ตลาดที่นี่ให้ บรรยากาศเหมือนกับหนังจีนที่เคยดูเลย ผู้คนต่างหลั่งไหลกันมาจับจ่ายซื้อของพ่อค้าแม่ค้าร้านรวงต่างๆ เต็มทั้งสองข้างทางดูไปดูมาคล้ายๆ กับเยาวราชเลยอะ แต่ที่นี่มีกลิ่นอายโบราณมากกว่านัก
"คุณหนูเจ้าคะเดินไปอีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงโรงเตี๊ยมตระกูลจางแล้วเจ้าค่ะ"ชิงชิงบอกคุณหนูของนางที่เดินดูนู่นนี่อย่างตื่นเต้นอย่างเอ็นดูนัก
"นี่หรือโรงเตี๊ยมที่ว่า"ข้ามองสำรวจหลังชิงชิงพามาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าโรงเตี๊ยมแห่งนี้อย่างพอใจ ที่นี่มีพื้นที่กว้างขวางมากแต่ดูเก่าและล้าสมัยไปหน่อยแต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวข้าจะเนรมิตให้เลิศหรูอลังการเลยทีเดียว5555คิดแล้วก็มีความสุขยิ่งนัก
"ฟู่"
ป้ายชื่อโรงเตี๊ยมแห่งนี้มีแค่คำเดียวหรือแปลกยิ่งแต่ถือว่าความหมายดี ร่ำรวย แต่ต่อไปคงต้องเปลี่ยนเป็น อภิมหึมามหาร่ำรวย 5555
คิดแล้วก็เดินเข้าไปสำรวจในโรงเตี๊ยมที่มีเสี่ยวเออร์อายุไม่น่าจะเกิน14หนาวออกมาต้อนรับ
"เชิญขอรับคุณหนู ท่านจะรับอะไรดีขอรับ" เสียงเสี่ยวเออร์เอ่ยอย่างนอบน้อม อืม การบริการถือว่าดี ใช้ได้
"ข้าขอน้ำชาอย่างดีหนึ่งกา อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ทั้งหมดแล้วกัน"ก่อนอื่นต้องลองชิมอาหารก่อนละกันว่ารสชาติเป็นยังไง
"ได้ขอรับ คุณหนูโปรดรอสักครู่"
"เอ่อ เดี๋ยวก่อน เจ้าช่วยไปแจ้งผู้จัดการ อ้อไม่ใช่สิ หลงจู่ของร้านมาให้ข้าด้วยได้หรือไม่"
หลงจู่ของร้านนี้คือลุงหลี่ เป็นน้องชายของพ่อบ้านหวัง ซึ่งชิงชิงได้บอกแก่ข้าไว้เมื่อหลายวันก่อน
"ต้องขออภัยคุณหนูแล้วขอรับ คือท่านพ่อของข้าตอนนี้รับหน้าที่เป็นพ่อครัวด้วยขอรับเพราะท่านแม่ข้าที่เป็นแม่ครัวนั้นหกล้มจึงทำให้ปวดข้อมือไม่สามารถเข้าครัวได้ ขอรับ"
เห้อ!นี่แสดงว่ามีแค่ครอบครัวพ่อบ้านหวังใช่หรือไม่ที่ยังอยู่รับใช้ตระกูลจางแต่เป็นใครก็คงไม่ขออยู่ต่อเพราะจากที่พึ่งสังเกตมีลูกค้านั่งอยู่แค่โต๊ะเดียวเท่านั้น ร้านนี้คงไม่มีเงินจ้างเป็นแน่หากไม่มีลูกค้าเช่นนี้ ที่ยังเปิดอยู่แค่พอให้มีรายได้เข้ามาบ้างเท่านั้น
"งั้น ข้าขอแค่น้ำชาหนึ่งกาก็พอ แล้วเจ้าก็ไปแจ้งพ่อของเจ้าว่า ข้า จางเหมยลี่ มารอพบ"
หา! จางเหมยลี่ คุณหนูใหญ่จาง มิใช่ว่าคุณหนูป่วยหนักหรอกหรือ หรือที่ท่านลุงหวังบอกว่าคุณหนูมีอาการดีขึ้นจะหายแล้วจริงๆ ช่างน่ายินดีนัก
"คุณหนูใหญ่โปรดรอสักครู่ขอรับ บ่าวจะไปตามท่านพ่อเดี๋ยวนี้" ตาโตๆกับท่าทางกระตือรือร้นของเสี่ยวเออร์ทำเอาข้าถึงกับหลุดขำ
