“ท่านตา ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ ฝากบอกต้าหยางด้วยว่าข้าวางค่าจ้างเอาไว้ให้เขาแล้ว”
“เอ้อ! เดินทางดี ๆ รีบ ๆ ไปเร็วเข้าเดี๋ยวไม่ทันคาราวาน เจ้าเด็กคนนี้นี่ยังไง ระวังด้วยอย่าวิ่งสิเดี๋ยวล้มนะ เอ๊ะ เสี่ยวหนิงซนขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน” ตาเฒ่าหวังโบกมือไล่หญิงสาวที่เอาแต่สั่งลา ไม่ยอมเข้าร่วมคาราวานเสียที
กลุ่มพ่อค้าด้านหลังค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกห่างจากหมู่บ้านมากขึ้นทุกทีทำให้ชายชราเริ่มเป็นกังวล เกรงว่าหญิงสาวจะตามไม่ทัน
“ท่านตา ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ รักษาสุขภาพตัวเองด้วย หากมีโอกาสข้าจะแวะมาเยี่ยมเยียนท่านอีกครั้งแน่นอน”
“เอ้อ ๆ กระโดดเบา ๆ โอ๊ย หัวใจข้าจะขาดแทนวิญญาณบิดามารดาเจ้าแล้วเสี่ยวหนิงเอ้ย!” เห็นหญิงสาวกระโดดเหยง ๆ ขึ้นเกวียนที่กำลังวิ่งเหยาะก็ใจหล่นวูบไปถึงตาตุ่ม โชคดีเหลือเกินที่เขาไม่มีหลานสาว หลานชายก็กำลังเล็ก
แต่พอนึกถึงหลานชายตัวน้อยที่ทำท่าลับ ๆ ล่อ ๆ รับปากทำงานให้เด็กหญิงตาเฒ่าก็อดสงสัยไม่ได้ ไม่รู้เด็กน้อยทั้งสองมีความลับอะไรกัน ไม่รู้เสี่ยวหนิงจ้างวานอะไรเจ้าเด็กหวังอี้หยาง
หนิงอันถอนหายใจโล่งอกเมื่อขึ้นเกวียนได้ทัน นางหันไปยิ้มให้เพื่อนร่วมทางที่ไม่คิดจะรอแถมยังเร่งเดินทางจนนางไม่ทันได้ร่ำลาใครเลย ดีเท่าไหร่ที่มีเฒ่าหวังมาส่ง อย่างน้อยเขาก็เป็นเพื่อนบ้านที่ดีคอยพึ่งพาอาศัยกันมาโดยตลอด เพียงแค่เฒ่าหวังมาส่งคนเดียวหนิงอันก็รู้สึกดีแล้ว
“นี่สาวน้อย เจ้าจะไปที่ใดหรือ วิ่งกระหืดกระหอบถึงเพียงนี้ ราวกับหนีอะไรมา” ในสายตาของเฒ่าหวังอาจดูเหมือนหนิงอันเป็นเด็กหญิงแสนซน แต่สำหรับผู้ที่เดินทางพบเจอเรื่องราวมามากอย่างต้าเซ่าไม่คิดเช่นนั้น
หนิงอันมองชายตัวโตที่นั่งอยู่บนเกวียนเดียวกัน คน ๆ นี้คือผู้คุ้มกันของขบวนคาราวาน คิดว่าเขาน่าจะเป็นหัวหน้า
