ปึง!
เสียงปกหนังสือเล่มหนาที่ถูกกระแทกลงบนโต๊ะอย่างไม่สบอารมณ์ของผู้เป็นเจ้าของ
"หนังสือบ้าอะไรวะ เขียนได้งี่เง่าสิ้นดี"
เสียงสบถจากริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงเลือดที่ดังขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด รู้สึกขัดใจเป็นอย่างมากและไม่อาจที่จะทนอ่านเนื้อหาในหนังสือเล่มนั้นอีกต่อไปได้ เพราะรู้สึกถึงแรงบีบรัดที่ทำให้หัวใจรู้สึกปวดหน่วงๆ อย่างไรชอบกล
ซ่งเฟยหย่า ผู้พันสาว หัวหน้าหน่วยซีล หน่วยจู่โจมพิเศษของประเทศ ที่เติบโตมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จนอายุได้ 9 ขวบปี ก็โชคดีได้รับการอุปการะจากข้าราชการท่านผู้ใหญ่ท่านหนึ่งในกองทัพจึงทำให้สามารถพาตัวเองมายืนยังจุดนี้ แต่กว่าที่จะป่ายปีนขึ้นมาได้ก็ไม่ง่ายเลย เด็กอายุเพียง 9 ขวบ ถูกฝึกอยู่ในค่ายทหารราวกับทหารคนหนึ่ง มันคือนรกดีดีนี่เอง
ซ่งเฟยหย่าที่ใช้เวลาในวันหยุดยาวหมดไปกับการอ่านหนังสือนิยายประโลมโลกเพื่อฆ่าเวลา หนังสือที่บังเอิญอย่างเหลือเชื่อที่องค์หญิงสูงศักดิ์ในเรื่องมีชื่อแซ่เดียวกับตนเอง แต่ยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกหงุดหงิดสิ้นดี ที่เนื้อหาด้านในนั้นดูจะไม่ได้ดังใจสักอย่าง หากเป็นตัวเองคงจะได้บดขยี้ให้ตายกันไปข้างหนึ่ง ตาต่อตาฟันต่อฟัน ให้มันรู้กันไปเลยว่าถึงเป็นผู้หญิงก็ทำอะไรได้มากกว่าที่คิด
ร่างสูงโปร่งที่ทำได้เพียงคิด ก่อนจะหันกายคว้าเอาผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระกาย ให้สายน้ำบรรเทาความเหนื่อยล้าที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดพัก คิดถึงเรื่องที่ทำให้ตัวเองต้องหยุดยาวแล้วให้รู้สึกอึดอัดคับข้องใจ เพราะตนไม่อาจฝืนทนทำตามคำสั่งของผู้เป็นใหญ่ในการพุ่งเข้าใส่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่มีความคิดเห็นต่าง จนเกิดไปขัดแข้งขัดขาผู้มีอำนาจล้นฟ้าเข้าเป็นเหตุให้โดนพักงานไม่มีกำหนดดังเช่นตอนนี้
คิดถึงสิ่งที่ได้พบเห็นมาแล้วให้นึกสังเวชใจยิ่งนัก ไม่คิดฝันเลยว่าประเทศที่เคยร่มเย็นเป็นสุข เป็นดั่งอู่ข้าวอู่น้ำ จะดิ่งลงสู่ยุควิบัติอย่างแท้จริงจนน่าใจหาย เพื่อนมนุษย์ต่างได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ทั้งจากภัยธรรมชาติที่โถมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า การเกิดโรคระบาดที่สร้างความหวาดผวาไปทั่วทุกหย่อมหญ้า และจากฝีมือมนุษย์ด้วยกันเอง ยิ่งคิดถึงยิ่งรู้สึกหดหู่ใจ
เคร้ง!
