“เหลือโอกาสอีกเพียงชีวิตเดียวเท่านั้น ข้าจะต้องไม่ตายเร็วเหมือนสองชีวิตที่ผ่านมาเด็ดขาด!” การมีอายุยืนยาวถือเป็นเป้าหมายสูงสุดในชีวิตนี้
หญิงสาวรูปร่างอรชรสวมชุดชาวบ้านราวกับผ้าขี้ริ้วเมื่อเทียบกับชุดของนางโลมหรือภรรยาขุนนางในสองชีวิตแรก แต่ทั้งชุดกลับสะอาดสะอ้านบ่งบอกว่าเจ้าตัวเป็นคนรักสะอาด คงมีแต่หน้าตาที่เปรอะเปื้อนฝุ่นและคราบน้ำตา รวมกับผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงทำให้นางดูไม่ได้นัก
“แม่นาง เจ้าอยู่บ้านหรือไม่” เสียงเรียกจากหน้ากระท่อมทรุดโทรมของครอบครัวหนิง ทำให้หนิงอันพลันได้สติ
‘ที่ควรมาก็มาแล้วสินะ’ สิ่งนี้ยังคงเกิดขึ้นไม่ว่าในชีวิตไหน เดินออกไปหน้ากระท่อม เห็นชายร่างสูงโปร่งใบหน้าท่าทางสุภาพอย่างปัญญาชน แม้เสื้อผ้าจะเก่ามีรอยปะชุนแต่ก็สะอาดเรียบร้อย คนผู้นี้คือสามีเก่าในชีวิตแรก ‘บัณฑิตหาน’
“ท่านหานมาหาข้า มีธุระอันใดหรือ” หนิงอันเอียงคอสงสัย มือปาดน้ำตาออกจากหน้าโดยไม่มีท่าทางเหนียมอาย แต่นั่นทำให้ใบหน้าของนางยิ่งเลอะเปรอะเปื้อนมองไม่เห็นเค้าคนงาม
ชายหนุ่มแอบเบะปากหน้าแหยเมื่อเห็นท่าทางสกปรกของหญิงสาว แม้นางจะมีเหตุผลเนื่องจากเพิ่งสูญเสียคนสนิทสุดท้ายไป แต่อย่างไรเขาก็รู้สึกว่าช่างสกปรกเกินจะทน
“แม่นาง ข้าได้ยินข่าวการเสียชีวิตของท่านยายหนิง จึงอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงแม่นางหนิงที่เหลืออยู่ตัวคนเดียว”
“พี่ชายท่านนี้ ข้าเหลือตัวคนเดียว หากท่านมาให้ความสนิทสนมเช่นนี้ ไม่กลัวว่าข้าจะยึดติดกับท่านหรือเจ้าคะ” หนิงอันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น ทำให้ชายหนุ่มไม่ทันจับสังเกตว่านางพูดคมคายผิดแผกจากหญิงสาวชาวบ้านทั่วไป
“ยึดติดแล้วอย่างไร หากสามารถช่วยให้เจ้าคลายทุกข์ หายเศร้าได้ บัณฑิตผู้นี้ก็ยินดี”
หนิงอันรู้สึกว่าเขาช่างโอ้อวดเหลือเกิน คิดว่าการเข้ามาในชีวิตของคน ๆ หนึ่งแล้วจะทำให้คนผู้นั้นหายเศร้าได้เช่นนั้นหรือ นางในชีวิตแรกลืมสมองไว้ในท้องแม่หรืออย่างไร ไม่รู้เหตุใดจู่ ๆ ก็มีคำนี้ผุดขึ้นมาในหัว
“พี่ชายท่านนี้…ขออภัยข้าไม่เคยรู้จักท่านมาก่อน แต่ท่านมาทำท่าทางเช่นนี้ทำให้ข้ารู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก ข้าได้ยินว่ามีบัณฑิตหนุ่มผู้หนึ่งอาศัยอยู่ท้ายหมู่บ้าน ทั้งยังสอบได้ซิ่วไฉเป็นผู้มีความรู้และพรสวรรค์สูงส่ง”
“...”ได้ยินคำพูดยกยอจากสาวน้อย ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะยืดอก ก่อนจะแทบกระอักเลือดเมื่อได้ยินคำกล่าวต่อมาขอนาง