"ชิงชัง เจ้าก็มานั่งสิ"ข้าบอกชิงชิงเพราะข้าคงอยู่ที่นี่อีกนาน หากยืนอยู่แบบนั้นชิงชิงต้องเมื่อยแน่ๆ
"เป็นบ่าวไม่สามารถนั่งร่วมโต๊ะกับนายได้เจ้าค่ะ มันไม่เหมาะสม "
"นั่งเถอะน่า ข้าไม่ถือหรอก จะได้ช่วยกันปรึกษาเรื่องปรับปรุงโรงเตี๊ยมด้วย" นั่นหละนางถึงยอมนั่งลง
"ชิงชิงเหตุใดโรงเตี๊ยมของเราถึงไม่มีคนเข้าเลยละ"ข้าถามขึ้นด้วยความสงสัยเพราะตั้งแต่ที่เข้ามาในร้าน ก็มีแค่โต๊ะที่พึ่งลุกออกไปแล้วยังไม่เห็นมีลูกค้าเข้ามาอีกเลย ทั้งๆ ที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้ตั้งอยู่ในทำเลทองเลยก็ว่าได้ ระหว่างทางที่เดินผ่านล้วนเห็นแต่บรรดาคุณหนูคุณชายทั้งนั้น ก็ชิงชิงบอกข้าเองนี่นาว่าในย่านนี้ล้วนมีแต่บุคคลมีอันจะกินทั้งนั้น
" ก่อนที่เราจะเข้ามาในร้าน คุณหนูคงเห็นถนนฝั่งตรงข้ามแล้วกระมังเจ้าคะ"
"อืม เห็นแล้วข้าว่าฝั่งนั้นช่างครึกครื้นดียิ่งนัก"
"ใช่เจ้าค่ะฝั่งนั้นนะเจ้าคะคนเต็มทุกวันเลยเจ้าค่ะ อะ ท่านลุงหลี่มาพอดีเลยเจ้าค่ะ"
"เชิญท่านลุงหลี่เจ้าค่ะ" ข้าเอ่ยขึ้นหลังหันไปมองตามชิงชิง แล้วท่านลุงหลี่เดินมาถึงพอดีส่วนข้างหลังของท่านลุงหลี่น่าจะเป็นฮูหยินกับเสี่ยวเออร์น้อยเมื่อครู่
ท่านลุงหลี่ที่อยู่เบื้องหน้านี้ช่างเหมาะสมกับตำแหน่งหลงจู่เสียจริงใบหน้ากลมนั้นแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มดูเป็นคนมีไมตรีจิตที่ดีช่างเจรจาใบหน้านี้แปดส่วนนั้นเหมือนกับพ่อบ้านหวังราวพิมพ์เดียวกัน หากไม่รู้มาก่อนข้าคงไม่เชื่อว่าเป็นน้องชายของพ่อบ้านหวังเพราะนิสัยต่างกันคนละขั้วรายนั้นดูสุขุมเจ้าระเบียบใบหน้านั้นนานๆ ทีจึงจะปรากฏรอยยิ้มสักครั้ง ซึ่งสมกับตำแหน่งสุดยอดพ่อบ้านโดยแท้ ท่านพ่อช่างตาแหลมในการใช้คนทำงานนัก ส่วนฮูหยินของท่านลุงหลี่นามว่า ท่านป้าเถียนเป็นแม่ครัว และบุตรชายนามอาฟง
"ข้าน้อยคารวะ คุณหนูใหญ่ขอรับ/เจ้าค่ะ"
"ท่านลุงหลี่กับท่านป้าเถียนอย่าได้มากพิธีเลยเจ้าค่ะเราคนกันเองทั้งนั้น หลายปีมานี้รบกวนท่านทั้งสองแล้ว"
"เชิญทุกคนนั่งก่อนเถอะเจ้าค่ะ วันนี้อย่าได้แบ่งแยกนายบ่าวเลย วันนี้ข้ามาเพื่อขอคำชี้แนะจากทุกคนด้วย" เมื่อทุกคนเข้าประจำที่นั่งแล้วข้าจึงเริ่มบอกจุดประสงค์ให้ทุกคนได้รับรู้
" ที่ข้ามาในวันนี้ก็เพื่อจะปิดปรับปรุงโรงเตี๊ยมของเราให้ดีขึ้นและทำให้โรงเตี๊ยมของเรากลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง"
" แต่เราจะสู้โรงเตี๊ยมฝั่งตรงข้ามได้หรือขอรับ ข้าได้ข่าวว่าเบื้องหลังของโรงเตี๊ยมนั่นก็ไม่ธรรมดาเลย" จากคำกล่าวของอาฟงข้าชักอยากรู้เกี่ยวกับโรงเตี้ยมนั่นเสียแล้วสิ
