ตอนที่ 5 ยินดีที่ได้รู้จัก
เสี่ยวหลิงส่ายหัวไปมาแต่ก็นึกดีใจที่เห็นเฉี่ยวซือเป็นห่วงตัวเอง
“นี่น้ำเย็น ๆ ว่าแต่เธอยังไม่บอกฉันเลยว่าเธอรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่”
“เพราะว่าฉันตั้งใจมาหาพี่เทียนเฉินนะสิแต่เห็นเธอแว้บ ๆ เลยเดินเข้ามาดูและเป็นเธอจริง ๆ ”
“เป็นอย่างนี้นี่เอง คงเป็นเรื่องดีสินะดูหน้าตาของเธอสิชื่นบานแบบนี้”
“ก็ใช่นะสิ รู้มั้ยว่าเมื่อคืนนี้ครอบครัวของฉันได้ไปกินข้าวกับครอบครัวพี่เทียนเฉินทั้งสองตระกูลพูดกันเรื่องการหมั้นหมาย อีกไม่นานฉันจะได้หมั้นหมายกับพี่เทียนเฉินแล้ว ฉันเลยคิดว่าระหว่างรองานหมั้นจะเข้ามาทำคะแนนให้เทียนเฉินเห็นว่าฉันชอบเขาและประทับใจ ใส่ใจเขามากขนาดไหน ” เสี่ยวหลิงไม่เข้าใจแม้ว่ามู่หรูเหยาไม่ทำอะไร อย่างไรเทียนเฉินก็ชอบเธออยู่แล้ว เมื่อได้ยินว่าทั้งสองจะหมั้นกันเสี่ยวหลิงจะให้มู่หรูเหยารู้ไม่ได้ว่าตอนนี้เธอกำลังท้องอยู่ เพราะเธอไม่ใช่นางร้ายและตัวอิจฉาที่ต้องการครอบครองพระเอกอีกต่อไป
“ช่างเป็นเรื่องน่ายินดีจริง ๆ ฉันดีใจด้วยนะ”
“จริงสิ ฉันพูดแต่เรื่องตัวเองฉันก็ยินดีด้วยนะที่เธอมาเปิดร้านเป็นของตัวเองได้ ”มู่หรูเหยาจับมือของเสี่ยวหลิงส่งยิ้มแสดงความยินดี ตอนนั้นนั่นเองเธอหันไปเห็นไป๋เทียนเฉินที่เดินอยู่หน้าโรงงานพอดี มู่หรูเหยารีบปล่อยมือออกจากมือของเสี่ยวหลิงลุกขึ้นพรวดเดินกึ่งวิ่งไปหาเทียนเฉินด้วยความดีใจ
“พี่เทียนเฉิน โชคดีจังเลยนะคะที่เจอพี่แต่เช้าแบบนี้เมื่อคืนฉันนอนไม่หลับเลยที่ครอบครัวของเราสองคนพูดเรื่องงานหมั้นของเรา ”
“เธอมาทำอะไรที่นี่แต่เช้าคงไม่ได้ตั้งใจมาหาฉันที่นี่หรอกนะ ฉันนะเป็นประเภทไม่ชอบผู้หญิงที่เอาแต่เดินเตร่ไปมาและเข้ามาวุ่นวายทำตัวน่ารำคาญ ” ใบหน้าของมู่หรูเหยาซีดเซียวลงทันตาเธอรีบเงยหน้าขึ้นยิ้มกริ่มก่อนจะชี้นิ้วไปหาเสี่ยวหลิงที่ยืนอยู่หน้าร้านของเธอ
“จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงคะ พอดีฉันมาแสดงความยินดีกับเพื่อนของฉันต่างหาก นั่นคือร้านขายของของเพื่อนสนิทฉันนะค่ะพี่เทียนเฉินคงเคยเห็นหน้าเธออยู่บ้างเมื่อก่อนเธอคอยตามหลังฉันเรื่อยมา และเธอยังเคยเป็นลูกจ้างที่โรงงานของพี่ด้วย” เทียนเฉินหันไปมองตามที่มู่หรูเหยาชี้ไปเขาได้เห็นเสี่ยวหลิงยืนอยู่ใจของเทียนเฉินเต้นแรงตึกตัก นี่ก็ผ่านมาสามเดือนแล้วที่เขาไม่ได้เจอเธอหลังจากที่นอนกับเธอคืนนั้น ทำให้เขาไม่เคยลืมท่วงท่าเสียงร่ำร้องคร่ำครวญที่ครวญครางอย่างสุขสม เมื่อเห็นเธอวันนี้เขากลับนึกถึงค่ำคืนนั้นขึ้นมาทันที เขาไม่เคยรู้เลยว่าเธอจะมาเปิดร้านอยู่ใกล้ ๆ เขาอย่างนี้
