หลายเดือนหลังจากการเอาชนะภัยแล้งและความร่วมมือกับเผ่าหินทมิฬ ความสงบสุขก็กลับมาสู่แคว้นอีกครั้ง เหม่ยหลินยังคงทำหน้าที่เชฟหลวงและครูสอนทำอาหารอย่างไม่ย่อท้อ แต่ในใจของเธอ เธอรู้ว่าความสงบสุขนี้เป็นเพียงช่วงเวลาที่ยืมมาจากโชคชะตาเท่านั้น พลังงานลึกลับ ที่คุณหมอชลธีกล่าวถึง เริ่มแสดงอาการที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
พลังงานที่ปั่นป่วนและอาการผิดปกติของธรรมชาติ ในคืนหนึ่งที่เงียบสงบ เหม่ยหลินกำลังนั่งสมาธิอยู่ในสวนหลวงเพื่อฝึกจิตให้สงบตามที่คุณหมอชลธีแนะนำ ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังงานประหลาดที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย คลื่นพลังงานนั้นทำให้เธอรู้สึกวิงเวียนศีรษะ และได้ยินเสียงกระซิบที่เธอไม่เข้าใจ ความรู้สึกนี้คล้ายกับความรู้สึกในวันที่เธอเดินทางข้ามมิติมายังโลกนี้! เธอรีบไปยังที่พักของคุณหมอชลธีทันที และพบว่าเขากำลังยืนอยู่หน้าต่างด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด "คุณหมอชลธี! คุณรู้สึกไหมคะ!?" เหม่ยหลินถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก "ครับ...ผมรู้สึก" คุณหมอชลธีตอบ "มันไม่ใช่แค่ในร่างกายเราแล้วนะครับคุณเหม่ยหลิน...แต่ผมรู้สึกว่ามันกำลังปั่นป่วน มิติ นี้อยู่" อาการผิดปกติเริ่มปรากฏขึ้นทั่วแคว้น สัตว์เลี้ยงที่เคยเชื่องกลับมีท่าทีตื่นกลัวอย่างประหลาด พืชบางชนิดที่เคยเขียวขจีก็เริ่มเหี่ยวเฉาโดยไม่ทราบสาเหตุ และที่สำคัญที่สุดคือ ทิศทางของกระแสลมเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และอุณหภูมิในบางพื้นที่ก็แปรปรวนอย่างน่าประหลาด "มันกำลังมาแล้วนะครับคุณเหม่ยหลิน" คุณหมอชลธีกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง "ผมรู้สึกได้ว่ามันกำลังพยายามจะเปิด 'ช่องว่างมิติ' ที่เราหลุดผ่านมา" ความจริงที่เปิดเผยและแผนการลับของราชสำนัก เหม่ยหลินรู้ว่าเธอไม่สามารถเก็บความลับนี้ไว้ได้อีกต่อไป เธอตัดสินใจบอกเรื่องนี้กับองค์จักรพรรดิ ไป๋เฟิง และหลี่เฟยหลง ซึ่งตอนนี้เป็นแม่ทัพใหญ่ผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมประชุมในห้องลับของวังหลวง "ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันมีเรื่องสำคัญที่ต้องกราบทูล" เหม่ยหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังกว่าที่เคย เธอเล่าเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้งอย่างละเอียด ตั้งแต่เรื่องคลื่นพลังงาน การปั่นป่วนของมิติ และความรู้สึกที่กำลังถูกดึงกลับไปยังโลกเดิมของเธอ ไป๋เฟิงและหลี่เฟยหลงมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง แต่ในแววตาของพวกเขานั้นไม่มีความหวาดกลัว มีแต่ความมุ่งมั่นที่จะปกป้องคนที่พวกเขารัก "ถ้ามันจะดึงท่านกลับไปจริงๆ" ไป๋เฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น "เราก็ต้องหาทางหยุดมันให้ได้ขอรับ! ข้าไม่ยอมให้ท่านจากไปเด็ดขาด!" "แต่เราจะสู้กับสิ่งที่มองไม่เห็นได้อย่างไรขอรับท่านแม่!?" หลี่เฟยหลงถาม คุณหมอชลธีจึงอธิบายในมุมมองของเขา "ผมเชื่อว่าพลังงานนี้ต้องมี 'แหล่งกำเนิด' ครับ หากเราสามารถหาแหล่งกำเนิดของมันได้...