Share

บทที่ 11

Author: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
กู้หว่านเยว่ไม่ได้ช่วยซูจื่อชิงและซูจิ่นเอ๋อเย็บถุงหอม

บนเส้นทางการเนรเทศ ไม่มีคุณชายและคุณหนูผู้สูงส่ง ทุกคนต้องลงมือทำทุกอย่างด้วยตัวเอง

ซูจื่อชิงรับถุงหอม จากนั้นไปขอคำแนะนำจากนางหยาง

ซูจิ่นเอ๋อลังเลครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ด่าทออย่างรุนแรงอีกต่อไป หยิบเข็มและด้ายขึ้นมาลองเย็บดู

ทว่าดวงตาของนางกลับมองไปที่กู้หว่านเยว่เป็นครั้งคราว ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

เมื่อเห็นว่าขบวนยังพักอยู่ กู้หว่านเยว่หยิบผ้าขึ้นมาแล้วเดินไปที่ริมลำธาร จากนั้นก้มหน้าลงแล้วแอบหยิบยาสีฟันและแปรงสีฟันออกมาจากมิติเพื่อล้างหน้าแปรงฟัน

ไม่แปรงฟันปากเปื้อนไปหมด นางทนไม่ได้

ในที่ไม่ไกลนัก หลี่ซือซือก็กำลังวักน้ำจากลำธารมาล้างหน้าเช่นกัน หางตาเหลือบไปเห็นกู้หว่านเยว่ล้างหน้าเสร็จแล้ว และกำลังจ้องมองผิวน้ำอย่างตั้งใจ ใจของนางก็เต้นแรงขึ้นมา

อาศัยจังหวะที่ไม่มีใครอยู่รอบๆ ย่องเข้าไปใกล้กู้หว่านเยว่จากด้านหลัง จากนั้นยื่นมือออกไปผลักอย่างรุนแรง

“ว้าย!”

เสียงกรีดร้องดังขึ้น

กู้หว่านเยว่ที่มองเห็นการเคลื่อนไหวของนางจากเงาสะท้อนในน้ำตั้งแต่แรกแล้วจึงหลบไปด้านข้าง ไม่ลังเลที่จะถีบหลี่ซือซือที่กำลังเซไปเซมาลงไปในน้ำ

“ช่วยด้วย!”

หลี่ซือซือกลายเป็นลูกนกตกน้ำในทันที ตะเกียกตะกายอยู่ในลำธารอย่างน่าเวทนา

เมื่อคนในตระกูลซูได้ยินเสียงก็รีบมามุงดู ซูเช่อไม่พูดพร่ำทำเพลง กระโดดลงไปดึงหลี่ซือซือขึ้นมา

เสื้อผ้าของหลี่ซือซือเปียกไปหมด ชื้นแฉะแนบไปกับลำตัว เผยให้เห็นรูปร่างที่โค้งเว้าได้สัดส่วน ชายหนุ่มรอบข้างต่างจ้องมองตาไม่กะพริบ

ซูเช่อรีบถอดเสื้อคลุมออกมาคลุมตัวนางเอาไว้ หลี่ซือซือรู้สึกเสียใจและผลักเขาออก แล้วโผเข้าสู่อ้อมกอดของซูหวู่อวิ๋นที่เข้ามาช้า

“ซือซือ เจ้าตกลงไปในลำธารได้อย่างไร?”

น้ำในลำธารยามเช้าเย็นเฉียบ หลี่ซือซือหนาวจนฟันสั่นกระทบ นางจ้องมองกู้หว่านเยว่ด้วยความเกลียดชัง

“เป็นนาง นางจงใจถีบข้าลงไป”

นางจะไม่มีทางบอกว่านางเป็นคนคิดจะผลักกู้หว่านเยว่ลงไปก่อน เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีใครเห็น

ไม่มีใครรู้จักลูกสาวดีไปกว่าแม่ แค่สบตากันแวบเดียว ซูหวู่อวิ๋นก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแล้ว

นางดึงหลี่ซือซือมาไว้ด้านหลัง แล้วมองไปที่กู้หว่านเยว่ด้วยสายตาเป็นประกาย “กู้หว่านเยว่ เหตุใดเจ้าถึงใจร้ายขนาดนี้ ซือซือไปมีความแค้นอะไรกับเจ้า เจ้าถึงต้องทำร้ายนางเช่นนี้?”

