แชร์

บทที่ 12

ผู้เขียน: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
เพื่อที่จะจับปลา พวกเขาถึงกับไม่ไปรับโจ๊กผักจากนักการ!

ไม่ได้กินข้าวเช้า แถมยังจับปลาไม่ได้อีก

ซวยสุด ๆ ไปเลย!

กู้หว่านเยว่เหลือบมองเขา “พวกเจ้าไม่มีความสามารถจับปลาไม่ได้ มันเกี่ยวอะไรกับข้า ลูกผู้ชายตัวโตตั้งหลายคนยังทำตัวเหมือนพวกไร้ค่า”

หลายคนโมโหจนแทบจะเป็นลมกับปากร้าย ๆ ของนาง แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปหาเรื่อง ได้แต่โกรธอยู่ในใจ

หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ ทุกคนก็ออกเดินทางกันต่อ

ซูหัวหลินถูกทุบตีทั้งคืน นอนอยู่บนพื้นในสภาพร่อแร่ ไร้เรี่ยวแรงจะขยับเขยื้อน

ฮูหยินผู้เฒ่าไม่อยากให้ซูอวี่แบก ส่วนบ้านรองก็ไม่มีผู้ชายคนอื่น นางจึงหันไปมองนางเฉียน

แต่คาดไม่ถึงเลยว่านางเฉียนกลับร้องโอ๊ยแล้วลงไปนั่งยอง ๆ “ท่านแม่ เท้าของข้าแพลง ข้าแบกท่านพี่ไม่ไหวหรอก”

“เจ้า นางสารเลว เมื่อกี้ยังกระโดดโลดเต้นอยู่เลย” ซูหัวหลินโมโหจนกระอักเลือด นี่มันชัดเจนว่านางเฉียนจงใจไม่อยากแบกเขา

นางเฉียนกระชับห่อของที่อยู่บนตัวแน่น “ข้าต้องแบกเงินมากมายขนาดนี้ แล้วยังต้องแบกอาหารอีก ข้าแบกท่านไม่ไหวจริง ๆ ”

ซูหัวหลินเงียบเสียง

ตอนนี้เขาต้องพึ่งพาเงินที่ได้จากครอบครัวฝั่งแม่ของนางเฉียน ถ้าทำให้นางเฉียนโกรธ คงต้องอดตายแน่ ๆ

ฮูหยินผู้เฒ่าไม่มีทางเลือกอื่น จึงเรียกพี่ใหญ่อย่างซูหัวหยางมาแบกซูหัวหลิน คนในบ้านใหญ่สบตากัน แม้จะไม่ได้โต้แย้ง แต่ในใจก็คิดคำนวณกันอยู่

บ้านรองเห็นแก่ตัวและไร้ประโยชน์ รู้แบบนี้แยกบ้านออกไปเหมือนกับบ้านสามก็ดี

ทุกคนออกเดินทางกันอย่างยากลำบาก

เมื่อเดินมาถึงครึ่งทาง นักการก็แจ้งให้ทุกคนทราบว่าวันนี้โชคดี เพราะอีกไม่ไกลก็จะถึงเมืองอูอวิ๋นแล้ว ถ้าไปถึงก่อนค่ำ ก็จะได้พักค้างคืนในเมือง

เมื่อทุกคนได้ยินว่าคืนนี้ไม่ต้องนอนบนพื้น พวกเขาก็มีแรงขึ้นมาในทันที ความเร็วในการเดินทางก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก

พวกเขารีบเร่งกันสุดชีวิต และในที่สุดก็มาถึงเมืองอูอวิ๋นก่อนฟ้าจะมืด

เมืองอูอวิ๋นมีจุดพักม้า แต่จุดพักม้ามีไว้สำหรับขุนนางในราชสำนักที่เดินทางผ่านเท่านั้น พวกนักโทษที่ถูกเนรเทศไม่มีสิทธิ์พัก

