Share

บทที่ 6

last update Last Updated: 2025-06-06 07:34:24

บทที่ 6

เย็นนั้นรังสิมันต์ทานอาหารเย็นที่บ้านตามคำเชิญของเจ้าของบ้าน โดยจันทริกาถูกศศิประภาสั่งห้ามไม่ให้ออกไปร่วมโต๊ะ เธอจึงได้แต่เก็บตัวอยู่ในห้อง พยายามจะไม่คิดมาก พร้อมกับบอกตัวเองว่าชินเสียแล้ว แต่จนแล้วจนรอดก็อดน้อยใจไม่ได้ที่ตัวเองถูกกีดกันอย่างคนไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียงใดๆ และพ่อก็ยอมให้เธอถูกกระทำเช่นเคย

เป็นอีกครั้งที่จันทริกาคิดถึงแม่เหลือเกิน แม่ตั้งชื่อให้เธอว่าจันทริกา ซึ่งมีความหมายว่า...แสงจันทร์ แม่คงอยากให้ชีวิตของเธอมีแต่ความงดงามประดุจดวงจันทร์ที่ประดับอยู่บนท้องฟ้า แต่แสงของพระจันทร์ดวงนี้ช่างริบหรี่เหลือเกิน ไม่เหมือนกับแสงของตะวันซึ่งทอรัศมีเจิดจ้าเฉิดฉาย ที่แม้แต่พระจันทร์อับแสงเช่นเธอ ความอบอุ่นนั้นก็ยังแผ่ซ่านมาถึง

มือเล็กเอื้อมไปหยิบกล่องขนมซึ่งวางอยู่บนโต๊ะตรงหน้า มองมันด้วยความซาบซึ้งใจอีกครั้ง ก่อนจะเปิดฝาออกเพื่อกินประทังความหิว ในระหว่างรอให้คนที่ซื้อมันมากลับบ้านไป

แครกเกอร์ธัญพืชชิ้นขนาดเท่าเหรียญสิบบาท ถูกหยิบออกมาจากกล่องพลาสติกรูปทรงสวยงามเป็นชิ้นแรก จันทริกาตั้งใจว่าหลังจากขนมในกล่องนี้หมด เธอก็จะเก็บกล่องสวยๆ นี้ไว้อย่างดี เพื่อระลึกถึงความใจดีของพี่ตะวันที่มีให้กับเธอตั้งแต่วันแรกที่ได้พบกัน ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้ส่งขนมชิ้นแรกนั้นเข้าปาก ประตูห้องก็ถูกศศิประภาผลักเข้ามาโดยไม่ได้เคาะตามมารยาทอันควร พอจันทริกาหันไปมองก็ถูกอีกฝ่ายตวาดใส่เสียงดัง

“นั่นแกจะทำอะไรนังจันทร์”

“จันทร์กำลังจะกินขนมค่ะ”

“เอามานี่!”

ไม่พูดเปล่า แต่ศศิประภายังปราดมาแย่งกล่องขนมไปจากมือของจันทริกา ทำให้จันทริกามองอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมศศิประภาจะต้องไม่พอใจ

“พี่ศศิ!”

“คุณตะวันเป็นของฉัน ของทุกอย่างของเขาก็เป็นสิทธิ์ของฉัน แกอย่าสะเออะ” ศศิประภาประกาศลั่น ทำให้จันทริการู้ทันทีว่ารังสิมันต์คงกลับไปแล้ว ศศิประภาถึงได้กล้าแผดเสียงแว้ดๆ เช่นนี้ใส่เธอ

“จันทร์ไม่ได้สะเออะ แต่ขนมนี่พี่ตะวันซื้อมาฝากจันทร์ คืนให้จันทร์เถอะนะคะ”

“อยากได้นักใช่ไหม ได้...ฉันจะคืนให้”

จันทริกากำลังจะยิ้มที่ได้ขนมกล่องนั้นคืน แต่เพียงแค่เสี้ยววินาทีต่อมาตาคู่สวยก็เบิกกว้าง เมื่อเห็นศศิประภาเทขนมในกล่องทั้งหมดลงพื้น แล้วใช้เท้าเหยียบย่ำ จนแครกเกอร์พวกนั้นแตกละเอียดเช่นเดียวกับความรู้สึกของจันทริกา

“พี่ศศิ!”

