ตอนที่7 มือเดียวไหว
“เกิดอะไรขึ้น” เสียงของโดเมนไม่ช่วยทำลายบรรยากาศตึงเครียดเลยสักนิด เด็กสาวยังยืนก้มหน้าสะอื้นไห้ไม่ยอมหยุด
“แล้วทำไมสภาพมึงถึงเป็นแบบนี้” โดเมนถามขึ้นอีกครั้งเมื่อยังไม่ได้รับคำตอบใด ๆ
“เลือดไหลย้อนกลับเข้าสายน้ำเกลือกูเลยดึงออก สภาพก็อย่างที่มึงเห็น”
“แล้วณิชาร้องไห้ทำไม มึงทำอะไรเธอ” โดเมนไม่ได้สนใจคนป่วยที่นอนอยู่บนเตียง แต่ให้ความสนใจเด็กสาวที่สะอื้นไห้อยู่ข้างเตียงมากกว่า
“กูยังไม่ได้ทำอะไรเลย” ซันเดย์ตอบกลับไปเสียงเรียบสีหน้าเอือมระอา
“ณิชาร้องไห้ทำไมครับ”
“ขอโทษค่ะ หนูไม่ได้ตั้งใจจะนอนทับแขนคุณซันเดย์เลยนะคะ”
“พี่รู้ครับ แต่คราวหลังณิชาต้องระวังมากกว่านี้ ถ้าเกิดว่าไอ้ซันเสียเลือดในปริมาณมากอาจเป็นอันตรายได้ ไปล้างหน้าไปร้องไห้ตาแดงหมดแล้ว” โดเมนค่อย ๆ อธิบายให้เด็กสาวฟังอย่างใจเย็น ไม่ได้เอ่ยโทษหรือตำหนิอะไรเพราะรู้ว่าเด็กสาวไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นณิชาเดินเข้าห้องน้ำอย่างว่าง่าย
“ทีกูบอกไม่เห็นจะฟัง มึงบอกแค่คำเดียวรีบทำตามอย่างไว สรุปเป็นคนของใครวะ” ซันเดย์สบถออกมาไม่พอใจนัก
“แล้วนี่มึงเจ็บแขนเหรอ ยังไม่ดีขึ้นหรือไง” โดเมนสังเกตเห็นว่าซันเดย์เอามือจับที่แขนหลายครั้งจึงเอ่ยถามขึ้น
“อือ..พอดีเด็กนั่นเขย่าแขนกูแรงไปหน่อย”
“ถ้างั้นอาจจะต้องเอกซเรย์ดูอีกรอบว่ากระดูกที่ร้าวได้รับผลกระทบอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวให้พยาบาลมาใส่สายน้ำเกลือให้ใหม่แล้วจะเข็นพาไปห้องเอกซเรย์ กูขอตัวไปอาบน้ำก่อน” โดเมนที่ตอนนี้อยู่ในชุดนอนขอตัวกลับห้องหลังจากที่ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงกริ่งเรียกหลังจากได้นอนไปยังไม่ถึงสามชั่วโมงด้วยซ้ำ
“อือ..ขอโทษที่ปลุกมึงตื่นแต่เช้า”
“ไม่เป็นไร มึงก็อย่าดุเธอมากนัก เด็กมันไม่ได้ตั้งใจแค่นี้ก็กลัวจนตัวสั่นแล้ว”
“กูยังไม่ได้ดุอะไรเลย”
“ก็ดี”
“ลุกไหวไหมคะ” ณิชาที่เดินกลับออกมาจากห้องน้ำพอดีเห็นซันเดย์กำลังพยุงตัวลุกขึ้นจึงปรี่รีบเข้าไปช่วยประคองชายหนุ่ม
“ฉันจะเข้าห้องน้ำ”
“ให้หนูเข้าไปช่วยไหมคะ” ณิชาอาสาเข้าไปช่วยเพราะความเป็นห่วงที่เธอเป็นต้นเหตุให้เขาได้รับบาดเจ็บเพิ่มจากครั้งก่อน โดยไม่ได้ไตร่ตรองคำพูดให้ดีก่อน
