Share

บทที่ 1 รอคอย

last update Last Updated: 2025-06-12 02:26:21

บทที่ 1 รอคอย

ย้อนกลับไปเมื่อเกือบเดือนเศษ

ลี่ถังตื่นมาตั้งแต่ยามยามอิ๋นเพื่อช่วยงานในร้าน นางเป็นบุตรสาวคนเล็กของลี่เจียง บิดาของนางเปิดเขียงขายหมู หรือจะเรียกว่าโรงเชือดก็ไม่ผิด เพราะจะซื้อเป็นจินก็ขาย จะซื้อเป็นชั่งก็ได้ หรืออยากจะซื้อยกทั้งตัว บิดาของนางก็นำไปส่งถึงจวน

“พี่ใหญ่ วันนี้ต้องไปส่งที่จวนสกุลมู่”

นางชะโงกหน้าเข้าไปยังห้องแล่เนื้อที่มีคนงานกำลังใช้มีดแบ่งเนื้อออกเป็นส่วน ๆ โดยมีบิดายืนสั่งงาน และพี่ชายของนางกำลังลงมือช่วยคนงานทำงานอยู่อย่างขะมักเขม้น

“คราวนี้สั่งกี่ตัวล่ะ” ลี่เจียงหันมาถามบุตรสาว

“สามตัวเจ้าค่ะ เห็นท่านป้าบอกว่าจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับคณะขนส่งสินค้าที่กลับมาจากเมืองฉงชิ่ง”

นางตอบกลับด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก แต่คนเป็นบิดามีหรือจะไม่รู้ว่าคนที่เลี้ยงมากับมือตั้งแต่แรกคลอด ลึก ๆ แล้วรู้สึกเช่นไร แต่ด้วยความเป็นบุรุษมือเปื้อนเลือด ใช้เพียงแรงงานแลกเงินเพื่อมาเลี้ยงดูบุตรชายและบุตรสาวเพียงลำพัง นิสัยจึงแข็งกระด้างปากหนัก ทำเพียงพยักหน้าตอบรับคำของบุตรสาว

ลี่ถังยืนมองบิดาและพี่ชายขะมักเขม้นกับการจัดเตรียมเนื้อหมูที่ต้องส่งไปยังจวนสกุลมู่ นางเติบโตมากับกลิ่นคาวเลือดของเขียงหมูตั้งแต่จำความได้ แม้จะคุ้นชิน แต่ลึก ๆ ในใจก็มีบางสิ่งที่นางไม่อาจเอ่ยออกมาได้

นางรู้ดีว่าในเมืองนี้ แม้โรงเชือดของบิดาจะทำให้ครอบครัวมีชีวิตอยู่ได้อย่างมั่นคง แต่ในสายตาของชนชั้นสูงแล้ว นางก็เป็นเพียง

บุตรสาวคนขายหมู

ที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

“ถังเอ๋อร์ เจ้าไปเอาสมุดจดมาดูว่าเราต้องเตรียมอะไรเพิ่มอีกหรือไม่”

“เจ้าค่ะ ท่านพ่อ” นางรีบตอบรับก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังห้องด้านใน

ในมือของนาง สมุดบัญชีถูกพลิกเปิดออก ลายมือของบิดาหยาบกระด้างแต่ก็อ่านออกทุกตัวอักษร นางใช้เวลาหลายปีคอยจัดการบัญชีให้ครอบครัว จดจำราคาสินค้า รายรับรายจ่าย และลูกค้าที่มาติดต่อซื้อขาย

แต่นางก็รู้… ไม่ว่าตนจะทำดีแค่ไหน ก็ไม่มีวันได้รับการยอมรับจากผู้คนเหล่านั้น แต่วันนี้นางจำต้องเดินทางไปส่งสินค้าที่จวนสกลุมู่ด้วยตนเอง เพราะนางต้องการรู้ข่าวคราวของคู่หมาย ตั้งแต่มีโรคระบาดที่เมืองฉงชิ่ง เขาก็ขาดการติดต่อไป

แต่ในยามนี้ทางการประกาศว่าโรคระบาดควบคุมได้แล้ว สามารถเปิดเมืองให้สัญจรและค้าขายได้เช่นเดิม แต่ก็ยังไร้ข่าวคราวจากมู่เฉินคู่หมายของตน