“แต่ขออภัยด้วยพี่ชาย ข้านั้นเป็นสาวชาวนาไร้ความรู้ไม่มีความสามารถ รู้เพียงแค่ว่าการเรียนต้องใช้เงินเยอะ ข้าคงไม่เหมาะจะสนิทสนมและทำให้ท่านบัณฑิตแปดเปื้อน”
“แต่แม่นาง ข้าไม่คิดมาก ข้าหวังเพียงช่วยเจ้าคลายเศร้าเท่านั้น”
“พี่ชายท่านนี้ ในเมื่อเอ่ยอ้อม ๆ แล้วท่านไม่เข้าใจ สาวชาวนาผู้นี้ขอพูดกับท่านตรง ๆ เลยแล้วกัน”
“...” ขณะที่หนิงอันและชายหนุ่มกำลังสนทนากัน มีหลาย ๆ คนที่มาเยี่ยมหนิงอันเพื่อแสดงความเสียใจและค่อย ๆ รวมตัวกันเมื่อเห็นบัณฑิตหานกำลังสนทนากับนาง ตอนนี้พวกเขาเริ่มที่จะซุบซิบแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
หากว่าผู้หญิงคนเดิมของเขายังเป็นหนิงอันผู้แสนดี ร่าเริง และเป็นดั่งแสงสว่างอยู่เสมอเช่นนี้ เขาก็ไม่สามารถรักใครได้อีก“ความสงบเดียวของข้ากำลังจะจากไป อย่ามาทำเสียงวุ่นวายข้างหูข้าอีก!” ชุนหรงปลดปล่อยความกดดัน แต่ดูเหมือนหัวหน้าองครักษ์เงาจะไม่กลัว แม้กระอักเลือดออกมาคำโตก็ยังพูดต่อ“แค่ก ๆ นายท่าน นี่เกี่ยวกับหญิงสาวที่หอนางโลม”“เกิดอะไรขึ้นกับนาง…ผู้อาวุโสสาม?”ชุนหรงหันไปมอง ก่อนจะชะงักไป เขาผุดลุกขึ้นและมุ่งหน้าไปยังหอนางโลมทันที‘หนิงอัน อย่าเป็นอะไรไปนะ’เห็นท่าทางร้อนใจของนายท่านองครักษ์เงาก็รีบตามไปขณะเดียวกันก็เล่าสิ่งที่เขาสืบพบขึ้นมา“ผู้อาวุโสสามต้องการใช้ยาควบจิต เพื่อควบคุมจิตใจและทำให้นางหลงไหลในตัวท่าน นายท่าน…เขาต้องการใช้นางเป็นหุ่นเชิดเพื่อควบคุมท่านอีกทีต่างหาก”“บัดซบ!” ชุนหรงหน้ามืดจนเท้าลื่น เกือบจะตกจากหลังคาบ้านใครก็ไม่รู้เด็ก ๆ ที่เงยหน้าขึ้นมองเห็นคนกระโดดผ่านไปล้วนแต่ตกใจร้องไห้จ้า องครักษ์เงาบางคนรีบเอาลูกกวาดไปหลอ
คิดแล้วก็อดขำในใจไม่ได้ตอนนั้นหนิงอันหัดปักผ้า คนแรกที่นางนึกถึงก็คือตัวเขา แต่ชุนหรงคิดว่านางมีชายคนอื่นที่ต้องการมอบผ้าเช็ดหน้าผืนแรกให้ ไหน้ำส้มเขาแตกใส่ตัวเองอย่างไม่รู้ตัวหลังจากนั้นเมื่อเห็นผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นทีไร ก็อดหัวเราะไม่ได้ทุกทีนางมีเพียงเขาในชีวิต เขาก็มีเพียงหนิงอันเช่นเดียวกัน ชายหนุ่มรู้สึกว่าการที่ตนเองรักษาความบริสุทธิ์มาตลอดชีวิตนั้นคุ้มค่าอย่างยิ่ง และเขาพร้อมที่จะมอบมันให้หนิงอันแต่เพียงผู้เดียว“เป็นข่าวดีมาก ๆ ด้วย ท่านต้องร่วมยินดีกับข้านะ”มองหญิงสาวกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย ดวงตาของเขาราวกับจะยิ้มได้ ชุนหรงไม่รู้ว่าเรื่องอะไรที่นางตื่นเต้นยินดีถึงเพียงนี้ แต่เขารู้สึกยินดีด้วยจริง ๆ“ข้ากำลังจะไถ่ตัวออกจากที่นี่ ข้ากำลังจะเป็นอิสระแล้ว!”