“แก่แดด” ใบหน้าคมหันไปตำหนิเด็กสาว
“อ้าว”
“ยังจะมาอ้าวอีก ที่นี่โรงพยาบาลยังจะมาหื่นไม่เลือกอีก”
“หนูเปล่านะคะ”
“เปล่าอะไร แล้วไอ้ที่จะตามฉันเข้าไปไม่ได้ตั้งใจที่จะทำจริง ๆ ว่างั้น”
“หนูแค่จะเข้าไปช่วยคุณเฉย ๆ ค่ะ” เด็กสาวยังยืนยันความตั้งใจของตัวเธอเสียงแข็ง
“เข้าไปช่วยฉันจับไอ้นั่นหรือไง มืออีกข้างฉันยังใช้งานได้ถึงตรงนั้นฉันจะใหญ่แต่ก็พอใช้มือเดียวจับไหว รออยู่ตรงนี้ยัยเด็กหื่น” นิ้วเรียวยาวจิ้มเข้าที่หน้าผากมน ซันเดย์ได้แต่ส่ายหัวให้กับความซื่อจนเกินเหตุในบางเรื่องของเด็กในการปกครอง
หลังจากนั้นพยาบาลก็เข้ามาใส่สายน้ำเกลือให้ชายหนุ่มใหม่และตามมาด้วยแม่บ้านเข็นอาหารเช้าเข้ามาเสิร์ฟสองที่ มีอาหารอ่อนสำหรับคนป่วยอย่างซันเดย์และอาหารเช้าประเภทเบรคฟัส ขนมปัง ไส้กรอกและไข่ข้นสำหรับณิชา
หลังจากทานอาหารเสร็จณิชาก็อาสาอยู่เป็นเพื่อนชายหนุ่มต่อเพราะเช้านี้เตมินยังมีงานด่วนที่ต้องไปจัดการต่อจึงไม่สามารถมาเฝ้าซันเดย์ได้ ณิชาจึงรับอาสาหน้าที่นี้แทน
“ไปเรียนยังไม่ถึงอาทิตย์ก็ขาดเรียนแล้ว อย่างนี้จะเรียนจบไหม” ซันเดย์พูดขึ้นลอย ๆ แต่เป้าหมายชัดเจนคือเด็กสาวที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่โซฟา
“หนูไม่ได้ขาดเรียนโดยไม่มีเหตุผลสักหน่อยค่ะ เพราะเหตุผลจำเป็นเลยต้องขาด” เสียงเล็กเถียงกลับขณะที่สายตายังจ้องอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์
“เหตุผลจำเป็นอะไร ขี้เกียจมากกว่าล่ะสิไม่ว่า”
“ก็ต้องเฝ้าคุณอยู่นี่ไงคะ คุณเงียบ ๆ ได้ไหมคะเสียงดังรบกวนหนู” เด็กสาวดุกลับเบา ๆ ทำให้คนโดนดุถึงกลับอยากรู้ว่าเธอกำลังตั้งใจดูอะไรอยู่ถึงกลับกล้าดุเขากลับแบบนี้
“เธอกล้าสั่งฉันให้หุบปากเลยเหรอณิชา”
“คุณอย่าเสียงดังสิคะ หนูบอกว่าหนูไม่ได้ยินคุณไม่เข้าใจหรือไงคะ” คราวนี้ณิชาเสียงดังขึ้นกว่าเดิมจนซันเดย์ถึงกลับลุกขึ้นนั่งจ้องหน้ามองเด็กสาว
“เธอกำลังทำอะไร ถึงต้องจริงจังขนาดนั้น เลิกเล่นโทรศัพท์แล้วเงยหน้ามาคุยกันให้รู้เรื่อง” ซันเดย์สั่งออกไปเสียงดังจ้องหน้าเด็กสาวเขม็ง
“หนูกำลังเรียนออนไลน์อยู่ อย่าพึ่งคุยตอนนี้ได้ไหมคะ เอาไว้ให้หนูเรียนเสร็จคลาสนี้ก่อน วิชานี้ยากมากหนูต้องตั้งใจเรียน” ซันเดย์ได้ยินดังนั้นถึงกับรีบดึงหน้ากลับ และแกล้งหยิบไอแพดขึ้นมาทำงานแก้เขิน