ณ จวนสกุลมู่

ลี่ถังก้าวขาข้ามธรณีประตูใหญ่ด้วยหัวใจหนักอึ้ง ความแตกต่างระหว่างเขาและนางมีตั้งแต่ทางเข้าไปจนถึงความรู้สึกของผู้คนภายในจวนแห่งนี้

แต่เพราะว่ารัก

นางและเขาจึงจับมือกันหวังจะร่วมฝ่าฟันแรงกดดันนี้ไปด้วยกัน

เขาต้องเดินทางไปอยู่ต่างเมืองเพื่อพิสูจน์ตนเองเพื่อนาง นางจึงยอมอดทนรอเขาด้วยความหวัง

ลี่ถังเดินตามบ่าวรับใช้เข้ามาในจวนสกุลมู่ หัวใจของนางเต้นแรงด้วยความกังวลและความคาดหวัง ลี่ถังได้พบมารดาของอีกฝ่ายเพียงแค่ตอนที่อีกฝ่ายมากับแม่บ้านที่ตลาดเพื่อสั่งอาหารและวัตถุดิบในตลาด แม้จะเรียกท่านป้า เป็นเพราะอีกฝ่ายให้เรียกเช่นนั้นยามพบกันด้านนอก

ตั้งแต่เกิดโรคระบาดในเมืองฉงชิ่ง ข่าวคราวเกี่ยวกับเขาขาดหายไปโดยสิ้นเชิง และนี่เป็นโอกาสเดียวที่นางจะได้รู้ว่าเขายังปลอดภัยหรือไม่

“เชิญคุณหนูรอที่ศาลาริมสระ บ่าวจะไปเรียนฮูหยินว่าคุณหนูมาเยือน”

บ่าวรับใช้โค้งตัวก่อนรีบเดินจากไป ระหว่างเดินจากไปก็บิดปากชักสีหน้าใส่ ต้องมาเรียกคนที่ฐานะมิต่างกันเท่าใดว่า คุณหนู ช่างกระดากปากยิ่งนัก มิรู้คุณชายเล็กคิดเช่นไรถึงไปคว้าลูกสาวคนขายหมูมาเป็นคู่หมั้น

ลี่ถังนั่งลง ดวงตากวาดมองรอบ ๆ แม้จะเคยมาส่งเนื้อหมูที่นี่หลายครั้ง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางมาด้วยตนเองอย่างเป็นทางการเพียงลำพัง ปกตินางจะมากับมู่เฉิน

บรรยากาศของจวนใหญ่แห่งนี้สงบเงียบเกินไป มีเพียงเสียงลมพัดไหวและกลิ่นดอกเหมยจาง ๆ ที่ลอยมากับสายลม

ไม่นานนัก ฮูหยินมู่ก็ปรากฏตัว นางแต่งกายงดงามสมฐานะ ผู้เป็นมารดาของมู่เฉินกวาดสายตามองลี่ถังด้วยท่าทีเย็นชา ก่อนจะนั่งลงที่ตั่งไม้แกะสลักตรงข้าม

“เจ้ามีธุระอันใดถึงมาที่นี่ เจอกันที่ตลาดก็เพียงพอแล้วมิใช่หรือ”

น้ำเสียงของนางราบเรียบ ไม่ได้มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความเป็นกันเองเช่นยามที่พบกันที่ตลาด

ลี่ถังลุกขึ้นคำนับอย่างนอบน้อม “บ่าวคารวะฮูหยิน บ่าวมาเพื่อสอบถามข่าวคราวของมู่เฉิน ตั้งแต่เกิดโรคระบาด บ่าวไม่ได้รับข่าวของเขาเลย”

ฮูหยินมู่ปรายตามองนางพลางยกชาขึ้นจิบ

“แล้วอย่างไร”

“บ่าวเพียงต้องการทราบว่าเขาปลอดภัยดีหรือไม่เจ้าค่ะ” ลี่ถังพยายามข่มความกังวลในใจ นางไม่สนใจสายตาเย็นชาของอีกฝ่าย เพียงอยากได้รับคำตอบ

ฮูหยินมู่วางถ้วยชาเบา ๆ บนโต๊ะ “เขาส่งจดหมายรักให้เจ้าทุกเดือน เหตุใดเจ้าถึงได้มาถามข้าล่ะ”