กู้หว่านเยว่แบมือ “หลี่ซือซือผลักข้าก่อน ข้าไม่ถีบนางแล้วจะไปถีบใคร?”

“เจ้า...” ซูหวู่อวิ๋นหันไปร้องไห้กับซูจิ่งสิง พลางเอ่ยขึ้น “จิ่งสิง เมียเจ้าใจร้ายนัก เจ้าต้องให้ความยุติธรรมกับซือซือนะ”

หลี่ซือซือหันไปร้องไห้ออดอ้อนซูจิ่งสิงอย่างอ่อนแอ “พี่จิ่ง อย่าไปโกรธพี่สะใภ้เลย นางคงอิจฉาที่เราเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก...”

กู้หว่านเยว่มองซูจิ่งสิงด้วยสายตาเรียบเฉย หากเขากล้าพูดดีๆ กับหลี่ซือซือแม้เพียงประโยคเดียว หึ ๆ... นางจะหย่ากับเขาเดี๋ยวนี้

ขณะที่นางมองซูจิ่งสิงอยู่นั้น ซูจิ่งสิงก็มองนางเช่นกัน

โดยสัญชาตญาณ ซูจิ่งสิงไม่เชื่อว่ากู้หว่านเยว่จะเป็นคนใจแคบที่แอบทำร้ายผู้อื่นลับหลัง

แม้ว่าน้องสาวจะร้องไห้ราวกับดอกสาลี่ต้องหยาดฝน* แต่เขาก็ยังคงขมวดคิ้วแล้วเอ่ยขึ้น

“ข้าเชื่อหว่านเยว่ อีกอย่าง ข้าไม่มีเพื่อนที่เล่นกันมาตั้งแต่เด็ก”

เป๊าะ หัวใจของหลี่ซือซือแตกสลาย นางรู้สึกเหมือนเป็นตัวตลก

“พี่จิ่ง เหตุใดท่านถึงไม่เชื่อข้า เป็นกู้หว่านเยว่นั่นแหละที่จงใจถีบข้าลงไป ท่านดูสิที่ก้นข้ายังมีรอยรองเท้าของนางอยู่เลย...”

“พี่ใหญ่”

ซูจิ่นเอ๋อถือเข็มกับด้ายอยู่ข้าง ๆ มองอยู่นาน ในตอนนี้รวบรวมความกล้าและลุกขึ้นยืน

“ข้ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”

สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่นางอย่างพร้อมเพรียงกัน

หลี่ซือซือขยิบตาส่งสัญญาณให้นางอย่างเอาเป็นเอาตาย

ซูจิ่นเอ๋อสูดหายใจเข้าลึก ๆ หลบสายตาของนาง “ข้าเห็นพี่ซือซือพยายามผลักพี่สะใภ้ลงไป แต่พี่สะใภ้รู้ทัน พี่สะใภ้จึงถีบพี่ซือซือลงไป”

อืม เรียบเรียงได้ชัดเจนมาก

ทุกคนต่างเข้าใจในทันที ที่แท้หลี่ซือซือก็เป็นคนหาเรื่องก่อน

ถ้าเป็นอย่างนั้น ตามนิสัยของกู้หว่านเยว่ การถีบนางลงไปก็สมควรแล้ว

“ซูจิ่นเอ๋อ เหตุใดเจ้าถึงเข้าข้างนางตัวซวยนั่น...”

หลี่ซือซือสีหน้าซีดเผือด จ้องมองนางอย่างเคียดแค้น

ไม่นานนัก ซูจิ่นเอ๋อก็ถูกกู้หว่านเยว่ซื้อตัวไปแล้ว

เมื่อเห็นคนรอบข้างต่างชี้มาที่นาง หลี่ซือซือที่ถูกเปิดโปงต่อหน้าคนมากมายก็ทนไม่ไหว พาดเสื้อคลุมไว้บนไหล่แล้วรีบวิ่งหนีไป

“ขอบคุณมาก!”

