Share

บทที่ 5

last update Last Updated: 2024-11-07 14:06:50

บทที่ 5

“อ้าว...เรานั่นเอง เจอกันอีกแล้วนะ บ้านเราอยู่นี่เองเหรอ” รังสิมันต์เอ่ยทักขึ้นอย่างดีใจ เมื่อได้เจอหน้าเด็กผู้หญิงที่สั่นคลอนความรู้สึกของเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอกันนั้นอีกครั้ง

                “ค่ะ...” จันทริกาตอบสั้นๆ อย่างคนพูดน้อยเช่นเดิม

                “พอดีแมวพี่มันหายออกมาจากบ้านน่ะ ไอ้นี่มันซ่าไล่ฟัดกับหมา โชคดีได้พี่สาวของเราช่วยเอาไว้ ไม่งั้นคงจะเตลิดไปไกลเลย”

                จันทริกางงคำพูดของรังสิมันต์เล็กน้อย ศศิประภาบอกว่าเป็นคนช่วยแมวตัวนี้เอาไว้อย่างนั้นเหรอ ทั้งๆ ที่เมื่อครู่ยังแว้ดๆ ใส่เธออยู่เลย

                “นี่เรามายืนทำอะไรอยู่ฮะยัยจันทร์ มีงานต้องทำไม่ใช่เหรอ ไปซะสิ ที่นี่ไม่มีธุระของเรา” ศศิประภารีบเอ่ยปากไล่ ก่อนที่ความจะแตกว่าแท้จริงแล้ว คนที่ช่วยเหลือแมวของรังสิมันต์คือจันทริกา ไม่ใช่ตัวเองอย่างที่แอบอ้างไปหยกๆ

                จันทริกามองแมวตัวซึ่งตัวเองเป็นคนช่วยชีวิต มันเองก็มองมายังเธอสายตาละห้อย หากสุดท้ายเธอก็จำต้องหมุนตัวกลับเข้าไปในบ้านเงียบๆ ตามที่ศศิประภาบอก เพราะคร้านจะมีเรื่องกับพี่สาวต่างพ่อต่างแม่ อย่างน้อยเจ้าแมวตัวนั้นก็ได้เจอกับเจ้าของที่แท้จริงแล้ว แม้ความจริงจะถูกบิดเบือน แต่ก็ช่างเถอะ เธอชินเสียแล้วกับการโดนสวมรอยและแอบอ้างเอาผลงานแบบนี้

                รังสิมันต์แอบมองตามร่างบางของเด็กสาวนั้นไปพลางลอบถอนหายใจเบาๆ จะว่าไปลูกสาวบ้านนี้ก็ล้วนหน้าตาดีและจิตใจดีทั้งคู่ เพียงแต่ผู้หญิงที่เรียกตัวเองว่า ‘ศศิ’ ดูร่าเริงสดใสและอ่อนหวานมีจริตจะก้านกว่า ส่วนเด็กผู้หญิงที่เขาเพิ่งรู้ว่าเธอชื่อ จันทร์... ไม่ค่อยพูด แววตาเศร้าๆ แต่เพราะอย่างนี้แหละมั้ง ถึงทำให้เขาอยากควานหาความเศร้าในใจเธอ และนึกอยากกอดปลอบประโลมให้หายเศร้า

                ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอยากเห็นหน้าสวยๆ ของพี่สาว หรืออยากเห็นหน้าหวานปนเศร้าของคนเป็นน้องกันแน่ รังสิมันต์จึงได้พาตัวเองมาบ้านหลังนี้อยู่บ่อยครั้ง เป็นเวลาเกือบสองเดือนแล้วนับตั้งแต่วันที่เขามาตามหาเจ้าเมสซี่  เขาก็มักจะพาตัวเองมาที่นี่เป็นประจำ แต่ไม่ว่าเจตนาของเขาจะมาเพื่อต้องการเห็นหน้าใครก็ตาม เหตุการณ์มันก็ดูเหมือนว่าจะมีคนเลือกให้เขาแล้ว ว่าต้องเห็นหน้าใคร เพราะทุกครั้งที่มาบ้านหลังนี้ คนที่เขาเจอเป็นประจำคือศศิประภา ซึ่งคอยต้อนรับขับสู้และชวนคุยอย่างสนิทสนม ส่วนจันทริกานั้นเขาแทบจะไม่เคยเห็นเธอเลยด้วยซ้ำ