“แล้วไม่บอกตั้งแต่แรกว่ากำลังเรียนอยู่”
“หนูก็บอกคุณแล้วว่าอย่าเสียงดังรบกวนหนู หูฟังหนูมันไม่ค่อยดีไม่ค่อยได้ยิน”
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นในช่วงบ่ายแก่ ๆ ซันเดย์กำลังนั่งทำงานอยู่บนเตียง ส่วนณิชานั้นเผลอนอนหลับไปบนโซฟาตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อนหลังจากทานอาหารว่างตอนบ่ายเสร็จ
“นี่ลูกไม่คิดจะบอกพ่อกับแม่เลยหรือไงว่าลูกแขนหักจนเข้าโรงพยาบาล” เสียงสไมล์ดุลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่ชอบทำนิสัยไม่ต่างจากบิดา
“ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรครับ อีกอย่างแขนผมไม่ได้หักครับ แค่กระดูกร้าวเข้าเฝือกอาทิตย์สองอาทิตย์ก็หายแล้ว” ซันเดย์ตอบกลับผู้เป็นแม่ราวกับว่าอาการบาดเจ็บของเขาเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเหมือนยุงกัด
“ลูกต้องพิการแขนขาดขาขาดก่อนหรือไงถึงจะเป็นเรื่องใหญ่ ลูกเป็นลูกชายคนเดียวของพ่อกับแม่ลูกก็รู้” สไมล์ยังตัดพ้อกับลูกชายไม่หยุด
“ครับผมรู้ ถ้าพ่อไม่ได้ไปทำผู้หญิงอื่นท้องผมก็คือลูกชายคนเดียวของ ธนาจักรทิพย์”
“ฉันไม่ได้สำส่อนเหมือนแก” เวย์พูดสวนลูกชายออกไปทันควัน
“แล้วเด็กที่นอนหลับอยู่นี่ใคร” สไมล์แหงะไปเห็นเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มนอนหลับปุ๋ยอยู่บนโซฟา จึงหันไปถามลูกชายที่ทำหน้าระรื่นไม่แสดงอาการตกใจอะไรออกมา
“คนของผมครับ” คำตอบสั้น ๆ ไร้คำอธิบายอย่างเช่นเคย
“คนของลูก หมายถึงอะไร”
“คนของผมครับ แม่ไม่ต้องยุ่ง”
“เดี๋ยวนี้ลูกมีผู้หญิงเป็นของตัวเองแล้วเหรอ เห็นใช้ของสาธารณะอยู่ตั้งนาน” ผู้เป็นแม่เอ่ยถามด้วยถ้อยคำประชด
“แม่ก็พูดเกินไป กลับไปได้แล้วครับผมจะพักผ่อน” ซันเดย์เอ่ยปากไล่ผู้ให้กำเนิดแบบไม่เกรงใจ พร้อมกับตั้งท่าจะเอนหลังลงนอนตามที่บอก
“เด็กคนนี้หน้าตาน่ารัก ถึงจะดูเด็กไปหน่อย แต่รวม ๆ แม่ชอบนะ” สไมล์พูดขึ้นสีหน้ายิ้มแย้มหลังจากที่พินิจพิเคราะห์หน้าตาเด็กสาวที่นอนหลับอยู่
“คุณสไมล์ครับถ้าอยากมีลูกสาวมากผมแนะนำไปรับเด็กที่สถานสงเคราะห์มาเลี้ยงครับ อย่ามายุ่งกับคนของผม” เสียงเรียบนิ่งบอกกับคนเป็นแม่สีหน้าเอือมระอากับอาการชอบเด็กผู้หญิงของมารดา