ทุกคนมาถึงหน้าโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ซุนอู่ให้นักการหลายคนไปจัดห้องพัก จากนั้นก็จัดให้คนที่เหลือพักรวมกันในห้องพักรวมขนาดใหญ่ เพื่อความสะดวกในการดูแล

เมื่อเปิดประตูห้อง ก็เห็นเตียงนอนสองแถวยาวเป็นสิบเมตร ดูอลังการมาก

นักโทษที่ฉลาดได้พุ่งเข้าไป จับจองที่นอนที่ดีที่สุดแล้ว

บนเตียงนอนโล่ง มีเพียงเสื่อฟางผืนเดียว ไม่มีแม้แต่ผ้าห่มคลุม

โชคดีที่เป็นช่วงฤดูร้อนแล้ว

อากาศแบบนี้ ไม่ห่มผ้าตอนกลางคืนก็ไม่หนาว

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่ทุกคนต้องนอนบนพื้นดินมาตลอดทั้งคืน การได้นอนบนเตียงก็ถือว่าน่าพอใจมากแล้ว

ทุกคนนอนลงโดยไม่สนใจใด ๆ ไม่นานก็มีเสียงกรนดังลั่น

นางหยางและซูจื่อชิงออกแรงช่วยกันยกซูจิ่งสิงจากเกวียนขึ้นไปวางบนเตียง

กู้หว่านเยว่หยิบเศษเงินออกมา ก่อนจะเรียกเสี่ยวเอ้อร์ให้นำน้ำอุ่นมาให้

“แช่เท้ากันเถอะ”

นางเรียกนางหยางและเด็ก ๆ ทั้งสองคน

เดินมาสองวันแล้ว การแช่เท้าก่อนนอนจะช่วยให้รู้สึกสบายขึ้นมาก ซูจิ่นเอ๋อรีบเอาเท้าจุ่มลงในน้ำอุ่นด้วยความใจร้อน เจ็บจนต้องร้องออกมา

นางมีตุ่มพองขนาดใหญ่ขึ้นที่ฝ่าเท้า เจ็บเหมือนโดนเข็มทิ่ม

นางหยางรู้สึกสงสารจึงอุ้มนางไป ใช้ปลายเข็มเจาะตุ่มพองที่ฝ่าเท้าของนาง จากนั้นก็ใช้ผ้าขนหนูร้อนพันเท้าของซูจิ่นเอ๋อไว้

ภายใต้แสงเทียนสลัว ซูจื่อชิงปาดน้ำตา เขาเข้าใจว่าต่อไปนี้จะต้องใช้ชีวิตแบบนี้ ไม่สามารถกลับไปยังเมืองหลวงได้อีกแล้ว

กู้หว่านเยว่ไม่มีเวลาให้เศร้า ระหว่างทางที่ไปตักน้ำ นางได้ยินมาว่าสุสานหลวงที่ฮ่องเต้สุนัขสร้างขึ้นนั้นตั้งอยู่ใกล้กับเมืองอูอวิ๋น หัวใจของนางก็เต้นแรงขึ้นมาทันที

“ท่านพี่ ข้าถามอะไรหน่อยสิ”

กู้หว่านเยว่ค่อย ๆ คลานไปข้าง ๆ ซูจิ่งสิง

“ได้ยินมาว่าสุสานหลวงอยู่ใกล้ ๆ เมืองอูอวิ๋น ท่านรู้หรือไม่ว่าสุสานหลวงอยู่ที่ไหน?”

ซูจิ่งสิงมองนางอย่างลึกซึ้ง “เจ้าจะทำอะไร?”

สายตาคู่นั้นราวกับมองทะลุคนได้ กู้หว่านเยว่ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย “ข้าแค่สงสัย...”

“อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองอูอวิ๋น...” ตามที่ซูจิ่งสิงบอก เดิมทีที่นี่ไม่มีเมืองเล็ก ๆ แต่ฮ่องเต้เลือกสร้างสุสานหลวงไว้ที่ใกล้ๆ นี้ ดังนั้นคนงานจึงมารวมตัวกันจำนวนมาก จนกลายเป็นเมืองเล็ก ๆ ขึ้นมา

กู้หว่านเยว่ไม่ได้สนใจฟังคำพูดต่อจากนั้น สมองของนางมีแต่เรื่องสุสานหลวงอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

ภารกิจกักตุนสินค้าที่ระบบมอบหมายให้นางมีทางรอดแล้ว!

ในตอนกลางคืน ขณะที่ทุกคนนอนหลับ กู้หว่านเยว่ก็ลุกขึ้นจากเตียงอย่างเงียบ ๆ แล้วมุ่งหน้าไปยังสุสานหลวงทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองอูอวิ๋น

สุสานหลวงยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง กู้หว่านเยว่ครุ่นคิด ด้วยนิสัยโลภมากของฮ่องเต้สุนัขนั่น ภายในสุสานหลวงต้องมีสมบัติซ่อนอยู่เป็นจำนวนมากแน่ ๆ

นางหายตัวเข้าไปในสุสานหลวงในชั่วพริบตา ดวงตาของนางเกือบจะบอดเพราะแสงสว่างเจิดจ้า

ห้องเก็บสมบัติเต็มไปด้วยทองคำแท่ง กองสูงราวกับภูเขาเล็ก ๆ บนชั้นวางก็เต็มไปด้วยทองคำแท่งที่ส่องประกายระยิบระยับ

ภายในกล่องเต็มไปด้วยเหรียญทองแดงจำนวนนับไม่ถ้วน และยังมีเครื่องประดับที่ทำจากโมรา หยก และไข่มุกที่ใช้สำหรับฝังร่วมในสุสาน...

รวยแล้ว รวยแล้ว!

นี่เป็นครั้งแรกที่กู้หว่านเยว่ได้เห็นทองคำมากมายขนาดนี้ ขาของนางอ่อนแรงจนแทบเดินไม่ไหว นางรีบกวาดทองคำในสุสานหลวงไปจนหมด

หลังจากที่แน่ใจแล้วว่าไม่มีสิ่งของใด ๆ หลงเหลืออยู่ในสุสานหลวง ก่อนจะจากไป นางก็จุดไฟเผาสุสานหลวง

ฮ่องเต้สุนัขอยากสร้างสุสานให้ตัวเองงั้นหรือ?

ไม่มีทาง ตายแล้วก็เป็นผีเร่ร่อนไปเถอะ!

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้น กู้หว่านเยว่เห็นว่าฟ้าเริ่มสว่างแล้ว ก็รีบกลับไปที่โรงเตี๊ยมจึงไม่ทันได้ตรวจสอบมิติ

เห็นทุกคนยังกรนอยู่ นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วปีนขึ้นเตียงอย่างเงียบ ๆ

เมื่อหันกลับมา ก็สบเข้ากับสายตาอันลึกลับของซูจิ่งสิง

กรี๊ดดด!

กู้หว่านเยว่ปิดปากของตัวเองที่ส่งเสียงร้อง ทำตัวเป็นวัวสันหลังหวะ “ทะ ท่านตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่?”

เขาคงไม่ได้ตื่นตลอดหรอกนะ?

กู้หว่านเยว่รู้สึกกระวนกระวายใจ นางพยายามคิดหาข้อแก้ตัวที่สมเหตุสมผลอย่างบ้าคลั่ง

แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากที่ซูจิ่งสิงมองนางอย่างลึกซึ้งแล้วก็เอ่ยขึ้น “เพิ่งตื่น นอนเถอะ”

ขณะพูด ก็หลับตาลง

เมื่อกู้หว่านเยว่เห็นว่าเขาดูเหมือนจะไม่ได้รู้เรื่องอะไร ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากนอนลง นางก็เข้าไปในมิติ

