! ก็ได้! แต่ถ้าเจ้าปรุงอาหารให้ข้าไม่พอใจ...เจ้าจะต้องถูกโยนลงไปในทะเลทรายที่ร้อนระอุจนกลายเป็นอาหารของสัตว์ร้าย!"เขาสั่งลูกน้องให้นำน้ำมาให้เหม่ยหลินเพียงน้อยนิด และให้ชายหนุ่มคนหนึ่งนำทางเธอไปหาวัตถุดิบ เหม่ยหลินรับน้ำมาด้วยรอยยิ้ม แล้วเดินนำไป๋เฟิงและคุณหมอชลธีออกไปพร้อมกับผู้ช่วยจากเผ่าหินทมิฬการล่าวัตถุดิบในแดนทุรกันดารการเดินทางไปหาวัตถุดิบในดินแดนของเผ่าหินทมิ

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   ภัยแร้ง

    บรรยากาศระหว่างคนทั้งสามตึงเครียดราวกับสายธนูที่ถูกน้าวสุดแรง ไป๋เฟิงมองเหม่ยหลินและคุณหมอชลธีสลับไปมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม เหม่ยหลินรู้สึกเหมือนถูกบีบรัดด้วยความลับที่ปกปิดมานานหลายปี เธอรู้ว่าไม่อาจหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าในครั้งนี้ได้อีกต่อไป"ไป๋เฟิง" เหม่ยหลินเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเธอสั่นเครือแต่แฝงด้วยความเด็ดเดี่ยว "ข้าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ท่านฟัง แต่ท่านต้องให้สัญญากับข้าว่า ท่านจะไม่ตัดสินข้า และจะเชื่อในสิ่งที่ข้าพูด"ไป๋เฟิงพยักหน้าอย่างช้าๆ "ข้าให้สัญญาขอรับ"เหม่ยหลินจึงเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมด ตั้งแต่วันที่เธอเป็นเชฟในโรงพยาบาลในโลกที่เธอจากมา เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันที่ทำให้เธอหลุดข้ามมิติมายังโลกนี้ การได้พบกับครอบครัวของเจียงเหวิน และการใช้ความรู้จากโลกเดิมเพื่อเอาชีวิตรอดและสร้างชีวิตใหม่ เธอไม่ได้ละเว้นแม้แต่เรื่องราวที่เธอเคยบอกไปแล้วอย่างเรื่องการทำอาหารจากวัตถุดิบประหลาด หรือเรื่องราวของโลกที่เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าไปไกลกว่าโลกนี้มากไป๋เฟิงฟังอย่างเงียบสงบ สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนจากความสงสัยเป็นความเข้าใจและตกตะลึง ในขณะที่คุณหมอชลธีก็เสริมข้อมูลบางอย่างที่เหม่ยห

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   กองโจรกับการหลับมา

    หลายปีผ่านไปนับตั้งแต่เหตุการณ์โจรสลัดหมาป่าทมิฬ ทุกมุมของแคว้นได้ฟื้นคืนชีวิตชีวาอย่างเต็มที่ภายใต้การนำอันชาญฉลาดของเหม่ยหลินและองค์จักรพรรดิ ตระกูลหลี่ได้กลายเป็นตระกูลที่มีเกียรติยศสูงสุดในแผ่นดิน หลี่เฟยหลงก้าวขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ผู้แข็งแกร่งและซื่อสัตย์ ชิวลี่ฮวาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านพืชพรรณและศิลปะในวัง ส่วนหลี่เฟยหานก็เติบโตเป็นข้าราชการหนุ่มผู้ซื่อตรงและเปี่ยมด้วยความสามารถ หลี่เฟยหยาง น้องสุดท้องก็เป็นหนุ่มน้อยผู้ร่าเริง มีสติปัญญา และมักจะสร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคนในวังเสมอมิตรภาพระหว่างแคว้นของเหม่ยหลินกับแคว้นเยว่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้า ไป๋เฟิงยังคงเป็นราชทูตผู้ทรงอิทธิพล และมักจะเดินทางมาเยี่ยมเยียนเหม่ยหลินและครอบครัวอยู่เสมอ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเหม่ยหลินนั้นลึกซึ้งเกินกว่าคำว่ามิตร และเป็นที่รับรู้กันในหมู่คนใกล้ชิดว่าไป๋เฟิงมีใจให้กับเชฟหลวงผู้นี้อย่างสุดซึ้ง แต่ความแตกต่างของสถานะและแคว้นทำให้เรื่องนี้ยังคงเป็นเพียงความรู้สึกที่งดงามในใจเท่านั้นแม้ทุกสิ่งจะดูสมบูรณ์แบบ แต่บางครั้ง เงาจากอดีต ก็มักจะคืบคลานกลับมาทักทาย โดยเฉพาะอดีตที่เ

