Masuk“อ้าว...เรานั่นเอง เจอกันอีกแล้วนะ บ้านเราอยู่นี่เองเหรอ” รังสิมันต์เอ่ยทักขึ้นอย่างดีใจ เมื่อได้เจอหน้าเด็กผู้หญิงที่สั่นคลอนความรู้สึกของเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกันนั้นอีกครั้ง
“ค่ะ...” จันทริกาตอบสั้นๆ อย่างคนพูดน้อยเช่นเดิม
“พอดีแมวพี่มันหายออกมาจากบ้านน่ะ ไอ้นี่มันซ่าไล่ฟัดกับหมา โชคดีได้พี่สาวของเราช่วยเอาไว้ ไม่งั้นคงจะเตลิดไปไกลเลย”
จันทริกางงคำพูดของรังสิมันต์เล็กน้อย ศศิประภาบอกว่าเป็นคนช่วยแมวตัวนี้เอาไว้อย่างนั้นเหรอ ทั้งๆ ที่เมื่อครู่ยังแว้ดๆ ใส่เธออยู่เลย
“นี่เรามายืนทำอะไรอยู่ฮะยัยจันทร์ มีงานต้องทำไม่ใช่เหรอ ไปซะสิ ที่นี่ไม่มีธุระของเรา” ศศิประภารีบเอ่ยปากไล่ ก่อนที่ความจะแตกว่าแท้จริงแล้ว คนที่ช่วยเหลือแมวของรังสิมันต์คือจันทริกา ไม่ใช่ตัวเองอย่างที่แอบอ้างไปหยกๆ
จันทริกามองแมวตัวซึ่งตัวเองเป็นคนช่วยชีวิต มันเองก็มองมายังเธอสายตาละห้อย หากสุดท้ายเธอก็จำต้องหมุนตัวกลับเข้าไปในบ้านเงียบๆ ตามที่ศศิประภาบอก เพราะคร้านจะมีเรื่องกับพี่สาวต่างพ่อต่างแม่ อย่างน้อยเจ้าแมวตัวนั้นก็ได้เจอกับเจ้าของที่แท้จริงแล้ว แม้ความจริงจะถูกบิดเบือน แต่ก็ช่างเถอะ เธอชินเสียแล้วกับการโดนสวมรอยและแอบอ้างเอาผลงานแบบนี้
รังสิมันต์แอบมองตามร่างบางของเด็กสาวนั้นไปพลางลอบถอนหายใจเบาๆ จะว่าไปลูกสาวบ้านนี้ก็ล้วนหน้าตาดีและจิตใจดีทั้งคู่ เพียงแต่ผู้หญิงที่เรียกตัวเองว่า ‘ศศิ’ ดูร่าเริงสดใสและอ่อนหวานมีจริตจะก้านกว่า ส่วนเด็กผู้หญิงที่เขาเพิ่งรู้ว่าเธอชื่อ จันทร์... ไม่ค่อยพูด แววตาเศร้าๆ แต่เพราะอย่างนี้แหละมั้ง ถึงทำให้เขาอยากควานหาความเศร้าในใจเธอ และนึกอยากกอดปลอบประโลมให้หายเศร้า
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอยากเห็นหน้าสวยๆ ของพี่สาว หรืออยากเห็นหน้าหวานปนเศร้าของคนเป็นน้องกันแน่ รังสิมันต์จึงได้พาตัวเองมาบ้านหลังนี้อยู่บ่อยครั้ง เป็นเวลาเกือบสองเดือนแล้วนับตั้งแต่วันที่เขามาตามหาเจ้าเมสซี่ เขาก็มักจะพาตัวเองมาที่นี่เป็นประจำ แต่ไม่ว่าเจตนาของเขาจะมาเพื่อต้องการเห็นหน้าใครก็ตาม เหตุการณ์มันก็ดูเหมือนว่าจะมีคนเลือกให้เขาแล้ว ว่าต้องเห็นหน้าใคร เพราะทุกครั้งที่มาบ้านหลังนี้ คนที่เขาเจอเป็นประจำคือศศิประภา ซึ่งคอยต้อนรับขับสู้และชวนคุยอย่างสนิทสนม ส่วนจันทริกานั้นเขาแทบจะไม่เคยเห็นเธอเลยด้วยซ้ำ
รังสิมันต์เคยเจอพ่อกับแม่ของทั้งคู่ ซึ่งคุณเมธาและคุณสิริมาก็ให้การต้อนรับเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน แน่ละ...เขาเชื่อว่าต่อให้เขาเดินเข้าบ้านหลังไหน ก็คงไม่มีใครรังเกียจหรือไม่ต้อนรับ ในเมื่อเขาออกจะเพียบพร้อมซะขนาดนี้ แต่กระนั้นเขาก็ไม่เคยคิดจะทำตัวอวดรวยกับเพื่อนบ้านที่ดีแต่อย่างใด จะมีบ้างที่แสดงน้ำใจ ด้วยการซื้อของฝากติดไม้ติดมือมาให้
