“อันที่จริงจะได้งานหรือไม่ได้งาน อย่างอื่นที่พี่หมอกว่ายังไงเมษ์ก็น่าจะได้กินอยู่ดีไม่ใช่เหรอคะ”
ศีลเสมอกันสุดๆ! หมอใหญ่ยิ้มเจ้าเล่ห์มองคนรักที่เจ้าเล่ห์ไม่แพ้เขาเลย เธอไม่ได้อ่อยแบบสาวกร้านโลกแต่เธอใช้สายตาออดอ้อนน่ารักแทนการยั่วเย้าที่ผู้หญิงคนอื่นทำ เพราะแบบนี้เองสินะเขาถึงหลงขวัญเมษาจนโงหัวไม่ขึ้น
“รู้ดีจังนะเรา”
“อ๊ะๆ ไหนบอกว่าคืนนี้ให้เมษ์พักเอาแรงไงคะ” ขวัญเมษาเบี่ยงหน้าหนีจูบเร่าร้อนจากเขา
“แค่จูบไม่ได้เหรอครับ” ครั้งแรกที่เมธากรตกอยู่ในฐานะไม่ต่างจากลูกไก่ในกำมือผู้หญิง ยอมรับว่าเวลานี้เขาไม่อยากห่างเธอเลย อยากจะกอด อยากจะจูบ และอยากทำให้ขวัญเมษาเป็นของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
“แล้วมันเคยจบที่จูบไหมล่ะคะ” คนตัวเล็กเอียงคอมองหน้าสุดหล่อของเธออย่างรู้ทัน เพราะมันไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะขอแค่จูบ พอจูบมามือไม้ก็เริ่มทำงาน
และเมื่อนั้นแหละ...ไม่ใช่แค่เขาที่หยุดตัวเองไม่ได้ เธอเองก็ไม่อยากให้เขาหยุดเหมือนกัน
“โอเคๆ ไว้ทบต้นทบดอกทีเดียว ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ฝันดีนะครับ พรุ่งนี้พี่ขอให้มันเป็นวันของเมษ์นะพี่เชื่อว่าเมษ์ทำได้ หัวหน้าคนไหนไม่รับเมษ์เข้าทำงานก็โง่เต็มทีแล้ว”
“ฮ่า พรุ่งนี้เจอกันตอนเย็นนะคะ ฝันดีค่ะ”
ขวัญเมษาโบกมือลาชายหนุ่ม ก่อนจะเดินขึ้นหอพักไปโดยที่รถหรูยังคงจอดรอดูจนกว่าจะเห็นเธอเดินเข้าห้อง และเมื่อนั้นอีกฝ่ายถึงจะยอมเคลื่อนรถกลับไป
“เป็นห่วงเราขนาดนั้นเลยเหรอ น่ารักเป็นบ้าเลย!” ขวัญเมษาพึมพำยามยิ้มเขิน เธอจะรู้ตัวไหมว่า ตอนนี้ ‘ป๋าหมอก’ วางแผนจะหาที่อยู่ใหม่ให้เธอแล้ว เอาที่มันหรูหราและปลอดภัยกว่านี้สักสิบเท่าไปเลย!
โรงพยาบาลภิวัฒน์บำรุงคือจุดหมายหลักที่ตั้งแต่เรียนจบขวัญเมษาก็ตั้งมั่นว่าจะทำงานที่นี่ให้ได้ ไม่ใช่เพราะว่าที่นี่เป็นโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ที่ให้เงินค่าตอบแทนสูงเท่านั้น แต่เธอเคยอ่านเจอในอินเทอร์เน็ตว่าผู้บริหารโรงพยาบาลแห่งนี้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล และให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยอย่างเท่าเทียมกัน แม้บางคนไม่มีเงินในการรักษาแต่หากเป็นการรักษาเร่งด่วน ทางโรงพยาบาลก็มีมูลนิธิที่คอยสนับสนุนเรื่องค่าใช้จ่ายด้านนี้อยู่แล้ว
และในแต่ละปีทางโรงพยาบาลก็จะบริจาคเงินเข้ามูลนิธิเพื่อนำมาเป็นทุนในการรักษาผู้ป่วยเคสฉุกเฉินที่ไร้ทุนทรัพย์เช่นกัน
ดีขนาดนี้ใครๆ ก็อยากเข้าทำงานกันทั้งนั้น ขวัญเมษาจึงตั้งใจทำแบบทดสอบจนสุดท้ายเธอก็ผ่านมาถึงขั้นตอนการสัมภาษณ์ ในตำแหน่งนักเทคนิคการแพทย์ของโรงพยาบาล
“สวัสดีค่ะ พี่ชื่ออรอุมาเป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคลที่นี่”
“สวัสดีค่ะ ขวัญเมษานะคะ ชื่อเล่นเมษ์ จบจาก...”
