“พอ ๆ พอได้แล้ว รีบไปกันเถอะ” ภาคย์ตัดสินใจดับบุหรี่ ส่วนต้องมนตร์ก็ควงแขนเขาเดินไปยังรถยนต์คันเล็กๆ ของเธอ และพอไปถึงภาคย์ก็ดึงกุญแจรถจากมือเธอมาไว้ในมือตัวเองทันที
“เดี๋ยวพี่ขับให้เอง หนูกินเหล้าไปตั้งขนาดนั้น นั่งฟังเพลงในรถเฉย ๆ ก็พอ จะเริ่มจากชอปปิง กินข้าวแล้วก็ดูหนังรอบดึกใช่ไหม”
“ค่ะ” ต้องมนตร์อมยิ้มพร้อมพยักหน้าหงึกหงัก พอภาคย์เปิดประตูรถให้เธอก็รีบเข้าไปนั่งพร้อมรัดเข็มขัดนิรภัยอย่างรวดเร็ว หลังจากขยับเลื่อนเบาะตรงที่นั่งคนขับให้พอดีตัวแล้ว ภาคย์ก็ออกรถอย่างช้าๆ ไม่ลืมดึงมือเธอมากุมไว้ในแบบที่หนุ่มโฮสเขาชอบทำกัน
ต้องมนตร์รู้สึกอบอุ่นหัวใจจนหน้าแดง พอนึกแล้วก็อยากจะรวยมากๆ เพราะหากซื้อตัวเขามาเป็นเพื่อนเที่ยวได้ทุกคืนแบบนี้ก็คงจะด
ภาคย์ขับรถไปยังห้างหรูที่มีทำเลตั้งอยู่ใกล้บาร์โฮสของเขามากที่สุด เพราะจะได้ชอปปิง กินข้าวและดูหนังเสร็จสรรพจบครบในที่เดียว
ต้องมนตร์ควงแขนภาคย์เดินเล่นในห้าง และอาการเมาไม่สร่างก็ทำให้หญิงสาวอารมณ์ดีและกล้าหาญชาญชัยในการเต๊าะผู้ชาย พอเห็นเงาสะท้อนจากบานกระจกหญิงสาวก็นึกขำ ผู้ชายที่เธอออฟมาดูไม่เหมือนหนุ่มโฮสเลยสักนิด เขาดูรวย ดูเหมือนกับป๋า ที่ควงเด็กสาวอายุห่างกันหลายปีมาเดินห้างมากกว่า
“หนูอยากได้อะไรก็บอก เดี๋ยวพี่ซื้อให้”
นั่นไง! ประโยคนี้ทำให้ใจเธอกระตุกจนว้าวุ่น…
ถึงแม้ว่าต้องมนตร์จะรวยแต่เธอก็ชอบผู้ชายสายเปย์
“บ้า! พี่จะมาเปย์อะไรหนู หนูต่างหากไหมที่ต้องเป็นฝ่ายเปย์พี่”
“ไม่ต้อง! พี่บอกแล้วไงว่าเดี๋ยวพี่ซื้อให้” เขาเห็นสายตาของเธอจับจ้องอยู่ตรงรองเท้าผ้าใบคู่หนึ่ง “รองเท้าส้นสูงแบบที่ใส่อยู่ตอนนี้มันเดินลำบากใช่ไหม” เขาเอ่ยออกมาอย่างรู้ทันความคิดของเธอ
“มาเปลี่ยนรองเท้ากันดีกว่า” ภาคย์จูงมือเธอไปยังเก้าอี้นุ่ม ๆ กดบ่าเธอให้นั่งลง ส่วนตัวเองก็นั่งยองแล้วถอดรองเท้าของเธอออก จากนั้นก็หยิบรองเท้าผ้าใบราคาแพงมาให้เธอลองสวมตามสไตล์ผู้ชายอบอุ่นช่างเอาอกเอาใจ
“ใส่ได้พอดีเลย ชอบสีนี้ไหม เดี๋ยวพี่ซื้อให้”