เราก็อาจจะหาทางควบคุมมัน หรือทำลายมันได้" "แล้วท่านรู้ไหมว่าแหล่งกำเนิดของมันอยู่ที่ไหน!?" องค์จักรพรรดิรับสั่ง "ผม...ไม่แน่ใจครับ" คุณหมอชลธีตอบ "แต่ผมเคยเห็นภาพหลอนของมันในความฝัน...มันอยู่ที่ 'ภูเขาต้องสาป' ครับ" ทุกคนในห้องประชุมต่างรู้จักภูเขาต้องสาปดี มันเป็นภูเขาที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลที่สุดของแคว้น ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ เพราะมันขึ้นชื่อเรื่องอาถรรพ์และสัตว์ร้ายที่ดุร้าย "ไป๋เฟิง" องค์จักรพรรดิมีราชโองการ "เจ้าจงนำกองกำลังพิเศษที่แข็งแกร่งที่สุด! และร่วมเดินทางไปกับท่านแม่เจียงและคุณหมอชลธี! ไปยังภูเขาต้องสาป! และทำลายแหล่งกำเนิดของพลังงานชั่วร้ายนั้นให้สิ้นซาก! ข้าจะรอข่าวดีจากพวกเจ้า!" ไป๋เฟิงพยักหน้าอย่างหนักแน่น "รับด้วยเกล้าขอรับฝ่าบาท! หม่อมฉันจะพาทุกคนกลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้!" การเดินทางสู่ภูเขาต้องสาปและกับดักแห่งพลังงาน การเดินทางสู่ภูเขาต้องสาปเป็นการผจญภัยครั้งสุดท้ายที่เต็มไปด้วยอันตรายที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยเผชิญมา คณะเดินทางนำโดยไป๋เฟิง ประกอบด้วยหลี่เฟยหลง หัวหน้าหมา ไคเฟิง (ที่ตอนนี้เป็นผู้ช่วยคนสำคัญของหัวหน้าหมา) และทหารองครักษ์ฝีมือดีจำนวนหนึ่ง บรรยากาศในภูเขาต้องสาปนั้นแตกต่างจากที่อื่นอย่างสิ้นเชิง ต้นไม้มีรูปร่างบิดเบี้ยวผิดธรรมชาติ ลมพัดเสียงหวิวๆ ราวกับเสียงกระซิบของปีศาจ และอากาศก็เต็มไปด้วยพลังงานที่ปั่นป่วนทำให้พวกเขารู้สึกวิงเวียนและอ่อนแรง "ท่านแม่! ผมรู้สึกไม่สบายเลยขอรับ!" หลี่เฟยหลงกล่าวด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว "นี่คือผลกระทบจากพลังงานครับ" คุณหมอชลธีอธิบาย "มันกำลังพยายามที่จะป้องกันเราไม่ให้เข้าไปใกล้แหล่งกำเนิดของมัน" เหม่ยหลินหยิบสมุนไพรบางชนิดที่คุณหมอชลธีให้มาออกมาให้ทุกคนกิน ทำให้พวกเขารู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังคงรู้สึกได้ถึงพลังงานที่แผ่ซ่านไปทั่ว ในขณะที่พวกเขากำลังเดินทางลึกเข้าไปในภูเขา จู่ๆ ก็มีสิ่งมีชีวิตประหลาดปรากฏตัวขึ้น! พวกมันมีรูปร่างคล้ายสัตว์ป่า แต่มีผิวหนังที่โปร่งแสงและดูเลือนลางราวกับเงา พวกมันสามารถหายตัวได้ในพริบตา และเข้าโจมตีพวกเขาอย่างไม่คาดคิด "พวกมันคือ 'สัตว์วิญญาณ'!" คุณหมอชลธีตะโกน "มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากพลังงานที่ปั่นป่วนในมิตินี้!" การต่อสู้กับสัตว์วิญญาณนั้นยากเย็นยิ่งนัก พวกมันไม่สามารถถูกโจมตีด้วยอาวุธธรรมดาได้ แต่ไคเฟิงกลับค้นพบว่าอาวุธที่ทำจากหินบริสุทธิ์ของเผ่าหินทมิฬสามารถทำร้ายพวกมันได้! "พวกมันแพ้พลังงานบริสุทธิ์ของธรรมชาติ!" ไคเฟิงคำรามพร้อมกับกระหน่ำโจมตีด้วยขวานหินของเขา ใจกลางของมิติและ "ผู้ดูแล" ที่รอคอย หลังจากฝ่าฟันกับสัตว์วิญญาณมาได้ในที่สุด พวกเขาก็มาถึงจุดสูงสุดของภูเขาต้องสาป ที่นั่นมี ถ้ำลึกลับ ซ่อนอยู่ เมื่อเข้าไปในถ้ำ พวกเขาก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่เห็นตรงหน้า! ใจกลางถ้ำมี "คริสตัลยักษ์" ขนาดมหึมาตั้งอยู่ มันกำลังเปล่งประกายสีม่วงออกมาอย่างต่อเนื่อง และสร้างคลื่นพลังงานที่ปั่นป่วนไปทั่วบริเวณ "นั่นแหละครับแหล่งกำเนิดพลังงาน!" คุณหมอชลธีอุทาน "มันกำลังดึงดูดเรา!" ในขณะที่ทุกคนกำลังจ้องมองคริสตัลยักษ์อยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเงาร่างของ บุรุษชราในชุดสีขาว ปรากฏตัวขึ้นจากเงามืด! เขาดูสง่างามและมีพลังอำนาจที่น่าเกรงขาม "ข้ารู้ว่าพวกเจ้าจะมาที่นี่" บุรุษชรากล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและเปี่ยมด้วยพลัง "ข้าคือ ผู้ดูแลมิติ และข้าก็กำลังรอพวกเจ้าอยู่" "ท่านคือใคร! และท่านต้องการอะไร!?" ไป๋เฟิงถามด้วยน้ำเสียงระแวง "ข้าคือผู้ที่รักษาสมดุลของมิติระหว่างโลกของเจ้ากับโลกของพวกเขา" ผู้ดูแลมิติกล่าว "และพวกเจ้า...คือผู้ที่กำลังทำลายสมดุลนั้น!" "เราทำอะไรผิดไป!?" เหม่ยหลินถามด้วยความไม่เข้าใจ "พวกเจ้า...มี 'วิญญาณที่แปลกปลอม'" ผู้ดูแลมิติกล่าว "การที่วิญญาณของพวกเจ้าข้ามมายังมิตินี้ ได้สร้างความปั่นป่วนให้กับสมดุล และถ้าสมดุลนี้ถูกทำลาย...ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้จะถูกทำลาย!" "แล้วท่านต้องการอะไรจากพวกเรา!?" คุณหมอชลธีถาม "พวกเจ้ามีทางเลือกเพียงสองทาง" ผู้ดูแลมิติกล่าว "ทางเลือกแรก...พวกเจ้าต้องกลับไปยังโลกของพวกเจ้า! และทางเลือกที่สอง...พวกเจ้าต้องมอบ 'หัวใจแห่งการรังสรรค์' ให้แก่ข้า! เพื่อที่ข้าจะนำมันไปใช้ในการรักษาสมดุลของมิติ!" คำกล่าวของผู้ดูแลมิติทำให้ทุกคนตกตะลึง "หัวใจแห่งการรังสรรค์คืออะไร!?" เหม่ยหลินถาม ผู้ดูแลมิติหันมามองเหม่ยหลินด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง "มันคือ 'ความสามารถในการสร้างสรรค์อาหาร' ของเจ้า...ที่สามารถเปลี่ยนแปลงจิตใจและโลกใบนี้ได้! และมันก็คือพลังงานที่สามารถรักษาสมดุลของมิติได้!" เหม่ยหลินรู้สึกราวกับถูกสายฟ้าฟาดลงกลางใจ เธอย้อนนึกถึงอาหารทุกจานที่เธอปรุง ทุกรอยยิ้มที่เธอสร้างขึ้น และทุกปัญหาที่เธอแก้ไขด้วยพลังแห่งอาหาร...