“เรื่องนั้นพี่รู้จากใบเรซูเม่เราเรียบร้อยแล้วล่ะ” อรอุมาเพียงพูดและอมยิ้มจางๆ เท่านั้น ทำเอาคนที่ตื่นเต้นอยู่แล้วตื่นเต้นหนักเข้าไปใหญ่ เพราะนี่คือการสัมภาษณ์งานครั้งแรกของเธอ
“ตอนเรียนเมษ์เข้าร่วมกิจกรรม...”
“พี่ไม่อยากรู้เรื่องตอนสมัยเรียนแล้วค่ะ” คราวนี้ดวงตาที่อยู่ภายใต้แว่นกรอบหนามองขวัญเมษาเป็นเชิงดุ
ยิ่งทำให้นักศึกษาจบใหม่ไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่! แล้วอรอุมาอยากรู้อะไรเกี่ยวกับเธอกันนะ
“เชิญพูดต่อสิคะ” อรอุมาผายมืออย่างลองเชิง
ขวัญเมษาพยายามทำใจดีสู้เสือ พลางนึกถึงหน้าชายคนรักที่คอยให้กำลังใจว่าเธอทำได้แน่ เมื่อนั้นหญิงสาวจึงสูดหายใจลึกๆ และเริ่มใหม่อีกครั้ง
ในเมื่อหัวหน้าฝ่ายบุคคลไม่อยากรู้เรื่องตอนเรียนของเธอ...แปลว่าเขาอาจจะอยากรู้ทัศนคติของเธอเกี่ยวกับเรื่องอื่นสินะ
“เมษ์ถูกพ่อกับแม่ทิ้งและอยู่สถานสงเคราะห์ตั้งแต่เด็กค่ะ จริงๆ เรื่องนี้เมษ์ไม่ได้อยากเอามาเพื่อเรียกคะแนนสงสาร แต่หากจะไม่พูดถึงก็คงไม่ได้” มีความเศร้าเล็กน้อยฉาบฉายขึ้นในแววตา จากนั้นเธอก็ผลิยิ้มน่ารักแล้วเอื้อนเอ่ย
“เพราะมันเป็นเหตุผลที่ทำให้เมษ์อยากมาทำงานด้านนี้ เพื่อจะได้ช่วยเหลือคนค่ะ เด็กๆ ที่นั่นทุกคนน่าสงสารมากนะคะ พอเกิดจากพ่อแม่ที่ไม่พร้อม ร่างกายของพวกเราบางคนก็ใช่ว่าจะสมบูรณ์แข็งแรง ในทุกปีจะมีผู้ใจบุญเข้ามาบริจาคข้าวของมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่หลายคนลืมนึกถึงไปก็คือพวกเราเจ็บป่วยได้ แล้วก็เป็นบ่อยด้วยค่ะ เมษ์จำได้ว่ามันทรมานมากจริงๆ ในวันที่เห็นเพื่อนบางคนต้องล้มป่วยและทางสถานสงเคราะห์ไม่ได้มีทุนทรัพย์มากพอที่จะพาเพื่อนไปรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ขวัญเมษาพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเริ่มพูดต่อ
“โรงพยาบาลภิวัฒน์บำรุง คือโรงพยาบาลที่ให้ความช่วยเหลือคนไข้ทุกคนอย่างไม่เลือกชนชั้น แล้วก็ยังมีมูลนิธิที่ช่วยซัพพอร์ตค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ที่ไม่มีกำลัง เมษ์คิดว่าการได้ร่วมงานกับโรงพยาบาลนี้ไม่ว่าจะตำแหน่งอะไร มันจะทำให้เมษ์ได้มีส่วนช่วยผู้คนได้อย่างแท้จริงค่ะ ถึงเมษ์จะไม่ได้เป็นหมอ เป็นพยาบาล แต่อย่างน้อยการได้เป็นส่วนหนึ่งของบุคลากรทางการแพทย์ แม้จะเป็นเพียงฟันเฟืองเล็กๆ ที่คอยซัพพอร์ตคุณหมอ หรือแม้แต่วงการแพทย์เมษ์ก็ดีใจแล้วค่ะ”
ขวัญเมษาพูดทั้งหมดออกมาจากใจ ที่เธอซ้อมมาหลายคืนไม่ได้ถูกหยิบมาพูด หากแต่ที่สามารถพูดทั้งหมดออกมาได้นั่นเป็นเพราะสิ่งนี้ปลูกฝังอยู่ในใจเธอตั้งแต่จำความได้
และดูเหมือนว่าคำตอบของเธอจะทำให้อรอุมาพอใจไม่น้อย เพราะอีกฝ่ายหยิบปากกาขึ้นมาพร้อมกับเซ็นอนุมัติรับเธอเข้าทำงานในทันที!