“ชั่วคราวหรือรายปี” เวย์โพล่งคำถามขึ้นหลังจากที่ยืนฟังสองแม่ลูกต่อปากต่อคำกันอยู่นาน
“พ่อหมายถึงอะไรครับ”
“แกทำสัญญากับเด็กคนนี้แค่ชั่วคราวหรือนานกี่ปี” คำถามที่สองพ่อลูกรู้ทันกันตลอด เด็กน้อยที่พ่อเป็นคนเลี้ยงมาเองกับมือถึงวันนี้จะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วแต่คนเป็นพ่อย่อมรู้จักนิสัยลูกตัวเองดี
“เรื่องส่วนตัวของผมครับ”
“อือ..คุณคะ คุยเสียงดังอีกแล้วนะคะ” ณิชางัวเงียตื่นขึ้นมาเมื่อมีเสียงดังรบกวนการนอนหลับของเธอ ฝ่ามือเล็กยกขึ้นใช้หลังมือขยี้ตาเพื่อปรับโฟกัสภาพตรงหน้า
“เอ่อ..สวัสดีค่ะ” เด็กสาวรีบลนลานลุกขึ้นและยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างมีมารยาท
“สวัสดีจ้ะ หนูชื่ออะไรคะ” สไมล์เอ่ยถามน้ำเสียงอบอุ่น
“ชื่อณิชาค่ะ”
“แม่ชื่อสไมล์นะคะ ส่วนนี่คุณพ่อชื่อเวย์ แม่กับพ่อเป็นผู้ให้กำเนิดคนที่นอนอยู่บนเตียงน่ะลูก” สไมล์แนะนำตัวเองและสามีให้เด็กสาวรู้จัก ณิชาได้แต่นั่งยิ้มมองหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองทำตัวไม่ถูก
“ผมง่วงแล้วเมื่อไหร่พ่อกับแม่จะกลับไปสักทีครับ คนป่วยต้องพักผ่อนมาก ๆ นะครับ” ซันเดย์เอ่ยปากไล่เป็นครั้งที่สอง เด็กสาวได้ยินถึงกับไม่พอใจที่ชายหนุ่มไล่พ่อแม่แบบนั้น
“คุณคะ พวกท่านอุตส่าห์เป็นห่วงถึงมาเยี่ยม คุณไล่พวกท่านกลับแบบนี้มันไม่ดีนะคะ” เสียงเล็กหันไปดุชายหนุ่มเสียงแข็งสีหน้าจริงจัง
“เธอยังเด็กจะไปรู้อะไร ตื่นแล้วก็ไปล้างหน้า ดูสภาพสิดูได้ที่ไหน” ซันเดย์ไม่ฟังคำเด็กสาวแถมยังดุกลับเสียงแข็ง
“เด็กมันยังรู้ความกว่าแกเลยซันเดย์ คุณกลับกันเถอะ ลูกที่อาศัยท้องคุณมาเกิดมันไล่พวกเราแล้ว” เวย์พูดกับลูกชายน้ำเสียงปลงตก เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตั้งแต่ซันเดย์ยังเด็ก จนโตมาอายุจะสามสิบก็ยังไม่มีฝ่ายใดยอมอ่อนข้อให้กัน
“ขากลับอย่าลืมแวะรับเด็กสักคนกลับไปเลี้ยงด้วยนะครับ จะได้ไม่ต้องว่างมายุ่งเรื่องของผมอีก” ซันเดย์ยังไม่วายตะโกนตามหลังผู้ให้กำเนิดออกไป จนเด็กสาวที่ได้ยินถึงกับตีเข้าที่แขนข้างที่ไม่เข้าเฝือกจนเกิดเสียงดัง
เพี้ย!