เสียงบางอย่างที่ตกกระทบพื้นทำให้ประสาทสัมผัสที่ถูกฝึกมาทำงานโดยอัตโนมัติ มือเรียวที่หยาบกร้านคว้าเอาเสื้อคลุมมาคลุมกาย ก่อนจะหยิบเอาอาวุธประจำกายที่ไม่เคยห่างจากตัวมาถือเอาไว้ในมืออย่างระแวดระวัง
ปัง ปัง ปัง
ร่างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อจากการฝึกอย่างหนักยังไม่ทันได้ชะโงกหน้าออกไปจากประตูห้องน้ำ กลับโดนห่ากระสุนสาดจากภายนอกเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง ลาดไหล่มนที่ถูกคมกระสุนเจาะเข้าอย่างจัง จนเลือดสีแดงฉานพุ่งกระฉูด
ปัง ปัง ปัง
มือเล็กหยาบกร้านจับกระชับอาวุธในมือเอาไว้แน่น กัดฟันทนต่อความเจ็บปวด หันปลายกระบอกปืนในมือยิงเข้าสู่เป้าหมายที่บุกเข้ามาอย่างอุกอาจ จนชายร่างหนาในชุดสีดำ ร่วงหล่นราวกับใบไม้ร่วง ก่อนจะฉวยจังหวะหนึ่ง หมุนกายออกจากจุดอับนั้น พุ่งตัววิ่งเข้าไปในป่า ข้างรีสอร์ตที่ทำการเข้าพัก กายเล็กที่ยังคงกัดฟันยิงต่อสู้กับกลุ่มชายชุดดำที่กรูกันเข้ามาสาดกระสุนเข้าใส่ราวกับห่าฝน
ปัง ปัง ปัง
เสียงปืนยังดังไล่หลังเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน ฝีเท้าวิ่งสับฝ่าพงหญ้าและต้นไม้รกทึบ เพื่อใช้มันเป็นโล่กำบังกระสุนที่ถูกส่งเข้ามา พวกที่กำลังเล่นงานตนเองอยู่ตอนนี้ดูท่าแล้วคงไม่มีวันปล่อยให้ตนมีชีวิตรอดเป็นแน่ ก่อนที่ผู้พันสาวจะไร้ซึ่งทางหนีเพราะตรงหน้านั้นเป็นหน้าผาสูงชัน จึงหันกายสาดกระสุนเข้าแรก ตายเป็นตาย ใครที่คิดจะกำจัดตัวเองกันนะ ชีวิตน้อยๆ ถูกหมายหัวเข้าเสียแล้ว
คมกระสุนจากกระบอกปืนในมือเล็กยังคงเจาะเข้ากะโหลกฝั่งตรงข้ามอย่างแม่นยำราวกับจับวาง แต่น้ำน้อยย่อมที่จะแพ้ไฟ เมื่อฝ่ายตรงข้ามก็สาดกระสุนเข้ามาไม่หยุดยั้ง ก่อนผู้พันคนงามจะโดนคมกระสุน เจาะเข้าตัดขั้วหัวใจ ปล่อยร่างไร้วิญญาณให้โบยบินพลัดตกลงไปภายใต้หน้าผาสูงชัน จบสิ้นกันเสียทีกับชีวิตในชาติภพนี้...