พอเข้าไป ก็เกือบจะหัวเราะจนฟันหลุด

“ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ อาคารใหม่ ครัวอาหารเลิศรส ได้ถูกเปิดใช้งานแล้ว

โฮสต์สามารถใส่วัตถุดิบใด ๆ ก็ตามลงไป ครัวอาหารเลิศรสจะรังสรรค์อาหารระดับห้าดาวจากเชฟชั้นนำให้กับท่าน”

กู้หว่านเยว่รีบโยนไข่ไก่หนึ่งฟองและข้าวสวยหนึ่งชามลงไป

หนึ่งนาทีต่อมา ข้าวผัดไข่ที่มีกลิ่นหอมจนน้ำลายไหลก็ส่งออกมาจากหน้าต่างของครัวอาหารเลิศรส

“หอมจัง น่ากินมาก...”

กู้หว่านเยว่เช็ดน้ำลายที่มุมปาก ถ้าไม่ติดว่าเงื่อนไขไม่อนุญาต นางคงอยากจะเอาข้าวผัดไข่ออกมากินให้หมดเดี๋ยวนี้เลย

หลังจากออกจากมิติด้วยความตื่นเต้น กู้หว่านเยว่ก็พลิกตัวไปมาสองสามครั้ง ก่อนจะหลับสนิท

วันรุ่งขึ้น เหล่านักการปลุกนักโทษขึ้นมาและเอ่ยขึ้น “ใครจะไปซื้อของในเมือง จ่ายสิบตำลึง แล้วไปซื้อของกับพวกเราได้”

หลังจากผ่านเมืองอูอวิ๋นไปแล้ว ถ้าโชคไม่ดี ต่อไปอาจจะไม่มีเมืองอีกนาน

สิบตำลึงสามารถแลกโอกาสในการซื้อของได้ ก็นับว่าเป็นเรื่องดี

หลี่ซือซือรีบให้สิบตำลึงแก่นักการ “ท่านนักการ พาข้าไปซื้อของด้วยเถอะ”

“ตามมาข้างหลัง” จางเอ้อร์กล่าวอย่างเย็นชา ไม่สนใจสายตาเว้าวอนของหลี่ซือซือ

คนในครอบครัวอื่น ๆ ก็ทยอยเอาเงินออกมา อยากจะไปซื้อของด้วย

ส่วนคนที่เหลือเหล่านั้นที่ไม่มีเงิน ก็ได้แต่มองตาปริบ ๆ

“คุณหนูกู้ เจ้าก็ไปกับพวกเราด้วยสิ” จางเอ้อร์ยิ้ม “เจ้าไม่ต้องจ่ายเงิน!”
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
วรรณดี ศาลาทอง
ขอบคุณสำหรับนิยายอ่านสนุกมากค่ะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1916

    ถึงแม้ข้างกายข้าจะไม่ขาดคน แต่ในเมื่อองค์หญิงน้อยเป็นผู้แนะนำ เช่นนั้นก็รับไว้ ให้เขาอยู่ทำงานกับข้าก็แล้วกันถูซื่อดีใจจนเนื้อเต้น “ขอบคุณท่านแม่ทัพ ขอบคุณองค์หญิงน้อย”ฮั่วหยุนกล่าว “เจ้าตามข้ามา”ถูซื่อพยักหน้า รีบเดินตามหลังอีกฝ่าย และจากไปพร้อมกันเมื่อเห็นฮั่วหยุนพาชาวบ้านเหล่านั้นจากไป กู้หว่านเยว่ก็มองไปยังซูจิ่งสิง “ท่านพี่ ตอนนี้พวกเราจะไปที่ไหนกัน?”“ข้ามีค่ายทหารอยู่ใกล้ ๆ พวกเราไปพักผ่อนที่นั่นกันก่อน”ซูจิ่งสิงกล่าวพลางหันไปสั่งการผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่เบื้องหลัง ให้นำคบเพลิงมาจุดไฟเผาอุโมงค์เหมือง“ไปกัน”เมื่อเห็นเปลวไฟลุกโชนอยู่ด้านหลัง ซูจิ่งสิงก็ยื่นมือให้กู้หว่านเยว่ โอบนางขึ้นบนหลังม้าแล้วทะยานจากไปอย่างรวดเร็ว“นี่ พวกท่านรอข้าด้วยสิ” หนานโย่วตะโกนไล่หลัง รีบปีนขึ้นม้าอย่างทุลักทุเล จากนั้นตามพวกเขาไปทั้งสองคนขี่ม้าเร็วสีเงินขาวตัวเดียวกัน กู้หว่านเยว่ไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายทั้งกายและใจเช่นนี้มาก่อน นางเอนกายพิงอกของซูจิ่งสิงอย่างเกียจคร้าน หรี่ตามองไปข้างหน้า สัมผัสถึงเสียงหัวใจที่เต้นอยู่ด้านหลังนางหันกลับมายิ้มอย่างสดใส ประกอบกับชายหนุ่มผู้เย็นชาและ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1915