“โอ๊ย! ณิชาเธอตีฉันทำไม นับวันยิ่งเอาใหญ่ขึ้นนะสงสัยฉันใจดีกับเธอไป”
“คุณพูดจาไม่น่ารักเลยนี่คะ โดนแค่นี้น้อยไปด้วยซ้ำ โตจนป่านนี้แล้วยังไม่รู้อีกเหรอคะว่าอะไรควรพูดกับพ่อแม่ อะไรไม่ควรพูด”
“สรุปฉันหรือเธอที่เป็นผู้ปกครอง”
“มันไม่เกี่ยวว่าใครจะเป็นผู้ปกครองใคร มันคนละเรื่องกันค่ะ คุณอย่ามาใช้อำนาจในทางมิชอบนะคะ” เด็กสาวว่ากลับเสียงแข็งสีหน้าจริงจัง
“ก่อนที่ไอ้เตมินมันจะเลือกเธอ มันรู้หรือเปล่าว่าเธอเป็นคนยังไง”
“รู้ครับ ณิชาเป็นเด็กที่มีความคิดโตเป็นผู้ใหญ่มาก รู้ว่าอะไรควรและอะไรที่ไม่ควร และวันนี้ณิชาก็แสดงให้ผมได้เห็นแล้วว่าผมมองเธอไม่ผิด” จังหวะเตมินเปิดประตูเข้ามาพอดี จึงตอบกลับคนเป็นนายออกไปทันควัน
“รู้จักกันไม่กี่วันก็ชื่นชมกันขนาดนี้ มาก็ดีแล้วใครเป็นคนเสนอหน้าไปบอกพ่อกับแม่ฉัน ว่าฉันนอนอยู่ที่โรงพยาบาล”
“ท่านโทรมาถามผมว่าคุณอยู่โรงพยาบาลจริงไหม ผมตอบว่าจริงแค่นั้นครับ ส่วนเรื่องที่ว่าใครเป็นคนบอกผมไม่ทราบครับ”
“แล้วทำไมแกไม่ตอบว่าฉันไปที่ไหนก็ได้บนโลกใบนี้ ที่ไม่ต้องบอกว่าฉันอยู่โรงพยาบาล”
“พ่อแม่ทุกคนย่อมเป็นห่วงลูกของตัวเองทั้งนั้น ถึงจะบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมากก็ขอให้มาเห็นกับตา นายควรจะเข้าใจเหตุผลข้อนี้นะครับ อาหารเย็นให้ผมตั้งโต๊ะเลยไหมครับ นายหิวหรือยัง”
“ตบหัวแล้วจะลูบหลังเหรอ ไอ้ห่า”
“สรุปนายยังไม่หิวใช่ไหมครับ งั้นผมขออนุญาตทานกับณิชาก่อนนะครับ นายหิวเมื่อไหร่ก็บอกผมนะครับผมจะได้ตั้งโต๊ะให้”
“สรุปฉันหรือณิชาที่เป็นคนจ่ายเงินเดือนแก”
“นายต้องการคำตอบจากผมไหมครับ หรือแค่ไม่มีอะไรจะพูดจึงถามผมเฉย ๆ”
ตอนพิเศษ 3เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นพร้อมแสงแดดอ่อนที่สาดผ่านผ้าม่านบางเบาในห้องนอน ซันเดย์ยังนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง ผมเผ้ายุ่งเหยิงจากเมื่อคืนที่เขาทุ่มพลังงานไปหมดทุกหยดเพื่อกิจกรรมสร้างครอบครัว แต่แทนที่ร่างกายจะได้พักเต็มที่ กลับต้องรู้สึกตัวตื่นเพราะความเคยชิน และความเงียบผิดปกติของเตียงข้างกายมือหนาควานหาคนรักอย่างเชื่องช้า ทั้งที่ยังไม่ยอมลืมตา แต่ความว่างเปล่าบนผืนเตียงกลับเป็นคำตอบที่ชัดเจนว่าเมียตัวน้อยไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้วเขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้น