                รังสิมันต์เคยเจอพ่อกับแม่ของทั้งคู่ ซึ่งคุณเมธาและคุณสิริมาก็ให้การต้อนรับเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน แน่ละ...เขาเชื่อว่าต่อให้เขาเดินเข้าบ้านหลังไหน ก็คงไม่มีใครรังเกียจหรือไม่ต้อนรับ ในเมื่อเขาออกจะเพียบพร้อมซะขนาดนี้ แต่กระนั้นเขาก็ไม่เคยคิดจะทำตัวอวดรวยกับเพื่อนบ้านที่ดีแต่อย่างใด จะมีบ้างที่แสดงน้ำใจ ด้วยการซื้อของฝากติดไม้ติดมือมาให้ 

                วันนี้ก็เช่นเคย เขามาพร้อมกับถุงของฝากสองถุง ถุงหนึ่งซื้อมาให้ทั้งครอบครัว แต่อีกถุงตั้งใจจะให้จันทริกาโดยเฉพาะ คิดเอาไว้ว่าถึงจะไม่ได้เจอตัว แต่ได้ฝากขนมให้กินก็ยังดี

                “ทำไมช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้เจอจันทร์เลยล่ะครับ น้องเค้าไปไหนเสียล่ะ” รังสิมันต์ถามกับศศิประภาที่ตอนนี้ยังอยู่ในชุดฟอร์มของโชว์รูมรถยี่ห้อดัง ซึ่งชุดนั้นเป็นชุดเดรสกระโปรงสั้น ทำให้คนใส่ได้มีโอกาสอวดเรียวขาและหุ่นอันสมส่วนอย่างมั่นใจ         

“ช่วงนี้ยัยจันทร์มีสอบน่ะค่ะ ศศิก็เลยให้อ่านหนังสืออย่างเดียว พวกงานบ้านต่างๆ ศศิก็ทำแทนหมด”

                “ศศินี่ใจดีกับน้องจริงๆ เลยนะครับ”

                “ทำไงได้ล่ะคะ ถึงแม้ว่าศศิกับจันทร์จะไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆ แต่ก็โตมาด้วยกัน ศศิเลยอดไม่ได้ที่จะรักจันทร์เหมือนน้องสาวแท้ๆ”

                “ศศิกับจันทร์ไม่ได้เป็นพี่น้องแท้ๆ กันเหรอครับ”

“ไม่ใช่หรอกค่ะ ยัยจันทร์เป็นลูกของลุงเมธาส่วนศศิเป็นลูกแม่น่ะค่ะ”

นั่นเป็นเรื่องใหม่ที่รังสิมันต์เพิ่งได้รู้ ตอนแรกเขาไม่เคยนึกแคลงใจเลย เพราะทั้งจันทริกาและศศิประภาต่างก็สวยชวนมองไปคนละแบบ จนเขาคิดว่าเป็นลูกพ่อแม่เดียวกันเสียอีก แต่ความเศร้าในดวงตาคู่นั้นของจันทริกาเกิดจากอะไรล่ะ ในเมื่อพี่สาวต่างบิดามารดาที่อยู่ร่วมบ้านเดียวกันก็ดูรักเธอดี

ขณะที่ความคิดกำลังว้าวุ่น สายตาพลันเหลือบไปเห็นคนที่ตัวเองกำลังคิดถึง และปากก็เร็วกว่าสมอง รีบเอ่ยเรียกชื่อเจ้าตัวอย่างไม่ลังเลแม้แต่วินาที

“จันทร์...”

แม้นั่นจะเป็นการเรียกเพียงครั้งเดียว แต่น้ำเสียงก็หนักแน่นและดังกังวาน จนคนเป็นเจ้าของชื่อที่กำลังจะเดินออกจากครัวเพื่อหลบเข้าห้องตัวเองต้องหันมา

                “มาหาพี่หน่อยสิ พี่ซื้อขนมมาฝาก”

                จันทริกาเหมือนจะหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง หากสุดท้ายก็เดินมาตามเสียงเรียก และหยุดอยู่ตรงหน้าพี่ชายใจดี ซึ่งนับตั้งแต่วันที่เขามาตามหาแมว เธอก็ถูกศศิประภาและสิริมาสั่งห้ามไม่ให้ปรากฏตัว ซึ่งเช่นเคยพ่อของเธอก็ไม่มีปากมีเสียงหรือเอ่ยคัดค้านใดๆ

                “พี่มีอะไรหรือเปล่าคะ”

                “พี่ซื้อขนมมาฝากน่ะ เห็นว่าช่วงนี้เราอ่านหนังสือหนักเหรอ” รังสิมันต์เอ่ยถามพลางยื่นถุงขนมที่ตัวเองตั้งใจเอามาฝากให้กับเด็กดีของเขา

                “ค่ะ”

