เมื่อกลับถึงเรือนอวี้ฮั่นอันโอ่อ่า เหออวี้หลันทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้บุต่วนเนื้อดีอย่างอ่อนแรง ภาพดวงตาหวาดกลัวสุดขีดของจวินเสวี่ยอันยังคงติดตรึงอยู่ในมโนสำนึก ราวกับเหล็กเผาไฟที่นาบลงบนหัวใจ นางหลับตาลงช้าๆสูดลมหายใจลึกยาว พยายามข่มความรู้สึกท้อแท้ที่เริ่มก่อตัวขึ้น
นางทำพลาดไปเสียแล้ว การไปปรากฏตัวกะทันหันเช่นนี้ มีแต่จะทำให้เด็กน้อยหวาดผวามากขึ้น
ความจริงข้อนี้ช่างบาดลึก บาดแผลที่มองไม่เห็นซึ่งนางได้สร้างไว้ในใจของเด็กทั้งสองนั้นลึกซึ้งและรักษายากเย็นกว่าบาดแผลทางกายนัก นางต้องอดทน ต้องใจเย็น ต้องค่อยๆเป็น ค่อยๆไปยิ่งกว่านี้
"นายหญิง ดื่มชาร้อนๆสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ" ชุนเถาเดินเข้ามาอย่างเงียบเชียบ วางถ้วยชากระเบื้องเคลือบลายดอกโบตั๋นลงบนโต๊ะข้างกายนางอย่างแผ่วเบา แววตาฉายความกังวลระคนไม่แน่ใจ
เหออวี้หลันลืมตาขึ้น รับถ้วยชามาถือไว้ ไออุ่นจากถ้วยชาค่อยๆซึมซาบผ่านฝ่ามือเข้าสู่ร่างกาย "ข้าไม่เป็นไรชุนเถา แค่ต้องใช้เวลา…" นางตอบเสียงเบา แต่แฝงไว้ด้วยความแน่วแน่
ชุนเถานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรวบรวมความกล้าเอ่ยขึ้น "บ่าวว่า นายหญิงวันนี้ ดู... ดูเปลี่ยนไปนะเจ้าคะ ดู... ใจดีขึ้น" แม้จะเป็นเพียงคำพูดเรียบง่าย แต่สำหรับเหออวี้หลันแล้ว มันคล้ายกับแสงเทียนริบหรี่ที่ส่องสว่างขึ้นในความมืดมิด
นางเงยหน้าขึ้นสบตาสาวใช้คนสนิท แย้มยิ้มบางๆ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ได้ย้อนกลับมา "ขอบใจเจ้ามาก ชุนเถา" อย่างน้อยก็ยังมีคนผู้หนึ่งที่สังเกตเห็นและอาจจะเชื่อมั่นในตัวนาง
ชุนเถาหน้าแดงระเรื่อ รีบก้มหน้าลงด้วยความเขินอายระคนยินดี นางรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในตัวนายหญิงจริงๆ แม้จะยังไม่เข้าใจ แต่ก็อดรู้สึกดีใจไม่ได้
ข่าวการไปเยือนเรือนจื่อเถิงของฮูหยิน พร้อมทั้งคำขอโทษอันน่าประหลาดใจ แพร่สะพัดไปในหมู่บ่าวไพร่อย่างรวดเร็วราวกับไฟลามทุ่ง แม้ส่วนใหญ่จะยังคงเคลือบแคลงสงสัย แต่ก็มีบางส่วนที่เริ่มมองเหออวี้หลันในแง่มุมที่ต่างออกไป บรรยากาศในจวนแม่ทัพที่เคยตึงเครียดและอบอวลไปด้วยความหวาดระแวงต่อนายหญิงคนใหม่ เริ่มมีกระแสลมของความเปลี่ยนแปลงอันแผ่วเบาพัดผ่านเข้ามา
เหออวี้หลันนั่งจิบชาเงียบๆ ความคิดแล่นวนไปถึงสภาพความเป็นอยู่ในเรือนจื่อเถิง ความเรียบง่ายจนเกือบจะเรียกได้ว่าซอมซ่อนั้น ช่างแตกต่างจากความหรูหราฟุ่มเฟือยในเรือนของนางราวฟ้ากับดิน