ยามที่เขาช้อนสายตาขึ้นถามพร้อมมองหน้าเธอ ต้องมนตร์ถึงกับอึ้งไปชั่วครู่ “ถ้าจะมาทำให้ตกหลุมรักแบบนี้…เอามีดมาแทงหนูเลยดีกว่าไหม” น้ำเสียงล่องลอยชวนฝัน ส่วนคนฟังก็ได้แต่กลั้นหัวเราะ “งั้นก็เอาคู่นี้เลยนะ เดี๋ยวพี่ไปจ่ายตังค์แป๊บนึง เสร็จแล้วเดี๋ยวไปกินข้าวกันต่อ” ภาคย์ดึงป้ายราคาออกมาจากรองเท้า เดินไปที่แคชเชียร์แล้วยื่นบัตรเครดิตให้พนักงานขายอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็หิ้วรองเท้าคู่เก่าเดินจูงมือเธอขึ้นลิฟต์ไปยังร้านอาหาร เลือกโต๊ะริมระเบียงที่มองเห็นวิวของกรุงเทพมหานครได้ร้อยแปดสิบองศา
ต้องมนตร์ขยับมานั่งชิดติดกับเขา ไหน ๆ ก็ออฟออกมาแล้วเพราะฉะนั้นต้องตักตวงความสุขจากตัวเขาให้คุ้มค่าที่สุด
“พี่อยากทานอะไรก็สั่งได้ตามสบายนะคะ ทั้งอาหารกับไวน์ แพงแค่ไหนหนูจ่ายได้หมด” หญิงสาวพยายามทำตัวเป็นสาวสวยนิสัยรวย ส่วนเขาก็ลูบหัวเธออย่างเอ็นดู “ไม่ต้อง! เดี๋ยวมื้อนี้พี่เลี้ยงเอง” น้ำเสียงของเขาหนักแน่นจริงจัง ตลอดชีวิตของภาคย์ไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนเลี้ยงนอกจากแม่ แถมตอนที่อยู่กับเธอภาคย์ก็รู้สึกมีความสุขมาก อย่างน้อยเธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่เข้าหาเขาเพราะเงินแล้วหนึ่ง! และอีกอย่างหนึ่งก็คือ เธอคลั่งไคล้เขาหนักมากจริงๆ
ภาคย์สั่งไวน์ที่ดีที่สุดในร้านมาหนึ่งขวด กับสเต็กเนื้อวากิวสูตรนุ่มลิ้น ใจจริงอยากจะบอกเธอว่าเขาตั้งใจจะฉลองที่เธอหายจากอาการอกหักเมื่อสองเดือนก่อนเรียบร้อยแล้ว แต่เธอดันจำเขาไม่ได้นี่น่ะสิ
“พี่ดูรวยจัง นี่ตกลงพี่เป็นใครกันแน่” เธอเอียงคอถาม ส่วนมือก็ขยำกล้ามแขนเขาเล่นอย่างมันมือ ภาคย์กระตุกยิ้มพร้อมสบตาเธอด้วยแววตาทะเล้น “จริง ๆ แล้วพี่เป็นเจ้าของบาร์โฮสปลอมตัวมา” ต้องมนตร์ได้ยินแล้วเบิกตาโตก่อนจะหลุดขำลั่น “หนูไม่เชื่อ อย่ามาอำหนูเลยพี่” โอ๊ย! ใครจะไปเชื่อ เธอคิดว่าเขาพูดเล่นแบบไม่สงสัยว่ามันคือความจริงเลยสักนิด
“งั้น…มาชนแก้วหน่อย หนูชอบพี่มากจริง ๆ นะ เหมือนเราเคยรู้จักกันมาก่อนเลย…พี่ว่าไหม” เธอเอ่ยย้ำ เอียงหน้าจ้องเขาตาเยิ้มพร้อมกับใช้ฝ่ามือรุกล้ำลูบไล้ไปแถว ๆ ต้นขาของเขาเบา ๆ
ตั้งแต่สึกออกมาภาคย์ก็ยังไม่ได้ไปยุ่งกับผู้หญิงคนไหน แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาการเบื่อผู้หญิงของเขาจะได้รับการเยียวยาโดยเธอเข้าเสียแล้ว
ภาคย์รู้สึกว่าตัวเองกำลังมีอารมณ์ เขาอยากจะจับเธอขึ้นเตียง ถอดเสื้อผ้าออก ดูดกัดให้หนำใจแล้วสอดใส่ความเป็นชายเข้าไปกระแทกหนักๆ ในตัวเธอ !!
