Share

บทที่ 8

last update Last Updated: 2025-06-06 07:35:05

บทที่ 8

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นในเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม ทำให้รังสิมันต์ที่กำลังนั่งมองเมสซี่กินอาหารอยู่ต้องลุกขึ้น แล้วหยิบมันออกมาเพื่อกดรับสาย

                “ว่าไงครับศศิ” เสียงทุ้มถามออกไปอย่างคุ้นเคย เพราะหลังจากที่ศศิประภาช่วยเมสซี่ไว้ในวันนั้น ความสนิทสนมระหว่างเขากับศศิประภาก็มากขึ้นเรื่อยๆ วันไหนที่เขาไม่ได้ไปที่บ้านของเธอตามคำเชิญ เธอก็มักจะเป็นฝ่ายโทร.มาหาเขาอยู่เป็นประจำ

                “คุณตะวันช่วยศศิด้วย...ฮือๆๆๆ”

ศศิประภาพูดละล่ำละลักและตามมาด้วยเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น

                “ใจเย็นๆ นะครับศศิ มีอะไรค่อยๆ เล่านะครับ” รังสิมันต์เอ่ยปลอบใจ การร้องไห้ของศศิประภาแบบนั้นทำให้เขาพอจะเดาออกว่าคงเกิดเรื่องไม่ดีกับเธอแน่ๆ

                “แม่ศศิ แม่ศศิตายแล้ว…”

                “คุณสิริมาน่ะเหรอครับ”

                “ใช่ค่ะ...ฮือๆ”

                “เกิดอะไรขึ้นครับศศิ”

                “พ่อของยัยจันทร์ขับรถชนรถสิบล้อ แม่ศศินั่งอยู่ในรถด้วย รถอัดกระแทกจนพังยับเยินหมดเลย แล้วแม่ก็...ฮือๆ” ศศิประภาทั้งเล่าทั้งสะอึกสะอื้น

                “แล้วคุณเมธาล่ะครับ”

                “ตายแล้วเหมือนกันค่ะ ศศิไม่เหลือใครแล้ว ตอนนี้มืดแปดด้านไปหมด ไม่รู้จะหันหน้าไปหาใครแล้วค่ะ คุณตะวันช่วยศศิด้วยนะคะ”

                เสียงอ้อนวอนนั้นดังมาตามสายสั่นคลอนหัวใจของรังสิมันต์จนต้องรีบไปยังโรงพยาบาลด้วยความเป็นห่วง ห่วงศศิประภา และห่วงเด็กผู้หญิงอีกคนที่ไม่ได้โทร.มาร้องไห้คร่ำครวญ แต่เขารู้ดีว่าเธอเองก็คงเคว้งคว้างและเสียใจไม่ต่างอะไรกับศศิประภา จากการสูญเสียที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและใหญ่หลวงครั้งนี้

                งานสวดอภิธรรมศพเมธาและสิริมาจัดขึ้นที่วัดใกล้บ้านเป็นเวลาเจ็ดวัน โดยค่าใช้จ่ายในงานทั้งหมดรังสิมันต์อาสาเป็นคนรับผิดชอบให้ทุกอย่าง ศศิประภานั่งร้องไห้ซบอกเขาอย่างไม่อายใคร ขณะที่จันทริกาทำหน้าที่เสิร์ฟน้ำและต้อนรับแขกจากที่ทำงานของพ่อและน้าสิริมา รวมทั้งเพื่อนบ้านในละแวกที่คุ้นเคยกันดี

                คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายของการสวดอภิธรรม ผู้หญิงสองคนซึ่งเป็นผู้สูญเสียนั่งพนมมือไหว้พระ เช่นเดียวกับแขกคืนอื่นๆ ที่มาร่วมไว้อาลัยแก่ผู้วายชนม์

เสียงพระสวดดังขึ้นท่ามกลางความเงียบเชียบของบรรยากาศ คนฟังสวดส่วนใหญ่ต่างรำลึกถึงคนจากไปด้วยอาการสำรวม แต่รังสิมันต์กลับครุ่นคิดถึงอนาคตของผู้หญิงสองคนที่ตอนนี้ไม่เหลือใครแล้ว คนหนึ่งคือคนที่ช่วยชีวิตแมวของเขา อีกคนคือเด็กสาวที่เก็บกระเป๋าตังค์เขาได้แล้วคืนให้ ตอนนี้หัวใจของชายหนุ่มกำลังร่ำร้องอยากปกป้องดูแลผู้หญิงทั้งสองคน หากแต่จะทำอย่างไรดีถึงจะมีสิทธิ์ปกป้องดูแล และมั่นใจได้ว่าทั้งสองคนจะอยู่ในสายตาและความดูแลของเขาโดยปราศจากข้อครหาใดๆ จากคนรอบข้าง