มันคือ 'หัวใจแห่งการรังสรรค์' ที่ผู้ดูแลมิติกำลังพูดถึง! "ไม่! ข้าไม่ยอมให้ท่านจากไป!" ไป๋เฟิงคำราม "พวกเราจะสู้กับมัน! ไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายท่าน!" "การต่อสู้ไม่มีประโยชน์หรอกหนุ่มน้อย" ผู้ดูแลมิติกล่าว "พลังของข้าอยู่เหนือการควบคุมของพวกเจ้า! จงเลือกมา! จะกลับไป...หรือจะมอบ 'หัวใจ' ให้ข้า!" เหม่ยหลินมองไป๋เฟิง หลี่เฟยหลง และทุกคนที่รายล้อมเธอ เธอเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย เธอได้สร้างชีวิตใหม่ที่สมบูรณ์แบบที่นี่ และเธอไม่ต้องการที่จะทิ้งมันไป เธอหันกลับไปมองผู้ดูแลมิติ "ข้า...ข้าไม่สามารถให้ 'หัวใจ' ของข้ากับท่านได้เพคะ! เพราะมันไม่ได้เป็นของข้าเพียงคนเดียว! แต่มันเป็นของทุกคนที่ร่วมกันสร้างมันขึ้นมา! และมันเป็นของโลกใบนี้! และข้าก็ไม่ต้องการที่จะกลับไป!" คำกล่าวของเหม่ยหลินทำให้ผู้ดูแลมิติรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง "ในเมื่อเจ้าไม่ยอมเลือก...งั้นก็จงรับผลที่จะตามมา!" ผู้ดูแลมิติคำรามพร้อมกับปล่อยคลื่นพลังงานเข้าใส่ทุกคน! ในขณะที่ทุกคนกำลังจะถูกคลื่นพลังงานเข้าปะทะ ทันใดนั้นเอง! คลื่นพลังงานที่แข็งแกร่งกว่าก็แผ่ซ่านออกมาจากตัวของเหม่ยหลิน! พลังงานนั้นไม่ได้เป็นสีม่วงที่น่ากลัว แต่เป็นสีทองอร่ามที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น! พลังงานสีทองของเหม่ยหลินเข้าต่อสู้กับพลังงานสีม่วงของผู้ดูแลมิติ การต่อสู้ของพลังงานเกิดขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้ถ้ำทั้งถ้ำสั่นสะเทือน! "นี่มัน...พลังแห่งการรังสรรค์!" ผู้ดูแลมิติอุทานด้วยความตกใจ "มันแข็งแกร่งกว่าที่ข้าคิดไว้!" ในขณะที่พลังงานทั้งสองกำลังปะทะกันอย่างดุเดือด เหม่ยหลินก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของเธอกำลังจะสลายไป เธอรู้ว่าเธอไม่สามารถรักษาสมดุลของมิติได้ด้วยตัวคนเดียว เธอหันไปมองไป๋เฟิงและคุณหมอชลธี "ทุกคน! พวกเราต้องช่วยกัน!" "ช่วยกันอย่างไรครับคุณเหม่ยหลิน!?" คุณหมอชลธีถาม "เราต้องใช้ 'พลังแห่งอาหาร' ที่เราสร้างขึ้นมา! จงนึกถึงอาหารทุกจานที่เราเคยปรุง! ทุกรอยยิ้มที่เราเคยสร้าง! และทุกมิตรภาพที่เราได้สร้างขึ้น!" เหม่ยหลินตะโกน "พลังงานเหล่านั้นจะช่วยเราได้!" ไป๋เฟิง หลี่เฟยหลง หัวหน้าหมา ไคเฟิง และทุกคนในถ้ำ ต่างหลับตาลงและนึกถึงอาหารทุกจานที่เหม่ยหลินเคยปรุงให้พวกเขา ไม่ว่าจะเป็นซุปแก้พิษ ซุปแห่งแสงตะวัน หรือแม้แต่ซุปแห่งทะเลทรายที่ช่วยให้พวกเขาเอาชีวิตรอดจากความแห้งแล้ง พลังงานแห่งความทรงจำและความสุขที่เกิดจากอาหารเหล่านั้น ได้รวมตัวกันเป็นพลังงานสีทองที่เข้มข้นยิ่งกว่าเดิม และเข้าปะทะกับพลังงานของผู้ดูแลมิติอย่างรุนแรง! "เป็นไปไม่ได้!" ผู้ดูแลมิติคำราม "พวกเจ้า...