ดวงจิตสีขาวนวลที่ลอยล่อง ลอยเคว้งคว้างอย่างไร้จุดหมาย มองสิ่งรอบกายที่ผ่านเข้ามา ล่องลอยจนมาหยุดนิ่งอยู่ในสถานที่หนึ่ง ภาพตรงหน้าทำให้ต้องหยุดนิ่งมอง
กรี้ดดดด
เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ดูคล้ายว่ากำลังจะคลอดบุตร ใบหน้างดงามนั้นมีเหงื่อผุดซึมขึ้นเต็มไปหมด มือเรียวขาวนั้นจับกระชับผ้าที่ห้อยลงมาเหนือศีรษะจนนิ้วเรียวขึ้นข้อขาว ผู้คนรอบกายของผู้หญิงคนนั้นต่างดูกระวนกระวาย จนกระทั่งเสียงกรีดร้องนั้นดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับเสียงทารกน้อยที่แผดเสียงจ้า อย่างน่ามหัศจรรย์
กรี้ดดด
อุแว้ อุแว้
แต่อนิจจาภาพตรงหน้าคือทารกน้อยเพศหญิงถึงสองคน คนหนึ่งกำลังร้องไห้จ้า จนใบหน้าเล็กๆ นั้นแดงก่ำ แต่อีกคนกลับนอนนิ่งไม่ไหวติง ร่างกายเล็กๆ นั้น เริ่มขาวซีด เด็กน้อยคนนั้นไม่หายใจ
ใบหน้างามของสตรีตรงหน้าที่น้ำตาหลั่งริน จรดปลายจมูกลงบนหน้าผากเล็กๆ ขาวซีด โอบอุ้มทารกน้อยที่ไร้ลมหายใจแนบอก เกิดความรู้สึกอุ่นซ่านบนหน้าผากมนจนต้องยกมือโปร่งแสงขึ้นลูบไล้แผ่วเบา น้ำตาของผู้หญิงคนนั้นเหตุใดถึงได้สร้างความเจ็บร้าวในอกถึงเพียงนี้
"อย่าคิดมากไปเลย"
เสียงเศร้าหมองที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้ซ่งเฟยหย่าต้องหันกลับไปมอง พบกับเงาร่างโปร่งแสงเช่นเดียวกัน แต่ทว่าใบหน้าของวิญญาณตรงหน้าช่างเหมือนกันกับเธอไม่มีผิด
"เธอเป็นใคร ทำไมเราสองคนถึงได้...เหมือนกันมากขนาดนี้"
ผู้หญิงตรงหน้าส่งยิ้มมาให้ ก่อนจะเอื้อนเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าหมองเศร้า
"เด็กทั้งสองนั้นคือเราสองคน สตรีนางนั้นคือมารดาของเรา เจ้าก็คือข้า ข้าก็คือเจ้า"
"เจ้าก็คือข้า ข้าก็คือเจ้า อะไรกัน ฉันไม่เข้าใจ"
ซ่งเฟยหย่าที่มองสตรีในชุดจีนโบราณงดงามตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อกับเรื่องเหนือธรรมชาตินี้ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว และเธอเป็นผู้ประสบพบเจอด้วยตนเอง ก่อนจะหันไปจ้องมองสตรีที่ยังคงกอดร่างทารกน้อยที่ขาวซีดเอาไว้อย่างหวงแหน เกิดความรู้สึกอุ่นวาบขึ้นในจิตใจ
"ข้าคือดวงจิตครึ่งหนึ่งที่อยู่ในภพนี้ ส่วนเจ้าคืออีกครึ่งที่ต้องไปอยู่อีกภพหนึ่ง เพราะดวงจิตแบ่งเป็นสองจึงทำให้ชะตาอ่อนแอจนไร้ซึ่งประโยชน์ ทำให้ต้องสูญสิ้นทุกอย่าง ทำให้บิดามารดาต้องจบชีวิต แผ่นดินลุกเป็นไฟอาบย้อมไปด้วยโลหิตของราษฎร ราชอาณาจักรจึงล่มสลาย แต่ตอนนี้ดวงจิตของเรากำลังจะรวมเป็นหนึ่งและกลับไปแก้ไขทุกอย่างอีกครั้ง เราจะรวมกันเพื่อเปลี่ยนชะตา"
"ฉันไม่เข้าใจ เปลี่ยนชะตาอะไรกัน ฉันงงไปหมดแล้ว"
"ถึงเวลาแล้วเจ้าก็จะรู้เอง เราจะทวงคืนทุกสิ่ง อย่าให้ต้องพบกับจุดจบเดิม"