ไม่ได้การ... นางคิดในใจ ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ทางใจจะต้องใช้เวลา แต่ความเป็นอยู่ทางกายของพวกเขาต้องดีขึ้น อย่างน้อยก็ควรให้สมฐานะบุตรธิดาของแม่ทัพจวินเหยียนซี นี่คือสิ่งที่ข้าควรทำตั้งแต่แรก แต่กลับละเลยมาตลอด
เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้น นางจึงหันไปสั่งชุนเถา "ไปเชิญเฉียนก่วนเจียมาพบข้า"
เฉียนก่วนเจีย หรือพ่อบ้านเฉียน เป็นบุรุษวัยกลางคน รูปร่างสันทัด ท่าทางสุขุมรอบคอบ เขาทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยและจัดการการเงินทั้งหมดของจวนแม่ทัพมานานหลายปี คุ้นเคยกับนิสัยเอาแต่ใจและเรียกร้องไม่หยุดหย่อนของนายหญิงคนปัจจุบันเป็นอย่างดี เมื่อได้รับคำสั่งเรียกพบ เขาก็มาถึงเรือนอวี้ฮั่นด้วยความรวดเร็ว แต่ในใจก็อดสงสัยไม่ได้ว่าคราวนี้จะมีเรื่องสิ้นเปลืองอันใดอีก
"คารวะฮูหยินขอรับ" เฉียนก่วนเจียประสานมือคำนับอย่างนอบน้อม
"ท่านก่วนเจีย ไม่ต้องมากพิธี" เหออวี้หลันวางถ้วยชาลง กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ชัดเจน "ข้าอยากจะถามท่านเรื่องเรือนจื่อเถิง สภาพเรือนตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง? หลังคา หน้าต่าง ยังคงดีอยู่หรือไม่? เครื่องเรือนเก่าเกินไปหรือเปล่า? แล้วเรื่องเครื่องนอนเล่า? ผ้าห่มหนาพอสำหรับฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงหรือไม่?"
คำถามชุดยาวเหยียดที่แสดงความใส่ใจในรายละเอียดเกี่ยวกับเรือนเล็กที่ถูกหลงลืมนั้น ทำให้เฉียนก่วนเจียถึงกับนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เขาเงยหน้าขึ้นมองนายหญิงอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา นี่เป็นครั้งแรกที่นางเอ่ยถามถึงความเป็นอยู่ของบุตรเลี้ยงทั้งสอง!
"เอ่อ... เรือนจื่อเถิงนั้น แม้จะเก่าไปบ้าง แต่ก็ยังแข็งแรงดีขอรับ หลังคามีรอยรั่วซึมเล็กน้อยเมื่อฝนตกหนัก ส่วนเครื่องเรือนนั้นก็เป็นของเดิมที่ใช้กันมานานแล้วขอรับ สำหรับเครื่องนอน..." เขาลังเลเล็กน้อย "อาจจะต้องจัดหาผ้านวมผืนใหม่ที่หนาขึ้นสำหรับฤดูหนาวขอรับ"
"ดี" เหออวี้หลันพยักหน้า "เช่นนั้น รบกวนท่านก่วนเจียช่วยจัดการซ่อมแซมหลังคาให้เรียบร้อย จัดหาเครื่องเรือนชุดใหม่เข้าไปแทนที่ของเก่า เอาแบบที่เรียบง่ายแต่แข็งแรงทนทานก็พอ ไม่ต้องหรูหรามากนัก ส่วนเครื่องนอน ให้จัดหาชุดใหม่ทั้งหมด เลือกผ้าฝ้ายเนื้อดีที่สุด ผ้านวมต้องหนาและอุ่นเป็นพิเศษ จัดหาเตาผิงเล็กๆเพิ่มเข้าไปด้วย และจัดสรรถ่านไม้สำหรับฤดูหนาวให้เรือนนั้นมากกว่าเดิมสองส่วน" นางสั่งการอย่างละเอียดและเด็ดขาด "เรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด ให้เบิกจากเงินส่วนตัวของข้าได้เลย ทำให้เร็วที่สุด แต่ไม่ต้องป่าวประกาศให้มากความ"