คิดไม่ถึงเลยว่าซูจิ่นเอ๋อจะช่วยพูดแก้ต่างให้นาง กู้หว่านเยว่มองนางด้วยสายตาประหลาดใจ

ซูจิ่นเอ๋อยิ้มอย่างเขินอาย ก่อนหน้านี้นางโง่เขลาเกินไป แยกแยะดีชั่วไม่ออก แต่ต่อไปนี้นางจะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น!

เมื่อครอบครัวร่วมมือร่วมใจกัน ก็ไม่มีใครรังแกพวกเขาได้!

ในเวลานี้ กู้หว่านเยว่เอ่ยขึ้น

“พวกเจ้ารีบมาเก็บกิ่งไม้แห้งและวัชพืชริมลำธารนี่เร็ว เดี๋ยวเราจะก่อกองไฟ”

“ก่อกองไฟทำไมกัน?” อากาศก็ไม่ได้หนาว ทุกคนต่างมองนางด้วยความสงสัย

“เจ้าพูดว่าจะทำอะไร?”

กู้หว่านเยว่ก้มลง จับปลาตะเพียนตัวใหญ่ขึ้นมาจากลำธารหนึ่งตัว ที่แท้เมื่อครู่นางมองผิวน้ำอยู่ตลอด เพราะเห็นปลาที่อยู่ในน้ำ

“ปลา!”

ซูจื่อชิงและซูจิ่นเอ๋อต่างก็มามุงดู นางหยางก็ตบมือด้วยความดีใจ

พี่สะใภ้จับปลาเป็นด้วย เก่งมากเลย!

กู้หว่านเยว่หยิบมีดเล็กที่พกติดตัวออกมา จากนั้นผ่าท้องควักไส้ปลา ขอดเกล็ดและเหงือกปลาออกจนสะอาด แล้ว โยนลงในหม้อเหล็กที่ตั้งไฟไว้เพื่อต้มน้ำแกงปลา

ฝีมือทำอาหารของนางไม่ค่อยดีนัก แถมยังไม่มีน้ำมัน เกลือ ซีอิ๊ว น้ำส้มสายชู นางจึงค้นหาในมิติจนเจอเครื่องปรุงสำเร็จรูปสำหรับตุ๋นปลา แล้วแอบใส่ลงไปเงียบ ๆ

ไม่นานนัก กลิ่นหอมของน้ำแกงปลาก็ลอยออกมาจากในหม้อชวนให้น้ำลายสอ

กู้หว่านเยว่หยิบชามออกมาหลายใบ และตักน้ำแกงปลาให้ทุกคนคนละหนึ่งชาม

เมื่อถึงตาซูจิ่นเอ๋อ นางก็ลังเลครู่หนึ่ง ไม่กล้าเข้าไป

“ทำไม ยังต้องให้ข้าเชิญเจ้ามาซดอีกหรือ?”

กู้หว่านเยว่แกว่งชามไปมา

ซูจิ่นเอ๋อตกตะลึงเล็กน้อย เผยรอยยิ้มประหลาดใจ จากนั้นก้าวไปข้างหน้ารับชามมาด้วยความดีใจ

“เดี๋ยวพอกินเสร็จแล้ว ล้างชามเองด้วยนะ”

“อืม” ซูจิ่นเอ๋อพยักหน้าอย่างแรง

น้ำแกงที่ตุ๋นจากปลาตัวเดียว แบ่งให้คนในครอบครัวห้าคนก็ยังไม่พอ กู้หว่านเยว่จึงไม่ได้ชวนนักการมาร่วมซดด้วย

แต่กลิ่นหอมลอยไปถึงบ้านของตระกูลซู นางหลิวจึงเริ่มพูดจาประชดประชันอีกครั้ง

“บางคนน่ะ สนใจแค่ตัวเองกินดีอยู่ดี จนลืมผู้ใหญ่ไปหมดแล้ว ช่างไร้ความกตัญญูจริงๆ ไม่กลัวฟ้าผ่าลงโทษบ้างเลยหรือ”

นางหยางไม่เข้าใจสิ่งที่นางพูด ซูจื่อชิงและซูจิ่นเอ๋อก็ไม่สนใจนาง

กู้หว่านเยว่กลับยิ้มเยาะ “ถ้าฟ้าจะผ่าลงโทษ คนแรกที่จะโดนก็คือเจ้า”