                ความคิดนั้นจบลงพร้อมๆ กับที่เสียงสวดบทสดท้ายของพระสี่รูป แขกเหรื่อที่มาร่วมงานบางคนทยอยกลับ บ้างก็นั่งรับประทานอาหารที่เจ้าภาพจัดเลี้ยง

                “ศศิครับ...” รังสิมันต์หันไปเรียกผู้หญิงคนที่นั่งอยู่ด้านซ้ายมือของตน

                “คะคุณตะวัน”

                “ผมรู้ว่ามันอาจจะเร็วไป และไม่เหมาะสมที่จะพูดเรื่องนี้ในเวลานี้ แต่ผมอยากดูแลศศิกับน้อง ได้โปรด...แต่งงานกับผมนะครับ”

                คำพูดนั้นไม่ใช่แค่ศศิประภาที่ได้ยิน หากแต่มันกระทบโสตประสาทของเด็กผู้หญิงอีกคนเข้าอย่างจัง ร่างบางจึงลุกขึ้นแล้วพาตัวเองเดินออกมาเงียบๆ ความอ้างว้างในหัวใจเกิดขึ้นมากกว่าเดิม เธอรู้ดีว่าศศิประภาคงไม่ปฏิเสธคำขอแต่งงานของรังสิมันต์ ในเมื่อศศิประภาแสดงออกตลอดมาว่าชอบเขา และหลังจากนี้ไปเธอคงถูกทิ้งให้อยู่บ้านหลังนั้นอย่างโดดเดี่ยว บ้านที่เธอไม่เคยคิดว่ามันเป็นบ้านของเธอเลย 

                น้ำตาหยดใสๆ เอ่อล้นขอบตาขึ้นมาอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าหวาดกลัวที่จะต้องอยู่เพียงลำพัง หากแต่หวาดกลัวกับความกว้างใหญ่ไพศาลของโลกอันมืดมนใบนี้ เฉกเช่นเดียวกับบรรยากาศสีนิลของรัตติกาลที่โอบล้อมตัวเธอ

                “เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมมายืนอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะเด็กดีของพี่”

                เสียงที่ดังขึ้นจากทางด้านหลัง ทำให้จันทริกาต้องรีบยกมือขึ้นป้ายน้ำตาออกจากแก้ม ก่อนจะค่อยๆ หันกลับไปหาคนถาม

                “เปล่าค่ะ...พี่ตะวันอยากได้อะไรหรือเปล่าคะ”

                “พี่ไม่อยากได้อะไร แค่อยากมาคุยเป็นเพื่อน”

                “จันทร์ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”

                “ไม่เป็นไรแล้วทำไมถึงได้มายืนร้องไห้อยู่แบบนี้ล่ะหือ” เสียงที่เอื้อนเอ่ยถามนั้นช่างฟังดูอบอุ่นและห่วงใยเหลือเกิน ทำให้คนฟังสัมผัสได้ว่าเขาเป็นห่วงเธออย่างแท้จริง

                “จันทร์แค่คิดถึงพ่อน่ะค่ะ” เสียงพูดอู้อี้ขึ้นจมูกเพราะคนพูดกำลังร้องไห้ออกมาอีกอย่างหักห้ามใจไม่ได้

                “กลัวด้วยใช่ไหม กลัวที่ต้องอยู่โดยไม่มีพ่อ”

                “กลัวค่ะ...”

                “มานี่มา” รังสิมันต์เอ่ยเสียงอ่อนโยนพร้อมกับยกมือขึ้นโอบร่างบางที่ยืนอยู่ตรงหน้าแล้วตวัดเข้ามากอดไว้แนบอก

                จันทริกาไม่ได้ขัดขืนแต่ยืนให้เขากอดอยู่เงียบๆ อาจเพราะตอนนี้หัวใจอ้างว้างและหนาวเหน็บ จนรู้สึกว่าอ้อมกอดของรังสิมันต์ช่างอบอุ่นเหลือเกิน...ใช่สินะ...เขาเป็นตะวัน ตะวันที่มีแต่สาดแสงอบอุ่นและมีประโยชน์ต่อโลกใบนี้มากมาย ในขณะที่เธอคือจันทราซึ่งมีสิทธิ์ทอแสงได้ในบางวันเท่านั้น และแสงของเธอก็แสนจะอ่อนบาง จนมิอาจให้ความอบอุ่นแก่ใครได้แม้แต่ตัวเอง