“ท่านลุงคิดว่าข้าหนีอะไรหรือเจ้าคะ ท่านเห็นหรือไม่” กล่าวถามทั้งรอยยิ้มแล้วผายมือลงไปด้านหลัง ไม่มีสิ่งใดตามนางมาจริง ๆ ไม่มีความวุ่นวายอย่างที่ต้าเซ่าคิด แต่หญิงสาวผู้นี้ราวกับกำลังหนีบางสิ่ง
“ใครจะไปรู้ว่าเจ้าหนีอะไร เจ้ารู้อยู่แก่ใจดี!” ว่าแล้วก็ส่งเสียง เฮอะ ในลำคอ หันไปอีกด้าน ต้าเซ่ายังเชื่อสัญชาตญาณของตนเอง หญิงสาวนางนี้หนีบางสิ่งมาอย่างแน่นอน ดูสีแดงดำคล้ำที่ป้ายไปบนตัวนั่นสิ อย่างไรก็ดูไม่ปกติ
หนิงอันที่ไม่รู้ว่าการปลอมตัวของตนเองถูกมองออกหันไปยิ้มให้นกให้ไม้อย่างสบายใจ จะไม่ให้สบายใจได้อย่างไร รถเกวียนวิ่งมาเกือบถึงเมืองแล้วแต่ยังไม่มีแม้แต่วิญญาณโจรออกมาให้ตกใจ
‘นี่สิจึงเรียกว่าการใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยในฐานะผู้มีโอกาสกลับมาในอดีตถึงสองครั้ง’ คิดแล้วก็เสียดายชีวิตในครั้งที่สองไม่น้อย แม้ข้อดีจะมีมาก แต่หากนางคิดวิเคราะห์ให้ดีกว่านั้น อาจทำให้มีชีวิตยืนยาวและทำประโยชน์ได้มากกว่าเดิมก็เป็นได้
แต่คิดเสียใจเรื่องในอดีตไปก็เปล่าประโยชน์ คิดทำวันนี้ให้ดีที่สุดจะดีกว่า
“ถึงเมืองแล้ว เจ้าจะไปที่ใดต่อสาวน้อย”
“ท่านลุงเป็นห่วงข้าหรือเจ้าคะ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราพบกันแล้ว หรือว่า…” หนิงอันเงยหน้าขึ้นมองคนตัวโต ต้องบอกว่าเมื่ออยู่ในหอนางโลมนางก็ได้รับวิธีการสังเกตสีหน้าของผู้คนเพิ่มขึ้นมา ทำให้มองเห็นได้ว่าสีหน้าของชายตัวโตมีความประหม่าไม่น้อย
“...” ต้าเซ่าตะลึง เขาคิดไม่ถึงว่าจะสนใจความเป็นไปของเด็กสาวมากขนาดนี้เช่นกัน เพราะปกติก็ใส่ใจแต่การทำงานของตนเอง
“ท่านลุงคิดว่าข้าเป็นตัวแทนของผู้ใดหรือเปล่าเจ้าคะ”
ต้าเซ่าเบิกตาเล็กน้อย ก่อนหรี่ตามองหญิงสาว
“เจ้าจะไปรู้อะไร รีบ ๆ ไปให้พ้น ก่อนที่ข้าจะคิดเงิน”
“น่า ท่านลุงจะรีบไล่ข้าไปไย หากข้าไม่มีที่ไปเล่า”
“เกี่ยวอะไรกับข้า” คนตัวโตทำเป็นปากแข็ง แต่หนิงอันพบว่าเขาเป็นคนปากร้ายแต่ใจดี จึงนั่งบนเกวียนต่ออย่างดื้อดึง เริ่มเอ่ยปากถาม
“พวกท่านลุงจะไปที่ใดหรือเจ้าคะ ไม่แวะเมืองนี้ก่อนหรอกหรือ”
“ไม่!”