วันนี้ก็เช่นเคย เขามาพร้อมกับถุงของฝากสองถุง ถุงหนึ่งซื้อมาให้ทั้งครอบครัว แต่อีกถุงตั้งใจจะให้จันทริกาโดยเฉพาะ คิดเอาไว้ว่าถึงจะไม่ได้เจอตัว แต่ได้ฝากขนมให้กินก็ยังดี
“ทำไมช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้เจอจันทร์เลยล่ะครับ น้องเค้าไปไหนเสียล่ะ” รังสิมันต์ถามกับศศิประภาที่ตอนนี้ยังอยู่ในชุดฟอร์มของโชว์รูมรถยี่ห้อดัง ซึ่งชุดนั้นเป็นชุดเดรสกระโปรงสั้น ทำให้คนใส่ได้มีโอกาสอวดเรียวขาและหุ่นอันสมส่วนอย่างมั่นใจ
“ช่วงนี้ยัยจันทร์มีสอบน่ะค่ะ ศศิก็เลยให้อ่านหนังสืออย่างเดียว พวกงานบ้านต่างๆ ศศิก็ทำแทนหมด”
“ศศินี่ใจดีกับน้องจริงๆ เลยนะครับ”
“ทำไงได้ล่ะคะ ถึงแม้ว่าศศิกับจันทร์จะไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆ แต่ก็โตมาด้วยกัน ศศิเลยอดไม่ได้ที่จะรักจันทร์เหมือนน้องสาวแท้ๆ”
“ศศิกับจันทร์ไม่ได้เป็นพี่น้องแท้ๆ กันเหรอครับ”
“ไม่ใช่หรอกค่ะ ยัยจันทร์เป็นลูกของลุงเมธาส่วนศศิเป็นลูกแม่น่ะค่ะ”
นั่นเป็นเรื่องใหม่ที่รังสิมันต์เพิ่งได้รู้ ตอนแรกเขาไม่เคยนึกแคลงใจเลย เพราะทั้งจันทริกาและศศิประภาต่างก็สวยชวนมองไปคนละแบบ จนเขาคิดว่าเป็นลูกพ่อแม่เดียวกันเสียอีก แต่ความเศร้าในดวงตาคู่นั้นของจันทริกาเกิดจากอะไรล่ะ ในเมื่อพี่สาวต่างบิดามารดาที่อยู่ร่วมบ้านเดียวกันก็ดูรักเธอดี
ขณะที่ความคิดกำลังว้าวุ่น สายตาพลันเหลือบไปเห็นคนที่ตัวเองกำลังคิดถึง และปากก็เร็วกว่าสมอง รีบเอ่ยเรียกชื่อเจ้าตัวอย่างไม่ลังเลแม้แต่วินาที
“จันทร์...”
แม้นั่นจะเป็นการเรียกเพียงครั้งเดียว แต่น้ำเสียงก็หนักแน่นและดังกังวาน จนคนเป็นเจ้าของชื่อที่กำลังจะเดินออกจากครัวเพื่อหลบเข้าห้องตัวเองต้องหันมา
“มาหาพี่หน่อยสิ พี่ซื้อขนมมาฝาก”
จันทริกาเหมือนจะหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง หากสุดท้ายก็เดินมาตามเสียงเรียก และหยุดอยู่ตรงหน้าพี่ชายใจดี ซึ่งนับตั้งแต่วันที่เขามาตามหาแมว เธอก็ถูกศศิประภาและสิริมาสั่งห้ามไม่ให้ปรากฏตัว ซึ่งเช่นเคยพ่อของเธอก็ไม่มีปากมีเสียงหรือเอ่ยคัดค้านใดๆ
“พี่มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“พี่ซื้อขนมมาฝากน่ะ เห็นว่าช่วงนี้เราอ่านหนังสือหนักเหรอ” รังสิมันต์เอ่ยถามพลางยื่นถุงขนมที่ตัวเองตั้งใจเอามาฝากให้กับเด็กดีของเขา
“ค่ะ”
“งั้นก็สู้ๆ นะพี่เป็นกำลังใจให้”
“ขอบคุณค่ะ” เสียงหวานเอ่ยออกมาเบาๆ ขณะยื่นมือไปรับถุงขนมจาก ‘พี่ตะวัน’ ซึ่งเธอแอบรู้ชื่อเขาเพราะได้ยินศศิประภาคุยกับแม่