“พี่รับน้องเข้าทำงานค่ะ”
“จริงเหรอคะ ขะ…ขอบคุณมากนะคะ” บทจะง่ายก็ง่ายเลย ขวัญเมษาดีใจจนแทบจะกระโดดโลดเต้น
“แต่วันนี้ยังไม่จบนะ พี่จะพาเราไปแนะนำตัวกับคุณหมอใหญ่หนึ่งในผู้บริหารโรงพยาบาลภิวัฒน์บำรุง ตามกฎของเรา พนักงานใหม่ทุกคนจะถูกพาไปเจอท่านก่อนเริ่มงาน คุณหมอท่านนี้ชื่อว่า อาจารย์นายแพทย์ เมธากร เขมาภิวัฒน์ ท่านไม่ค่อยออกสื่อน้องอาจจะไม่คุ้น แต่ถึงยังไงก็วางตัวให้เรียบร้อยเข้าไว้ ท่านค่อนข้างจะเงียบๆ ไม่ชอบเด็กพูดมาก” อรอุมาว่าพลางเดินนำขวัญเมษาไปยังห้องทำงานของคุณหมอใหญ่คนดังกล่าว
ได้ยินแบบนั้นแทนที่ขวัญเมษาที่คิดว่าได้งานแล้วจะเลิกตื่นกลัว กลับรู้สึกกลัวเข้าไปใหญ่ เพราะนิสัยเธอไม่ใช่คนเรียบร้อยเหมาะกับการทำงานด้านนี้เสียด้วยสิ
หากอาจารย์หมอคนนี้ไม่ชอบเธอขึ้นมาจะทำอย่างไร?
จนกระทั่งอรอุมาเคาะประตู ขวัญเมษาเลยได้สติกลับคืนมา
“เชิญครับ”
หลังจากได้ยินเสียงอนุญาตจากภายในห้อง อรอุมาก็เปิดประตูเดินนำพนักงานคนใหม่เข้าไปด้านใน ขวัญเมษาก้มหน้ากุมมือประสานกันแน่น คำว่า ‘คุณหมอใหญ่’ ทำให้เธอประหม่า ก่อนจะค่อยๆ เงยหน้ามองอาจารย์หมอทายาทเจ้าของโรงพยาบาลด้วยความตื่นเต้น
“สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อ...”
ทันทีที่เห็นหน้าคุณหมอเมธากร หญิงสาวก็ถึงกับพูดต่อไม่ออก...
“พี่หมอก”
ไม่ใช่แค่เธอที่อึ้ง แต่เมธากรก็อึ้งไม่ต่างกัน! ที่ขวัญเมษาบอกว่ามาสัมภาษณ์งาน คืองานในโรงพยาบาลเขาเนี่ยนะ?
“รบกวนคุณอรอุมาออกไปรอข้างนอกนะครับ ผมอยากคุยกับคุณขวัญเมษาเป็นการส่วนตัว...”