" โรงเตี๊ยม ชิงหลง" มังกรฟ้าหรือ
"นี่อ๋องหมิงยังไม่คิดที่จะกลับจวนเจ้าอีกหรือ ยาก็ได้ไปแล้วหนิ" ราชครูเว่ยที่กลับมานั่งทำงานต่อ แขกสูงศักดิ์ก็ยังตามมานั่งร่ำสุรา จนป่านนี้ยังไม่คิดจะกลับจวนตัวเอง"นี่ข้าจะเข้านอนแล้วนะ" "ไปสิข้าจะกลับแล้ว คงจะสมควรแก่เวลาแล้วกระมัง" กล่าวพลางยกยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วลุกขึ้นราชครูเว่ยรู้ทันคนเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการนัก พอคนอื่นทำบ้างมาว่าเขาซะงั้น"เจ้าก็ร้ายกาจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าข้าเลย อ๋องหมิง" หึหึ เหมยลี่เมื่อได้ยินเสียงที่ดังอยู่หน้าห้องก็รู้ว่าท่านอ๋องทรงกลับมาแล้ว จึงรีบหลับตาลง คิดว่าหากพระองค์ทรงอยากรักนาง นางก็จะยอมตามใจ เสียงเปิดและปิดประตูดังแผ่วเบา ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาเงียบๆ จมูกนั้นได้กลิ่นสุราจากร่างสูง ทรงดื่มมา กับใครกัน สักพักเสียงก็เงียบไปเพราะท่านอ๋องได้เดินไปยังห้องอาบน้ำเสียแล้ว เหมยลี่จึงลืมตาขึ้นในอกรู้สึกถึงความจุกแน่นแล้ววูบโหวง ใจสั่น มือสั่นเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดเหมือนจะกระอัก มือบางกำแน่นอย่างพยายามระงับความรู้สึก เมื่อได้ยินเสียงร่างสูงออกมาจากห้องอาบน้ำก็พลิกกายนอนหันหลังให้คนร่วมเตียง ข่มตาหลับเก็บกักทุกความรู้สึกกลับเข้าไป เสียงขยับไหวของเตียงนอ
ยามซื่อแล้วแต่เหมยลี่ยังนอนลืมตาโพลงเพราะตอนนี้สามีตัวดียังไม่กลับมา เป็นข้าเองที่ผิด นางกำลังกลัวการนอกใจใช่หรือไม่พยายามที่จะไม่คิดแต่ไม่รู้ทำไมสมองนางถึงคิดวนไปวนมาและจะมาลงเอยตรงที่พระองค์จะต้องมีคนอื่น บุรุษที่มีความต้องการสูงอย่างท่านอ๋องจะทนได้อย่างไร ตั้งแต่อยู่ร่วมกันมาหากไม่มีราชการหรือต้องเข้าวังด่วนพระองค์แทบจะไม่ไปไหนเลย จะไปไหนก็จะบอกกล่าวนางตลอดไม่เคยเงียบไปเฉยๆ แบบนี้มาก่อน คิดพลางน้ำตาเจ้ากรรมที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนก็ไหลออกมา การเป็นแม่และภรรยาที่ดีนี่ไม่ง่ายเลยจริงๆ นี่ข้าต้องเป็นแม่พันธุ์ให้ท่านอ๋องใช่หรือไม่ ท่านอ๋องหยางหมิงเฉิง ตอนนี้ที่นั่งร่ำสุราอยู่ที่จวนราชครูเว่ยกำลังร้อนใจนัก พระองค์ที่ออกมาปรึกษาหนานจิ้งถึงเรื่องที่โดนชายารักยื่นคำขาด จนไม่รู้จะทำอย่างไรเลยต้องออกมาหาตัวช่วย แต่ตัวช่วยผู้นี้นั้นพระองค์อยากฆ่าให้ตายนัก ที่ทำให้พระองค์จนมุมหมดสิ้นทางเลือก ย้อนไปหลังออกมาจากจวนก็ตรงมาจวนราชครูเว่ยทันที"วันนี้ลมอะไรหอบเอาท่านพ่อตาข้ามาหาข้าที่นี่ได้กัน"ใบหน้าหล่อเหลาส่งทั้งเสียงและรอยยิ้มยียวนมาให้แขกผู้มาเยือนที่ไม่มีมารยาทมาถึงก็ทำให้บ่าวไพร่ของเขาแตกตื่นสั่