เฉียนก่วนเจียเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำสั่งสุดท้าย เบิกจากเงินส่วนตัว? นี่มันยิ่งกว่าประหลาด! แต่เขาก็เป็นคนฉลาดพอที่จะไม่เอ่ยถามสิ่งใด ได้แต่ก้มหน้ารับคำอย่างรวดเร็ว "ขอรับ! บ่าวจะรีบดำเนินการตามคำสั่งของฮูหยินทันที"
หลังจากเฉียนก่วนเจียออกไปแล้ว เหออวี้หลันก็รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย อย่างน้อยนางก็ได้ทำในสิ่งที่ควรทำไปอีกอย่างหนึ่ง แม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่ก็หวังว่ามันจะช่วยให้ชีวิตของเด็กทั้งสองดีขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย
เวลาผ่านไปจนกระทั่งพลบค่ำ บรรยากาศในจวนพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อขบวนของท่านแม่ทัพกลับมาถึง เหออวี้หลันซึ่งกำลังนั่งอ่านตำราแพทย์ที่นางให้ชุนเถาไปหามาเงยหน้าขึ้น มองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นเงาร่างสูงสง่าของจวินเหยียนซีก้าวลงจากรถม้าด้วยท่วงท่าองอาจ ใบหน้าหล่อเหลาคมคายนั้นยังคงเรียบเฉยเย็นชาเช่นเคย
หัวใจของนางกระตุกวูบโดยไม่รู้ตัว ความรู้สึกซับซ้อนหลากหลายประดังเข้ามา ทั้งความรู้สึกผิด ความเสียดาย และความหวั่นไหวจางๆ ที่นางไม่เคยยอมรับในอดีต
นางรีบก้มหน้าลงมองตำราในมือดังเดิม ทำทีเป็นไม่สนใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าของเขาที่ใกล้เข้ามา เขาไม่ได้ตรงไปยังห้องหนังสือหรือเรือนพักของตนเอง แต่กลับเดินเข้ามาในโถงกลางของเรือนอวี้ฮั่นแห่งนี้
เสียงฝีเท้าหยุดลง... นางรู้สึกได้ถึงสายตาคมกริบคู่หนึ่งที่จับจ้องมายังนาง บรรยากาศพลันหนักอึ้งขึ้นมาทันที
"วันนี้... ในจวนมีเรื่องใดหรือไม่?" น้ำเสียงทุ้มต่ำแต่เย็นเยียบเอ่ยถามขึ้น เรียบง่ายแต่แฝงนัยยะบางอย่าง
เหออวี้หลันค่อยๆเงยหน้าขึ้น สบตากับเขาตรงๆ "ไม่มีเรื่องใดเป็นพิเศษเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ" นางตอบเสียงเรียบ พยายามควบคุมไม่ให้เสียงสั่น "เพียงแต่ข้าได้สั่งให้เฉียนก่วนเจียไปดูแลปรับปรุงเรือนจื่อเถิงเล็กน้อยเท่านั้น"
จวินเหยียนซีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แววตาฉายประกายประหลาดใจแวบหนึ่ง แต่ก็เพียงชั่วครู่เท่านั้น เขามองนางนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ สายตาคมกริบคู่นั้นราวกับจะมองทะลุเข้าไปถึงก้นบึ้งหัวใจของนาง ก่อนจะเบือนหน้าหนีไป "ตามใจเจ้า" เขากล่าวเพียงเท่านั้น แล้วหมุนกายเดินจากไปยังห้องหนังสือ ทิ้งไว้เพียงความเย็นชาและระยะห่างเช่นเดิม