เพราะอย่างนี้เกวียนเลยไม่หยุดลง ล้อยังคงหมุนต่อไปเรื่อย ๆ ผ่านกลางเมืองก็เพื่อความสะดวกในการเดินทางเท่านั้น มีแวะเพียงไม่กี่ร้านก่อนจะออกเดินทางต่อ บ่งบอกว่าไม่มีความคิดจะพักในเมืองจริง ๆ
“พวกท่านจะไปเมืองท่าทางเหนือหรือไม่ ข้าสามารถติดตามไปด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่ได้ ลงจากเกวียนของข้าได้แล้ว” ต้าเซ่ายังคงมีท่าทางเคร่งขรึมไม่เปลี่ยน นึกสงสัยว่าเหตุใดแม่หนูผู้นี้ดูไม่เกรงกลัวเขาที่ได้ชื่อว่าทำให้เด็กร้องไห้เพียงแค่เห็น
หากว่าผู้หญิงคนเดิมของเขายังเป็นหนิงอันผู้แสนดี ร่าเริง และเป็นดั่งแสงสว่างอยู่เสมอเช่นนี้ เขาก็ไม่สามารถรักใครได้อีก“ความสงบเดียวของข้ากำลังจะจากไป อย่ามาทำเสียงวุ่นวายข้างหูข้าอีก!” ชุนหรงปลดปล่อยความกดดัน แต่ดูเหมือนหัวหน้าองครักษ์เงาจะไม่กลัว แม้กระอักเลือดออกมาคำโตก็ยังพูดต่อ“แค่ก ๆ นายท่าน นี่เกี่ยวกับหญิงสาวที่หอนางโลม”“เกิดอะไรขึ้นกับนาง…ผู้อาวุโสสาม?”ชุนหรงหันไปมอง ก่อนจะชะงักไป เขาผุดลุกขึ้นและมุ่งหน้าไปยังหอนางโลมทันที‘หนิงอัน อย่าเป็นอะไรไปนะ’เห็นท่าทางร้อนใจของนายท่านองครักษ์เงาก็รีบตามไปขณะเดียวกันก็เล่าสิ่งที่เขาสืบพบขึ้นมา“ผู้อาวุโสสามต้องการใช้ยาควบจิต เพื่อควบคุมจิตใจและทำให้นางหลงไหลในตัวท่าน นายท่าน…เขาต้องการใช้นางเป็นหุ่นเชิดเพื่อควบคุมท่านอีกทีต่างหาก”“บัดซบ!” ชุนหรงหน้ามืดจนเท้าลื่น เกือบจะตกจากหลังคาบ้านใครก็ไม่รู้เด็ก ๆ ที่เงยหน้าขึ้นมองเห็นคนกระโดดผ่านไปล้วนแต่ตกใจร้องไห้จ้า องครักษ์เงาบางคนรีบเอาลูกกวาดไปหลอ
คิดแล้วก็อดขำในใจไม่ได้ตอนนั้นหนิงอันหัดปักผ้า คนแรกที่นางนึกถึงก็คือตัวเขา แต่ชุนหรงคิดว่านางมีชายคนอื่นที่ต้องการมอบผ้าเช็ดหน้าผืนแรกให้ ไหน้ำส้มเขาแตกใส่ตัวเองอย่างไม่รู้ตัวหลังจากนั้นเมื่อเห็นผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นทีไร ก็อดหัวเราะไม่ได้ทุกทีนางมีเพียงเขาในชีวิต เขาก็มีเพียงหนิงอันเช่นเดียวกัน ชายหนุ่มรู้สึกว่าการที่ตนเองรักษาความบริสุทธิ์มาตลอดชีวิตนั้นคุ้มค่าอย่างยิ่ง และเขาพร้อมที่จะมอบมันให้หนิงอันแต่เพียงผู้เดียว“เป็นข่าวดีมาก ๆ ด้วย ท่านต้องร่วมยินดีกับข้านะ”มองหญิงสาวกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย ดวงตาของเขาราวกับจะยิ้มได้ ชุนหรงไม่รู้ว่าเรื่องอะไรที่นางตื่นเต้นยินดีถึงเพียงนี้ แต่เขารู้สึกยินดีด้วยจริง ๆ“ข้ากำลังจะไถ่ตัวออกจากที่นี่ ข้ากำลังจะเป็นอิสระแล้ว!”