“อยากได้ก็เก็บเอาเองก็แล้วกัน” ศศิประภายักไหล่และเบ้ปากอย่างสะใจ ก่อนจะทิ้งกล่องที่จันทริกาตั้งใจว่าจะเก็บรักษาไว้อย่างดีลงพื้น แล้วเดินสะบัดตูดออกจากห้องไป โดยไม่คิดจะสนใจว่าจันทริกาจะเสียใจมากแค่ไหน

ร่างบางทรุดตัวลงกับพื้น ค่อยๆ กวาดเศษแครกเกอร์นั้นมากองรวมกันด้วยความอาดูร เธอไม่ได้ชิมด้วยซ้ำว่ารสชาติของขนมที่รังสิมันต์ซื้อมาฝากเป็นอย่างไร ขนมซึ่งถูกเหยียบย่ำจนแหลกละเอียดแล้วพวกนี้ มันคงกลายเป็นอาหารของมดตัวเล็กๆ แทน ทว่าอย่างน้อยก็ยังโชคดีที่ศศิประภายังทิ้งกล่องขนมนี้ไว้ให้ มือบางเอื้อมไปหยิบกล่องนั้นมาแนบอก พลางรำพึงขึ้นเบาๆ ด้วยเสียงสั่นเครือเมื่อนึกถึงน้ำใจของคนที่อุตส่าห์เอามาฝาก หากเธอกลับไม่สามารถจะรักษาน้ำใจของเขาเอาไว้ได้

                “จันทร์ขอโทษนะคะพี่ตะวัน...”

                เด็กสาววัยสิบแปดกำลังปั่นจักรยานมุ่งหน้ากลับบ้านในเวลาโพล้เพล้ ตะกร้าหน้ารถเต็มไปด้วยถุงผักและของสดต่างๆ ที่จะนำมาใช้ในการปรุงอาหารเย็น ซึ่งนี่เป็นงานประจำที่จันทริกาต้องทำทุกวันมิให้ขาดตกบกพร่องอยู่แล้ว หากวันไหนที่เธอละเลยหรือบกพร่องนั่นต่างหาก ถึงจะเกิดเรื่องใหญ่เรื่องโตตามมา เพราะเธอต้องถูกสิริมาและศศิประภาเล่นงานอย่างหนัก โดยที่เธอไม่เคยคิดจะบอกเรื่องนี้ให้พ่อรับรู้ ด้วยรู้ดีว่าพูดไปพ่อก็ช่วยอะไรไม่ได้

                กริ๊ง…กริ๊ง...

                เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงขาห้าส่วนดังขึ้น สองมือจึงกำเบรกที่แฮนด์จักรยาน ก่อนจะควานหาเอาโทรศัพท์เครื่องละไม่ถึงสามพันออกมา คิ้วเรียวมุ่นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเบอร์ที่โทร.มาเป็นเบอร์ของศศิประภา ไม่บ่อยนักหรอกที่ศศิประภาจะโทร.หาเธอ และถ้าเดาไม่ผิดที่ศศิประภาโทร.มาก็คงไม่แคล้วจะใช้เธอซื้อของกลับไปให้ด้วยอีกตามเคย

                “ค่ะพี่ศศิ”

                “แกอยู่ไหนนังจันทร์”

เสียงที่ถามนั้นยังคงแข็งกระด้างและจิกหัวเช่นเดียวกับทุกครั้งที่ศศิประภาคุยกับเธอ แต่ที่ทำให้จันทริกาค่อนข้างแปลกใจนั่นก็เพราะเสียงของศศิประภาในตอนนี้กลับฟังดูอู้อี้คล้ายคนกำลังร้องไห้เจือมาด้วย

                “กำลังจะกลับบ้าน พี่ศศิจะเอาอะไร”

                “ฉันไม่เอาอะไรทั้งนั้น แกรีบมาที่โรงพยาบาลตอนนี้เลย”

                คำสั่งของศศิประภาที่ดังมาเช่นนั้นบวกกับน้ำเสียงที่สั่นเครือ ทำให้หัวใจดวงน้อยเริ่มหวาดหวั่น สองมือเย็นเฉียบ ลางสังหรณ์บางอย่างเด่นชัดขึ้นจนน่ากลัว

                “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ”

                “พ่อแกขับรถชนกับรถสิบล้อ รถพังยับเยินทั้งคัน ตัวเองซวยคนเดียวไม่พอ ยังพ่วงแม่ฉันให้พลอยซวยไปด้วย จะเป็นหรือจะตายก็ยังไม่รู้”

                “พ่อ!”