กล่าวเพียงเท่านั้นร่างโปร่งแสงก็พุ่งเข้ามาอย่างแรง จนเกิดเป็นแสงจ้าสว่างวาบไปทั่วบริเวณ
ผืนดินเขียวชอุ่มสุดลูกหูลูกตา มองไปทางใดก็มีแต่ความอุดมสมบูรณ์ ต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจี อากาศบริสุทธิ์ปลอดโปร่งกลิ่นอายธรรมชาติโอบล้อม แผ่นดินที่เคยแตกระแหงแห้งแล้ง บัดนี้ล้วนเต็มไปด้วยสีเขียวของพืชผัก ผลหมากรากไม้พากันเบ่งบานออกดอกผลิผล ฝูงสัตว์เลี้ยงมากมายเดินหากินอยู่ในทุ่งกว้าง ชาวบ้านชาวเมืองล้วนอยู่ดีมีสุขมองไปทางใดล้วนเห็นแต่บรรยากาศอันชื่นมื่น ใบหน้าของทุกคนยามนี้ประดับประดาไปด้วยรอยยิ้มแห่งความยินดี ทุกหัวเมืองถนนหนทาง ร้านรวงต่างๆ ต่างประดับประดาเต็มไปด้วยผ้าแดงมงคล ทุกหนทุกแห่งในแผ่นดินนี้ทุกคนกำลังดื่มฉลอง เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญของบุคคลอันเป็นที่รักและเทิดทูนของเหล่าประชาชนแคว้นซ่ง วันที่ทุกคนต่างตั้งตารอคอยและร่วมยินดี วันอภิเษกสมรสที่ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ขององค์หญิงซ่งเฟยหย่าของพวกเขากับชินอ๋องไท่หมิงหลงแห่งแคว้นหยวนที่บัดนี้กลายเป็นรัชทายาทของแคว้นซ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางความยินดีของทั้งสองแคว้นเสียงจุดประทัดมงคลดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว ในขณะที่ทุกคนกำลังดื่มฉลองอย่างสนุกสนานและชื่นมื่น คู่บ่าวสาวก็กำลังดื่มด่ำกับความสุขเช่นกัน หลังจากที่ผ่านการกราบไหว้ฟ้าดินอย่างถ
คำตอบที่ออกมาจากริมฝีปากของสตรีตรงหน้า สตรีที่พระองค์มอบหัวใจรักให้กับนางราวกับดังมาจากที่ไกลแสนไกล แต่มันกลับดังก้องอยู่ในหัว อื้ออึงเต็มสองหู จนรู้สึกถึงความเจ็บแปลบในโพรงอก หัวใจมันบีบรัดจนปวดหนึบ ชินอ๋องไท่หมิงหลงที่จ้องมองใบหน้างามตรงหน้าอย่างรวดร้าวในอก จ้องลึกลงไปในดวงตาคู่งามที่พระองค์หลงใหลและหลงรักตั้งแต่ครั้งแรกที่สบสายตา ราวกับจะค้นหาความจริงในนั้น อยากให้คำตอบนั้นนางเพียงแค่ล้อพระองค์เล่น แต่ยิ่งจ้องมองพระองค์ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดเพราะมันมีแต่ความจริงจังอยู่ในนั้น จนวูบโหวงไปทั้งโพรงอก อยากไปให้พ้นจากตรงนี้โดยไว ก่อนที่จะแสดงความอ่อนแอออกมา แต่กว่าจะเปร่งคำพูดออกไปได้ช่างทรมานยิ่งนัก"พี่เข้าใจแล้ว"เสียงแหบโหยที่ดังอย่างโรยแรง ทำให้คนฟังนั้นสะท้านในอกซ่งเฟยหย่าที่มองคนตรงหน้าที่มองนางอย่างเจ็บปวดและผิดหวัง ก่อนจะหันหลังให้นาง แผ่นหลังกว้างลู่ลงดูน่าสงสารและก่อนที่อีกฝ่ายจะก้าวเดินออกไป นางจึงรีบเอ่ยขึ้น"ข้ายังมิได้บอกท่านเลยว่าจะเป็นไท่จื่อเฟยของแคว้นใด"เสียงหวานที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้เท้าหนักอึ้งที่กำลังจะก้าวไปด้านหน้าหยุดชะงัก ทบทวนสิ่งที่นางกล่าวอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะห
หลังจากที่แคว้นซ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำ การปลูกพืชผักต่างๆ จึงเป็นไปได้โดยง่าย ตอนนี้ทุกคนต่างช่วยกันพลิกฟื้นผืนดินที่แห้งแล้ง ขะมักเขม้นปลูกพืชผลทางการเกษตรกันอย่างขยันขันแข็ง และยังช่วยกันปลูกไม้ยืนต้นที่องค์หญิงที่พวกเขาเทิดทูนกล่าวว่า ต่อไปต้นไม้ที่พวกเขาช่วยกันปลูกจะสร้างคุณให้พวกเขาอย่างใหญ่หลวง ซึ่งพวกเขาก็พร้อมที่จะน้อมรับทำตามสิ่งที่พระองค์บอก ขอเพียงแค่พระองค์รับสั่ง พวกเขาก็พร้อมที่จะทำตามบัญชา เมื่อน้ำท่าสมบูรณ์ สิ่งดีดีต่างๆ ย่อมตามมาสถานการณ์ในแคว้นซ่งตอนนี้กำลังเกิดการณ์เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ประชาชนล้วนมีใบหน้าที่เอิบอิ่มแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มแ่งความสุข ภายในแคว้นกลับมาคึกคักอีกครั้ง ความสงบร่มเย็นกลับมาเยือนแผ่นดินซ่ง และดูเหมือนว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”เสียงของคนสนิทที่เอ่ยเรียกทำให้ชินอ๋องไท่หมิงหลงจำต้องละสายตาจากภาพเบื้องล่างของโรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งของแคว้นซ่งที่เปิดให้บริการอีกครั้งหลังจากที่ปิดให้บริการมาเนิ่นนาน ภาพอันสวยงามของแผ่นดินซ่ง แผ่นดินของสตรีที่พระองค์ทรงปักใจรัก สตรีที่พระองค์มิเคยพบเจอที่ใดมาก่อน และตอนนี้นางได้เข้ามาครอบครองทั้งหมดในพร
วันนี้มีทหารและชาวบ้านชาวเมืองมากมายที่เดินมุ่งหน้าไปยังภูเขาอันเขียวชอุ่มที่มีเพียงลูกเดียวด้านหลังของแคว้น เพื่อจะไปชมการเปลี่ยนทิศทางการไหลของน้ำขององค์หญิงซ่งเฟยหย่าที่กลายเป็นหัวข้อการสนทนาตลอดหลายวันที่ผ่านมาตั้งแต่มีการขุดลอกคูคลองและสร้างฝายกั้นน้ำ ทุกคนต่างตื่นเต้นที่จะมีน้ำดื่มน้ำใช้ และอยากรู้ว่ามันจะเป็นความจริงและเห็นกับตาตนเอง ว่ามิใช่เป็นแค่ความฝันลมๆ แล้งๆ อีกต่อไป ผู้คนที่มามุงดูทั้งหมดถูกกันออกมาให้อยู่ในบริเวณที่ถูกกั้นเอาไว้โดยเหล่าทหาร มิให้เข้าไปในพื้นที่การทำงานเพราะเกรงว่าจะมีอันตรายและกีดขวางการทำงานของทหารที่กำลังขนย้ายถังไม้ที่บรรจุดินระเบิดเอาไว้เหล่าชาวบ้านชาวเมืองที่มามุงดูยาวไปตั้งแต่จุดที่เป็นต้นน้ำที่มองเห็นอยู่ไกลๆ ในระยะสายตา เห็นเหล่าทหารกำลังลำเลียงถังไม้ขึ้นไปอย่างแข็งขัน เลียบไปตลอดแนวตลิ่งของคูคลองที่ถูกขุดขึ้นยาวไปจนถึงสระน้ำขนาดใหญ่ที่ถูกขุดขึ้นใจกลางแปลงเกษตร ต้นน้ำถูกจับจ้องว่าถังเหล่านั้นคือสิ่งใด และจะสามารถเปลี่ยนแปลงทิศทางของน้ำได้เช่นไร เลียบแนวตลิ่งทุกสายตาต่างจ้องมองอย่างจดจ่อว่าเมื่อไหร่จะมีน้ำไหลมาเติมเต็มผืนดินที่แห้งแล้งนี้ซ่งเฟ