รอยสักแบบนี้เธอจำได้ดี มันไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน และเธอก็ชอบมันมาก ลวดลายมันยังคงติดตาเธอมาถึงตอนนี้“เอ่อ รอยสักของพี่ลายนี้ สวยจังเลยนะคะ” หญิงสาวเริ่มตะกุกตะกักเมื่อพบว่าเธอเคยเห็นรอยสักลวดลายแบบนี้มาก่อน“อืม พี่ออกแบบคิดค้นขึ้นมาเอง มีที่เดียวในโลก หนูไม่มีทางไปเจอมันบนตัวของผู้ชายคนไหนอีกอย่างแน่นอน” ภาคย์อมยิ้ม เขาอ่านประกายสายตาของเธอออก ต้องมนตร์ดูตกใจ เหมือนกำลังนึกบางอย่างขึ้นมาได้“ใช่…ใช่คนเดียวกันแน่ๆ” ทั้งดวงตาและใบหน้าที่เธอเคยประทับใจ ทั้งน้ำเสียงนุ่มๆ ทั้งความรู้สึกคุ้นเคยตอนเจอกันต้องมนตร์อยากจะเขกหัวตัวเองหนัก ๆ อีกรอบก็แล้วใครมันจะไปคาดคิดกันละว่าจะเป็นเขาคนนั้น ตอนที่เจอกันครั้งแรกเขาเป็นพระ ส่วนครั้งต่อมาเขาดันไปปรากฏตัวบนเวทีในบาร์โฮส“หลวงพี่ แล้วทำไมหลวงพี่ถึง…”“พี่ไม่ได้เป็นพระแล้ว เรียกพี่ภาคย์ก็พอ”เธอจ้องหน้าเขาแล้วยิ้มกว้าง รู้สึกดีใจเหลือเกินที่ตอนนี้เขาไม่ได้เป็นพระเหมือนกับตอนนั้น ความอบอุ่นวาบหวามแผ่ซ่านขึ้นมาอย่างประหลาด“หลวงพี่เคยบอกหนูว่า…คนเราพอมีรักก็ย่อมมีทุกข์ แต่ว่าตอนนี้หนูมีความรักอีกแล้ว…. หนูควรจะทำตามหัวใจของตัวเองใช่ไหมคะ หลว
“ใจเย็นก่อนหนู” ภาคย์เอ่ยพลางอมยิ้ม เมื่อคนตัวเล็กเข้ามานั่งข้าง ๆ ในรถแล้วสวมกอดเขาในทันที….ใครจะไปใจเย็นไหว คิดถึงจะแย่แล้วเนี่ย ต้องมนตร์เพียงแค่คิดแต่ไม่ได้พูด เธอยื่นสองมือไปโอบประคองสองข้างแก้มของเขาในท่วงท่ามันเขี้ยว ก่อนจะขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ ๆ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า “จูบหนูหน่อย จูบหนูหน่อยนะคะ…นะคะ”ต้องมนตร์นอนไม่หลับมาตั้งสามคืนเพราะเขา และเขาก็ต้องรับผิดชอบ“อื้อ” คนจูบเก่งรีบจัดให้โดยไม่อิดออด ทั้งขยับดูดเน้นย้ำ ๆ ทั้งสอดใส่ปลายลิ้นเข้าไปปั่นป่วนในโพรงปากเธออย่างซุกซน“หนูคิดถึงพี่มาก ๆ เลย” หญิงสาวรีบสารภาพ“แล้วพี่ล่ะ คิดถึงหนูบ้างไหมคะ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังเงียบอยู่ต้องมนตร์ก็ยิงคำถามต่อไปใส่ทันที“คืนนี้ให้พี่ดูแลหนูอีกนะ” สำหรับต้องมนตร์แล้วทั้งน้ำเสียงออดอ้อนและสายตาที่ดูโหยหาเธอนั้นใช้แทนคำตอบได้เป็นอย่างดี “ไปบ้านพี่ไหม….”“ไปค่ะ…ถ้า….” แววตาของเธอมีความลังเลปะปนอยู่ในนั้น “ถ้าอะไร”“ถ้าพี่ยังโสด…”ภาคย์คลี่ยิ้มลุ่มลึกก่อนจะออกรถ ในขณะที่หญิงสาวก็คิดว่าความลึกลับที่ซุกซ่อนอยู่ในความเปิดเผยจริงใจของเขานี่แหละคือเสน่ห์เฉพาะตัวของชายหนุ่ม “หนูชอบพี่ สองสามวั