                เสียงหวานอุทานออกมาอย่างตกใจสุดขีด ก่อนจะหันเหทิศทางของจักรยานที่กำลังจะปั่นกลับบ้าน ไปยังโรงพยาบาลประจำจังหวัด ขณะที่เท้าออกแรงปั่นอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ใจก็ภาวนาขอพรจากแม่และยายรวมถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายให้คุ้มครองพ่อของเธอและน้าสิริมาด้วย

               

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 50

    บทที่ 50“แต่คุณปรัชญ์ขอร้องนะคะ จันทร์ไม่อยากผิดคำพูดกับ...”จันทริกายังพูดไม่ทันจบ นิ้วแกร่งเรียวยาวก็แตะลงบนเรียวปากนุ่ม เพื่อห้ามไม่ให้เธอพูดต่อ“ฉันไม่อนุญาตให้เธอเห็นคนอื่นสำคัญกว่าฉัน”พูดจบนิ้วที่แตะอยู่บนเรียวปากนุ่มก็เลื่อนออก แต่เรียวปากหยักร้อนกลับเคลื่อนเข้ามาแทนที่ ร่างบางเกร็งขึ้นเพราะกลัวว่ารังสิมันต์จะทำรุนแรงเช่นเดิมอีก หากแต่จูบครั้งนี้เป็นจูบที่แสนอ่อนโยน จูบที่คล้ายจะไถ่โทษ จูบที่เว้าวอน จนอาการเกร็งนั้นมลายหายไป และยืนนิ่งให้เขาจูบอยู่เนิ่นนาน“เมี้ยว...”เสียงร้องของเมสซี่ที่ดังขึ้น ทำให้อารมณ์ที่กำลังอ่อนไหวของทั้งคู่สะดุดลง จันทริกาได้สติจึงรีบผละออกห่างจากการโอบกอดของเขาอย่างรวดเร็ว แล้วย่อตัวลงไปอุ้มเมสซี่ขึ้นมาแนบอก คล้ายกับจะใช้มันเป็นเกราะป้องกันไม่ให้เขาเข้าถึงตัวได้อีกรังสิมันต์ออกจะเขม่นแมวตัวโปรดเป็นครั้งแรก แต่ไหนแต่ไรมันรู้งาน และไม่เคยทำตัวเป็นก้างขวางคอ แต่ทำไมวันนี้มันถึงมาขัดจังหวะก็ไม่รู้“ฉันเพิ่งบอกเธอไปหยกๆ ว่าไม่ให้เห็นใครสำคัญกว่าฉัน”“แต่นี่เมสซี่แมวของคุณนะคะ คุณให้อาหารมันหรือยังคะ” จันทริกาถามอย่างพอจะเข้าใจอากัปกิริยาของเมสซี่ดีว่าที

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 49

    บทที่ 49ร่างสูงเดินดุ่มไปหาคนทั้งคู่อย่างไม่รีรอ สีหน้าบอกชัดว่าไม่สบอารมณ์และไม่พอใจเป็นอย่างมาก ปรัชญ์จึงพยักหน้าให้จันทริกาหลบไปก่อน ส่วนเขาเป็นฝ่ายอยู่รับหน้ารังสิมันต์ “แกมาทำอะไรที่บ้านฉัน” รังสิมันต์ถามเสียงห้วนกระด้างอย่างไม่คิดจะเก็บอารมณ์“มาหาจันทร์”“มาหาทำไม?”“มาจีบมั้ง” ปรัชญ์ตอบกวนๆ ยิ่งเห็นรังสิมันต์ทำหน้าถมึงทึงเช่นนั้นก็ยิ่งพอใจที่ได้ยั่วให้เพื่อนโกรธได้ แต่ดูแค่ตาเดียวก็รู้ว่าที่รังสิมันต์ทำหน้าแบบนั้นก็เพราะกำลังหึงหรือไม่ก็หวงก้าง“มันใช่เวลาไหม” รังสิมันต์ย้อนถามด้วยน้ำเสียงโทนเดิม“ทีแกยังเคยคิดจีบเมียฉัน ทำไมฉันจะจีบเมียแกบ้างไม่ได้” ปรัชญ์ยักไหล่และตอบกวนๆ เช่นเดิม ทั้งๆ ที่ในใจแอบหัวเราะคนออกอาการอยู่เงียบๆ “ฉันบอกแล้วไงว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่เมียฉัน” แม้จะออกอาการว่าหึงหวงปานใด แต่ปากก็ยังคงปฏิเสธเสียงแข็ง ซึ่งนั่นกลับยิ่งเข้าทางปรัชญ์“ไม่ใช่ก็ยิ่งดีใหญ่ ฉันจะได้ทำอะไรสะดวกๆ”“แกกำลังจะแต่งงานกับน้องเล็กนะเว้ย เลวให้มันน้อยๆ หน่อยได้ไหมไอ้เวร”“หวงก้างว่างั้น”“แกแม่งกวนตีนไม่เลิกว่ะ แล้วแต่แกเถอะไอ้เลวอยากทำอะไรก็ทำ” เมื่อถูกจี้แบบถูกจุดซ้ำแล้วซ้ำอีก รังสิ