ตอนนี้เจ้าก้อนแป้งคู่ย่างเข้าสามเดือนแล้ว จวนอ๋องนั้นทุกวันล้วนเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะแห่งความสุขต้าเก้อและเจี๋ยเจี๋ย ทั้งสองก็ช่างรู้ความนักช่วยดูแลน้องๆ อย่างน่ารักน่าเอ็นดูไม่ยอมออกห่างกันเลยทีเดียวหยางหมิงเฉิงที่ส่งสายตาอ้ออดอ้อนมาให้ชายารักแต่นางก็ไม่สนใจแล้วยังทำท่าปั้นปึ่งใส่พระองค์อีก แค่พระองค์มองหน้านางด้วยสายตาละห้อย นางก็จะเอ่ยอย่างรู้ทันข้าเหนื่อยบ้างละข้าเจ็บเจียนตายบ้างละหรือแม้กระทั่งท่านไม่รักข้าแล้วใช่หรือไม่ ถึงอยากเห็นข้าเจ็บปวดอีกหยางหมิงเฉิงอยากจะร้องไห้นักตั้งแต่คลอดลูกแฝดครั้งนี้เหมยลี่รู้สึกกลัวการตั้งครรภ์นัก หากมีวิธีผ่าคลอดนางก็พอทนอยู่หรอก จึงได้ยื่นคำขาดให้สามี"หากท่านหาวิธีป้องกันการตั้งครรภ์ให้ข้าไม่ได้ก็อย่ามาเข้าใกล้ข้าเด็ดขาด" ท่านอ๋อง ก็รีบผลุนผลันออกจากจวนไม่พูดไม่จา จนนางอดคิดมากไม่ได้ "จะไปไหนของเขากัน" หรือว่าจะไปหอนางโลมหรือแอบมีบ้านเล็กกันนะ"พระชายาเจ้าคะ" ซู่ซู่ที่เอ่ยเรียกพระชายาตนพร้อมกับหน้าแดงๆ " บ่าวมีอะไรจะบอกเจ้าค่ะ"" มีอะไรหรือ หรือว่าเจ้าไปรู้อะไรเกี่ยวกับท่านอ๋องมา" ถามพร้อมกับหันมองอย่างกดดัน"ไม่ใช่เจ้าค่
อุแว้ อุแว้เสียงทารกน้อยที่ร้องดังขึ้น ทำให้คนที่นั่งจ้องตาฟาดฟันกันอยู่ด้านนอกผลุดลุกขึ้นอย่างตื่นเต้นยินดี"คลอดแล้ว คลอดแล้ว" "พระชายาคลอดแล้วคนหนึ่งเหลืออีกคนอดทนไว้เพคะ" "พวกเจ้ารีบป้อนยาให้พระชายาเร็วเข้า" ท่านหมอที่ทำคลอดให้เหมยลี่รีบเร่งให้ผู้ช่วยป้อนยาที่เตรียมให้เหม่ยลี่ เพราะการคลอดลูกแฝดนั้นถือว่าอันตรายหากเกิดมารดาสลบก่อนจะคลอด คงเกิดปัญหาใหญ่ขึ้น " พระชายาคนแรกเป็นคุณชายน้อยเพคะ"ผู้ช่วยท่านหมอกล่าวขึ้น แล้วทำความสะอาดห่อด้วยผ้าอ่อนนุ่มอุ้มออกมาหาบิดาที่เดินส่งยิ้มมารับไปไว้ในอ้อมแขน"เป็นท่านอ๋องน้อยเพคะ" หยางหมิงเฉิง ยิ้มกว้างอย่างยินดีนัก"ซานเอ๋อ ซื่อเอ๋อ มาดูเจ้าก้อนแป้งน้อยสิลูก น่าชังนัก "หยางหมิงเฉิงนั่งลงให้บุตรทั้งสองเห็นน้องน้อย"เจ้าก้อนแป้งชื่ออะไรดีขอรับท่านพ่อ" ซานเอ๋อถามพลางเอานิ้วเล็กจิ้มแก้มขาวนวลเนียนดังซาลาเปา" พ่อยังไม่ได้คิดเลย รอน้องของเจ้าอีกคนก่อนดีหรือไม่" " ขอรับ""ตี้ตีของต้าเจี่ย ตัวนิดเดียว" คำกล่าวน่ารักน่าชังของซื่อเอ๋อเรียกเสียงหัวเราะด้วยความเอ็นดูจากทุกคน โดยเฉพาะหนานจิ้งที่เห็นแล้วนึกเอ็นดูซื่อเอ๋อน้อยนัก แต่รู้สึกได้ถึงสายต