“บ่าวไม่ได้รับจดหมายจากมู่เฉินมาหลายเดือนแล้ว เลยเป็นกังวลใจ ยิ่งเรื่องโรดระบาด…”

“เขายังส่งจดหมายมาให้ข้าเช่นเดิมมิขาด แม้กระทั่งตอนที่โรดระบาดระบาดหนักก็ยังส่งมาเล่าสถานการณ์ทางนั้น บุตรชายคนเล็กของข้าเบื่อเขียนจดหมายรักให้เจ้าแล้วกระมัง”

หลังจากออกจากจวนสกุลมู่ด้วยหัวใจที่เจ็บช้ำ แม้คิดอยู่แล้วว่าต้องถูกพูดจาเช่นนั้น แต่นางก็ยังเดินไปให้เขาเหยียบย่ำถึงที่ แต่นางเป็นห่วงมู่เฉินจึงยอม

“ถังเอ๋อร์ เจอเจ้าพอดีเลย” ป้าเจียงกวักมือเรียกสตรีที่ตนคุ้นเคย เห็นนางมาตั้งแต่ยังไม่ปักปิ่น

“ป้าเจียงมาสั่งหมูหรือเจ้าคะ เมื่อเช้าตอนที่คนงานไปส่งที่ค่าย ไม่ได้ถามหรือว่าพรุ่งนี้สั่งเท่าไร”

“ถาม ๆ แต่พอดีข้าต้องการเพิ่มจากปกติอีก ห้าสิบตัว” ป้าเจียงรีบตอบเกรงคนงานจะถูกตำหนิ

ลี่ถังตาโต แม้ค่ายทหารที่ป้าเจียงเป็นแม่ครัวอยู่จะสั่งหมูวันละยี่สิบสามสิบตัวเป็นเรื่องปกติ แต่จะสั่งเพิ่มอีกห้าสิบตัว มันจะไม่กลายเป็นแปดสิบตัวเลยหรือ

“เหตุใดสั่งมากมายขนาดนั้น จะมีงานเลี้ยงหรือเจ้าคะ”

ป้าเจียงส่ายหัว “ไม่ ๆ ฝ่าบาทจะให้ทหารกองนี้เดินทางไปสมทบช่วยเหลือชาวบ้านที่เมืองฉงชิ่ง”

ลี่ถังวิ่งกลับบ้านด้วยหัวใจพองโตและคาดหวังว่าบิดาจะอนุญาต

“เจ้าอยากไปจริง ๆ หรือ”

“เจ้าค่ะ ข้าเป็นห่วงเขา หากฝ่าบาทให้ทหารเดินทางเข้าออกได้ นั่นหมายถึงสถานการณ์คลี่คลายลงแล้ว แต่มู่เฉิน” เขาหายไปเช่นนี้ นางกังวล ไปถามคนสกุลมู่แล้วก็มิได้คำตอบ

“ข้าจะจ้างรถม้าเดินทางไปกับขบวนทหาร มีป้าเจียงด้วยปลอดภัยแน่นอนเจ้าค่ะ”

นางส่งสายตาอ้อนวอนบิดา ชี้ให้ท่านเห็นว่านางเดินทางไปหาคู่หมายถึงเมืองฉงชิ่งไม่มีอันตราย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • คู่หมั้นอย่าหมายหวนคืน   ตอนพิเศษ 5