เหออวี้หลันมองตามแผ่นหลังกว้างนั้นไปจนลับสายตา ถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเขาคงต้องใช้เวลามากกว่าการซ่อมแซมเรือนจื่อเถิงนัก แต่นางจะไม่ยอมแพ้... เพื่อเด็กทั้งสอง และเพื่อโอกาสครั้งที่สองที่นางได้รับมานี้
เมื่อเหมันต์อันยาวนานและเยือกเย็นได้โบกมืออำลาไปอย่างแท้จริง วสันตฤดูอันแสนสดใสก็หวนกลับมาเยือนจวนแม่ทัพจวินอีกครั้ง คราวนี้มิใช่เพียงธรรมชาติภายนอกที่ผลิบาน แต่หัวใจของผู้อยู่อาศัยภายในจวนแห่งนี้ก็คล้ายจะเบ่งบานไปด้วยไอรักและความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนการดูแลเอาใจใส่ของจวินเหยียนซีในช่วงที่เหออวี้หลันล้มป่วยลงนั้น เปรียบเสมือนหยาดน้ำทิพย์สุดท้ายที่หลอมละลายกำแพงน้ำแข็งในใจของคนทั้งสองจนหมดสิ้น ความเคลือบแคลงสงสัย ความไม่เข้าใจ และความห่างเหินที่เคยมี บัดนี้ถูกแทนที่ด้วยความไว้วางใจ ความเข้าใจ และความรู้สึกผูกพันอันลึกซึ้งอย่างแท้จริงกิจวัตรประจำวันของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด การร่วมโต๊ะเสวยกลายเป็นเรื่องปกติที่เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและรอยยิ้ม การดื่มชายามค่ำคืนในศาลากลางสวนกลายเป็นช่วงเวลาของการแบ่งปันความคิดและความรู้สึกอย่างเปิดอกมากขึ้น พวกเขาเริ่มเรียนรู้ที่จะสื่อสารกันอย่างตรงไปตรงมา และรับฟังซึ่งกันและกันด้วยหัวใจที่เปิดกว้างจวินเหยียนซีดูจะผ่อนคลายและแสดงความรู้สึกออกมามากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รอยยิ้มจางๆที่เคยหาได้ยากยิ่ง บัดนี้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมคายนั้
ภายหลังจากค่ำคืนในการเผชิญหน้าอันตึงเครียดในโรงเก็บฟืนเก่า บรรยากาศภายในจวนแม่ทัพจวินก็คล้ายจะถูกแช่แข็งไว้ด้วยความเงียบงันอันน่าอึดอัดยิ่งกว่าเดิม แม้จวินเหยียนซีจะมิได้เอ่ยปากขับไล่ หรือแสดงท่าทีรังเกียจนางอย่างเปิดเผย แต่ความห่างเหินและสายตาที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและคำถามที่ไร้คำตอบของเขานั้น ก็เป็นดั่งกำแพงที่มองไม่เห็น แต่กลับสูงตระหง่านและเย็นเยียบยิ่งกว่าครั้งไหนๆเหออวี้หลันเข้าใจดีว่านางกำลังอยู่ในช่วงเวลาของการพิสูจน์ตนเองอีกครั้ง และครั้งนี้หนักหนากว่าเดิมหลายเท่านัก ความไว้วางใจที่เพิ่งจะเริ่มก่อตัวขึ้น บัดนี้ได้พังทลายลงไปแล้วด้วยความลับและการปิดบังของนางเอง คำพูดของเขาที่ว่า "ข้าจะตัดสินเจ้าจากการกระทำของเจ้าในปัจจุบันและอนาคต" คือโอกาสสุดท้ายที่นางได้รับ โอกาสสุดท้ายที่นางต้องรักษาไว้ให้จงได้นางทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดให้กับการทำหน้าที่ของตนเองยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา นางตื่นแต่เช้าตรู่ เข้านอนดึกดื่น ตรวจตราดูแลทุกซอกทุกมุมของจวนด้วยความใส่ใจและความละเอียดลออที่ไม่เคยมีใครเทียบได้ ตั้งแต่การจัดสรรเสบียงในคลัง การดูแลความเป็นอยู่ของบ่าวไพร่ การบริหารจัดการงบประมาณ ไปจนถึง