คำถามแรกที่ผุดขึ้นในใจคือตนได้ยินผิดไปหรือไม่ เมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า ชุนหรงก็รู้ว่าตนไม่ได้ยินผิดไป หนิงอันต้องการไถ่ตัวออกจากหอนางโลมนี้จริง ๆ“...” เขาอยากจะถามว่าทำไม แต่บางอย่างตีบตันอยู่ในลำคอ ราวกับตนเองโดนคนที่รักมากทอดทิ้ง เขายังไม่ทันได้สา
แต่จนแล้วจนเล่า นอกจากเฝ้ามองห่าง ๆ ชุนหรงก็ไม่ได้ทำอะไรอีก เมื่อสังเกตเห็นว่าของมีค่าต่าง ๆ ไม่เข้าตาหญิงสาว เขาก็ตัดสินใจแอบดูเพื่อสังเกตว่านางชื่นชอบอะไรกันแน่ชายหนุ่มเกือบโมโหทันทีเมื่อได้ยินรายงาน“นางมักจะแอบนัดพบกับคนเฝ้าประตู มีการติดต่อกันอย่างลับ ๆ หลายครั้ง ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องอะไร นายท่านต้องการให้ข้าสอบสวนหรือไม่” องครักษ์เงาไม่ได้ทำเกินหน้าที่ เขาเกรงว่าผิดพลาดนิดเดียวจะโดนทำโทษ จึงกลับมารายงานก่อน“สอบสวนคนเฝ้าประตู” แน่นอนชุนหรงอยากรู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคืออะไร ตอนนี้ในใจเขาราวกับมีไฟเผา มันเป็นความรู้สึกราวกำลังมีคนต้องการแย่งของเล่นกับตนเอง และเขาไม่มีวันยอมให้ถูกแย่งไป“...” องครักษ์ลับกลับมาด้วยสีหน้าพูดไม่ออกเล็กน้อย“ตกลงได้ความว่ายังไง พวกเขาเป็นอะไรกัน”“คือ…คนเฝ้าประตูกล่าวทั้งน้ำตาว่า ทั้งคู่ไม่ได้เป็นอะไรกันจริง ๆ ขอรับนายท่าน”“เช่นนั้นมีเหตุผลอะไรต้องแอบลักลอบพบกัน!” ชุนหรงไม่เชื่อ ชายหญิงแอบพบกันในที่ลับตา จะมีอะไรไปได้น
ตอนพิเศษจอมมารกับนางโลมอันดับหนึ่งเลือดถูกชโลมลงบนพื้นไหลออกมาจากร่างที่เคยถูกกล่าวว่าเป็นสาวงามอันดับหนึ่ง สอง สาม หรืออันดับใดก็แล้วแต่เมื่อพวกนางเลือกที่จะปีนเตียง ‘จอมมาร’ ประมุขวังมารผู้นี้ก็ล้วนมีจุดจบเดียวมอบให้คือความตายแต่เพื่อให้ประมุขได้มีผู้สืบทอดต่อไปผู้อาวุโสเหล่านั้นยอมทำทุกวิถีทาง ในตอนแรกพวกเขาส่งลูกหลานของตนเองขึ้นมาเพื่อสั่งสมอำนาจ แต่หลังจากได้รับรู้ความโหดเหี้ยมไร้หัวใจของผู้เป็นนาย เหล่าผู้อาวุโสก็ไม่กล้าส่งลูกหลานไปตายอีกพวกเขาค่อย ๆ เลือกจากลูกหลานผู้ใต้บังคับบัญชา หญิงงามประจำเมืองและแคว้นต่าง ๆ องค์หญิงจนถึงบุตรสาวของขุนนางที่ต้องการอำนาจของวังมาร ทุกคนล้วนหลงกลคำลวงของเหล่าผู้อาวุโสและส่งลูกหลานซึ่งเป็นถึงหญิงงามมาตายคนแล้วคนเล่าที่รอดไปได้ก็กลายเป็นบ้า!ข่าวลือเริ่มหนาหูว่าท่านจอมมารไม่มีความรักหยกถนอมบุปผา อย่าว่าแต่ให้ถนอมเลย แค่ให้แตะต้องก็ว่ายากแล้วสุดท้ายเหล่าผู้อาวุโสก็ยอมแพ้ เวลาล่วงเลยไปกว่าห้าปีหลังจากที่ยอมแพ้เรื่องทายาทของผู้เป็นนาย ในที่สุดก็มีคนคิดเรื่อ