ตัดภาพไปที่ต้องมนตร์ เธอโมโหตัวเองจริงๆ เธอบอกหมายเลขห้องให้เขาไปอย่างละเอียด แต่ดันไม่ขอเบอร์ติดต่อของเขาหรือแลกไลน์กันเนี่ยนะ! จะบ้าตาย!เอาน่า…. ถึงยังไงก็ต้องทำใจ มันก็แค่การอ๊อฟหนุ่มโฮสมาเดทแค่ชั่วคราว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่คิดค่าตัวแล้วก็ออกเงินเลี้ยงเธอทุกอย่างก็ตามเถอะ!พรุ่งนี้พอตื่นเช้ามาทุกอย่างก็กลับสู่โลกของความเป็นจริงแล้ว หากวันหลังเกิดเหงาขึ้นมาก็ค่อยไปเที่ยวที่บาร์โฮสแห่งนั้นอีกครั้งก็ได้คิดแล้วเธอก็อาบน้ำนอน กอดหมอนข้างฝันหวานถึงรสจูบอันหวานซึ้งของเขาอย่างพร่ำเพ้อ…งือ….ถ้ามีเขาคอยนอนกอดทั้งคืนก็คงจะดีหลังจากสองคืนที่เธอคิดถึงเขาแทบบ้าผ่านพ้นไป ต้องมนตร์ก็พบว่าตัวเองมายืนอยู่ตรงหน้าบาร์โฮสแห่งนี้อีกครั้ง และครั้งนี้เธอก็มาคนเดียวหัวใจดวงน้อยเรียกร้องให้หญิงสาวก้าวเท้าเข้าไปข้างใน และถึงแม้ว่าจะมีหนุ่มหล่อเดินผ่านตาไปมา ทว่าหญิงสาวก็ไม่ว่อกแว่ก เพราะคนที่เธอต้องการมาพบในคืนนี้นั้นคือเขาแค่คนเดียว“วันนี้จะรับกี่ดื่มดีครับ” เสียงทุ้มนุ่มของพีอาร์หนุ่มลอยมาเข้าหูหญิงสาวทันทีที่เธอหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟา ทว่าแววตาของเธอกลับล่องลอยเหม่อมองไปบนเวทีพี่เขาไม่อยู่ที่นั่น ไม่มีแม้แ
บนที่นั่งที่ดีที่สุดในโรงภาพยนตร์วีไอพี หนังรอบดึกเริ่มฉาย และหลายคู่รักก็เริ่มพลอดรักกันอย่างสวีทหวานชื่น บางคู่ก็เริ่มลูบหัวกันอย่างรักใคร่เอ็นดู บางคู่ก็เริ่มล้วงควักกอดจูบกันนัวเนียต้องมนตร์เองก็เริ่มเอนกายซบหนุ่มโฮสต์รุ่นใหญ่ที่ตัวเองอ๊อฟมา หญิงสาวเลือกดูหนังรักโรแมนติกที่มีฉากเลิฟซีนค่อนข้างเยอะ และวินาทีนี้….