รวมพลังกันได้อย่างไร!" ในที่สุด พลังงานสีม่วงก็สลายไปอย่างรวดเร็ว และคริสตัลยักษ์ก็แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย! ผู้ดูแลมิติก็สลายหายไปในพริบตา เหลือไว้เพียงแสงสว่างสีทองที่อบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งถ้ำหลายเดือนหลังจากการเอาชนะภัยแล้งและความร่วมมือกับเผ่าหินทมิฬ ความสงบสุขก็กลับมาสู่แคว้นอีกครั้ง เหม่ยหลินยังคงทำหน้าที่เชฟหลวงและครูสอนทำอาหารอย่างไม่ย่อท้อ แต่ในใจของเธอ เธอรู้ว่าความสงบสุขนี้เป็นเพียงช่วงเวลาที่ยืมมาจากโชคชะตาเท่านั้น พลังงานลึกลับ ที่คุณหมอชลธีกล่าวถึง เริ่มแสดงอาการที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆพลังงานที่ปั่นป่วนและอาการผิดปกติของธรรมชาติในคืนหนึ่งที่เงียบสงบ เหม่ยหลินกำลังนั่งสมาธิอยู่ในสวนหลวงเพื่อฝึกจิตให้สงบตามที่คุณหมอชลธีแนะนำ ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังงานประหลาดที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย คลื่นพลังงานนั้นทำให้เธอรู้สึกวิงเวียนศีรษะ และได้ยินเสียงกระซิบที่เธอไม่เข้าใจ ความรู้สึกนี้คล้ายกับความรู้สึกในวันที่เธอเดินทางข้ามมิติมายังโลกนี้!เธอรีบไปยังที่พักของคุณหมอชลธีทันที และพบว่าเขากำลังยืนอยู่หน้าต่างด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด"คุณหมอชลธี! คุณรู้สึกไหมคะ!?" เหม่ยหลินถามด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก"ครับ...ผมรู้สึก" คุณหมอชลธีตอบ "มันไม่ใช่แค่ในร่างกายเราแล้วนะครับคุณเหม่ยหลิน...แต่ผมรู้สึกว่ามันกำลังปั่นป่วน มิติ นี้อยู่"อาการผิดปกติเริ่มปรากฏขึ้นทั่วแคว้น สัตว์เลี้ยง
การเผชิญหน้าระหว่างสองอารยธรรมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ได้ถูกตัดสินด้วยเงื่อนไขที่แปลกประหลาดที่สุด นั่นคือ "อาหาร" เหม่ยหลินไม่รู้สึกหวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย เธอมองไปยังไป๋เฟิงและคุณหมอชลธีด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ส่วนหัวหน้าหินทมิฬและพรรคพวกของเขาก็จ้องมองเธอด้วยความสงสัยระคนดูถูก"ท่านหัวหน้าหินทมิฬ" เหม่ยหลินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สงบ "ก่อนที่ข้าจะเริ่มทำอาหาร ข้าอยากจะขอให้ท่านแสดงน้ำใจแก่พวกข้าเสียก่อน โปรดนำน้ำมาให้พวกข้าสักเล็กน้อยเพื่อใช้ในการปรุงอาหาร และถ้าท่านอนุญาต...ข้าอยากจะขอให้พวกท่านช่วยนำทางพวกเราไปหาวัตถุดิบบางอย่างในพื้นที่ของท่านเพคะ"หัวหน้าหินทมิฬหัวเราะในลำคอ "เจ้ากล้าขอของจากข้าอย่างนั้นรึ! ก็ได้! แต่ถ้าเจ้าปรุงอาหารให้ข้าไม่พอใจ...เจ้าจะต้องถูกโยนลงไปในทะเลทรายที่ร้อนระอุจนกลายเป็นอาหารของสัตว์ร้าย!"เขาสั่งลูกน้องให้นำน้ำมาให้เหม่ยหลินเพียงน้อยนิด และให้ชายหนุ่มคนหนึ่งนำทางเธอไปหาวัตถุดิบ เหม่ยหลินรับน้ำมาด้วยรอยยิ้ม แล้วเดินนำไป๋เฟิงและคุณหมอชลธีออกไปพร้อมกับผู้ช่วยจากเผ่าหินทมิฬการล่าวัตถุดิบในแดนทุรกันดารการเดินทางไปหาวัตถุดิบในดินแดนของเผ่าหินทมิ