นางหลิวไม่ได้อะไรจากกู้หว่านเยว่ จึงไปยุยงซูอวี่ ซูอวี่ถูกพ่อของเขาทรมานมาทั้งคืน ตอนนี้กำลังหิวโซ

เมื่อได้กลิ่นน้ำแกงปลาตะเพียนแสนอร่อย ก็น้ำลายไหล ดึงชายเสื้อของฮูหยินผู้เฒ่า

“ท่านย่า ข้าก็อยากซดน้ำแกงปลาเหมือนกัน ท่านรีบให้กู้หว่านเยว่เอาน้ำแกงปลามาให้ข้าซดหน่อย”

ฮูหยินผู้เฒ่าเลียริมฝีปาก ไม่ใช่แค่ซูอวี่คนเดียวที่อยากกิน

หญิงชราอย่างนางก็ไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่เช้าตรู่ พอได้กลิ่นหอมของน้ำแกงปลาก็อยากกินมาก

“หว่านเยว่ น้ำแกงปลาตั้งเยอะก็แบ่งให้พวกเราหน่อยเถอะ ถึงอย่างไรก็เป็นครอบครัวเดียวกัน”

กู้หว่านเยว่ไม่ใจอ่อนเลยสักนิด “ใครเป็นครอบครัวเดียวกับพวกเจ้า น้ำแกงปลาพวกเรากินเองก็ยังไม่พอ ถ้าอยากกินก็ไปจับปลากันเองสิ”

“จะ จะ เจ้า...” ฮูหยินผู้เฒ่าโกรธจนนิ้วสั่น

คนในตระกูลซูไม่ยอมแพ้ จึงวิ่งไปจับปลาที่ลำธารจริง ๆ

กู้หว่านเยว่เป็นผู้หญิงยังจับปลาได้ แล้วพวกเขาจะจับไม่ได้เชียวหรือ?

น่าขัน!

ในความเป็นจริงคือจับปลาก็ต้องมีเทคนิค คนในตระกูลซูใช้ชีวิตสุขสบาย ไม่เคยเห็นปลาเป็น ๆ ด้วยซ้ำ แล้วจะรู้วิธีจับปลาได้อย่างไร?

พวกเขาใช้เวลาอยู่ริมลำธารนานมาก จนเกือบจะตกไปในลำธาร ทำให้ตัวเองเปียกโชกไปหมด แต่ก็ยังจับปลาไม่ได้แม้แต่ตัวเดียว

เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่กินอิ่มหนำสำราญ ฮัมเพลงมาล้างหม้อ พวกเขาโกรธจนตาแดงก่ำ

“กู้หว่านเยว่ นางสารเลวหลอกพวกเรา ในลำธารมีปลาที่ไหนกัน?”

*ดอกสาลี่ต้องหยาดฝน เปรียบเทียบใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาของหญิงสาวกับดอกสาลี่ที่เมื่อร้องไห้ก็ยังดูงดงาม
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (3)
goodnovel comment avatar
Jaruayporn Kliengkhaw
อ่านแล้วสนุกมากคะ
goodnovel comment avatar
Dumpjea
กรรมตามสนองแหละ อยากตัดตัวซวย/คนพิการ พอเค้าได้ดี ก็ไม่ได้รับด้วย สมแล้ว
goodnovel comment avatar
วรรณดี ศาลาทอง
สนุกมากจริงๆค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 2258