               

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 50

    บทที่ 50“แต่คุณปรัชญ์ขอร้องนะคะ จันทร์ไม่อยากผิดคำพูดกับ...”จันทริกายังพูดไม่ทันจบ นิ้วแกร่งเรียวยาวก็แตะลงบนเรียวปากนุ่ม เพื่อห้ามไม่ให้เธอพูดต่อ“ฉันไม่อนุญาตให้เธอเห็นคนอื่นสำคัญกว่าฉัน”พูดจบนิ้วที่แตะอยู่บนเรียวปากนุ่มก็เลื่อนออก แต่เรียวปากหยักร้อนกลับเคลื่อนเข้ามาแทนที่ ร่างบางเกร็งขึ้นเพราะกลัวว่ารังสิมันต์จะทำรุนแรงเช่นเดิมอีก หากแต่จูบครั้งนี้เป็นจูบที่แสนอ่อนโยน จูบที่คล้ายจะไถ่โทษ จูบที่เว้าวอน จนอาการเกร็งนั้นมลายหายไป และยืนนิ่งให้เขาจูบอยู่เนิ่นนาน“เมี้ยว...”เสียงร้องของเมสซี่ที่ดังขึ้น ทำให้อารมณ์ที่กำลังอ่อนไหวของทั้งคู่สะดุดลง จันทริกาได้สติจึงรีบผละออกห่างจากการโอบกอดของเขาอย่างรวดเร็ว แล้วย่อตัวลงไปอุ้มเมสซี่ขึ้นมาแนบอก คล้ายกับจะใช้มันเป็นเกราะป้องกันไม่ให้เขาเข้าถึงตัวได้อีกรังสิมันต์ออกจะเขม่นแมวตัวโปรดเป็นครั้งแรก แต่ไหนแต่ไรมันรู้งาน และไม่เคยทำตัวเป็นก้างขวางคอ แต่ทำไมวันนี้มันถึงมาขัดจังหวะก็ไม่รู้“ฉันเพิ่งบอกเธอไปหยกๆ ว่าไม่ให้เห็นใครสำคัญกว่าฉัน”“แต่นี่เมสซี่แมวของคุณนะคะ คุณให้อาหารมันหรือยังคะ” จันทริกาถามอย่างพอจะเข้าใจอากัปกิริยาของเมสซี่ดีว่าที

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 49

    บทที่ 49ร่างสูงเดินดุ่มไปหาคนทั้งคู่อย่างไม่รีรอ สีหน้าบอกชัดว่าไม่สบอารมณ์และไม่พอใจเป็นอย่างมาก ปรัชญ์จึงพยักหน้าให้จันทริกาหลบไปก่อน ส่วนเขาเป็นฝ่ายอยู่รับหน้ารังสิมันต์ “แกมาทำอะไรที่บ้านฉัน” รังสิมันต์ถามเสียงห้วนกระด้างอย่างไม่คิดจะเก็บอารมณ์“มาหาจันทร์”“มาหาทำไม?”“มาจีบมั้ง” ปรัชญ์ตอบกวนๆ ยิ่งเห็นรังสิมันต์ทำหน้าถมึงทึงเช่นนั้นก็ยิ่งพอใจที่ได้ยั่วให้เพื่อนโกรธได้ แต่ดูแค่ตาเดียวก็รู้ว่าที่รังสิมันต์ทำหน้าแบบนั้นก็เพราะกำลังหึงหรือไม่ก็หวงก้าง“มันใช่เวลาไหม” รังสิมันต์ย้อนถามด้วยน้ำเสียงโทนเดิม“ทีแกยังเคยคิดจีบเมียฉัน ทำไมฉันจะจีบเมียแกบ้างไม่ได้” ปรัชญ์ยักไหล่และตอบกวนๆ เช่นเดิม ทั้งๆ ที่ในใจแอบหัวเราะคนออกอาการอยู่เงียบๆ “ฉันบอกแล้วไงว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่เมียฉัน” แม้จะออกอาการว่าหึงหวงปานใด แต่ปากก็ยังคงปฏิเสธเสียงแข็ง ซึ่งนั่นกลับยิ่งเข้าทางปรัชญ์“ไม่ใช่ก็ยิ่งดีใหญ่ ฉันจะได้ทำอะไรสะดวกๆ”“แกกำลังจะแต่งงานกับน้องเล็กนะเว้ย เลวให้มันน้อยๆ หน่อยได้ไหมไอ้เวร”“หวงก้างว่างั้น”“แกแม่งกวนตีนไม่เลิกว่ะ แล้วแต่แกเถอะไอ้เลวอยากทำอะไรก็ทำ” เมื่อถูกจี้แบบถูกจุดซ้ำแล้วซ้ำอีก รังสิ