กะพริบถี่ ๆ เพื่อปรับสายตาให้ชินกับแสงสลัวในห้อง ก่อนจะหันไปมองนาฬิกาดิจิทัลที่หัวเตียง"ตีห้าห้าสิบแปด..." เสียงทุ้มสบถแผ่วเบาในลำคอ พร้อมขมวดคิ้วอย่างหัวเสีย“ตื่นไปทำบ้าอะไรแต่เช้าวะ...” เขาพึมพำอย่างไม่สบอารมณ์ ดันตัวลุกขึ้นช้า ๆ กล้ามเนื้อยังปวดระบมจากเมื่อคืน หัวคิ้วเข้มยังคงขมวดแน่น"เมื่อคืนยังทำท่าจะหมดแรงอยู่เลย ไม่รู้จักนอนพักให้เต็มอิ่มบ้างหรือไง..." น้ำเสียงขุ่นเคืองแต่แฝงไว้ด้วยความเป็นห่วงเขาเอื้อมหยิบเสื้อคลุมมาสวมลวก ๆ เดินเซ ๆ ออกไปทางประตู ระหว่างนั้นก็ยังบ่นกับตัวเองไม่หยุด เห็นณิชาใส่เสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงขาสั้นกำ
ตอนพิเศษ 2“ไปอาบน้ำกัน” ซันเดย์อุ้มณิชาในท่าเจ้าสาวเข้าไปในห้องน้ำ ค่อย ๆ วางหญิงสาวลงอย่างเบามือ ขาเล็กยังมีอาการสั่นพยายามยืนประคองตัวเองใต้ฝักบัว“ยืนไหวหรือเปล่า” ซันเดย์เอ่ยถามขึ้นเมื่อสังเกตเห็นภรรยาตัวน้อยมีอาการขาสั่นเล็กน้อย“ไหวค่ะ”“ยืนเฉย ๆ ฉันอาบให้” ฝ่ามือหนาชโลมครีมอาบน้ำลงไปบนตัวหญิงสาว ค่อย ๆ ลูบไล้ทั่วตัวอย่างอ้อยอิ่ง“รีบอาบเถอะค่ะ มัวแต่ลูบอยู่นั่นแหละเมื่อกี้ยังกินไม่อิ่มหรือไง” เสียงเล็กดุออกไป ฝ่ามือหนากำลังนวดคลึงอยู่เต้าอวบต้องหยุดชะงัก“ถ้าตอบว่าไม่จะให้กินต่ออีกรอบหรือไง” ซันเดย์แกล้งโยนหินถามทาง“ได้ค่ะ แต่เสร็จจากนี้ช่วยไปเซนต์ใบหย่ากับหนูที่อำเภอด้วยนะคะ” ณิชาตอบกลับเสียงแข็ง“รีบอาบน้ำแล้วไปกินข้าวดีกว่านะ สายมากแล้วเธอคงจะโมโหหิว”“น่าจะคิดได้ตั้งนานแล้วนะคะ มัวแต่หื่นอยู่ได้ตั้งแต่เช้า” ณิชาว่ากลับ ซันเดย์รีบเปิดน้ำล้างตัวให้หญิงสาว ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ถูกหยิบมาพันรอบตัวหญิงสาว จากนั้นอุ้มออกไปห้องแต่งตัวห้องอาหาร“มากันแล้วเหรอลูก แม่กำลังจะให้เตมินไปตามพอดีเลย เป็นไงบ้างเมื่อวานเหนื่อยไหม” สไมล์เอ่ยถามทั้งสองเมื่อเดินมานั่งลงเก้าอี้ที่ว่างอยู่ โดยทุกคน
ตอนพิเศษ 1คืนส่งตัวเข้าหอเป็นคืนที่เหน็ดเหนื่อยมากที่สุดคืนหนึ่งของณิชา ครั้งสุดท้ายที่เธอดูนาฬิกาคือเวลาเที่ยงคืน หลังจากนั้นเธอทำได้เพียงร้องครางออกมาแค่นั้น“คุณไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนคะ หนูจะไม่ไหวแล้วนะคะ” หญิงสาวบอกเจ้าบ่าวหมาด ๆ ของเธอออกไปเสียงเหนื่อยอ่อน“หนึ่งปี ฉันอดอยากมาหนึ่งปีเต็ม” เสียงเข้มตอบกลับขณะที่สะโพกสอบยังขยับเข้าออกไม่หยุด“หนูยังอยู่เป็นเมียคุณอีกนานนะคะ” ณิชาไม่รู้จะหาคำไหนมาบอกชายหนุ่มให้เข้าใจ“เสร็จครั้งนี้ฉันจะปล่อยให้นอนพัก”“นอนพัก คุณยังจะทำต่ออีกเหรอคะ” ณิชาถึงกับต้องทวนคำพูดของซันเดย์อีกครั้ง“ฉันยังไม่อิ่ม อ่าส์..”