สำหรับต้องมนตร์แล้ว พระเอกฮอลลีวูดรุ่นใหญ่ขวัญใจสาว ๆ ทั่วโลกที่กำลังยิ้มกว้างอยู่บนจอก็ไม่น่าดึงดูดใจเท่ากับเจ้าของบ่าอุ่นที่นั่งอยู่ข้าง ๆ“ชอบรุ่นใหญ่เหรอเราน่ะ” ภาคย์เหลือบมองคนตัวเล็กที่ยิ้มพริ้มซบบ่าเขาอยู่ เธอดื่มไวน์จนพวงแก้มกลายเป็นสีชมพูระเรื่อ แถมยังหาวยาว ๆ เพราะง่วงนอน พอมองไปมองมาภาพที่เธอเคยนอนหมดเรี่ยวหมดแรงอยู่ในศาลาวัดก็ย้อนกลับเข้ามาในหัวจนเขาต้องกลั้นขำ“จะรุ่นเล็กหรือรุ่นใหญ่ อายุก็เป็นเพียงตัวเลขทั้งนั้นแหละค่ะ” ต้องมนตร์เอ่ยพร้อมกับช้อนสายตาหวานเยิ้มขึ้นมองเขา“ไหนบอกจะดูหนัง แล้วทำไมถึงเอาแต่จ้องหน้าพี่” ภาคย์ดูหนังไม่รู้เรื่อง เพราะหน้าหล่อ ๆ โดนสาวสวยที่ควงมาจ้องเอา ๆ“เอ่อ….” ต้องมนตร์ที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังตกหลุมรัก พยายามดึงตัวเองให้หลุดออกมาจา
“พอ ๆ พอได้แล้ว รีบไปกันเถอะ” ภาคย์ตัดสินใจดับบุหรี่ ส่วนต้องมนตร์ก็ควงแขนเขาเดินไปยังรถยนต์คันเล็กๆ ของเธอ และพอไปถึงภาคย์ก็ดึงกุญแจรถจากมือเธอมาไว้ในมือตัวเองทันที“เดี๋ยวพี่ขับให้เอง หนูกินเหล้าไปตั้งขนาดนั้น นั่งฟังเพลงในรถเฉย ๆ ก็พอ จะเริ่มจากชอปปิง กินข้าวแล้วก็ดูหนังรอบดึกใช่ไหม”“ค่ะ” ต้องมนตร์อมยิ้มพร้อมพยักหน้าหงึกหงัก พอภาคย์เปิดประตูรถให้เธอก็รีบเข้าไปนั่งพร้อมรัดเข็มขัดนิรภัยอย่างรวดเร็ว หลังจากขยับเลื่อนเบาะตรงที่นั่งคนขับให้พอดีตัวแล้ว ภาคย์ก็ออกรถอย่างช้าๆ ไม่ลืมดึงมือเธอมากุมไว้ในแบบที่หนุ่มโฮสเขาชอบทำกันต้องมนตร์รู้สึกอบอุ่นหัวใจจนหน้าแดง พอนึกแล้วก็อยากจะรวยมากๆ เพราะหากซื้อตัวเขามาเป็นเพื่อนเที่ยวได้ทุกคืนแบบนี้ก็คงจะดภาคย์ขับรถไปยังห้างหรูที่มีทำเลตั้งอยู่ใกล้บาร์โฮสของเขามากที่สุด เพราะจะได้ชอปปิง กินข้าวและดูหนังเสร็จสรรพจบครบในที่เดียวต้องมนตร์ควงแขนภาคย์เดินเล่นในห้าง และอาการเมาไม่สร่างก็ทำให้หญิงสาวอารมณ์ดีและกล้าหาญชาญชัยในการเต๊าะผู้ชาย พอเห็นเงาสะท้อนจากบานกระจกหญิงสาวก็นึกขำ ผู้ชายที่เธอออฟมาดูไม่เหมือนหนุ่มโฮสเลยสักนิด เขาดูรวย ดูเหมือนกับป๋า ที่ควงเ
“เอา!!! คืนนี้ฉันจะออฟด้วย แกก็ไปหาผู้ชายของแก ส่วนฉันก็ไปหาผู้ชายของฉัน พอได้ผู้ชายแล้วก็แยกย้ายเลยละกัน” ต้องมนตร์หันไปกระซิบเพื่อน ในขณะที่สายตายังคงวนเวียนอยู่ที่หนุ่มใหญ่บนเวทีนี่เธอก็เข้าใจผิดมาตลอดว่างานนี้เขาจำกัดอายุ ไม่นึกเลยว่าเขาจะรับทุกรุ่น แล้วเธอก็ดันชอบรุ่นใหญ่เนี่ยนะ…“ถูกใจคนไหนก็รีบเลยนะแก ก่อนที่จะโดนแย่ง” เพื่อนรีบเอียงคอมากระซิบบอก“เอา…เอาคนนี้แหละ” ต้องมนตร์ยิ้มเขิน