เหมันต์ยังคงทอดเงาทาบทับจวนแม่ทัพจวิน อากาศเย็นเยียบจับขั้วหัวใจแต่กลับมิอาจเทียบเท่าความหนาวเหน็บที่เกาะกุมจิตใจของเหออวี้หลันได้เลยนับตั้งแต่การปรากฏตัวของชิวเยว่ในอดีตชาติ แม้นางจะพยายามรักษาความสงบ ทำหน้าที่ฮูหยินและมารดาเลี้ยงอย่างมิได้ขาดตกบกพร่อง แต่ความหวาดระแวงและความกลัวก็กัดกินใจนางอยู่ทุกขณะลมหายใจนางเฝ้าสังเกตการณ์ชิวเยว่ผู้นั้นอย่างลับๆมาตลอด แต่สตรีผู้นั้นก็ยังคงทำงานของตนไปอย่างเงียบๆ ขยันขันแข็ง ไม่แสดงพิรุธใดๆออกมา ความสงบเสงี่ยมนั้นเองที่ยิ่งทำให้นางหวาดผวา มันเหมือนความเงียบก่อนพายุจะโหมกระหน่ำ หรือเหมือนอสรพิษที่ซ่อนตัวนิ่งรอจังหวะที่จะฉกกัดความอดทนของเหออวี้หลันใกล้จะถึงขีดสุด นางไม่อาจทนใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ความหวาดกลัวเช่นนี้ได้อีกต่อไป นางต้องรู้ให้แน่ชัด... ว่าชิวเยว่ต้องการสิ่งใดกันแน่!จนกระทั่งวันหนึ่งขณะที่นางกำลังตรวจดูผ้าปูที่นอนที่เพิ่งซักเสร็จใหม่ๆในห้องเก็บผ้าใกล้โรงซักล้าง สายตาของนางก็พลันสะดุดเข้ากับบางสิ่ง ปมเชือกสีแดงเส้นเล็กๆที่ถูกผูกซ่อนไว้ในเนื้อผ้าอย่างแนบเนียน เป็นปมแบบเดียวกันกับที่นางเคยใช้ผูกของเล่นชิ้นโปรดของเสวี่ยอัน แล้วโยนทิ้งไปด้วยคว
เหมันตฤดูยังคงดำเนินไปอย่างเนิบนาบ วันคืนผ่านไปอย่างเชื่องช้าภายใต้ท้องฟ้าสีเทาหม่น เหออวี้หลันพยายามอย่างยิ่งที่จะรักษาความสงบเรียบร้อยและความเป็นปกติสุขภายในจวนแม่ทัพไว้ให้มั่นคงที่สุด แต่นางก็รู้ดีว่าภายใต้ความสงบนั้นมีพายุร้ายกำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ... พายุที่มาจากอดีตของนางเองชิวเยว่ในชาติก่อนยังคงทำงานอยู่ในส่วนซักล้างและงานจิปาถะอื่นๆ อย่างขยันขันแข็งและดูเหมือนจะไม่มีพิษมีภัยใดๆ นางพูดน้อย ยิ้มยาก และมักจะก้มหน้าก้มตาทำงานของตนไปเงียบๆไม่สุงสิงกับผู้ใดเป็นพิเศษ แต่ยิ่งนางดูสงบเสงี่ยมมากเท่าใด เหออวี้หลันก็ยิ่งรู้สึกหวาดระแวงมากขึ้นเท่านั้น สัญชาตญาณบางอย่างร้องเตือนอยู่ภายในว่าสตรีผู้นี้มิได้มาที่นี่โดยบังเอิญอย่างแน่นอนความหวาดระแวงนั้นได้รับการยืนยันในเวลาต่อมา...วันหนึ่งหลี่มามา บ่าวอาวุโสผู้รับใช้ตระกูลจวินมานานได้เข้ามาพบเหออวี้หลันเป็นการส่วนตัวด้วยสีหน้าที่ดูครุ่นคิดเล็กน้อย "เรียนฮูหยินเจ้าคะ บ่าวมีเรื่องประหลาดใจเล็กน้อยจะเรียนให้ทราบ""เรื่องอันใดหรือหลี่มามา?" เหออวี้หลันถาม พยายามควบคุมไม่ให้หัวใจเต้นแรงจนผิดสังเกต"คือ... ชิวเยว่ คนงานใหม่ในโรงซักล้างน่ะเจ้า