    วันนี้เมื่อนึกขึ้นมาได้จึงรู้สึกว่าคนผู้นี้อาจเป็นคนเก่ง ดังนั้นจึงอาจหาญแนะนำใต้เท้าโจวพูดจบในคราวเดียว หน้าผากมีเหงื่อผุดซึมออกมาแล้ว จึงรีบใช้ชายแขนเสื้อเช็ด“ตอนนี้คนผู้นั้นอยู่ที่ใดหรือ?”ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีความสามารถนี้หรือไม่ อย่างไรก็ต้องเรียกมาพบก่อนลองสอบถามดูก่อนเผื่อสามารถสร้างเรือรบที่ออกทำศึกสงครามได้ ก็ไม่ถือว่าสูญเสียคนมีความสามารถไปโดยเปล่าประโยชน์ ขณะเดียวกันก็คลี่คลายสถานการณ์คับขันได้ด้วยใต้เท้าโจวรีบกล่าว “คนผู้นี้มีนามว่าฟางเฉียน เป็นเถ้าแก่ทำการค้าเรียบชายฝั่ง ตอนนี้คาดว่าน่าจะยังอยู่ในลี่สุ่ยที่กระหม่อมเคยรับราชการพ่ะย่ะค่ะ”ซูจิ่งสิงพยักหน้า เรื่องนี้จัดการไม่ยาก แค่ให้คนไปพาตัวอีกฝ่ายมาก็ได้แล้ว“ในเมื่อเจ้ารู้จักเถ้าแก่ฟางคนนี้ ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้ขอมอบให้เจ้าไปจัดการ ใต้เท้าโจว เราหวังว่าเจ้าจะออกเดินทางวันนี้ แล้วพาคนผู้นั้นกลับมาภายในเจ็ดวัน”ซูจิ่งสิงเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย ใต้เท้าโจวนึกไม่ถึงว่าซูจิ่งสิงจะเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะของตัวเอง จึงดีใจโดยพลัน รีบคุกเข่าลง“ฝ่าบาทโปรดวางใจ กระหม่อมจะไม่ทำให้พระองค์ผิดหวัง จะนำคนผู้นั้นกลับมาอย่างปลอดภั

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 2257

    เรือรบที่ซูจื่อชิงนำผู้ใต้บัญชาสร้างขึ้น ซูจิ่งสิงดูมาแล้ว แต่กลับมีปัญหาต้าฉีไม่สันทัดเรื่องสร้างเรือรบ ยิ่งไม่เคยทำศึกบนทะเลมาก่อนเรือรบที่ซูจื่อชิงพาผู้ใต้บัญชาสร้างขึ้น แม้จะดูยิ่งใหญ่อลังการมาก อานุภาพดูรุนแรง แต่กลับมีข้อบกพร่องที่อันตรายถึงชีวิตนั่นคือมีทุกสิ่งมารวมกัน เป็นเรือสารพัดประโยชน์ แต่ก็ไม่มีสิ่งใดโดดเด่นเลยอีกทั้งตัวเรือที่ออกแบบมีแกนกลางของเรือสูงเกินไป ทำให้ลงน้ำได้ไม่ลึก หากเจอลมพายุจะพลิกคว่ำได้ง่าย ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ออกรบไม่ได้เด็ดขาดเหล่าขุนนางต่างไม่เข้าใจ “ฝ่าบาท เรือรบนี้มีสิ่งใดไม่ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ?”ซูจิ่งสิงอธิบาย “เราเคยเห็นเรือรบของแคว้นอู๋วั่ง เล็กกะทัดรัด ปราดเปรียวอย่างมาก หากเรือรบของเราปะทะกับเรือรบของพวกเขา เกรงว่าคงไม่มีทางชนะ”เมื่อได้ยินซูจิ่งสิงอธิบายเช่นนี้ ใจของพวกเขาจมดิ่งไปกว่าครึ่ง“ตามที่ฝ่าบาทอธิบาย หากเรือรบของพวกเราปะทะกับเรือของพวกเขา น่าจะไม่มีทางชนะจริงๆ”“ทหารของพวกเราไม่เคยทำศึกบนทะเลมาก่อน ส่วนเรื่องเรือรบก็ไม่มีความรู้เลยสักนิด ไม่ต่างจากคนตาบอดจุดตะเกียงข้ามคลอง”เดิมซูจื่อชิงเตรียมการพร้อมแล้ว แต่นึกไม่ถึงว