ชูมือขึ้นทำเป็นปืนแล้วเล็งไปทางเขา จากนั้นก็ยกแก้วเหล้าขึ้นซดอย่างครึกครื้น“ไหน…ไหนแกเล็งคนไหนเอาไว้”“ก็คนนั้นไง คนแก่ ๆ นั่นน่ะ” ดูเหมือนว่าคนที่อยู่บนเวทีนั้นจะยังไม่รู้ตัว ว่ามีสาวน้อยน่ารักหมายตาอยากได้เขามาเอาอกเอาใจตัวเองในคืนนี้ภาคย์ที่ตอนแรกกะจะมาตรวจงาน ตอนนี้กลับแฝงตัวเป็นหนุ่มโฮสรุ่นใหญ่ที่เต้นอย่างสนุกสนานอยู่บนเวที พอมาเห็นบรรยากาศแล้วก็พอใจ เดี๋ยวพอลงจากเวทีแล้วกะว่าจะไปนั่งจิบไวน์ชิลล์ ๆ ที่ผับอีกแห่งต่อ….แต่ทว่า พอลงจากเวทีก็มีสาวตัวเล็ก ๆ หน้าตาน่ารักมายืนดักทางเอาไว้ในทันที“คืนนี้หนูออฟพี่นะคะ”ภาคย์ตกใจ ใบหน้าคมคายชะงักงันไปชั่วครู่ วินาทีแรกก็ตกใจด้วยไม่นึกว่าจะมีสาวน้อยมาสน
ต้องมนตร์นั่งจิบกาแฟยามบ่ายอยู่ที่ร้านกาแฟของเพื่อนสนิท เพื่อนเปิดร้านกาแฟข้างทางชื่อร้านว่า ‘พ่อไม่รู้ว่าหนูเป็นตุ๊ด’ และตอนนี้สภาพจิตใจของคนเคยอกหักก็ดีขึ้นมาก มากจนเรียกว่าหายเป็นปกติแล้วก็ว่าได้“คืนนี้ว่างไหม ไปกินเหล้ากัน” หญิงสาวเอ่ยเจื้อยแจ้ว ตั้งแต่เมาแล้วเลี้ยวรถเข้าวัดในวันนั้น ต้องมนตร์ก็ไม่ได้แตะเหล้าอีกเลย “แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงนึกอยากกินเหล้า” เพื่อนสาวสองที่ชงกาแฟให้ลูกค้าหนุ่มหล่ออยู่หันมาถาม “ก็ฉลองที่ตัดใจได้ ไม่เหลือความเศร้าอะไรแล้วไง” ดวงตาทอประกายมีความสุขก่อนจะพุ่งเข้าไปกอดเพื่อนแล้วบอกว่า “นะ นะ แกคืนนี้พาไปเที่ยวหน่อย”“ไม่ว่าง นัดผู้ชายเอาไว้”“หูย! ทำไมตอบกันแบบไม่มีเยื่อใยอย่างนี้” หญิงสาวย่นจมูกให้เพื่อน ก่อนจะพุ่งเข้าไปโอบกอดเขาอย่างออดอ้อนอีกครั้ง “ไปด้วยกันนะแก ถ้าฉันเมาแล้วใครจะดูแล”“หล่อนน่ะกระเป๋าหนักหรือเปล่า”“ถ้าหมายถึงมีเงินเยอะไหมล่ะก็…เยอะมาก นี่แหละสวยและรวยมากของแท้” ฐานะทางการเงินของต้องมนตร์จัดได้ว่าอยู่ในระดับมหาเศรษฐี ครอบครัวของหญิงสาวเป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์โอมากาเสะ หญิงสาวเป็นลูกคนเล็กของบ้าน มีนิสัยไม่ชอบอยู่ในกรอบ แตกต่า