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 48

    บทที่ 48วันนี้เป็นวันหยุดของรังสิมันต์ซึ่งเพิ่งจะกลับมาจากกรุงเทพฯ เมื่อวานนี้ อุ้ยคำจึงลากลับบ้านไปหาครอบครัว ส่วนหนานอินซึ่งเป็นรปภ.เฝ้าป้อมหน้าบ้านก็ขอลาหยุดเช่นกัน จึงกลายเป็นว่าวันนี้จันทริกาต้องอยู่บ้านหลังใหญ่นั้นกับเจ้าของบ้านตามลำพังรังสิมันต์อยู่กับเมสซี่ในห้องนั่งเล่น ส่วนจันทริกาตากผ้าอยู่หลังบ้าน มือเล็กที่กำลังจับผ้าขึ้นแขวนบนราวตากชะงักครู่หนึ่งพลางเงี่ยฟัง เมื่อได้ยินเสียงกดกริ่งหน้าบ้าน ปกติแล้วหน้าที่เปิดประตูรั้วจะเป็นของหนานอินซึ่งเป็นรปภ.เฝ้าหน้าป้อม แต่วันนี้หนานอินลางาน จันทริกาจึงต้องละมือจากการตากผ้า แล้วเร่งฝีเท้าไปยังประตูหน้าบ้านอย่างรู้ดีว่าเป็นหน้าที่ตัวเอง“มาหาใครคะ” เสียงหวานถามคนที่มากดกริ่งอย่างสุภาพ ก่อนที่ดวงตาสวยปนเศร้าจะเบิกกว้างและเปลี่ยนเป็นเปล่งประกายด้วยความดีใจ เมื่อเห็นหน้าคนที่มากดกริ่งในระยะใกล้“พี่เล็ก...”เจ้าของชื่อที่เธอเรียกคือรุ่นพี่ที่เธอเคยสนิทสนมมากในตอนเรียนมัธยม เพราะเคยอยู่ชมรมดนตรีด้วยกันนั่นเอง “จันทร์...” “ดีใจจังค่ะที่ได้เจอพี่เล็ก พี่เล็กสวยขึ้นจนจันทร์เกือบจะจำไม่ได้เลยค่ะ”

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 47

    บทที่ 47สำหรับคนที่จมอยู่ในห้วงของความทุกข์ใจ วันเวลามักผ่านไปช้าเสมอ คนในบ้านที่รังสิมันต์ส่งไปทำงานที่ห้างสรรพสินค้าของเขา ยังไม่มีใครได้กลับมา ดังนั้นจันทริกาจึงต้องทำงานบ้านทุกอย่างแทบจะคนเดียวเช่นเดิม และยังมีสิ่งที่ต้องทำมากกว่าหน้าที่ของคนรับใช้ทั่วไป นั่นคือเธอต้องคอยรองรับไฟปรารถนาของรังสิมันต์ ไม่ว่าเขาต้องการยามใด เธอก็ไม่เคยที่จะปฏิเสธได้สักครั้ง จันทริการู้ดีว่าเขาทำไปเพื่อระบายความแค้นเท่านั้น หากแต่ตอนนี้เธอกลับเริ่มรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเริ่มจะผูกพันกับเขาอย่างลึกซึ้งมากขึ้นทุกวัน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ทำให้เธอทุกข์ใจไม่น้อย หากจะมีสิ่งที่ทำให้เธออยู่บ้านหลังนี้ได้อย่างมีความสุข ก็คงจะเป็นความน่ารักของเมสซี่กับความเอ็นดูจากลุงหนานอินซึ่งเป็นรปภ.กับอุ้ยคำเท่านั้น ส่วนเจ้าของบ้าน แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เขาก็ยังคงใจร้ายและเย็นชาใส่เธอดังเดิม แม้บางครั้งเขาเหมือนจะอ่อนโยน แต่นั่นก็เป็นเพียงเพราะเขาลืมตัว ครั้นพอเขาคิดได้ว่าเกลียดชังเธอแค่ไหน จันทริกาก็มักจะได้รับผลจากความเคียดแค้นชิงชังของเขาดังเดิมเช้านี้จันทริกาไม่ได้ทำอาหาร รังสิมันต์บอกเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 46