บรรยากาศระหว่างคนทั้งสามตึงเครียดราวกับสายธนูที่ถูกน้าวสุดแรง ไป๋เฟิงมองเหม่ยหลินและคุณหมอชลธีสลับไปมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม เหม่ยหลินรู้สึกเหมือนถูกบีบรัดด้วยความลับที่ปกปิดมานานหลายปี เธอรู้ว่าไม่อาจหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าในครั้งนี้ได้อีกต่อไป"ไป๋เฟิง" เหม่ยหลินเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเธอสั่นเครือแต่แฝงด้วยความเด็ดเดี่ยว "ข้าจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ท่านฟัง แต่ท่านต้องให้สัญญากับข้าว่า ท่านจะไม่ตัดสินข้า และจะเชื่อในสิ่งที่ข้าพูด"ไป๋เฟิงพยักหน้าอย่างช้าๆ "ข้าให้สัญญาขอรับ"เหม่ยหลินจึงเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมด ตั้งแต่วันที่เธอเป็นเชฟในโรงพยาบาลในโลกที่เธอจากมา เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันที่ทำให้เธอหลุดข้ามมิติมายังโลกนี้ การได้พบกับครอบครัวของเจียงเหวิน และการใช้ความรู้จากโลกเดิมเพื่อเอาชีวิตรอดและสร้างชีวิตใหม่ เธอไม่ได้ละเว้นแม้แต่เรื่องราวที่เธอเคยบอกไปแล้วอย่างเรื่องการทำอาหารจากวัตถุดิบประหลาด หรือเรื่องราวของโลกที่เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าไปไกลกว่าโลกนี้มากไป๋เฟิงฟังอย่างเงียบสงบ สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนจากความสงสัยเป็นความเข้าใจและตกตะลึง ในขณะที่คุณหมอชลธีก็เสริมข้อมูลบางอย่างที่เหม่ยห
หลายปีผ่านไปนับตั้งแต่เหตุการณ์โจรสลัดหมาป่าทมิฬ ทุกมุมของแคว้นได้ฟื้นคืนชีวิตชีวาอย่างเต็มที่ภายใต้การนำอันชาญฉลาดของเหม่ยหลินและองค์จักรพรรดิ ตระกูลหลี่ได้กลายเป็นตระกูลที่มีเกียรติยศสูงสุดในแผ่นดิน หลี่เฟยหลงก้าวขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ผู้แข็งแกร่งและซื่อสัตย์ ชิวลี่ฮวาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านพืชพรรณและศิลปะในวัง ส่วนหลี่เฟยหานก็เติบโตเป็นข้าราชการหนุ่มผู้ซื่อตรงและเปี่ยมด้วยความสามารถ หลี่เฟยหยาง น้องสุดท้องก็เป็นหนุ่มน้อยผู้ร่าเริง มีสติปัญญา และมักจะสร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคนในวังเสมอมิตรภาพระหว่างแคว้นของเหม่ยหลินกับแคว้นเยว่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้า ไป๋เฟิงยังคงเป็นราชทูตผู้ทรงอิทธิพล และมักจะเดินทางมาเยี่ยมเยียนเหม่ยหลินและครอบครัวอยู่เสมอ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเหม่ยหลินนั้นลึกซึ้งเกินกว่าคำว่ามิตร และเป็นที่รับรู้กันในหมู่คนใกล้ชิดว่าไป๋เฟิงมีใจให้กับเชฟหลวงผู้นี้อย่างสุดซึ้ง แต่ความแตกต่างของสถานะและแคว้นทำให้เรื่องนี้ยังคงเป็นเพียงความรู้สึกที่งดงามในใจเท่านั้นแม้ทุกสิ่งจะดูสมบูรณ์แบบ แต่บางครั้ง เงาจากอดีต ก็มักจะคืบคลานกลับมาทักทาย โดยเฉพาะอดีตที่เ