    ตอนพิเศษ 5หลายปีผ่านไป อี้เจ๋อและอี้หว่านเติบโตขึ้นในบ้านที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่น ขณะที่อี้เจ๋อเริ่มโตเป็นเด็กหนุ่มที่มีความสงบเสงี่ยมและนิสัยอ่อนโยนเหมือนมู่เฉิน บุตรสาวของพวกเขา อี้หว่าน กลับมีลักษณะนิสัยที่คล้ายคลึงกับลี่ถังมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งรูปลักษณ์และอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความร่าเริงและความดื้อรั้นจนหลายครั้งทำให้ทั้งบ้านต้องขำขันอี้เจ๋อเติบโตมาในแบบที่เป็นเด็กชายที่ค่อนข้างจะเงียบสงบ มีความรับผิดชอบและมักจะอยู่เคียงข้างพ่อแม่เสมอ เขามีท่าทางที่สุภาพและนิ่งสงบเหมือนกับมู่เฉิน ไม่ว่าจะทำอะไร เขาก็ทำมันด้วยความรอบคอบและมุ่งมั่น ส่วนอี้หว่านเอง แม้จะยังเป็นเด็กสาวตัวเล็กๆ แต่นางกลับมีพลังและความกระตือรือร้นที่ไม่ยอมหยุดนิ่ง เรียกได้ว่านางเปรียบเสมือนมารดาของนางในทุกๆ ด้าน ทั้งในด้านความดื้อรั้นและความช่างสงสัยที่ไม่ยอมหยุดถามในวันหนึ่ง ขณะที่ครอบครัวนั่งทานข้าวมื้อเย็นกันอยู่ที่โต๊ะอาหาร อี้หว่านที่นั่งข้างๆ มารดาเริ่มถามคำถามที่ทำให้ทุกคนหัวเราะ“ท่านแม่เจ้าคะ ทำไมผมของพ่อถึงดูนุ่มและเงางามมาก แต่ของแม่ทำไมมันฟูๆ หน่อยเจ้าคะ” อี้หว่านถามด้วยท่าทางใสซื่อและซุกซนมู่เฉินที

  • คู่หมั้นอย่าหมายหวนคืน   ตอนพิเศษ 4

    ตอนพิเศษ 4 มู่เฉินและลี่ถังนั่งอยู่บนเตียงของพวกเขาเช่นทุกคืนหลังจากส่งบุตรชายเข้านอน มือของมู่เฉินยังกอดเอวของภรรยาคนรักไว้ ลี่ถังเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปมองสามีด้วยสายตาที่มีความหมาย“ท่าน… ข้าอยากบอกอะไรบางอย่าง” ลี่ถังพูดเสียงเบา น้ำเสียงแฝงไปด้วยความกังวลมู่เฉินหันไปมองภรรยาด้วยความสงสัย “เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า”ลี่ถังสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน “ข้า… ข้าอาจจะตั้งท้องอีกครั้ง”มู่เฉินนิ่งไปเล็กน้อย เขามองใบหน้าของลี่ถังด้วยความทึ่งและแปลกใจ ก่อนที่รอยยิ้มจะเริ่มปรากฏที่มุมปากเขา “จริงหรือ นี่เป็นข่าวดีจริงๆ หรือเจ้าแค่แกล้งข้า”ลี่ถังหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะพยักหน้า “ข่าวดีจริงๆ ข้าไปหาหมอมาหมาดๆ และเขาบอกว่า ข้ากำลังตั้งท้อง”มู่เฉินยิ้มกว้างขึ้น เขาค่อยๆ ยื่นมือไปจับมือของลี่ถังและบีบเบาๆ “ข้าดีใจมาก ขอบคุณที่ทำให้บ้านของเรามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ข้ารู้สึกเหมือนกับว่าโลกนี้เต็มไปด้วยความสุขแล้ว”ลี่ถังมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก “ท่านเองก็ดีใจใช่ไหม”มู่เฉินพยักหน้าอย่างแน่วแน่ “แน่นอน ข้าดีใจมากจริงๆ”ลี่ถังยิ้มและเบียดตัวเข้าไปใกล้เขามากขึ้น “บางที… หากค