“หนูสามารถตายได้เลยนะคะ ถ้าคุณจะใช้งานร่างกายหนูหนักขนาดนี้”“แค่นอนอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ออกแรงอะไร และฉันเป็นหมอฉันไม่ปล่อยให้เธอตายหรอก ถึงจะตายคาอกฉันก็ตาม” ซันเดย์ยังเมินเฉยต่อคำขอร้องของณิชา ขณะที่นอนพักเหนื่อยอยู่ฝ่ามือหนาไม่วายบีบจับตามตัวของเธอ“หนูให้คุณทำอีกแค่ครั้งเดียวนะคะ ถ้าคุณยังไม่ยอมหยุดพรุ่งนี้เราไปอย่ากันที่อำเภอ” ณิชาจำต้องขู่ชายหนุ่มออกไปแบบนั้น เพราะแขนขาเธออ่อนแรงและสั่นเทา คอแหบแห้งเพราะครวญครางมานานต่อกันหลายชั่วโมง“เ
ตอนที่49 งานแต่งในฝัน“ตกลงค่ะ ฉันจะแต่งงานกับคุณ”“อื้อ..” ร่างบางถูกอุ้มลอยขึ้นจากพื้นถูกวางลงบนเตียงนอนอย่างเบามือชุดนอนตัวบางถูกถอดออกด้วยฝีมือของชายหนุ่ม อกอวบนุ่มเด้งสีขาวเนียน ยอดอกสีชมพูเข้มชูชันยั่วยวนอยู่ตรงหน้าจ๊วบ!“อือ..คิดถึง ตรงนี้ก็ของฉัน จ๊วบ! ตรงนี้ก็ของฉัน ร่างกายเธอเป็นของฉัน” เสียงกระเส่าพร่ำบอกขณะที่ลิ้นสากโลมเลียไปทั่วร่างกาย“อื้อ..คุณ” ณิชาร้องเสียงหลงเมื่อลิ้นสากลากผ่านตรงกลางกลีบอวบนูนจากล่างขึ้นบน ไปหยุดที่ตรงติ่งเกสร“ตรงนี้เธอแฉะหมดแล้ว จ๊วบ” ซันเดย์ตวัดลิ้นเลียตรงรูแคบที่ปิดสนิทเพราะไม่ได้ใช้งานมานานอย่างไม่นึกรังเกียจ ดูดเลียน้ำหวานที่ไหลซึมออกมาไม่ขาดสาย“ฉันจะสอดนิ้วเข้าไปแล้วนะ” ซันเดย์เอ่ยบอกหญิงสาว ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาสอดเข้าไปไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเธอจะเจ็บหรือตกใจหรือไม่“อื้อ..คุณ หนูเสียว มันเสียวมากหนูจะทนไม่ไหว ขยับที” ทันทีที่นิ้วเรียวสอดเข้าไปจนสุด สะโพกกลมมนก็บิดเร้าด้วยความเสียว ช่องทางคับแคบขมิบตอดรัดนิ้วถี่ขึ้นเรื่อย ๆ“อื้อ..เร็ว ๆ หนูต้องการเร็ว ๆ” ณิชาร้องขออย่างไม่นึกอายเมื่อโดนความเสียวซ่านครอบงำแจ๊ะ! แจ๊ะ! แจ๊ะ!“อือ..อ่าส์”“ฉันขอใส