“ได้แล้วก็ไปอ่านหนังสือสอบต่อซะสิยัยจันทร์ จะอยู่กวนใจคุณตะวันทำไม”
เสียงของศศิประภาดังขึ้น ทำลายบรรยากาศการพูดคุยระหว่างคนสองคนที่เพิ่งจะได้เจอกัน จันทริกาจึงแค่ยิ้มบางๆ แล้วหมุนตัวกลับห้องตัวเองอย่างที่ตั้งใจเอาไว้
บทที่ 112ร่างสูงเดินตามบันไดลงไปชั้นล่าง หลังออกจากห้องลูกชาย พยายามครุ่นคิดว่ายามดึกแบบนี้เมียเขาจะไปอยู่ที่ไหน ตอนแรกคิดว่าเธอออกไปเดินเล่น เลยไปตามหาดูที่สวนหย่อม แต่ก็ไร้เงาจันทริกาอย่างสิ้นเชิง คนตามหาเมียจึงทั้งร้อนใจและอดหัวเสียด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ กระทั่งฉุกคิดขึ้นได้ถึงห้องนอนชั้นล่างที่เขายังไม่ได้ไปดู ร่างสูงจึงก้าวตรงไปยังห้องนั้นอย่างไม่ลังเล แล้วก็ต้องแอบถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อเห็นแสงสว่างเล็ดลอดออกมาจากข้างในเธอลงมาทำอะไรที่นี่นะมือใหญ่ผลักประตูเข้าไปเพื่อหาคำตอบให้ตัวเองในทันที ทำเอาคนที่อยู่ในห้องสะดุ้งเล็กน้อย มือที่กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ชะงักไป ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ เช่นกัน เมื่อความลับที่ตัวเองพยายามจะปกปิด ถูกจับได้เสียแล้ว“อยู่นี่นี่เอง พี่ตามหาซะทั่ว” เสียงทุ้มรำพึงขึ้นแบบกึ่งโล่งอกกึ่งคาดโทษ เพราะหลายวันมานี้เธอทำให้เป็นห่วงและแอบหนีเขามากลางดึกอยู่บ่อยๆ“จันทร์นึกว่าพี่ตะวันหลับไปแล้วซะอีกค่ะ” จันทริกาพูดออกไปตามที่ตัวเองจำได้ เพราะก่อนออกจากห้องมา รังสิมันต์มีอาการง่วงงุนจนเกือบจะหลับไปแล้ว“ตอนแรกก็หลับไปแล้ว แต่ก็ต้องตื่นมาเพราะเมียหาย ไม่ใช่คืนแรก
บทที่ 111เมื่อภรรยาเอาแต่ยืนหน้าแดง รังสิมันต์จึงยื่นแขนมาเกี่ยวเอวเล็ก รั้งร่างบางให้นั่งลงบนตัก ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้ม“ตกลงนะ”“ก็ได้ค่ะ” เสียงหวานเอ่ยรับปากอายๆ ทำให้คนที่ได้ดั่งใจประกบปากจูบเธออย่างดูดดื่มทันที และจันทริกาก็อดไม่ได้ที่จะจูบตอบเขาด้วยความดูดดื่มอ่อนหวานเช่นกันรังสิมันต์ครางออกมาในลำคออย่างพอใจ มือใหญ่เริ่มลูบไล้ไปตามลอนสะโพกผาย ต่ำลงไปยังชายกระโปรงแล้วรุกคืบเข้าไปข้างใน สัมผัสกับความเนียนละมุนของขาอ่อน เช่นเดียวกับปากและจมูกโด่ง ที่ตอนนี้ผละออกจากการประกบจูบ แต่กลับเริ่มซุกไซ้ไปตามพวงแก้ม ใบหู เลื่อนต่ำไปถึงซอกคอ แล้วระดมจูบไซ้ปลุกเร้า อย่างรู้ดีว่าทำอย่างไรจันทริกาจึงจะยอมตามใจ“พอแล้วค่ะพี่ตะวัน ไหนว่าคืนนี้ไงคะ” เสียงหวานเอ่ยประท้วงออกมาหอบๆ พยายามจะผลักใบหน้าสามีออกห่างแต่เขาไม่ยอม“ขอมัดจำก่อนไงจ๊ะ”“ไม่เอาค่ะ จันทร์ต้องลงไปหาอาทิตย์นะคะ”“ฟองคำเลี้ยงให้อยู่ไม่ใช่เหรอ ตอนนี้อยู่กับพี่ก่อนเถอะนะ”“จันทร์คิดถึงลูกนี่คะ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายชั่วโมง”“แล้วไม่คิดถึงผัวบ้างเหรอคนดี พี่กับจันทร์ก็ไม่ได้เจอกันตั้งหลายชั่วโมงเหมือนกันนะ”“คิดถึงค่ะ คิดถึงทั้งลูก