กรี๊ด"เจ้าคนชั้นต่ำ ช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง อยากตายหรืออย่างไร" "หยุดเดี๋ยวนี้ ข้าบอกให้หยุด เจ้ารู้หรือไม่ดูหมิ่นเบื้องสูงมีโทษสถานใด" เล่อคังที่พาบ่าวรับใช้มายังเรือนรับรองก็เห็นองค์หญิงอิ๋นลู่เสียน ยังคงนั่งสั่งให้ข้ารับใช้ที่ติดตามมาเก็บข้าวของอย่างสบายอารมณ์ไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจว่าได้ทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจเจ้าของจวน จึงสั่งให้บ่าวไพร่ทำตามคำสั่งที่ได้รับจากเจ้านายตนโดยไม่สนใจความไม่ยินยอมของผู้อาศัยสูงศักดิ์จึงได้รับทั้งคำบริภาษทั้งเสียงกรีดร้องแต่ก็หาสะเทือนไม่สั่งบ่าวรับใช้ให้เก็บของทุกอย่างขององค์หญิงอิ๋นลู่เสียนใส่หีบอย่าให้เหลือแม้แต่ชิ้นเดียวและอย่าให้ของที่อยู่ในจวนอ๋องอยู่แล้วหลุดลอดออกไปเช่นกัน อันนี้อยู่นอกเหนือคำสั่งเพราะคิดว่าหากพระชายาผู้เป็นนายสามารถสั่งการเองได้จะต้องทำเช่นนี้แน่ เมื่อเก็บของทุกอย่างเรียบร้อยเเล้วก็สั่งให้นำขึ้นรถม้าที่มารอรับเสด็จสมฐานะองค์หญิงเตรียมออกเดินทาง"ข้าไม่ไป เจ้าไม่เห็นหรืออย่างไรว่าคนของข้ายังมาไม่ถึง" เล่อคังเห็นท่าทางไม่ยินยอมของอีกฝ่ายก็รู้ได้ว่าคงไม่ยอมออกไปเป็นแน่ จึงแจ้งรับสั่งของท่านอ๋อง"ท่านอ๋องมีรับสั่งว่าให้พระองค์
เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นด้านหน้าเรือนคงไม่ต้องเดาว่าเป็นใคร"ท่านอ๋องเสด็จมาแล้วเจ้าค่ะพระชายา" ซู่ซู่รีบเอ่ยบอก แต่ต้องทำหน้าเหลอหลาเพราะพระชายาของนางแสร้งหลับตาเสียแล้วชิงชิงจึงเอ่ยว่า"ทรงแสร้งหลับตั้งแต่ได้ยินเสียงฝีเท้าแล้ว" เมื่อชินอ๋องก้าวเข้ามา มองไปยังร่างบอบบางก็รู้ว่านางตื่นแล้วแต่แสร้งหลับเลยโบกพระหัตถ์ให้ออกไป บ่าวทั้งสองจึงรีบถอยออกมาอย่างรู้หน้าที่"ลี่เอ๋อ ลืมตามาคุยกับพี่หน่อยเถิด" เงียบนางจะลืมตาได้ยังไง อาละวาดเสียปานนั้น ช่างน่าอับอายนัก" ลี่เอ๋อ เด็กดี" ว่าพลางสอดกายหนาลงไปนอนเคียงข้าง มือแกร่งกอดเอวเล็กก็รู้สึกได้ว่าหน้าท้องของนางนูนขึ้นเล็กน้อย ร่างบางพลันแข็งทื่อท่านอ๋องที่รับรู้ถึงปฏิกิริยาคนในอ้อมแขนก็กอดกระชับร่างบาง"พี่ขอโทษ" ได้ยินคำขอโทษจากร่างหนาที่แสนอบอุ่นนี้เหมยลี่น้ำตาไหลพราก รับรู้ได้ถึงความรักที่คนตรงหน้ามีให้ นางขอเพียงแค่นี้ แค่รักและซื่อสัตย์ต่อนาง ชีวิตนี้ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว "ข้าขอโทษเจ้าค่ะ ขอโทษที่ทำตัวไม่ดี ขอโทษที่ระแวงจนขาดสติ และขอบคุณท่านที่ไม่ถือโทษโกรธเคืองความไม่เอาไหนของข้า" เงยหน้าที่เปรอะเปื้อนน้ำตามองใบหน้าหล่อเหลาเห็