                “งั้นก็สู้ๆ นะพี่เป็นกำลังใจให้”

                “ขอบคุณค่ะ” เสียงหวานเอ่ยออกมาเบาๆ ขณะยื่นมือไปรับถุงขนมจาก ‘พี่ตะวัน’ ซึ่งเธอแอบรู้ชื่อเขาเพราะได้ยินศศิประภาคุยกับแม่

                “ได้แล้วก็ไปอ่านหนังสือสอบต่อซะสิยัยจันทร์ จะอยู่กวนใจคุณตะวันทำไม”

                เสียงของศศิประภาดังขึ้น ทำลายบรรยากาศการพูดคุยระหว่างคนสองคนที่เพิ่งจะได้เจอกัน จันทริกาจึงแค่ยิ้มบางๆ แล้วหมุนตัวกลับห้องตัวเองอย่างที่ตั้งใจเอาไว้

               

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 47

    บทที่ 47สำหรับคนที่จมอยู่ในห้วงของความทุกข์ใจ วันเวลามักผ่านไปช้าเสมอ คนในบ้านที่รังสิมันต์ส่งไปทำงานที่ห้างสรรพสินค้าของเขา ยังไม่มีใครได้กลับมา ดังนั้นจันทริกาจึงต้องทำงานบ้านทุกอย่างแทบจะคนเดียวเช่นเดิม และยังมีสิ่งที่ต้องทำมากกว่าหน้าที่ของคนรับใช้ทั่วไป นั่นคือเธอต้องคอยรองรับไฟปรารถนาของรังสิมันต์ ไม่ว่าเขาต้องการยามใด เธอก็ไม่เคยที่จะปฏิเสธได้สักครั้ง จันทริการู้ดีว่าเขาทำไปเพื่อระบายความแค้นเท่านั้น หากแต่ตอนนี้เธอกลับเริ่มรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเริ่มจะผูกพันกับเขาอย่างลึกซึ้งมากขึ้นทุกวัน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ทำให้เธอทุกข์ใจไม่น้อย หากจะมีสิ่งที่ทำให้เธออยู่บ้านหลังนี้ได้อย่างมีความสุข ก็คงจะเป็นความน่ารักของเมสซี่กับความเอ็นดูจากลุงหนานอินซึ่งเป็นรปภ.กับอุ้ยคำเท่านั้น ส่วนเจ้าของบ้าน แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เขาก็ยังคงใจร้ายและเย็นชาใส่เธอดังเดิม แม้บางครั้งเขาเหมือนจะอ่อนโยน แต่นั่นก็เป็นเพียงเพราะเขาลืมตัว ครั้นพอเขาคิดได้ว่าเกลียดชังเธอแค่ไหน จันทริกาก็มักจะได้รับผลจากความเคียดแค้นชิงชังของเขาดังเดิมเช้านี้จันทริกาไม่ได้ทำอาหาร รังสิมันต์บอกเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 46

    บทที่ 46“คำว่าเกมหัวใจ มันไว้สำหรับคนที่มีใจให้กัน”“แกไม่ได้คิดอะไรกับจันทร์ว่างั้น” จากที่ถูกไล่ต้อนตอนนี้ปรัชญ์เปลี่ยนเป็นฝ่ายไล่ต้อนรังสิมันต์บ้าง“คิด...คิดว่าเด็กคนนั้นทำให้เมียฉันตาย”“แน่ใจว่าคิดแค่นั้น แล้วนี่แต่งตัวจะไปไหน”“กลับเชียงใหม่สิวะ จะอยู่ทำไมล่ะ ก็ผู้หญิงที่ฉันตั้งใจจะมาจีบกลายเป็นเมียแกไปแล้วนี่ หรือแกจะให้ฉันแย่งเมียเพื่อนก็ได้นะฉันไม่ถือ”“ก่อนจะถามฉัน ถามตัวเองก่อนว่าคิดจะแย่งเมียฉันจริงๆ หรือแค่อยากให้เมียตัวเองหึง”คำพูดที่เหมือนกับมานั่งอยู่ในใจเช่นนั้น ทำให้รังสิมันต์ต้องทำหน้าตึงกลบเกลื่อน แม้สิ่งที่ปรัชญ์พูดมาจะไม่ตรงกับความจริงนักแต่ก็เฉียดสุดๆ เขาไม่ได้อยากให้จันทริกาหึง แค่อยากให้เธอเจ็บจริงหรือที่ว่าต้องการแค่นั้น?รังสิมันต์ถามตัวเอง...แล้วทำไมตอนที่เด็กคนนั้นทำหน้าเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับเขา เขาถึงได้หงุดหงิดนัก“ต้องให้ย้ำกี่ครั้งว่าเมียฉันตายแล้ว แกความจำเสื่อมหรือไงไอ้เชี่ยปรัชญ์” คนถูกต้อนคืนทำเสียงฉุนๆ ใส่“ฉันไม่ได้หมายถึงคนที่ตายแล้วเว้ย แต่หมายถึงคนที่แกอยู่ด้วยตอนนี้”“จันทริกาไม่ใช่เมียฉัน”“แล้วเป็นอะไร แค่อดีตน้องเมียที่ตอนนี้ถูกลดฐานะล