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 2256

    ตอนเช้าเพิ่งตื่นมา พวกเขาสองคนก็รออยู่ด้านนอก เขากับกู้หว่านเยว่ยังไม่ได้กินอาหารเช้า“พวกเจ้าสองคนออกไปก่อน” ซูจิ่งสิงเห็นคนทั้งสองมองหน้ากันไปมา มีตาหามีแววไม่ จึงทำหน้าเข้มแล้วไล่แขกซูจื่อชิงถึงได้รู้สึกตัว แล้วยิ้มอย่างเขินอาย “พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่ยังไม่ได้กินอาหารเช้าสินะ? ถ้าอย่างนั้นน้องขอตัวลาไปก่อน ไว้ตอนบ่ายค่อยกลับมา”ซูจิ่งสิงพยักหน้า กู้หว่านเยว่ที่อยู่ข้างกันเห็นทั้งสองคนรีบจากไป จึงหันมองซูจิ่งสิงอย่างจนปัญญา“ดุเหลือเกิน”ซูจิ่งสิงกอดเอวกู้หว่านเยว่ ทำหน้าอาลัยอาวรณ์“ตอนนี้เรารู้แล้วว่าอะไรคือฮ่องเต้ไม่ว่าราชการตอนเช้าแล้ว”กู้หว่านเยว่ยื่นนิ้วมือออกมาแตะปลายจมูกซูจิ่งสิง“ฮ่องเต้พูดอย่างนี้ อยากเป็นทรราชหรือเพคะ”ซูจิ่งสิงกระแอมหนึ่งเสียง สีหน้าเปลี่ยนเป็นขึงขังไม่น้อยเขาย่อมไม่เป็นทรราชก็แค่พูดเล่นไปอย่างนั้นเอง“ไปกินอาหารเช้าก่อน กินอาหารเช้าเสร็จแล้วข้าจะไปจัดการธุระ เจ้าพักอยู่ในตำหนักให้ดี”เมื่อนึกถึงฎีกาที่กองพะเนินเหมือนภูเขา ซูจิ่งสิงขมวดคิ้วแน่นกู้หว่านเยว่พยักหน้า พอดีอาหารเช้าเป็นสิ่งที่นางชอบทั้งนั้น จึงกินอย่างเอร็ดอร่อยไปหนึ่งมื้อ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 2255

    ซูจิ้งได้เห็นภาพนี้ ความกังวลในใจลดลงไม่น้อยเขากังวลมาตลอดว่าซูจื่อชิงจะไม่รู้จักแยกแยะ แต่ดูจากตอนนี้ ลูกชายรู้จักแยกแยะมากกว่าผู้ใดเมื่อการทารข้าวฉันท์ครอบครัวจบลง กู้หว่านเยว่กับซูจิ่งสิงกลับไปในวัง ทั้งสองคนเดินทางติดต่อกัน ยามวิการก็ไม่อยากจัดการเรื่องใดอีก จึงพักผ่อนโดยตรงหลังนอนหลับเต็มอิ่ม เช้าวันรุ่งขึ้น ซูจื่อชิงมารออยู่ข้างนอกตั้งแต่เช้าตรู่ นอกจากนี้คนที่มาขอเข้าเฝ้ายังมีเว่ยเฉิง“องค์ชายน้อยล่ะ?”สายตาเว่ยเฉิงตัดพ้อ สอนได้แค่ไม่กี่วัน นักเรียนก็หายไปแล้วกู้หว่านเยว่ยิ้มแล้วให้ทั้งสองคนนั่ง “จ้านจ้านยังไม่กลับมา ยังอยู่ที่ราบแห่งความโกลาหล”เว่ยเฉิงถอนหายใจ แล้วกุมขมับอย่างจนปัญญา “เอาเถอะ เอาเถอะ ขอให้ตอนที่องค์ชายน้อยกลับมาอย่าลืมสิ่งที่กระหม่อมเคยสอนก็พอ”กู้หว่านเยว่สีหน้าขึงขัง “รอให้ได้พบเขา ข้าจะบอกเขาแทนราชครู ว่าท่านคิดถึงเขา”ใบหน้าเว่ยเฉิงแดงเถือก “กระหม่อมไม่ได้หมายความเช่นนั้น เพียงแต่เป็นห่วงว่าองค์ชายน้อยจะลืมทำการบ้าน แต่องค์ชายอายุยังน้อย ชอบเที่ยวเล่นก็เป็นเรื่องปกติ”เว่ยเฉิงไม่รู้เลย ที่จ้านจ้านยังอยู่ที่ราบแห่งความโกลาหลไม่ใช่เพื่อเที่