คำถามแรกที่ผุดขึ้นในใจคือตนได้ยินผิดไปหรือไม่ เมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า ชุนหรงก็รู้ว่าตนไม่ได้ยินผิดไป หนิงอันต้องการไถ่ตัวออกจากหอนางโลมนี้จริง ๆ“...” เขาอยากจะถามว่าทำไม แต่บางอย่างตีบตันอยู่ในลำคอ ราวกับตนเองโดนคนที่รักมากทอดทิ้ง เขายังไม่ทันได้สา
แต่จนแล้วจนเล่า นอกจากเฝ้ามองห่าง ๆ ชุนหรงก็ไม่ได้ทำอะไรอีก เมื่อสังเกตเห็นว่าของมีค่าต่าง ๆ ไม่เข้าตาหญิงสาว เขาก็ตัดสินใจแอบดูเพื่อสังเกตว่านางชื่นชอบอะไรกันแน่ชายหนุ่มเกือบโมโหทันทีเมื่อได้ยินรายงาน“นางมักจะแอบนัดพบกับคนเฝ้าประตู มีการติดต่อกันอย่างลับ ๆ หลายครั้ง ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องอะไร นายท่านต้องการให้ข้าสอบสวนหรือไม่” องครักษ์เงาไม่ได้ทำเกินหน้าที่ เขาเกรงว่าผิดพลาดนิดเดียวจะโดนทำโทษ จึงกลับมารายงานก่อน“สอบสวนคนเฝ้าประตู” แน่นอนชุนหรงอยากรู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคืออะไร ตอนนี้ในใจเขาราวกับมีไฟเผา มันเป็นความรู้สึกราวกำลังมีคนต้องการแย่งของเล่นกับตนเอง และเขาไม่มีวันยอมให้ถูกแย่งไป“...” องครักษ์ลับกลับมาด้วยสีหน้าพูดไม่ออกเล็กน้อย“ตกลงได้ความว่ายังไง พวกเขาเป็นอะไรกัน”“คือ…คนเฝ้าประตูกล่าวทั้งน้ำตาว่า ทั้งคู่ไม่ได้เป็นอะไรกันจริง ๆ ขอรับนายท่าน”“เช่นนั้นมีเหตุผลอะไรต้องแอบลักลอบพบกัน!” ชุนหรงไม่เชื่อ ชายหญิงแอบพบกันในที่ลับตา จะมีอะไรไปได้น
ตอนพิเศษจอมมารกับนางโลมอันดับหนึ่งเลือดถูกชโลมลงบนพื้นไหลออกมาจากร่างที่เคยถูกกล่าวว่าเป็นสาวงามอันดับหนึ่ง สอง สาม หรืออันดับใดก็แล้วแต่เมื่อพวกนางเลือกที่จะปีนเตียง ‘จอมมาร’ ประมุขวังมารผู้นี้ก็ล้วนมีจุดจบเดียวมอบให้คือความตายแต่เพื่อให้ประมุขได้มีผู้สืบทอดต่อไปผู้อาวุโสเหล่านั้นยอมทำทุกวิถีทาง ในตอนแรกพวกเขาส่งลูกหลานของตนเองขึ้นมาเพื่อสั่งสมอำนาจ แต่หลังจากได้รับรู้ความโหดเหี้ยมไร้หัวใจของผู้เป็นนาย เหล่าผู้อาวุโสก็ไม่กล้าส่งลูกหลานไปตายอีกพวกเขาค่อย ๆ เลือกจากลูกหลานผู้ใต้บังคับบัญชา หญิงงามประจำเมืองและแคว้นต่าง ๆ องค์หญิงจนถึงบุตรสาวของขุนนางที่ต้องการอำนาจของวังมาร ทุกคนล้วนหลงกลคำลวงของเหล่าผู้อาวุโสและส่งลูกหลานซึ่งเป็นถึงหญิงงามมาตายคนแล้วคนเล่าที่รอดไปได้ก็กลายเป็นบ้า!ข่าวลือเริ่มหนาหูว่าท่านจอมมารไม่มีความรักหยกถนอมบุปผา อย่าว่าแต่ให้ถนอมเลย แค่ให้แตะต้องก็ว่ายากแล้วสุดท้ายเหล่าผู้อาวุโสก็ยอมแพ้ เวลาล่วงเลยไปกว่าห้าปีหลังจากที่ยอมแพ้เรื่องทายาทของผู้เป็นนาย ในที่สุดก็มีคนคิดเรื่อ