รอยสักแบบนี้เธอจำได้ดี มันไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน และเธอก็ชอบมันมาก ลวดลายมันยังคงติดตาเธอมาถึงตอนนี้“เอ่อ รอยสักของพี่ลายนี้ สวยจังเลยนะคะ” หญิงสาวเริ่มตะกุกตะกักเมื่อพบว่าเธอเคยเห็นรอยสักลวดลายแบบนี้มาก่อน“อืม พี่ออกแบบคิดค้นขึ้นมาเอง มีที่เดียวในโลก หนูไม่มีทางไปเจอมันบนตัวของผู้ชายคนไหนอีกอย่างแน่นอน” ภาคย์อมยิ้ม เขาอ่านประกายสายตาของเธอออก ต้องมนตร์ดูตกใจ เหมือนกำลังนึกบางอย่างขึ้นมาได้“ใช่…ใช่คนเดียวกันแน่ๆ” ทั้งดวงตาและใบหน้าที่เธอเคยประทับใจ ทั้งน้ำเสียงนุ่มๆ ทั้งความรู้สึกคุ้นเคยตอนเจอกันต้องมนตร์อยากจะเขกหัวตัวเองหนัก ๆ อีกรอบก็แล้วใครมันจะไปคาดคิดกันละว่าจะเป็นเขาคนนั้น ตอนที่เจอกันครั้งแรกเขาเป็นพระ ส่วนครั้งต่อมาเขาดันไปปรากฏตัวบนเวทีในบาร์โฮส“หลวงพี่ แล้วทำไมหลวงพี่ถึง…”“พี่ไม่ได้เป็นพระแล้ว เรียกพี่ภาคย์ก็พอ”เธอจ้องหน้าเขาแล้วยิ้มกว้าง รู้สึกดีใจเหลือเกินที่ตอนนี้เขาไม่ได้เป็นพระเหมือนกับตอนนั้น ความอบอุ่นวาบหวามแผ่ซ่านขึ้นมาอย่างประหลาด“หลวงพี่เคยบอกหนูว่า…คนเราพอมีรักก็ย่อมมีทุกข์ แต่ว่าตอนนี้หนูมีความรักอีกแล้ว…. หนูควรจะทำตามหัวใจของตัวเองใช่ไหมคะ หลว
“ใจเย็นก่อนหนู” ภาคย์เอ่ยพลางอมยิ้ม เมื่อคนตัวเล็กเข้ามานั่งข้าง ๆ ในรถแล้วสวมกอดเขาในทันที….ใครจะไปใจเย็นไหว คิดถึงจะแย่แล้วเนี่ย ต้องมนตร์เพียงแค่คิดแต่ไม่ได้พูด เธอยื่นสองมือไปโอบประคองสองข้างแก้มของเขาในท่วงท่ามันเขี้ยว ก่อนจะขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ ๆ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า “จูบหนูหน่อย จูบหนูหน่อยนะคะ…นะคะ”ต้องมนตร์นอนไม่หลับมาตั้งสามคืนเพราะเขา และเขาก็ต้องรับผิดชอบ“อื้อ” คนจูบเก่งรีบจัดให้โดยไม่อิดออด ทั้งขยับดูดเน้นย้ำ ๆ ทั้งสอดใส่ปลายลิ้นเข้าไปปั่นป่วนในโพรงปากเธออย่างซุกซน“หนูคิดถึงพี่มาก ๆ เลย” หญิงสาวรีบสารภาพ“แล้วพี่ล่ะ คิดถึงหนูบ้างไหมคะ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังเงียบอยู่ต้องมนตร์ก็ยิงคำถามต่อไปใส่ทันที“คืนนี้ให้พี่ดูแลหนูอีกนะ” สำหรับต้องมนตร์แล้วทั้งน้ำเสียงออดอ้อนและสายตาที่ดูโหยหาเธอนั้นใช้แทนคำตอบได้เป็นอย่างดี “ไปบ้านพี่ไหม….”“ไปค่ะ…ถ้า….” แววตาของเธอมีความลังเลปะปนอยู่ในนั้น “ถ้าอะไร”“ถ้าพี่ยังโสด…”ภาคย์คลี่ยิ้มลุ่มลึกก่อนจะออกรถ ในขณะที่หญิงสาวก็คิดว่าความลึกลับที่ซุกซ่อนอยู่ในความเปิดเผยจริงใจของเขานี่แหละคือเสน่ห์เฉพาะตัวของชายหนุ่ม “หนูชอบพี่ สองสามวั