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 2254

    เดิมทีซูจิ่นเอ๋อร์พูดเช่นนี้โดยไม่มีเจตนา ทว่ากลับตรงใจกู้หว่านเยว่พอดิบพอดีความคิดของกู้หว่านเยว่ตรงกับซูจิ่นเอ๋อร์ ในเมื่อทำลายกระปุกพิษและสังหารฮ่องเต้ชีไปแล้ว ตอนนี้ทั่วทั้งแคว้นอู๋วั่งวุ่นวายโกลาหลไปหมด ไม่สู้ฉวยโอกาสนี้จัดการแคว้นอู๋วั่งให้สิ้นซากเสีย“ที่จิ่นเอ๋อร์ว่ามาไม่ผิดเลยสักนิด ในเมื่อพวกเขาไม่มีคุณธรรม ไม่สู้พวกเราก็หาโอกาสบุกไปโจมตีพวกเขาเสีย”กู้หว่านเยว่หันมองซูจิ่งสิง สองสามีภรรยาหารือกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว“ก่อนพวกเราจะกลับมา ข้าได้เขียนจดหมายถึงเจ้าหนึ่งฉบับ โดยให้เหยี่ยวทองส่งมา เจ้าได้รับหรือไม่?”ซูจื่อชิงได้ยินดังนั้น จึงรีบพยักหน้า“พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ จดหมายที่พวกท่านเขียนถึงข้า ข้าล้วนได้รับทั้งสิ้น อีกอย่างข้าได้สั่งการตามเนื้อหาในจดหมายแล้ว ช่วงเวลาที่ผ่านมาล้วนกำลังฝึกทหารเรือ”ซูจื่อชิงรีบกล่าว “ยังให้ผู้บัญชาการเรียบชายฝั่งเริ่มสร้างเรือรบ ตอนนี้น่าจะเสร็จไปพอสมควรแล้ว”ซูจิ่งสิงพยักหน้าอย่างพอใจ ตอนนี้ซูจื่อชิงทำงานได้น่าเชื่อถือมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว หนักแน่นกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย เขาจึงรู้สึกวางใจ“ส่วนเรื่องรายละเอียด ชั่วขณะหนึ่งข้าก็อธิบาย

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 2253

    ซูจิ่นเอ๋อร์ยิ้มอย่างดูแคลน “แม่สามีข้า...ตอนนี้นางยังเอาตัวไม่รอด จะมีเวลามาสนใจข้าได้อย่างไร”นางหยางยังไม่รู้สึกตัวซูจิ่นเอ๋อร์กลับเปลี่ยนหัวข้อ ไม่อยากพูดเรื่องนี้อีกต่อไปนางไม่ใช่เด็กสาวที่จริงใจต่อผู้อื่นโดยไม่คิดจะป้องกันตัวแม้แต่น้อยเหมือนในอดีตแล้ว ในเมื่อฮูหยินผู้เฒ่าฟู่ไม่อยากอยู่ร่วมกับนาง นางก็มีสารพัดวิธีทำให้อีกฝ่ายเจ็บใจ“ท่านแม่วางใจเถอะ บัดนี้พี่ใหญ่ของข้าเป็นฮ่องเต้ พี่รองเป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน ตระกูลฝั่งมารดาคือจวนกั๋วกง ตัวข้าเองก็เป็นองค์หญิงใหญ่ ไม่มีใครรังแกข้าได้หรอก”เมื่อก่อนซูจิ่นเอ๋อร์ขี้เกรงใจมากเกินไปคิดแต่อยากจะอยู่ร่วมกันกับคนสกุลฟู่ให้ดี ไม่อยากใช้อำนาจข่มใคร ไม่เคยวางท่าขององค์หญิงใหญ่ กลับทำให้พวกเขานึกว่าตัวเองรังแกได้ง่าย ๆแต่ลืมไปว่าสันดานคนก็คือรังแกผู้อ่อนแอกว่า พวกเขานึกว่าซูจิ่นเอ๋อร์รังแกได้ง่าย ๆ จึงยิ่งได้คืบจะเอาศอกนางหยางจับมือซูจิ่นเอ๋อร์อย่างคนที่เคยผ่านโลกมาแล้ว กล่าวเตือน “อย่าทำจนน่าเกลียดเกินไป อย่างไรก็เป็นมารดาของสามีเจ้า เขาอยู่ตรงกลางก็ลำบากใจ ระวังจะกระทบความสัมพันธ์ของพวกเจ้า”ซูจิ่นเอ๋อร์ถอนหายใจเฮือ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status