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   โจร

    ความรุ่งเรืองของแคว้นที่ฟื้นคืนชีพจากวิกฤตภัยธรรมชาติ เป็นดั่งแสงสว่างที่ดึงดูดสายตาจากทุกทิศทุกทาง ชื่อเสียงของ "ซุปแห่งชีวิตอมตะ" และความอุดมสมบูรณ์ที่กลับคืนมาอย่างรวดเร็วภายใต้การนำของ เชฟหลวงเหม่ยหลิน ไม่ได้สร้างความชื่นชมยินดีไปทั่วทุกสารทิศเสมอไป ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป ความโลภ กำลังเริ่มคืบคลานเข้าปกคลุมจิตใจของผู้คนบางกลุ่ม เสียงกระซิบของความมั่งคั่งและแผนการร้ายจากแดนเถื่อน ทางทิศตะวันออกไกลโพ้นจากแคว้นที่กำลังฟื้นฟู มีกลุ่มโจรขนาดใหญ่ที่เรียกตัวเองว่า "หมาป่าทมิฬ" อาศัยอยู่ พวกมันเป็นที่หวาดกลัวของผู้คนในแถบนั้น ด้วยความโหดเหี้ยม ป่าเถื่อน และความสามารถในการปล้นสะดมอย่างรวดเร็วราวกับฝูงหมาป่าที่หิวโหย หัวหน้ากลุ่ม คือชายร่างยักษ์ผู้มีใบหน้าดุร้ายและรอยแผลเป็นพาดผ่านดวงตา "ไคเฟิง" เขาได้ยินข่าวลือเรื่องความมั่งคั่งของแคว้นที่ฟื้นคืนชีพ รวมถึงเรื่องอาหารวิเศษที่ทำให้ผู้คนมีพละกำลังและสุขภาพดี "พวกแกได้ยินข่าวลือเรื่องแคว้นทางตะวันตกนั่นรึไม่!" ไคเฟิงคำรามเสียงดังในค่ายโจรที่เต็มไปด้วยกองไฟและเสียงเอะอะโวยวาย "มันว่ากันว่าแคว้นนั้นมีอาหารวิเศษที่ทำให้คนไม่เจ็บไม่ป่วย!

  • ข้านี้แหละที่จะทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวย   การฟื้นฟู

    เสียงโห่ร้องยินดีดังกึกก้องไปทั่วลานประลอง เมื่อขันทีหลงและผู้นำพรรคอัคคีทมิฬถูกคุมตัวออกไป ภาพของประชาชนที่ดื่มด่ำ "ซุปแห่งแสงตะวัน" และฟื้นคืนพลังขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ ได้สยบทุกความแคลงใจ ทุกเสียงกระซิบกระซาบของความไม่พอใจมลายหายไปสิ้น แทนที่ด้วยประกายแห่งความหวังและความเชื่อมั่นที่กลับคืนมาองค์จักรพรรดิทรงเดินลงจากบัลลังก์ มาประทับยืนข้างเหม่ยหลิน พระหัตถ์ของพระองค์วางลงบนบ่าของเธอด้วยความเมตตาและภาคภูมิใจ"ประชาชนของข้า!" องค์จักรพรรดิรับสั่งด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยพลัง "วันนี้! พวกเจ้าได้เห็นแล้วถึงความจริงใจของวังหลวง! พวกเจ้าได้ลิ้มรสแล้วถึงความเมตตาของสวรรค์! และพวกเจ้าได้ประจักษ์แล้วถึงพลังแห่งความสามัคคี! เราจะร่วมกันฟื้นฟูแคว้นของเราให้กลับมารุ่งเรืองยิ่งกว่าเดิม!"เสียงกู่ก้อง "ทรงพระเจริญ!" ดังกึกก้องไปทั่วทั้งลานประลอง ประชาชนต่างคุกเข่าลงด้วยความเคารพและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแผนฟื้นฟูแผ่นดิน: เมล็ดพันธุ์แห่งความหวังหลังเหตุการณ์จลาจล องค์จักรพรรดิได้เรียกประชุมเหล่าขุนนางและผู้เชี่ยวชาญทุกสาขา เพื่อวางแผนฟื้นฟูแคว้นครั้งใหญ่ เหม่ยหลิน ไป๋เฟิง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status