ตัดภาพไปที่ต้องมนตร์ เธอโมโหตัวเองจริงๆ เธอบอกหมายเลขห้องให้เขาไปอย่างละเอียด แต่ดันไม่ขอเบอร์ติดต่อของเขาหรือแลกไลน์กันเนี่ยนะ! จะบ้าตาย!เอาน่า…. ถึงยังไงก็ต้องทำใจ มันก็แค่การอ๊อฟหนุ่มโฮสมาเดทแค่ชั่วคราว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่คิดค่าตัวแล้วก็ออกเงินเลี้ยงเธอทุกอย่างก็ตามเถอะ!พรุ่งนี้พอตื่นเช้ามาทุกอย่างก็กลับสู่โลกของความเป็นจริงแล้ว หากวันหลังเกิดเหงาขึ้นมาก็ค่อยไปเที่ยวที่บาร์โฮสแห่งนั้นอีกครั้งก็ได้คิดแล้วเธอก็อาบน้ำนอน กอดหมอนข้างฝันหวานถึงรสจูบอันหวานซึ้งของเขาอย่างพร่ำเพ้อ…งือ….ถ้ามีเขาคอยนอนกอดทั้งคืนก็คงจะดีหลังจากสองคืนที่เธอคิดถึงเขาแทบบ้าผ่านพ้นไป ต้องมนตร์ก็พบว่าตัวเองมายืนอยู่ตรงหน้าบาร์โฮสแห่งนี้อีกครั้ง และครั้งนี้เธอก็มาคนเดียวหัวใจดวงน้อยเรียกร้องให้หญิงสาวก้าวเท้าเข้าไปข้างใน และถึงแม้ว่าจะมีหนุ่มหล่อเดินผ่านตาไปมา ทว่าหญิงสาวก็ไม่ว่อกแว่ก เพราะคนที่เธอต้องการมาพบในคืนนี้นั้นคือเขาแค่คนเดียว“วันนี้จะรับกี่ดื่มดีครับ” เสียงทุ้มนุ่มของพีอาร์หนุ่มลอยมาเข้าหูหญิงสาวทันทีที่เธอหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟา ทว่าแววตาของเธอกลับล่องลอยเหม่อมองไปบนเวทีพี่เขาไม่อยู่ที่นั่น ไม่มีแม้แ
บนที่นั่งที่ดีที่สุดในโรงภาพยนตร์วีไอพี หนังรอบดึกเริ่มฉาย และหลายคู่รักก็เริ่มพลอดรักกันอย่างสวีทหวานชื่น บางคู่ก็เริ่มลูบหัวกันอย่างรักใคร่เอ็นดู บางคู่ก็เริ่มล้วงควักกอดจูบกันนัวเนียต้องมนตร์เองก็เริ่มเอนกายซบหนุ่มโฮสต์รุ่นใหญ่ที่ตัวเองอ๊อฟมา หญิงสาวเลือกดูหนังรักโรแมนติกที่มีฉากเลิฟซีนค่อนข้างเยอะ และวินาทีนี้….สำหรับต้องมนตร์แล้ว พระเอกฮอลลีวูดรุ่นใหญ่ขวัญใจสาว ๆ ทั่วโลกที่กำลังยิ้มกว้างอยู่บนจอก็ไม่น่าดึงดูดใจเท่ากับเจ้าของบ่าอุ่นที่นั่งอยู่ข้าง ๆ“ชอบรุ่นใหญ่เหรอเราน่ะ” ภาคย์เหลือบมองคนตัวเล็กที่ยิ้มพริ้มซบบ่าเขาอยู่ เธอดื่มไวน์จนพวงแก้มกลายเป็นสีชมพูระเรื่อ แถมยังหาวยาว ๆ เพราะง่วงนอน พอมองไปมองมาภาพที่เธอเคยนอนหมดเรี่ยวหมดแรงอยู่ในศาลาวัดก็ย้อนกลับเข้ามาในหัวจนเขาต้องกลั้นขำ“จะรุ่นเล็กหรือรุ่นใหญ่ อายุก็เป็นเพียงตัวเลขทั้งนั้นแหละค่ะ” ต้องมนตร์เอ่ยพร้อมกับช้อนสายตาหวานเยิ้มขึ้นมองเขา“ไหนบอกจะดูหนัง แล้วทำไมถึงเอาแต่จ้องหน้าพี่” ภาคย์ดูหนังไม่รู้เรื่อง เพราะหน้าหล่อ ๆ โดนสาวสวยที่ควงมาจ้องเอา ๆ“เอ่อ….” ต้องมนตร์ที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังตกหลุมรัก พยายามดึงตัวเองให้หลุดออกมาจา