“เดี๋ยวนี้หนุ่ม ๆ ไม่ค่อยมาบวชกันหรอก หลวงพี่นี่แหละเป็นพระที่อายุน้อยที่สุดในวัด ที่เหลือก็หลวงตาอีกสี่ห้ารูป” พระหนุ่มใหญ่ใจนักเลงหันไปพูดเสียงเข้ม ส่วนหญิงสาวที่กำลังยืนกวาดใบไม้อยู่ห่างๆ ก็คลี่ยิ้มน้อยๆ“หลวงพี่มาบวชนานเหรอยังคะ อกหักเหมือนหนูแล้วมาบวชหรือเปล่า” คนตัวเล็กหันมาส่งเสียงเจื้อยแจ้วถามด้วยความสงสัย “หึ!” พระภาคย์เอาแต่อมยิ้ม หากจะให้บอกไปว่าแม่สั่งให้มาบวชเพราะพระอาจารย์ทักว่าถ้าบวชแล้วจะเจอเนื้อคู่ก็กลัวว่าเธอจะมองเป็นเรื่องไร้สาระ“อาตมาไม่ได้อกหัก อาตมามาบวชเพราะอยากจะอยู่แบบสงบ ๆ สักพัก ส่วนโยมก็….รีบ ๆ ตัดใจแล้วหาแฟนใหม่ซะ” พระภาคย์ไม่ถนัดปลอบใจใคร ก็เลยแนะนำให้โยมสาวสวยมีรักใหม่ไปเสียให้มันจบๆ“จริงด้วยสิคะ! หนูคงต้องรีบหาแฟนใหม่ แต่หลวงพี่ก็พูดเหมือนกับว่ามันหาได้ง่าย ๆ อย่างนั้นแหละ”“แฟนใหม่หาไม่ยาก แต่ที่หายากคือแฟนดีต่างหากล่ะโยม”“แล้วหลวงพี่มีเพื่อนดี ๆ แนะนำให้หนูรู้จักมั้ยคะ แบบที่ไม่ได้เป็นพระเหมือนกับหลวงพี่น่ะค่ะ”พระภาคย์กระตุกยิ้ม รุ่นนี้แล้ว… ส่วนใหญ่ถ้าไม่แต่งงานมีลูกมีเมียกันไปหมดก็เป็นเกย์“แล้วแฟนเก่าเขาทำไว้กับโยมยังไงบ้างเหรอ” ที่ถามนั้นไม่ได
“หนูชื่อต้องมนตร์ค่ะหลวงพี่ เมื่อคืนนี้ถ้าไม่ได้หลวงพี่ช่วยไว้ล่ะก็หนูแย่เลย”ต้องมนตร์ในสภาพเมาค้างคลี่ยิ้มให้พระภาคย์พร้อมยกมือขึ้นพนมไหว้ ดวงตายังคงเยิ้มและฉ่ำปรือ เมื่อคืนเมาแล้วร้องไห้จนตาบวม แถมยังลุกขึ้นส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายจนทางร้านรีบไล่ให้กลับเพราะรบกวนลูกค้าคนอื่น“ไม่เป็นไรหรอกโยม แล้วเมื่อคืนโยมนอนที่ศาลาวัดหลับสบายดีไหม”“ก็…มีตื่นขึ้นมาแล้วปวดหลังนิดนึงค่ะหลวงพี่”เมื่อคืนนี้พระภาคย์บอกให้เด็กวัดเอาหมอน เสื่อและผ้าห่มมาให้ต้องมนตร์ที่ศาลาวัด ตามด้วยพัดลมกับยากันยุง“เมื่อคืนนี้โยมเมามาก อาตมาเห็นโยมทะเลาะอยู่กับหมาวัดตั้งนานกว่าจะนอน โยมส่งเสียงดังโวยวาย อาตมาคิดว่าโยมน่าจะโกรธแค้นใครมาสักคนแล้วเอาอารมณ์มาลงที่หมาวัดของอาตมา”พระภาคย์กลั้นขำตอนพูด ส่วนอีกฝ่ายได้แต่ทำหน้าตาเลิ่กลั่ก“เอ่อ…” ต้องมนตร์พูดอะไรไม่ออก ได้แต่คิดว่าเมื่อคืนไม่น่ากินเหล้าเข้าไปมากขนาดนั้นเลย“ว่าแต่ชื่อเพราะดีนะโยม ต้องมนตร์หรือว่าต้องคุณไสยกันแน่” พระหนุ่มอมยิ้ม ก่อนจะพยายามปั้นสายตาเปี่ยมเมตตามองหญิงสาว“ต้องมนตร์สิคะ ต้องคุณไสยอะไรกันคะหลวงพี่!” ต้องมนตร์ไม่อยากต่อปากต่อคำกับพระ เลยเบนสายตาไป