  • คู่หมั้นอย่าหมายหวนคืน   ตอนพิเศษ 3

    ตอนพิเศษ 3ค่ำคืนที่เงียบสงบ อี้เจ๋อหลับสนิทอยู่บนเตียงเล็กของเขา ภายใต้ผ้าห่มอุ่น ลมหายใจสม่ำเสมอบ่งบอกถึงความสุขสบายของเด็กน้อยที่เติบโตขึ้นมาในบ้านที่เต็มไปด้วยความรักมู่เฉินเดินเข้ามาในห้องของลูกชาย มองดูใบหน้าของอี้เจ๋อด้วยสายตาอ่อนโยน เขาค่อยๆ ดึงผ้าห่มให้คลุมถึงไหล่ของเด็กชาย ก่อนจะลูบศีรษะเล็กๆ อย่างอ่อนโยน "ฝันดีนะ ลูกพ่อ"ลี่ถังที่ยืนพิงขอบประตูมองดูฉากนี้ด้วยรอยยิ้มจางๆ "ทุกคืนท่านต้องเข้ามาดูลูกแบบนี้ตลอดเลยหรือ”มู่เฉินหันไปมองภรรยา พลางพยักหน้าเบาๆ "อี้เจ๋อยังเด็ก ข้าอยากให้แน่ใจว่าเขาหลับสบายดี"ลี่ถังเดินเข้ามาใกล้ มองดูอี้เจ๋อที่หลับสนิท "เด็กคนนี้โตขึ้นทุกวัน ข้าก็เริ่มคิดว่าเขาเหมือนท่านมากขึ้นเรื่อยๆ"มู่เฉินหัวเราะเบาๆ "จริงหรือ ข้าว่าเขามีอะไรที่เหมือนเจ้ามากกว่านะ โดยเฉพาะเวลาทำหน้าขรึมแบบนั้น"ลี่ถังแกล้งทำหน้าดุใส่สามี ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ "บางทีเราอาจจะต้องมีลูกอีกสักคน คราวนี้ข้าอยากได้ลูกสาวบ้าง"ลี่ถังหน้าแดงเล็กน้อย ก่อนจะผลักไหล่สามีเบาๆ "พูดอะไรน่ะ อี้เจ๋อยังเล็กอยู่เลยนะ"มู่เฉินยิ้มกว้างขึ้น "ข้าแค่พูดเผื่ออนาคตน่ะ ใครจะไปรู้ บางทีบ้านของเราอาจจ

  • คู่หมั้นอย่าหมายหวนคืน   ตอนพิเศษ 2

    ตอนพิเศษ 2“ ท่านพ่อท่านแม่ขอรับ เมื่อเช้าที่ป้าที่ร้านขายอาหารถามหมายถึงอะไรหรือขอรับ” เด็กชายที่กำลังเคี้ยวขนมเอ่ยถาม“เรื่องอะไรหรือ” “เขาบอกว่าเห็นท่านทั้งสองตั้งแต่ท่านพ่อยังตามท่านแม่ต้อย ๆ มันหมายความว่าอย่างไรหรือขอรับ” ลี่ถังหัวเราะ“อืม... ยามนั้นท่านพ่อของเจ้าเกี้ยวแม่นะ รู้จักคำนี้ไหม” “เกี้ยวหรือขอรับ ข้ารู้จัก พี่ชายที่ร้านของท่านปู่เกี้ยวพี่เลี้ยงของข้า เดินตามเวลาที่นางอยู่กับข้าตลอด” คำของเด็กน้อยทำเอาสาวใช้ที่เป็นพี่เลี้ยงหน้าแดง“พ่อเจ้าก็ตามแม่เช่นนั้นล่ะ” “จริงหรือขอรับ ตามอย่างไรบ้างขอรับ เกี้ยวอย่างไร” ดวงตาเด็กน้อยเป็นประกายจนลี่ถังยิ้มขำ ร่างเล็กที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ขยับเร็วจนเกือบตกจากเก้าอี้ ทั้งลี่ถังและสาวใช้ที่ดูแลเอื้อมมือออกไปรับแทบไม่ทันแต่สุดท้ายก็เป็นมู่เฉินที่จับตัวของบุตรชายเอาไว้แล้วอุ้มไปนั่งตัก“อี้เจ๋อ ระวังล้มสิ” ลี่ถังดุบุตรชายของตน “ข้าไม่ล้มหรอกขอรับ” เด็กน้อยหัวเราะร่าก่อนจะขยับตัวในท่าที่สบายขึ้นบนตักของบิดา ถึงกระนั้นสายตาก็ยังคงมองไปยังจานขนมบนโต๊ะลี่ถังหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหยิบขนมชิ้นหนึ่งส่งให้บุตรชาย “ค่อย ๆ กิน อย่าให้สำลักล่ะ” ห