“พอ ๆ พอได้แล้ว รีบไปกันเถอะ” ภาคย์ตัดสินใจดับบุหรี่ ส่วนต้องมนตร์ก็ควงแขนเขาเดินไปยังรถยนต์คันเล็กๆ ของเธอ และพอไปถึงภาคย์ก็ดึงกุญแจรถจากมือเธอมาไว้ในมือตัวเองทันที“เดี๋ยวพี่ขับให้เอง หนูกินเหล้าไปตั้งขนาดนั้น นั่งฟังเพลงในรถเฉย ๆ ก็พอ จะเริ่มจากชอปปิง กินข้าวแล้วก็ดูหนังรอบดึกใช่ไหม”“ค่ะ” ต้องมนตร์อมยิ้มพร้อมพยักหน้าหงึกหงัก พอภาคย์เปิดประตูรถให้เธอก็รีบเข้าไปนั่งพร้อมรัดเข็มขัดนิรภัยอย่างรวดเร็ว หลังจากขยับเลื่อนเบาะตรงที่นั่งคนขับให้พอดีตัวแล้ว ภาคย์ก็ออกรถอย่างช้าๆ ไม่ลืมดึงมือเธอมากุมไว้ในแบบที่หนุ่มโฮสเขาชอบทำกันต้องมนตร์รู้สึกอบอุ่นหัวใจจนหน้าแดง พอนึกแล้วก็อยากจะรวยมากๆ เพราะหากซื้อตัวเขามาเป็นเพื่อนเที่ยวได้ทุกคืนแบบนี้ก็คงจะดภาคย์ขับรถไปยังห้างหรูที่มีทำเลตั้งอยู่ใกล้บาร์โฮสของเขามากที่สุด เพราะจะได้ชอปปิง กินข้าวและดูหนังเสร็จสรรพจบครบในที่เดียวต้องมนตร์ควงแขนภาคย์เดินเล่นในห้าง และอาการเมาไม่สร่างก็ทำให้หญิงสาวอารมณ์ดีและกล้าหาญชาญชัยในการเต๊าะผู้ชาย พอเห็นเงาสะท้อนจากบานกระจกหญิงสาวก็นึกขำ ผู้ชายที่เธอออฟมาดูไม่เหมือนหนุ่มโฮสเลยสักนิด เขาดูรวย ดูเหมือนกับป๋า ที่ควงเ
“เอา!!! คืนนี้ฉันจะออฟด้วย แกก็ไปหาผู้ชายของแก ส่วนฉันก็ไปหาผู้ชายของฉัน พอได้ผู้ชายแล้วก็แยกย้ายเลยละกัน” ต้องมนตร์หันไปกระซิบเพื่อน ในขณะที่สายตายังคงวนเวียนอยู่ที่หนุ่มใหญ่บนเวทีนี่เธอก็เข้าใจผิดมาตลอดว่างานนี้เขาจำกัดอายุ ไม่นึกเลยว่าเขาจะรับทุกรุ่น แล้วเธอก็ดันชอบรุ่นใหญ่เนี่ยนะ…“ถูกใจคนไหนก็รีบเลยนะแก ก่อนที่จะโดนแย่ง” เพื่อนรีบเอียงคอมากระซิบบอก“เอา…เอาคนนี้แหละ” ต้องมนตร์ยิ้มเขิน ชูมือขึ้นทำเป็นปืนแล้วเล็งไปทางเขา จากนั้นก็ยกแก้วเหล้าขึ้นซดอย่างครึกครื้น“ไหน…ไหนแกเล็งคนไหนเอาไว้”“ก็คนนั้นไง คนแก่ ๆ นั่นน่ะ” ดูเหมือนว่าคนที่อยู่บนเวทีนั้นจะยังไม่รู้ตัว ว่ามีสาวน้อยน่ารักหมายตาอยากได้เขามาเอาอกเอาใจตัวเองในคืนนี้ภาคย์ที่ตอนแรกกะจะมาตรวจงาน ตอนนี้กลับแฝงตัวเป็นหนุ่มโฮสรุ่นใหญ่ที่เต้นอย่างสนุกสนานอยู่บนเวที พอมาเห็นบรรยากาศแล้วก็พอใจ เดี๋ยวพอลงจากเวทีแล้วกะว่าจะไปนั่งจิบไวน์ชิลล์ ๆ ที่ผับอีกแห่งต่อ….แต่ทว่า พอลงจากเวทีก็มีสาวตัวเล็ก ๆ หน้าตาน่ารักมายืนดักทางเอาไว้ในทันที“คืนนี้หนูออฟพี่นะคะ”ภาคย์ตกใจ ใบหน้าคมคายชะงักงันไปชั่วครู่ วินาทีแรกก็ตกใจด้วยไม่นึกว่าจะมีสาวน้อยมาสน