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 45

    บทที่ 45“เธอนอนหรือยัง” ถามทั้งๆ ที่รู้ว่าดึกดื่นขนาดนี้ จันทริกาต้องนอนแล้ว เพราะปกติถ้าคืนไหนที่เขาไม่ได้ให้เธอขึ้นไปหา หรือเป็นฝ่ายลงมาหาเธอ เด็กคนนั้นจะหลับเร็วเป็นพิเศษ“นอนแล้วค่ะ คุณโทร.มามีอะไรหรือเปล่าคะ”“ฉันแค่โทร.มาถามว่าเมสซี่เป็นยังไงบ้าง” ปากพูดไปตามที่สมองเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า หากแต่เสียงในใจเสียงหนึ่งกลับตะโกนก้องขึ้นมาว่า เพราะอยากได้ยินเสียงนุ่มๆ เรียบๆ ของเธอต่างหาก“เมสซี่อยู่กับจันทร์ค่ะ ตอนนี้หลับไปแล้ว”“ก็ดี ฉันแค่เป็นห่วงมัน”“ไม่ต้องห่วงนะคะจันทร์จะดูแลเมสซี่อย่างดี และสมบัติทุกชิ้นของคุณในบ้านหลังนี้ยังอยู่ครบค่ะ” จันทริกาพูดกับคนโทร.มาด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะเป็นการบอกกล่าวตามปกติ ทว่าหัวใจกลับปวดแปลบ เมื่อตระหนักถึงความจริงที่ว่า คุณตะวันเป็นห่วงแค่เมสซี่เท่านั้น ไม่ได้ห่วงเธอแม้แต่นิด หากจะห่วงก็คงห่วงว่าเธอจะพาใครมาขโมยของในบ้านอย่างที่เขาพูดไว้ก่อนไปมากกว่า เพราะเธอเป็นผู้ร้ายในสายตาเขามาตลอดตั้งแต่ศศิประภาตายไป จันทริกาจึงต้องบอกเขาไปเช่นนั้น หากแต่คนฟังกลับรู้สึกว่าเธอกำลังประชด“สมบัติของฉันที่เธอว่าอยู่ครบทุกชิ้น รวมถึงเธอด้วยหรือเปล่า”จันทริกาห

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 44

    บทที่ 44ผู้หญิงดีพร้อมที่เขาหมายถึงก็คือธรินดา น้องสาวบุญธรรมของปรัชญ์นั่นเอง เขารู้ดีว่าปรัชญ์รู้สึกลึกซึ้งกับธรินดามากกว่าน้องสาวนอกไส้ แต่มันก็ทำปากแข็งไม่เคยยอมรับความจริงกับเขาออกมาตรงๆ จนเขานึกอยากแกล้ง ถึงขนาดต้องลงทุนว่าจะไปหาธรินดาที่กรุงเทพฯ ซึ่งมันได้ผลเพราะไอ้บ้านั่นร้อนรนจนเปลี่ยนใจไปกับเขาเพื่อกันท่า ทั้งๆ ที่ตอนแรกปฏิเสธเสียงแข็งว่าจะไม่ไป ส่วนอีกเหตุผลที่เป็นเหตุผลส่วนตัวแบบไม่ได้บอกใคร ก็คืออยากทำให้ผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้รู้ว่า แม้เขาจะร่วมรักกับเธอบ่อยแค่ไหนและบางครั้งอาจจะเผลออ่อนโยนไปบ้าง แต่เธอก็ไม่เคยมีความหมายมากไปกว่าเมียบำเรอ ที่เขาไม่เคยคิดจะยกย่องเชิดชู เขายังมองหาผู้หญิงอื่นมาอยู่เคียงข้างในฐานะภรรยาตัวจริงแทนที่ศศิประภา ซึ่งจันทริกาไม่มีวันจะได้เป็น ไม่มีวัน!“ค่ะ”‘ค่ะ’ สั้นๆ เหมือนกลัวดอกพิกุลจะร่วงออกจากปากเช่นเดิม จากนั้นก็ทำหน้านิ่งจนอ่านความรู้สึกไม่ออก ยิ่งทำให้คนที่กำลังจะไปหงุดหงิดมากกว่าเดิม ทั้งๆ ที่เขาบอกว่าจะไปหาผู้หญิงที่ดีพร้อมมากกว่า เพราะอยากเห็นสีหน้าและแววตาที่เจ็บปวดของเธอ แต่จันทริกากลับนิ่งเฉย นิ่งจนกลายเป็นเขาที่ออกอาการเ