    บทที่ 46“คำว่าเกมหัวใจ มันไว้สำหรับคนที่มีใจให้กัน”“แกไม่ได้คิดอะไรกับจันทร์ว่างั้น” จากที่ถูกไล่ต้อนตอนนี้ปรัชญ์เปลี่ยนเป็นฝ่ายไล่ต้อนรังสิมันต์บ้าง“คิด...คิดว่าเด็กคนนั้นทำให้เมียฉันตาย”“แน่ใจว่าคิดแค่นั้น แล้วนี่แต่งตัวจะไปไหน”“กลับเชียงใหม่สิวะ จะอยู่ทำไมล่ะ ก็ผู้หญิงที่ฉันตั้งใจจะมาจีบกลายเป็นเมียแกไปแล้วนี่ หรือแกจะให้ฉันแย่งเมียเพื่อนก็ได้นะฉันไม่ถือ”“ก่อนจะถามฉัน ถามตัวเองก่อนว่าคิดจะแย่งเมียฉันจริงๆ หรือแค่อยากให้เมียตัวเองหึง”คำพูดที่เหมือนกับมานั่งอยู่ในใจเช่นนั้น ทำให้รังสิมันต์ต้องทำหน้าตึงกลบเกลื่อน แม้สิ่งที่ปรัชญ์พูดมาจะไม่ตรงกับความจริงนักแต่ก็เฉียดสุดๆ เขาไม่ได้อยากให้จันทริกาหึง แค่อยากให้เธอเจ็บจริงหรือที่ว่าต้องการแค่นั้น?รังสิมันต์ถามตัวเอง...แล้วทำไมตอนที่เด็กคนนั้นทำหน้าเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับเขา เขาถึงได้หงุดหงิดนัก“ต้องให้ย้ำกี่ครั้งว่าเมียฉันตายแล้ว แกความจำเสื่อมหรือไงไอ้เชี่ยปรัชญ์” คนถูกต้อนคืนทำเสียงฉุนๆ ใส่“ฉันไม่ได้หมายถึงคนที่ตายแล้วเว้ย แต่หมายถึงคนที่แกอยู่ด้วยตอนนี้”“จันทริกาไม่ใช่เมียฉัน”“แล้วเป็นอะไร แค่อดีตน้องเมียที่ตอนนี้ถูกลดฐานะล

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 45

    บทที่ 45“เธอนอนหรือยัง” ถามทั้งๆ ที่รู้ว่าดึกดื่นขนาดนี้ จันทริกาต้องนอนแล้ว เพราะปกติถ้าคืนไหนที่เขาไม่ได้ให้เธอขึ้นไปหา หรือเป็นฝ่ายลงมาหาเธอ เด็กคนนั้นจะหลับเร็วเป็นพิเศษ“นอนแล้วค่ะ คุณโทร.มามีอะไรหรือเปล่าคะ”“ฉันแค่โทร.มาถามว่าเมสซี่เป็นยังไงบ้าง” ปากพูดไปตามที่สมองเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า หากแต่เสียงในใจเสียงหนึ่งกลับตะโกนก้องขึ้นมาว่า เพราะอยากได้ยินเสียงนุ่มๆ เรียบๆ ของเธอต่างหาก“เมสซี่อยู่กับจันทร์ค่ะ ตอนนี้หลับไปแล้ว”“ก็ดี ฉันแค่เป็นห่วงมัน”“ไม่ต้องห่วงนะคะจันทร์จะดูแลเมสซี่อย่างดี และสมบัติทุกชิ้นของคุณในบ้านหลังนี้ยังอยู่ครบค่ะ” จันทริกาพูดกับคนโทร.มาด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะเป็นการบอกกล่าวตามปกติ ทว่าหัวใจกลับปวดแปลบ เมื่อตระหนักถึงความจริงที่ว่า คุณตะวันเป็นห่วงแค่เมสซี่เท่านั้น ไม่ได้ห่วงเธอแม้แต่นิด หากจะห่วงก็คงห่วงว่าเธอจะพาใครมาขโมยของในบ้านอย่างที่เขาพูดไว้ก่อนไปมากกว่า เพราะเธอเป็นผู้ร้ายในสายตาเขามาตลอดตั้งแต่ศศิประภาตายไป จันทริกาจึงต้องบอกเขาไปเช่นนั้น หากแต่คนฟังกลับรู้สึกว่าเธอกำลังประชด“สมบัติของฉันที่เธอว่าอยู่ครบทุกชิ้น รวมถึงเธอด้วยหรือเปล่า”จันทริกาห

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status