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 48

    บทที่ 48วันนี้เป็นวันหยุดของรังสิมันต์ซึ่งเพิ่งจะกลับมาจากกรุงเทพฯ เมื่อวานนี้ อุ้ยคำจึงลากลับบ้านไปหาครอบครัว ส่วนหนานอินซึ่งเป็นรปภ.เฝ้าป้อมหน้าบ้านก็ขอลาหยุดเช่นกัน จึงกลายเป็นว่าวันนี้จันทริกาต้องอยู่บ้านหลังใหญ่นั้นกับเจ้าของบ้านตามลำพังรังสิมันต์อยู่กับเมสซี่ในห้องนั่งเล่น ส่วนจันทริกาตากผ้าอยู่หลังบ้าน มือเล็กที่กำลังจับผ้าขึ้นแขวนบนราวตากชะงักครู่หนึ่งพลางเงี่ยฟัง เมื่อได้ยินเสียงกดกริ่งหน้าบ้าน ปกติแล้วหน้าที่เปิดประตูรั้วจะเป็นของหนานอินซึ่งเป็นรปภ.เฝ้าหน้าป้อม แต่วันนี้หนานอินลางาน จันทริกาจึงต้องละมือจากการตากผ้า แล้วเร่งฝีเท้าไปยังประตูหน้าบ้านอย่างรู้ดีว่าเป็นหน้าที่ตัวเอง“มาหาใครคะ” เสียงหวานถามคนที่มากดกริ่งอย่างสุภาพ ก่อนที่ดวงตาสวยปนเศร้าจะเบิกกว้างและเปลี่ยนเป็นเปล่งประกายด้วยความดีใจ เมื่อเห็นหน้าคนที่มากดกริ่งในระยะใกล้“พี่เล็ก...”เจ้าของชื่อที่เธอเรียกคือรุ่นพี่ที่เธอเคยสนิทสนมมากในตอนเรียนมัธยม เพราะเคยอยู่ชมรมดนตรีด้วยกันนั่นเอง “จันทร์...” “ดีใจจังค่ะที่ได้เจอพี่เล็ก พี่เล็กสวยขึ้นจนจันทร์เกือบจะจำไม่ได้เลยค่ะ”

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 47

    บทที่ 47สำหรับคนที่จมอยู่ในห้วงของความทุกข์ใจ วันเวลามักผ่านไปช้าเสมอ คนในบ้านที่รังสิมันต์ส่งไปทำงานที่ห้างสรรพสินค้าของเขา ยังไม่มีใครได้กลับมา ดังนั้นจันทริกาจึงต้องทำงานบ้านทุกอย่างแทบจะคนเดียวเช่นเดิม และยังมีสิ่งที่ต้องทำมากกว่าหน้าที่ของคนรับใช้ทั่วไป นั่นคือเธอต้องคอยรองรับไฟปรารถนาของรังสิมันต์ ไม่ว่าเขาต้องการยามใด เธอก็ไม่เคยที่จะปฏิเสธได้สักครั้ง จันทริการู้ดีว่าเขาทำไปเพื่อระบายความแค้นเท่านั้น หากแต่ตอนนี้เธอกลับเริ่มรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเริ่มจะผูกพันกับเขาอย่างลึกซึ้งมากขึ้นทุกวัน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ทำให้เธอทุกข์ใจไม่น้อย หากจะมีสิ่งที่ทำให้เธออยู่บ้านหลังนี้ได้อย่างมีความสุข ก็คงจะเป็นความน่ารักของเมสซี่กับความเอ็นดูจากลุงหนานอินซึ่งเป็นรปภ.กับอุ้ยคำเท่านั้น ส่วนเจ้าของบ้าน แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เขาก็ยังคงใจร้ายและเย็นชาใส่เธอดังเดิม แม้บางครั้งเขาเหมือนจะอ่อนโยน แต่นั่นก็เป็นเพียงเพราะเขาลืมตัว ครั้นพอเขาคิดได้ว่าเกลียดชังเธอแค่ไหน จันทริกาก็มักจะได้รับผลจากความเคียดแค้นชิงชังของเขาดังเดิมเช้านี้จันทริกาไม่ได้ทำอาหาร รังสิมันต์บอกเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 46