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 43

    บทที่ 43 อากาศในยามอรุณรุ่งยังคงมีหมอกลงหนาทึบ ทำให้บรรยากาศทั่วอาณาบริเวณหนาวเย็นเหมือนเช่นทุกเช้า โดยเฉพาะในช่วงเวลาตีสี่กว่าๆ แบบนี้ หากเช้านี้จันทริกากลับรู้สึกว่าความหนาวเย็นนั้นไม่ได้กระทบผิวกายของเธอมากเท่าไหร่ เพราะมีความอบอุ่นบางอย่างที่คอยโอบล้อม ทำให้ร่างบางเผลอซุกเข้าหาความอบอุ่นนั้นอย่างลืมตัว ครั้นพอลืมตาตื่นก็รีบถอยห่างแบบเป็นอัตโนมัติเช่นกัน ทว่าแค่แรงดิ้นเบาๆ นั้นก็ทำให้คนที่นอนอยู่ข้างๆ ตวัดแขนคว้าเอาร่างบางเข้าไปนอนกอดอีกครั้ง จันทริกาแก้มแดงซ่านท่ามกลางความมืดเพราะรู้สึกได้ว่า ร่างกายของรังสิมันต์ยังคงเปลือยเปล่า “จะขยับไปไหน” เขาพึมพำทั้งที่ยังไม่ลืมตา แขนแกร่งกอดร่างบางมาแนบชิดแน่นกว่าเดิม “จันทร์ต้องลุกแล้วค่ะ คุณปล่อยจันทร์เถอะนะคะ” “ไม่ปล่อย จะรีบตื่นไปไหนแต่เช้า” “ตื่นไปเตรียมอาหารให้คุณ และเตรียมตัวไปทำงานไงคะ” “วันนี้เธอไม่ต้องไปทำงาน ส่วนอาหารเช้าฉันก็ไม่กิน เพราะฉะนั้นตอนนี้เธอมีหน้าที่นอนนิ่งๆ ให้ฉันกอดก็พอ ห้องเธอหนาวจะตายไม่รู้หรือไง” “ไหนคุณ

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 42

    บทที่ 42สี่โมงเย็นของวันนั้น รังสิมันต์ออกจากห้องทำงานแล้วลงมาหาจันทริกาที่ห้องล็อกเกอร์ สั่งให้เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าและกลับบ้านพร้อมเขา ทั้งๆ ที่เวลาเลิกงานของพนักงานกะเช้าคือหกโมงเย็น“เธอยังกินยาคุมอยู่หรือเปล่า” รังสิมันต์ถามขณะนั่งรับประทานมื้อเย็นอยู่ที่โต๊ะในห้องอาหารของคฤหาสน์หลังใหญ่“กินค่ะ” คำตอบนั้นเป็นคำตอบที่สั้นๆ น้ำเสียงราบเรียบ แต่หัวใจหม่นหมองมากเหลือเกิน เพราะรังสิมันต์ดูเหมือนจะกังวลและย้ำเรื่องนี้กับเธออยู่บ่อยครั้ง เขาคงกลัวว่าจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นและเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาจะอุบัติในท้องของผู้หญิงที่เขามองว่าเลวร้ายอย่างเธอ“งั้นก็ดี คืนนี้เธอขึ้นไปนอนกับฉัน”ช่างเป็นคำสั่งที่พูดออกมาได้อย่างเฉยเมยเย็นชาราวกับสั่งไปเธอทำงานทั่วไป แต่คนไม่มีทางเลือกอย่างเธอจะต่อต้านหรือปฏิเสธอะไรได้ ในเมื่อความต้องการของเขาคือสิ่งที่เธอต้องทำตามหลังจากเก็บโต๊ะเสร็จ จันทริกาก็เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า บอกให้เมสซี่นอนรออยู่ที่ห้อง เพราะรู้ดีว่าเมื่อรังสิมันต์บรรลุความต้องการของเขาแล้ว เธอก็จะต้องกลับลงมานอนที่ห้องเล็กๆ ห้องนี้ดังเดิมแม้ครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งแรก แต่ความกระดากอายยา

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status