    อย่างไรเสีย เขามายังที่ราบแห่งความโกลาหลก็เพื่อกู้หว่านเยว่ ย่อมไม่ทำร้ายสหายของนางอย่างแน่นอน“เก็บอาวุธทั้งหมดขึ้นมา”ซูจิ่งสิงออกคำสั่ง ทหารที่อยู่เบื้องหลังก็รีบเก็บธนูในมือ และถอยกลับไปอย่างพร้อมเพรียงกันหนานโย่วกลืนน้ำลาย รีบมายืนอยู่ข้างกายกู้หว่านเยว่เมื่อเห็นสายตาที่ไม่เป็นมิตรของซูจิ่งสิง เขาก็หัวเราะฮ่า ๆ พลางเอ่ยขึ้น “ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม สมกับที่เป็นหัวหน้าของกองทัพซินเยว่ สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นจริง ๆ ”ซูจิ่งสิงละสายตากลับ “องค์ชายรองเกรงใจเกินไปแล้ว”เขามองไปยังกู้หว่านเยว่ “น้องหญิง เรื่องวุ่นวายใหญ่โตเพียงนี้ ตลาดมืดจะต้องเคลื่อนไหวอย่างแน่นอนที่นี่ไม่ควรอยู่นาน พวกเรารีบไปจากที่นี่กันก่อนเถิด”กู้หว่านเยว่พยักหน้า “หนานโย่ว ท่านจะกลับไปก่อนพร้อมกับแม่ทัพฮั่ว หรือว่าจะไปกับข้า?”จุดประสงค์หลักของพวกเขาในครั้งนี้คือการช่วยชาวบ้านที่ถูกหลอกมา ตอนนี้ชาวบ้านได้รับการช่วยเหลือแล้ว ภารกิจก็ลุล่วง ถึงเวลากลับไปรายงานแล้วฮั่วหยุนวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว “องค์ชายรอง ขุมกำลังทางใต้นั้นเป็นแหล่งรวมคนสารพัดประเภท ไม่ใช่สถานที่ที่ควรจะอยู่นาน พวกเรารีบกลับกันเถิดพ่ะย่ะค่