“จอมเผด็จการ”“นั่นคือคำจำกัดความโดยทั่วไปของจอมมาร” ชุนหรงลอยหน้าลอยตาอย่างน่าหมั่นไส้ สุดท้ายก็กลับเข้าเรื่องอีกครั้ง“ให้ข้าเล่าต่อ ในตอนนั้นพวกเขายอมแพ้ไปราวห้าปี แต่ก็เริ่มกลับมาหาวิธีอื่น”“วิธีอื่นคือส่งท่านเข้าหอนางโลม?” หนิงอันคิดว่าน่าจะเป็นเพราะเหตุนี้ทำให้นางได้พบกับชุนหรง คงต้องขอบคุณผู้อาวุโสเหล่านั้นจริง ๆ“ใช่” ไม่ปฏิเสธเลยว่าเพราะเหตุนั้นทำให้เขาได้พบกับภรรยาที่รัก นึกขอบคุณผู้อาวุโสเหล่านั้น คงต้องให้วันหยุดพวกเขาได้พักผ่อนอยู่กับครอบครัวบ้างเพื่อตอบแทน“ข้าได้พบกับเจ้าตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้าไป มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นทำให้ข้าไปอยู่ตรงนั้น เจ้าอาจเข้าใจผิดว่าข้าคือองครักษ์ของหอนางโลมเนื่องจากเจ้าเพิ่งมาใหม่” หน้าตาของจอมมารเป็นที่รู้จักกันทั่วเมือง หลังจากวันนั้นเขาถึงได้เปลี่ยนชุดที่สวมจากดำเป็นขาวและสวมหน้ากากเพื่อเข้าหานาง“ท่านเลยปลอมตัวเพื่อเข้าหาข้า ท่านตกหลุมรักข้าตั้งแต่แรกพบ”“ใช่” ชุนหรงไม่ยอมรับเด็ดขาดว่าเป็นเพรา
กลับมาทางวังมาร เรือนลับของจอมมารตอนนี้บรรยากาศภายในเรือนเงียบลงเล็กน้อยเมื่อไม่มีต้าเซ่า หนิงอันขยับตัวลุกขึ้นเดินด้วยตัวเอง ชุนหรงก็รีบเข้าไปประคองนางเดินทันที“ข้าเดินเองได้”“ข้ารู้ แต่หากเป็นไปได้ข้าอยากอุ้มอาอันตลอดเวลาด้วยซ้ำ ถ้าเจ้าไม่ว่าอะไร”“ข้าตัวหนัก” หนิงอันกล่าวปฏิเสธกลาย ๆ“ไม่หนักแม้แต่น้อย แม้อาอันจะตัวใหญ่เท่าพ่อครัวใหญ่ของวังมาร ข้าก็ยังอยากอุ้มเจ้าอยู่ดี”หนิงอันไม่เคยเห็นพ่อครัวใหญ่ของวังมาร แต่เชื่อว่าเขาต้องเป็นชายร่างใหญ่รูปร่างอ้วนท้วมสมบูรณ์อย่างแน่นอน ให้นางอ้วนขนาดนั้นคงไม่ไหว ชุนหรงนี่ช่างเอาใจเหลือเกิน“อย่าคิดว่าพูดเอาใจแล้วข้าจะไม่คิดบัญชีกับท่าน”“...” ชุนหรงที่ถูกจับได้ ทำได้เพียงใช้สายตากลมโตไร้เดียงสามองหน้าว่าที่ภรรยาราวกำลังบอกว่า‘ข้าเป็นคนดีของศรีภรรยาคนเดียวจริง ๆ นะ’ “ในเมื่อเหลือแค่เราแล้ว เรามีเรื่องต้องคุยกัน”ทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้ของภรรยา คนเป็นสามีอย่างชุนหรงราวกับเกิดปฏิกริยาอย่างไม่รู้ตัว มือของเขาเริ่มอย