  • คู่หมั้นอย่าหมายหวนคืน   ตอนพิเศษ 1

    ตอนพิเศษ 1วันเวลาผ่านไปคุณชายซูตัวน้อยก็เติบโตขึ้นมาเป็นคุณชายที่ช่างพูดและน่าเอ็นดู ลี่ถังและมู่เฉินมักจะใช้เวลากับบุตรชายของตนในสวนดอกไม้กลางจวนตระกูลลี่พวกเขายังคงดูและกิจการเองแม้ว่าจะใหญ่โตขึ้นมาก บัดนี้ลี่เจียงได้เป็นคหบดีที่มีคนนับหน้าถือตา ตระกูลลี่ก็ยิ่งใหญ่มากขึ้น แม้จะยังไม่อาจเทียบตระกูลมู่ได้ แต่ก็ใหญ่โตในแบบของตน คงเป็นเพราะคนตระกูลลี่ทำกิจการไม่ได้หวังอำนาจและยศศักดิ์แต่แรกอยู่แล้วนี่จึงไม่ได้เป็นเป้าหมายสำคัญพวกเขาแค่อยากให้ลูกค้าและคู่ค้าได้สิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่เงินในมือของคนเหล่านั้นจะหาซื้อได้และหากถามว่าสิ่งใดที่เรียกได้ว่าสำคัญกับคนตระกูลลี่มากที่สุดทั่วทั้งเมืองหลวงก็คงจะบอกได้ว่าคือคุณชายน้อยซูแม้จะอายุเพียงห้าขวบ แต่กลับติดตามบิดามารดาออกไปส่งของที่ตลาดในยามเช้าในบางวัน คนทั่วทั้งตลาดรู้จักชายหนุ่มตัวน้อยเป็นอย่างดี หลังจากกลับมาเมื่อกินข้าวเที่ยงกับครอบครัว ซึ่งในบางครั้งก็จะมีสองปู่ย่าจากตระกูลมู่มาร่วมโต๊ะอาหาร คุณชายตัวน้อยก็จะออกมาวิ่งเล่นที่สวนกลางจวน ที่ตาของเขาอย่างลี่เจียงตกแต่งใหม่เป็นพิเศษเพื่อหลานชายเสียงหัวเราะของเด็กชายดังก้องไปทั่วทั้งส

  • คู่หมั้นอย่าหมายหวนคืน   บทที่ 32 ครอบครัวของเรา

    บทที่ 32 ครอบครัวของเรา "ของพวกนั้นวางไว้ตรงนั้น ระวังอย่าให้แตกเสียหายล่ะ"เสียงของลี่ถังที่คอยกำกับคนงานให้ขนของขึ้นเกวียนเพื่อไปส่ง ทำให้ทุกคนในจวนต่างกังวลตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา หญิงสาวไม่เคยยอมหยุดพักจากงานเลย แม้ท้องของนางจะโตขึ้นทุกวัน จนยามนี้ใกล้จะครบกำหนดคลอดแล้ว แต่ทุกวันลี่ถังก็ยังออกมาจัดการกิจการอยู่เสมอ ๆ "ลี่ถัง เจ้าควรเข้าไปพักได้แล้ว แดดจ้าเช่นนี้หากเป็นลมไปจะทำเช่นใดกัน" มู่เฉินเอ่ยบอกกับภรรยา แม้จะดูเหมือนดุแต่ที่เขาพูดก็เพราะเป็นห่วง "ท่านหมอบอกว่าเดินมาก ๆ จะได้คลอดง่าย อีกอย่างข้าไม่ร้อน แล้วก็ไม่เหนื่อยด้วย" หญิงสาวตอบอย่างดื้อรั้นจนมู่เฉินอยากจะอุ้มนางเข้าไปเก็บในเรือน"กล่องนั่นที่เพิ่งมา เอาไปไว้ที่เรือนด้านหลัง..." ยังไม่ทันที่มู่เฉินจะได้ทำตามความคิด หญิงสาวก็หยุดพูดแลวขยับมือไปกุมท้องของตน“อึก” ลี่ถังรู้สึกได้ถึงของเหลวอุ่นที่ไหลทะลักออกมาจนขาทั้งสองของนางเปียกไปหมดหัวใจของหญิงสาวเต้นแรงขึ้น ลี่ถังหันไปสบตากับมู่เฉินที่มองนางด้วยสีหน้าตื่นตระหนกไม่ต่างกัน"น้ำคร่ำแตกแล้ว" ลี่ถังบอกกับสามี "อะไรนะ เจ้า...แปลว่าเจ้าจะคลอดหรือ" มู่เฉินตาเบิกกว้างอ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status