    บทที่ 46“คำว่าเกมหัวใจ มันไว้สำหรับคนที่มีใจให้กัน”“แกไม่ได้คิดอะไรกับจันทร์ว่างั้น” จากที่ถูกไล่ต้อนตอนนี้ปรัชญ์เปลี่ยนเป็นฝ่ายไล่ต้อนรังสิมันต์บ้าง“คิด...คิดว่าเด็กคนนั้นทำให้เมียฉันตาย”“แน่ใจว่าคิดแค่นั้น แล้วนี่แต่งตัวจะไปไหน”“กลับเชียงใหม่สิวะ จะอยู่ทำไมล่ะ ก็ผู้หญิงที่ฉันตั้งใจจะมาจีบกลายเป็นเมียแกไปแล้วนี่ หรือแกจะให้ฉันแย่งเมียเพื่อนก็ได้นะฉันไม่ถือ”“ก่อนจะถามฉัน ถามตัวเองก่อนว่าคิดจะแย่งเมียฉันจริงๆ หรือแค่อยากให้เมียตัวเองหึง”คำพูดที่เหมือนกับมานั่งอยู่ในใจเช่นนั้น ทำให้รังสิมันต์ต้องทำหน้าตึงกลบเกลื่อน แม้สิ่งที่ปรัชญ์พูดมาจะไม่ตรงกับความจริงนักแต่ก็เฉียดสุดๆ เขาไม่ได้อยากให้จันทริกาหึง แค่อยากให้เธอเจ็บจริงหรือที่ว่าต้องการแค่นั้น?รังสิมันต์ถามตัวเอง...แล้วทำไมตอนที่เด็กคนนั้นทำหน้าเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับเขา เขาถึงได้หงุดหงิดนัก“ต้องให้ย้ำกี่ครั้งว่าเมียฉันตายแล้ว แกความจำเสื่อมหรือไงไอ้เชี่ยปรัชญ์” คนถูกต้อนคืนทำเสียงฉุนๆ ใส่“ฉันไม่ได้หมายถึงคนที่ตายแล้วเว้ย แต่หมายถึงคนที่แกอยู่ด้วยตอนนี้”“จันทริกาไม่ใช่เมียฉัน”“แล้วเป็นอะไร แค่อดีตน้องเมียที่ตอนนี้ถูกลดฐานะล

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 45

    บทที่ 45“เธอนอนหรือยัง” ถามทั้งๆ ที่รู้ว่าดึกดื่นขนาดนี้ จันทริกาต้องนอนแล้ว เพราะปกติถ้าคืนไหนที่เขาไม่ได้ให้เธอขึ้นไปหา หรือเป็นฝ่ายลงมาหาเธอ เด็กคนนั้นจะหลับเร็วเป็นพิเศษ“นอนแล้วค่ะ คุณโทร.มามีอะไรหรือเปล่าคะ”“ฉันแค่โทร.มาถามว่าเมสซี่เป็นยังไงบ้าง” ปากพูดไปตามที่สมองเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า หากแต่เสียงในใจเสียงหนึ่งกลับตะโกนก้องขึ้นมาว่า เพราะอยากได้ยินเสียงนุ่มๆ เรียบๆ ของเธอต่างหาก“เมสซี่อยู่กับจันทร์ค่ะ ตอนนี้หลับไปแล้ว”“ก็ดี ฉันแค่เป็นห่วงมัน”“ไม่ต้องห่วงนะคะจันทร์จะดูแลเมสซี่อย่างดี และสมบัติทุกชิ้นของคุณในบ้านหลังนี้ยังอยู่ครบค่ะ” จันทริกาพูดกับคนโทร.มาด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะเป็นการบอกกล่าวตามปกติ ทว่าหัวใจกลับปวดแปลบ เมื่อตระหนักถึงความจริงที่ว่า คุณตะวันเป็นห่วงแค่เมสซี่เท่านั้น ไม่ได้ห่วงเธอแม้แต่นิด หากจะห่วงก็คงห่วงว่าเธอจะพาใครมาขโมยของในบ้านอย่างที่เขาพูดไว้ก่อนไปมากกว่า เพราะเธอเป็นผู้ร้ายในสายตาเขามาตลอดตั้งแต่ศศิประภาตายไป จันทริกาจึงต้องบอกเขาไปเช่นนั้น หากแต่คนฟังกลับรู้สึกว่าเธอกำลังประชด“สมบัติของฉันที่เธอว่าอยู่ครบทุกชิ้น รวมถึงเธอด้วยหรือเปล่า”จันทริกาห

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status