“จอมเผด็จการ”“นั่นคือคำจำกัดความโดยทั่วไปของจอมมาร” ชุนหรงลอยหน้าลอยตาอย่างน่าหมั่นไส้ สุดท้ายก็กลับเข้าเรื่องอีกครั้ง“ให้ข้าเล่าต่อ ในตอนนั้นพวกเขายอมแพ้ไปราวห้าปี แต่ก็เริ่มกลับมาหาวิธีอื่น”“วิธีอื่นคือส่งท่านเข้าหอนางโลม?” หนิงอันคิดว่าน่าจะเป็นเพราะเหตุนี้ทำให้นางได้พบกับชุนหรง คงต้องขอบคุณผู้อาวุโสเหล่านั้นจริง ๆ“ใช่” ไม่ปฏิเสธเลยว่าเพราะเหตุนั้นทำให้เขาได้พบกับภรรยาที่รัก นึกขอบคุณผู้อาวุโสเหล่านั้น คงต้องให้วันหยุดพวกเขาได้พักผ่อนอยู่กับครอบครัวบ้างเพื่อตอบแทน“ข้าได้พบกับเจ้าตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้าไป มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นทำให้ข้าไปอยู่ตรงนั้น เจ้าอาจเข้าใจผิดว่าข้าคือองครักษ์ของหอนางโลมเนื่องจากเจ้าเพิ่งมาใหม่” หน้าตาของจอมมารเป็นที่รู้จักกันทั่วเมือง หลังจากวันนั้นเขาถึงได้เปลี่ยนชุดที่สวมจากดำเป็นขาวและสวมหน้ากากเพื่อเข้าหานาง“ท่านเลยปลอมตัวเพื่อเข้าหาข้า ท่านตกหลุมรักข้าตั้งแต่แรกพบ”“ใช่” ชุนหรงไม่ยอมรับเด็ดขาดว่าเป็นเพรา
กลับมาทางวังมาร เรือนลับของจอมมารตอนนี้บรรยากาศภายในเรือนเงียบลงเล็กน้อยเมื่อไม่มีต้าเซ่า หนิงอันขยับตัวลุกขึ้นเดินด้วยตัวเอง ชุนหรงก็รีบเข้าไปประคองนางเดินทันที“ข้าเดินเองได้”“ข้ารู้ แต่หากเป็นไปได้ข้าอยากอุ้มอาอันตลอดเวลาด้วยซ้ำ ถ้าเจ้าไม่ว่าอะไร”“ข้าตัวหนัก” หนิงอันกล่าวปฏิเสธกลาย ๆ“ไม่หนักแม้แต่น้อย แม้อาอันจะตัวใหญ่เท่าพ่อครัวใหญ่ของวังมาร ข้าก็ยังอยากอุ้มเจ้าอยู่ดี”หนิงอันไม่เคยเห็นพ่อครัวใหญ่ของวังมาร แต่เชื่อว่าเขาต้องเป็นชายร่างใหญ่รูปร่างอ้วนท้วมสมบูรณ์อย่างแน่นอน ให้นางอ้วนขนาดนั้นคงไม่ไหว ชุนหรงนี่ช่างเอาใจเหลือเกิน“อย่าคิดว่าพูดเอาใจแล้วข้าจะไม่คิดบัญชีกับท่าน”“...” ชุนหรงที่ถูกจับได้ ทำได้เพียงใช้สายตากลมโตไร้เดียงสามองหน้าว่าที่ภรรยาราวกำลังบอกว่า‘ข้าเป็นคนดีของศรีภรรยาคนเดียวจริง ๆ นะ’ “ในเมื่อเหลือแค่เราแล้ว เรามีเรื่องต้องคุยกัน”ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ของภรรยา คนเป็นสามีอย่างชุนหรงราวกับเกิดปฏิกริยาอย่างไม่รู้ตัว มือของเขาเริ่มอย