ตอนที่48 ขอแต่งงาน“ช่วยด้วย ช่วยด้วย คนเป็นลม” เสียงตะโกนดังลั่นมาจากหลังซอยด้านใน สายตาคมมองขวับตามสัญชาตญาณความเป็นหมอตึก ตึก ตึกเสียงฝีเท้าของทั้งสองวิ่งไปทิศทางที่คนมุงอยู่ด้วยความเร็ว“ขอทางหน่อยครับ ผมเป็นหมอ” เสียงเข้มพูดขึ้นเดินแทรกเข้าไปหาคนป่วยที่นอนเป็นลมหมดสติอยู่บนพื้น โดยมีผู้เป็นสามีนั่งประคองศีรษะหนุนไว้ที่ตักพรึบ!แจ็กเกตราคาครึ่งแสนถูกถอดออกและปูลงกับพื้นไม่กลัวเปื้อนแม้แต่น้อย“วางศีรษะคนป่วยนอนราบกับพื้นครับ เอากระเป๋ามารองเท้าให้ยกสูงขึ้น” ซันเดย์จัดการทุกอย่างด้วยความชำนาญ มือหนาคลำชีพจรที่คอเมื่อรับรู้ว่าชีพจรคนป่วยนั้นเริ่มเต้นอ่อนจึงรีบคลายเสื้อเพื่อให้หายใจสะดวกและเช็กชีพจรเป็นระยะระหว่างที่รอรถพยาบาลมาถึง“ณิชาโทรเรียกรถพยาบาล ทุกคนอย่ามุงครับคนป่วยไม่มีอากาศหายใจช่วยถอยออกไปก่อนครับ”“ถอดรองเท้าคนป่วยออกให้หมด ใครมีน้ำเปล่าบ้างครับ” ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กสีเทาเข้มถูกล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกงด้านหลัง น้ำเปล่าถูกเทราดจนเปียกชุ่ม และเช็ดบริเวณต้นคอและตามใต้ข้อพับของคนป่วยปี๋ปอ ~ ปี๋ปอ ~ ปี๋ปอ ~“ขอทางให้เจ้าหน้าที่ด้วยค่ะ” เจ้าหน้าที่พยาบาลประจำรถฉุกเฉินเดินเ
ตอนที่47 ไฮโซขายผักที่ว่างเปล่าผืนใหญ่แปลงติดกับบ้านณิชาถูกกว้านซื้อโดยเศรษฐีหนุ่มจากกรุงเทพฯ และในช่วยบ่ายวันเดียวกันบ้านน็อกดาวน์พร้อมเข้าอยู่ก็ถูกยกมาติดตั้งและเจ้าหน้าที่การไฟฟ้ามาติดตั้งหม้อไฟและเดินสายเมนเข้าบ้านให้เรียบร้อย เครื่องใช้ไฟฟ้าจำเป็นถูกติดตั้งทั่วทั้งหลังพร้อมเข้าอยู่ภายในหนึ่งวัน จนชาวบ้านแถวนั้นต่างตะลึงที่ซันเดย์สามารถเนรมิตบ้านหนึ่งหลังขึ้นมาได้ภายในวันเดียว“โอ้โห คนมีเงินเขาสามารถเนรมิตได้ทุกอย่างจริง ๆ” เสียงของชาวบ้านในหมู่บ้านที่มายืนดูบ้านหลังใหม่ของซันเดย์ที่มีขนาดไม่เล็กมาก ถ้าเทียบกับบ้านของชาวบ้านแถวนี้บ้านของชายหนุ่มนั้นดูใหญ่กว่าด้วยซ้ำ“ได้ข่าวว่าที่แปลงนั้นยี่สิบกว่าไร่เขากว้านซื้อคนเดียวหมด แถมให้ราคาสูงกว่านายทุนที่มาขอซื้อวันก่อนหลายเท่าตัวเลยนะ”“ใช่สูงกว่าราคากลางที่กรมที่ดินประเมินให้ด้วย พ่อหนุ่มคนนั้นไม่ได้เป็นเศรษฐีหน้าเลือดเหมือนพวกนายทุนที่มากว้านซื้อที่ดินเพื่อเอาไปเก็งกำไรขายต่อเลย”“ใช่ ๆ ๆ เขายังบอกอีกว่าจะซื้อที่ดินแปลงนี้ไปทำฟาร์มผักปลอดสารพิษและจะจ้างพวกเราไปทำงานในฟาร์มอีกด้วยนะ” เสียงของชาวบ้านต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าชายหนุ่