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1914

    อาจเป็นเพราะว่า พวกเขาทั้งสองคนเหมาะสมกันมากเกินไปทุกคนต่างรู้จักกาลเทศะ ไม่มีใครก้าวเข้าไปรบกวนกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงโอบกอดกันต่อหน้าผู้คนเนิ่นนานเป็นเวลาหนึ่งถ้วยชา พวกเขาต่างดื่มด่ำกับความรู้สึกที่ได้เป็นของกันและกันอย่างสมบูรณ์จนกระทั่งสติสัมปชัญญะกลับคืนมา ทั้งสองจึงคลายอ้อมกอดออกจากกัน แต่ก็ยังคงไม่ปล่อยมือ ทั้งสองยังคงจ้องมองอีกฝ่าย เพื่อค้นหาความเปลี่ยนแปลงของกันและกันในช่วงเวลาที่ไม่ได้พบเจอ“น้องหญิง เจ้าผอมลงแล้ว”ซูจิ่งสิงยื่นมือออกไป ปัดปอยผมข้างหูให้กู้หว่านเยว่อย่างอ่อนโยน สัมผัสได้ชัดเจนว่านางดูผอมลงไปไม่น้อย“ท่านพี่”กู้หว่านเยว่ยิ้มอย่างเขินอาย น้ำเสียงออดอ้อน “ท่านก็เปลี่ยนไปบ้างเช่นกัน”ดูสุขุมและเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่าแต่ก่อน ทั้งยังแผ่กลิ่นอายของการต่อสู้ที่โชกเลือดออกมาเล็กน้อยเมื่อคิดว่าเขามาถึงที่ราบแห่งความโกลาหลโดยไม่มีที่พึ่งพิง แต่กลับอาศัยเพียงตนเองจนกลายเป็นหัวหน้าของกองทัพซินเยว่ได้ในเวลาอันสั้น ในช่วงเวลานั้นคงต้องประสบความยากลำบากมาไม่น้อยกู้หว่านเยว่ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดใจ น้ำเสียงก็อ่อนโยนลงไปอีกสองส่วน“แต่ก็ยังคงเป็นสามีของข้า”แม้ว่

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1913

    กู้หว่านเยว่ในยามนี้ ลืมไปแล้วว่าตนเองกำลังอยู่ในอุโมงค์เหมืองทางทิศใต้ นางลืมไปแล้วว่ารอบกายอาจมีอันตรายซ่อนอยู่ ในวินาทีที่ได้เห็นชายผู้นั้น ดวงตาของนางก็ไม่สามารถมองเห็นสิ่งอื่นใดได้อีก ราวกับว่าทั่วทั้งฟ้าดิน เหลือเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นในนัยน์ตาสีดำของนางฉายแววสงสัย ตกตะลึง ยินดี และสุดท้ายก็ถูกความรู้สึกอุ่นใจเข้ามาทำให้ทุกอย่างสงบลง“ซูจิ่งสิง ใช่ท่านหรือไม่?”นางขยับริมฝีปากแดงระเรื่อ เอ่ยชื่อที่ซ่อนลึกอยู่ในใจ และไม่กล้าแตะต้องมาโดยตลอดออกมาดวงตาทั้งสองจ้องมองชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างแน่วแน่ น้ำเสียงแผ่วเบา ราวกับกลัวว่าทุกสิ่งตรงหน้าเป็นเพียงภาพลวงตา และถ้านางส่งเสียงดังขึ้นอีกนิด ภาพลวงตานี้ก็จะแตกสลายไปแม้ว่าหลายวันที่ผ่านมา นางจะคิดอยู่ตลอดว่า หัวหน้าของกองทัพซินเยว่จะเป็นเขาหรือไม่แต่เหตุผลกลับคอยย้ำเตือนว่า มันจะเป็นไปได้อย่างไร?เขายังคงยุ่งอยู่กับการดูแลราษฎรในต้าฉีและปกครองบ้านเมือง จะมาหานางได้อย่างไร จะข้ามผ่านป่าซิงโตวมาได้อย่างไร?อาจเป็นเพราะรับรู้ได้ถึงความตกตะลึงของกู้หว่านเยว่ ชายที่อยู่ตรงหน้าจึงไม่ได้รีบร้อน แต่กลับยกมือขึ้น ปลายนิ้วเรียวยาววางลงบน