บทที่ 110‘น้องอาทิตย์’ ลูกชายวัยหกเดือนนั่งรถมากับพ่อบนเบาะหลัง ในตอนบ่ายช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยมีอุ้ยคำเป็นคนขับ รถคันหรูแล่นมาหยุดที่ลานจอดรถของคณะซึ่งแม่น้องอาทิตย์เรียนอยู่ แม้วันนี้จะเป็นวันหยุด แต่ทว่าลานจอดรถกลับแน่นขนัดไปด้วยพาหนะของนักศึกษาภาคพิเศษในระดับปริญญาตรี โท และเอก ที่ต่างต้องมาเรียนในวันเสาร์อาทิตย์ ร่างบางออกมาจากตึกช้ากว่าเวลาเดิมเกือบสิบห้านาที ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาที่เกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มก่อนหน้านี้บึ้งตึงลงโดยพลัน ไม่ใช่เพราะต้องรอเมียนาน แต่เป็นเพราะมีหนุ่มหล่อหน้าตาดีเดินเคียงคู่ออกมาด้วยต่างหากเห็นเช่นนั้นลมเพชรหึงก็กำเริบทันที ร่างสูงเอียงตัวไปอุ้มลูกน้อยขึ้นมาบนวงแขน ก่อนจะผลักประตูรถลงไป แล้วก้าวยาวๆ ตรงไปหาภรรยาสาวอย่างไม่ลังเลทันที“ทำไมวันนี้มาช้าจังครับที่รัก พี่กับลูกมารอตั้งนาน” ไม่แค่ถามแต่รังสิมันต์ยังส่งน้องอาทิตย์ให้ผู้เป็นภรรยาอุ้ม พร้อมกับส่งสายตาดุๆ ไปยังไอ้หน้าหล่อคนนั้น เป็นเชิงบอกว่านี่เมียเขาและเธอก็มีลูกแล้ว เพราะฉะนั้นถ้ามันไม่อยากเดือดร้อนก็อย่าทำตัวสนิทสนมกับเมียเขาเกินเหตุ“ขอโทษด้วยนะคะ พอดีจันทร์มีงานกลุ่มที่ต้องแบ่งกันทำกับเพื่อ
บทที่ 109หลังจากงานแต่งงานระหว่างรังสิมันต์กับจันทริกาผ่านไป เสียงเปียโนแสนไพเราะก็มักจะดังขึ้นบ่อยครั้ง เช่นเดียวกับคืนนี้ก็เช่นกัน คฤหาสน์หลังใหญ่ในยามค่ำคืน ยังคงสวยงามและสว่างไสวด้วยไฟหลากหลายดวง เสียงเปียโนที่ถูกบรรเลงด้วยนิ้วเรียวๆ สวยๆ ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบของราตรีกาล สมาชิกในครอบครัวที่กำลังนอนอยู่ต่างอดคลี่ยิ้มออกมาไม่ได้ เมื่อเสียงเปียโนที่กำลังถูกบรรเลงอยู่ตอนนี้นั้น เป็นท่วงทำนองอันแว่วหวานแสนไพเราะ สะท้อนอารมณ์ของคนเล่นเป็นอย่างดี ว่ากำลังมีความสุขมากแค่ไหน ความสุขนั้นส่งผ่านเสียงเพลง ขับกล่อมคนฟังให้ผล็อยหลับไปอย่างแสนสุขเช่นเดียวกับคนเล่น“อุ๊ย...พี่ตะวัน”เสียงหวานอุทานขึ้น เมื่อเพลงแสนหวานนั้นจบลง พร้อมๆ กับที่เอวเล็กถูกแขนแข็งแรงสอดเข้ามากอด พวงแก้มและซอกคอก็โดนจูบโดนไซ้จากจมูกโด่งคมของคนที่ไม่เคยยอมห่างเธอไปไหน“รางวัลสำหรับเพลงเพราะๆ”“ใครอยากได้รางวัลแบบนี้กันคะ”“ใครๆ ก็อยากได้ทั้งนั้นแหละ”“ใครๆ ที่ว่านี่หมายถึงสาวๆ ของพี่ตะวันเหรอคะ” จันทริกาเอียงหน้ามาถาม สีหน้าและแววตาสะท้อนความสุขออกมา จนตอนนี้ใครต่อใครต่างก็บอกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่น่าอิจฉามากที่สุด“ถ