เหมันตฤดูแผ่ปกคลุมจวนแม่ทัพจวินด้วยไอเย็นยะเยือก หิมะโปรยปรายลงมาเป็นครั้งคราว แต่งแต้มให้หลังคาและกิ่งก้านของต้นไม้กลายเป็นสีขาวโพลน ชีวิตภายในจวนดำเนินไปอย่างอบอุ่นและสงบสุขภายใต้การดูแลของเหออวี้หลันและจวินเหยียนซี ความสัมพันธ์ของทั้งสองแน่นแฟ้นขึ้นตามลำดับ ความรักและความเข้าใจค่อยๆถักทอสายใยอันมั่นคงขึ้นมาแทนที่ความเย็นชาในอดีต เด็กทั้งสองเติบโตขึ้นอย่างร่าเริงและมั่นคงภายใต้ร่มเงาแห่งความรักของครอบครัวทว่าความสงบสุขที่ดูเหมือนจะยั่งยืนนี้ กลับมีอันต้องสั่นคลอน... เมื่ออดีตที่ไม่คาดฝันได้หวนกลับมาทวงถามเนื่องด้วยขนาดของจวนที่กว้างขวางและจำนวนบ่าวไพร่ที่มีอยู่เดิมเริ่มไม่เพียงพอ ประกอบกับมีบ่าวบางส่วนลาออกหรือถึงวัยเกษียณ พ่อบ้านเฉียนจึงได้นำเสนอเรื่องการว่าจ้างบ่าวรับใช้ระดับล่างเพิ่มเติมสองสามตำแหน่ง เช่น คนงานในโรงซักล้าง หรือคนสวนชั้นผู้น้อย เขาได้คัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเบื้องต้นเหมาะสมมาหลายคน และนำรายชื่อพร้อมประวัติย่อมาให้เหออวี้หลันในฐานะฮูหยินเป็นผู้พิจารณาอนุมัติขั้นสุดท้าย ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติในการบริหารจัดการจวนเหออวี้หลันรับรายชื่อมาตรวจดูอย่างละเอียดตามปกติ นาง
ค่ำคืนงานเลี้ยงรับรองมาถึง จวนแม่ทัพจวินสว่างไสวไปด้วยแสงไฟจากโคมไฟนับร้อยดวง บรรยากาศโอ่อ่าสง่างามสมเกียรติ แขกเหรื่อผู้ทรงเกียรติ ทั้งขุนนางผู้ใหญ่ นายทหารระดับสูง และฮูหยินต่างทยอยเดินทางมาถึงด้วยรถม้าคันหรูจวินเหยียนซีและเหออวี้หลันยืนรอต้อนรับแขกอยู่ที่โถงทางเข้าหลัก เคียงข้างกันอย่างสง่างาม เขาสวมชุดขุนนางเต็มยศสีน้ำเงินเข้มดูน่าเกรงขาม ส่วนนางอยู่ในชุดสีทองอ่อนอันงดงาม ขับเน้นความงามอันสุขุมและสูงศักดิ์ ทั้งสองเป็นดั่งหยกคู่งามที่เปล่งประกาย สร้างความประทับใจให้แก่ผู้มาเยือนตั้งแต่แรกเห็นเหออวี้หลันทำหน้าที่เจ้าบ้านได้อย่างไร้ที่ติ นางกล่าวต้อนรับแขกแต่ละคนด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นและเป็นมิตร สามารถจดจำชื่อและตำแหน่งของทุกคนได้อย่างแม่นยำ สนทนาด้วยถ้อยคำที่เหมาะสมและแสดงความใส่ใจทำให้นางได้รับคำชื่นชมในความอ่อนน้อมและความเฉลียวฉลาดจากเหล่าแขกเหรื่อ โดยเฉพาะบรรดาฮูหยินทั้งหลายที่เคยมีอคติต่อนางมาก่อนส่วนจวินเหยียนซีนั้นเขารับหน้าที่ดูแลต้อนรับแขกฝ่ายชาย สนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเหล่าขุนนางและนายทหารด้วยท่าทีที่สุขุมและน่าเชื่อถือ เขาสังเกตการณ์ปฏิกิริยาและท่าทีของแขกแต่ละคนอย่