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1912

    “ระบบ ช่วยข้าตรวจนับสมบัติที แล้วนำของที่ดูออกว่าเป็นของโจรชัด ๆ ไปลงในแพลตฟอร์มซื้อขาย”กู้หว่านเยว่สั่งการ คนของหนานโย่วน่าจะมาถึงแล้ว“ขอรับ” น้ำเสียงของระบบพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อยอย่างน่าประหลาดทหารม้าของกองทัพซินเยว่แข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบมิได้ เพียงครู่เดียว ก็สามารถกำจัดหน่วยลาดตระเวนที่ปากถ้ำได้ทั้งหมด ขณะนี้ ชาวบ้านที่อยู่ข้างในก็เพิ่งหาทางออกเจอและวิ่งออกมา เมื่อเห็นศพนอนเกลื่อนกลาดอยู่นอกถ้ำ ต่างก็ตกตะลึงกันไปหมด “คนตายแล้ว คนตายแล้ว!”“รีบหนีเร็ว!”ทุกคนต่างพยายามวิ่งออกไปข้างนอกหนานโย่วหายใจติดขัด เขามองไปยังคนของกองทัพซินเยว่ ที่สำคัญคือเขาไม่รู้ว่าคนเหล่านี้มาที่นี่เพื่ออะไร หากพวกเขามาเพื่อสังหารชาวบ้าน ก็คงไม่ดีแน่ยังดีที่ชายผู้เป็นหัวหน้าโบกมือ คนของกองทัพซินเยว่ก็ถอยออกไปอย่างพร้อมเพรียง เปิดทางให้ชาวบ้านเหล่านี้“กลับไปยังมาตุภูมิของพวกเจ้าเถิด ต่อไปอย่าได้ถูกหลอกอีก”ชายผู้นั้นเอ่ยปาก น้ำเสียงทุ้มลึกน่าฟังเป็นพิเศษเหล่าชาวบ้านเพิ่งจะตระหนักได้ว่า แท้จริงแล้วชายผู้นี้มาเพื่อช่วยพวกเขา ต่างก็รีบคุกเข่าลงกับพื้นทันที“ขอบคุณท่านแม่ทัพที่ช่วยชีวิตพวกเร

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1911

    วันนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทีแรกเหล่าสหายที่อยู่นอกอุโมงค์เหมืองก็หมดสติไปครึ่งหนึ่งโดยไร้สาเหตุ จากนั้นก็มีกองทัพหนึ่งกองทัพมาอีก หรือว่าพวกเขาไปล่วงเกินใครเข้าโดยไม่ตั้งใจ?หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนคิดไปในทิศทางเดียวกับหนานโย่วอย่างรวดเร็ว เขาคาดเดาว่าที่เป็นเช่นนี้อาจเป็นเพราะพวกเขาลักพาตัวคนที่ไม่ควรลักพาตัวหรือไม่ จึงทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้“เฮ้ย!”หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนโบกมือทั้งสองข้าง พยายามจะเจรจา“อย่าเพิ่งวู่วาม มีอะไรก็พูดคุยกันดี ๆ พวกท่านต้องการอะไรก็บอกมาดูก่อนหากพวกเราพอจะทำให้ได้ ก็จะพยายามอย่างเต็มที่”เขาคิดว่า หากพลาดพลั้งจับคนของอีกฝ่ายมาผิด ก็แค่ปล่อยตัวไป ไม่จำเป็นต้องล่วงเกินกองทัพทั้งกองทัพ เพื่อคนเพียงคนเดียวหากเป็นที่รังเก่าของพวกเขาอย่างตลาดมืด แน่นอนว่าย่อมไม่กลัวกองทัพเพียงกองทัพเดียวทว่าวันนี้ในอุโมงค์เหมืองของพวกเขาเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมากเกินไป เขาจึงกังวลว่าอีกฝ่ายจะมีไม้ตายอยู่อีกสู้จับมือเป็นมิตรอาจจะดีกว่า ไม่แน่ว่าอาจได้สหายเพิ่มขึ้นมาอีกคนชายที่อยู่บนหลังม้าสีเงินขาวพลันยกมือซ้ายขึ้นเล็กน้อย ทหารม้าที่อยู่ด้านหลังก็หยุดลงอย่าง

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status