สัมผัสอุ่นละมุนที่ประทับลงมาแผ่วเบาซาบซ่านไปทั่วริมฝีปากอ่อนนุ่ม ความอ่อนโยนนั้นทำให้ดวงตาหงส์หลับพริ้มซึมซับความรู้สึกอ่อนหวานอย่างเต็มใจ ชินอ๋องไท่หมิงหลงที่เห็นว่าสตรีในอ้อมแขนมิได้รังเกียจสัมผัสจากพระองค์ให้รู้สึกยินดียิ่งนัก เจ็บกายคราวนี้ช่างคุ้มค่าเสียจริงที่ทำให้สตรีในอ้อมแขนเปิดใจให้พระองค์ ริมฝีปากหนาที่ผละออกเพียงเล็กน้อยเพื่อสบตากับสตรีตรงหน้าราวกับจะขออนุญาต เมื่อเห็นว่านางไม่กล่าวอันใดและมิได้มีท่าทีโกรธเคืองมีเพียงพวงแก้มนวลที่แดงก่ำอย่างเขินอาย เวลานางเขินอายก็ดูน่าเอ็นดูยิ่งนัก จึงยกยิ้มละมุน ก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปอีกครั้ง ครั้งนี้จุมพิตนั้นช่างอ่อนหวานลึกซึ้งจนสองกายที่โอบกอดกันอยู่นั้นสั่นสะท้าน เรียวลิ้นอุ่นนุ่มที่สอดแทรกเข้ามาชิมความหวานในอุ้งปากเล็กนั้นให้ความรู้สึกแปลกใหม่ที่ทำให้ร่างบางรู้สึกวาบหวิวตอบรับสัมผัสจากร่างหนาอย่างน่ารักน่าใคร่ จนจุมพิตอ่อนหวานในคราแรกเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนปรารถนา"โอ๊ย...!"ร่างสูงที่ผละออกจากร่างบางร้องเสียงหลง สาเหตุเพราะแผลของพระองค์ถูกกดอย่างแรงจากคนตัวเล็กในอ้อมแขน"สมน้ำหน้า ได้คืบจะเอาศอก ฉวยโอกาสดีนัก""เจ็บ..."ใบหน
ภาพของสตรีที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากด้านหน้าเรือนของผู้เป็นนายทำให้ลู่จิ่นยกยิ้มขึ้น เดินเข้าไปหาสตรีสูงศักดิ์ที่วันนี้ไม่ได้มาในคราบคุณชายหนุ่มรูปงาม แต่วันนี้ทรงสวมอาภรณ์งดงามเฉกเช่นสตรีแลดูอ่อนหวานจนเหล่าบุปผารอบกายนั้นพร้อมใจกันเบ่งบานชูช่อดูมีชีวิตชีวาไปด้วย "คารวะองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ"ลู่จิ่นที่ค้อมกายให้สตรีตรงหน้าอย่างนอบน้อมฮะแฮ่ม"ท่านลู่จิ่นอย่าได้มากพิธีเลย ท่านอ๋องเป็นเช่นไรบ้าง"ซ่งเฟยหย่าที่กระแอมไอเล็กน้อยเอ่ยถามอีกฝ่าย ใบหน้างามนั้นดูรู้สึกผิดกับเรื่องในคืนนั้น วันนี้จึงทำให้นางต้องมาเยือนที่เรือนรับรองแห่งนี้ตั้งแต่เช้าตรู่ เมื่อคิดได้ว่านางกลั่นแกล้งอีกฝ่ายมากเกินไป ทั้งๆ ที่พระองค์อุตส่าห์ไปช่วยเหลือนางแท้ๆ"ดีขึ้นมากแล้วพ่ะย่ะค่ะ"เมื่อได้รับคำตอบจากอีกฝ่าย จึงได้เบาใจขึ้น"เอ่อ แล้วนั่นท่านกำลังจะไปที่ใดหรือ""กระหม่อมจะไปตามท่านหมอมาเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะเปลี่ยนให้ก็ไม่ยอมท่าเดียว บอกว่ากระหม่อมมือหนัก"ลู่จิ่นที่เอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มขัน ดูเหมือนท่านอ๋องจะผวาไม่น้อยกับรอยแผลบนแผ่นหลังนั้นเพราะโดนฤทธิ์เดชขององค์หญิงคนงามตรงหน้า"อ้อเช่นนั้น