ความรุ่งเรืองของแคว้นที่ฟื้นคืนชีพจากวิกฤตภัยธรรมชาติ เป็นดั่งแสงสว่างที่ดึงดูดสายตาจากทุกทิศทุกทาง ชื่อเสียงของ "ซุปแห่งชีวิตอมตะ" และความอุดมสมบูรณ์ที่กลับคืนมาอย่างรวดเร็วภายใต้การนำของ เชฟหลวงเหม่ยหลิน ไม่ได้สร้างความชื่นชมยินดีไปทั่วทุกสารทิศเสมอไป ในดินแดนที่ห่างไกลออกไป ความโลภ กำลังเริ่มคืบคลานเข้าปกคลุมจิตใจของผู้คนบางกลุ่ม เสียงกระซิบของความมั่งคั่งและแผนการร้ายจากแดนเถื่อน ทางทิศตะวันออกไกลโพ้นจากแคว้นที่กำลังฟื้นฟู มีกลุ่มโจรขนาดใหญ่ที่เรียกตัวเองว่า "หมาป่าทมิฬ" อาศัยอยู่ พวกมันเป็นที่หวาดกลัวของผู้คนในแถบนั้น ด้วยความโหดเหี้ยม ป่าเถื่อน และความสามารถในการปล้นสะดมอย่างรวดเร็วราวกับฝูงหมาป่าที่หิวโหย หัวหน้ากลุ่ม คือชายร่างยักษ์ผู้มีใบหน้าดุร้ายและรอยแผลเป็นพาดผ่านดวงตา "ไคเฟิง" เขาได้ยินข่าวลือเรื่องความมั่งคั่งของแคว้นที่ฟื้นคืนชีพ รวมถึงเรื่องอาหารวิเศษที่ทำให้ผู้คนมีพละกำลังและสุขภาพดี "พวกแกได้ยินข่าวลือเรื่องแคว้นทางตะวันตกนั่นรึไม่!" ไคเฟิงคำรามเสียงดังในค่ายโจรที่เต็มไปด้วยกองไฟและเสียงเอะอะโวยวาย "มันว่ากันว่าแคว้นนั้นมีอาหารวิเศษที่ทำให้คนไม่เจ็บไม่ป่วย!
เสียงโห่ร้องยินดีดังกึกก้องไปทั่วลานประลอง เมื่อขันทีหลงและผู้นำพรรคอัคคีทมิฬถูกคุมตัวออกไป ภาพของประชาชนที่ดื่มด่ำ "ซุปแห่งแสงตะวัน" และฟื้นคืนพลังขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ ได้สยบทุกความแคลงใจ ทุกเสียงกระซิบกระซาบของความไม่พอใจมลายหายไปสิ้น แทนที่ด้วยประกายแห่งความหวังและความเชื่อมั่นที่กลับคืนมาองค์จักรพรรดิทรงเดินลงจากบัลลังก์ มาประทับยืนข้างเหม่ยหลิน พระหัตถ์ของพระองค์วางลงบนบ่าของเธอด้วยความเมตตาและภาคภูมิใจ"ประชาชนของข้า!" องค์จักรพรรดิรับสั่งด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยพลัง "วันนี้! พวกเจ้าได้เห็นแล้วถึงความจริงใจของวังหลวง! พวกเจ้าได้ลิ้มรสแล้วถึงความเมตตาของสวรรค์! และพวกเจ้าได้ประจักษ์แล้วถึงพลังแห่งความสามัคคี! เราจะร่วมกันฟื้นฟูแคว้นของเราให้กลับมารุ่งเรืองยิ่งกว่าเดิม!"เสียงกู่ก้อง "ทรงพระเจริญ!" ดังกึกก้องไปทั่วทั้งลานประลอง ประชาชนต่างคุกเข่าลงด้วยความเคารพและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแผนฟื้นฟูแผ่นดิน: เมล็ดพันธุ์แห่งความหวังหลังเหตุการณ์จลาจล องค์จักรพรรดิได้เรียกประชุมเหล่าขุนนางและผู้เชี่ยวชาญทุกสาขา เพื่อวางแผนฟื้นฟูแคว้นครั้งใหญ่ เหม่ยหลิน ไป๋เฟิง