บทที่ 108งานแต่งงานเล็กๆ ถูกจัดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ต่อมา ตอนเช้าเป็นงานแต่งแบบไทยตามประเพณี รังสิมันต์เชิญเฉพาะญาติผู้ใหญ่ฝั่งตัวเองมาเป็นสักขีพยาน และเป็นการบอกกล่าวให้รับรู้ว่าจันทริกาคือภรรยาของเขา ส่วนญาติทางฝั่งจันทริกาไม่มีใคร นอกจากตาธงกับยานนวลที่เธอถือว่าเป็นตากับยายของเธอ ส่วนงานกลางคืนเป็นงานเลี้ยงแบบอบอุ่น ที่มีเฉพาะเพื่อนสนิทของทั้งสองฝ่ายเท่านั้น แน่นอนว่าหนุ่มๆ ทั้งสี่คนซึ่งได้แก่ ปรัญช์ ปราณต์ ศาสตรา และกวินภพ มาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้กันทั่วหน้า โดยแต่ละคนต่างควงคู่ภรรยามาทั้งนั้น ยกเว้นกวินภพซึ่งยังโสดแต่ก็ยังมีคนมาด้วย คือเอมมาลินนั่นเอง เอมมาลินถูกเชิญมางานเลี้ยงคืนนี้ด้วย เพราะถึงแม้จันทริกาจะรู้จักกับเอมมาลินได้ไม่นาน แต่เอมมาลินก็เป็นผู้มีพระคุณและยังเป็นคนที่เธอรักและนับถือเหมือนพี่สาวอีกคนหนึ่ง งานนี้อดีตคนเคยรักจึงจำต้องเดินทางมาเชียงใหม่ด้วยกันตามลำพังบรรยากาศของงานเลี้ยงเป็นไปอย่างอบอุ่นและเป็นกันเองจริงๆ พี่สาวที่รักทั้งสองอย่างภัคธีมาและธรินดาต่างแสดงความยินดีกับน้องสาว ที่แม้ต้องเผชิญกับความร้ายกาจของรังสิมันต์ เพราะความเข้าใจผิดมามากมาย แต่ในที่สุดเธอก็เ
บทที่ 107“คนร้ายกาจ” จันทริกาต่อว่าคนเจ้าแผนการเบาๆ ไม่ใช่เพราะโกรธเคือง แค่รู้สึกว่าตัวเองไม่เคยชนะเขาเลย แต่แท้จริงแล้วเขาต่างหากล่ะที่พ่ายแพ้ต่อเธอ พ่ายแพ้แบบยอมสยบแทบเท้า ยอมแบบราบคาบหมดทุกอย่าง“ที่ต้องร้ายก็เพราะรักมาก อยากชดเชยความผิดของตัวเอง แบบนี้จันทร์ยังจะใจแข็งกับพี่ได้ลงคออีกเหรอ” เขาใช้ทั้งลูกล่อลูกชน เพื่อให้เธอยอมโอนอ่อนผ่อนตาม ขณะที่รถยังคงแล่นไปเรื่อยๆ และเข้าใกล้ที่ว่าการอำเภอเข้าไปทุกที“จันทร์ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วใช่ไหมคะ”“ครับไม่มีแล้ว เพราะทางนี้คือทางที่ดีที่สุดสำหรับเราสองคนและลูก หลังจดทะเบียนกันแล้ว พี่ก็จะจัดงานแต่งงานด้วย โอเคไหม”“ไม่จัดไม่ได้เหรอคะ จันทร์ไม่ชอบพิธีรีตรองอะไรแบบนั้นหรอก อีกอย่างจันทร์เคยอยู่ในฐานะน้องเมียมาก่อน จันทร์กลัวพี่ตะวันจะเสื่อมเสียค่ะ” คราวนี้จันทริกาพูดด้วยเหตุผล เพราะเป็นห่วงชื่อเสียงของเขาจริงๆ ไหนจะญาติๆ และคนรอบข้างอีก เธอเชื่อว่าต้องมีคนติฉินนินทาแน่ สำหรับเธอนั้นเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงมากมาย แต่สำหรับเขามันไม่ใช่ เขาเป็นนักธุรกิจ มีชื่อเสียง มีสังคม เรื่องนี้มันอาจทำให้เขามัวหมอง“จันทร์ไม่ได้มีความเก