“ไป๋เทียนเฉินฉันรอนายตั้งนานแล้วมาทำอะไรอยู่ตรงนี้” น้ำเสียงทุ่มต่ำดังขึ้นขัดจังหวะทั้งสองที่คุยกันอยู่ เพื่อนสนิทของเทียนเฉินวันนี้ทั้งสองนัดพบกันที่โรงงานของเทียนเฉินหลังจากที่ไม่ได้พบกันมานาน
“พอดีฉันเจอคนรู้จักนะสิเลยแวะทักทายนิดหน่อย”
“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อมู่หรูเหยาอีกไม่นานฉันกับพี่เทียนเฉินจะหมั้นหมายกันฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”
“ผมชื่อหยางฟงยินดีที่ได้รู้จักนะครับ นี่นายมีคู่หมั้นไม่เคยจะบอกฉันเลยนะ ฮ่า ฮ่า”
“เป็นเรื่องที่ครอบครัวฉันพูดกันนะ จริงสิเธอบอกว่ามาหาเพื่อนไม่ใช่หรือไงไปสิไปหาเพื่อนของเธอ”
“อะไรกันนายนี่ใจร้ายชะมัด เอะว่าแต่มู่หรูเหยาบอกว่ามาหาเพื่อนไหนหรือขนาดมู่หรูเหยายังสวยขนาดนี้เพื่อนต้องสวยไม่ต่างกันสินะ” หยางฟงเหลียวหาอย่างสนใจหลันเหยชี้นิ้วมาทางเหลียนหลิงที่ยืนงง ๆ อยู่ตรงข้าม
“นั่นไงคะเพื่อนของฉัน”
“ว๊าวว นั่นคนหรือนางฟ้าฉันขอไปทักทายทำความรู้จักได้มั้ย” หยางฟงเห็นใบหน้าของเสี่ยวหลิงก็เกิดความสนใจเธอทันที แต่ทว่ากลับทำให้อีกคนที่ยืนอยู่ไม่พอใจและหงุดหงิดใจที่สุด แต่ไม่สามารถห้ามเพื่อนของตัวเองได้ ทำได้เพียงเดินตามหลังหยางฟงกับมู่หรูเหยาไปหาเสียวหลิง
ส่วนเสี่ยวหลิงเธอเห็นมู่หรูเหยาเดินข้ามไปหาเทียนเฉินในใจภาวนาขออย่าให้เขาเดินข้ามมาหาตน หลายเดือนที่เธอมาอยู่ตรงนี้เธอไม่เคยได้เห็นหน้าเขาเลย ทำไมต้องมาเจอกันตอนนี้ด้วย แต่เมื่อเห็นมู่หรูเหยาเดินมากับชายอีกคนเสี่ยวหลิงเริ่มทำตัวไม่ถูกไม่ยิ่งมองไปด้านหลังเห็นสีหน้าบูดบึ้งเธอยิ่งไม่อยากจะยืนอยู่ตรงนี้เลยด้วยซ้ำ
“สวัสดีครับผมชื่อหยางฟงยินดีที่ได้รู้จักสาวสวยเอ่อไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรครับ” ทันทีที่หยางฟงเดินมาถึงเขาจับมือของเสี่ยวหลิงมาจับพร้อมจูบลงที่ฝ่ามือคล้ายเป็นการทักทายของฝรั่ง
“เอ่อ...ฉันชื่อเหยียนเสี่ยวหลิงยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
“คนอะไรสวยทั้งใบหน้าและน้ำเสียงยังชวนน่าฟังแบบนี้ ผมเป็นเพื่อนของเทียนฉัน หวังว่าเราจะได้พบกันอีกนะครับ”
“อย่างนั้นวันนี้เราไปกินข้าวพร้อมกันสี่คนเลยดีมั้ยคะ ฉันเองก็ไม่มีอะไรที่สำคัญต้องทำด้วยเสี่ยวหลิงเธอเป็นเจ้าของร้านให้ลูกจ้างเฝ้าร้านสักครู่คงได้สินะ ”
“ว๊าว นี่คือร้านของคุณเสี่ยวหลิงหรือครับ อย่างนี้ผมคงจะต้องมาเป็นลูกค้าประจำที่นี่แน่นอนเลย เอาตามที่มู่หรูเหยาพูดก็ดีเหมือนกัน ผมมาที่นี่เพราะมาหาเทียนเฉินถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ได้ร่วมโต๊ะอาหารกัน” เสี่ยวหลิงเริ่มอึดอัดใจ ไม่ใช่ว่าเพราะเธอไม่อยากไปแต่ทว่าเมื่อครู่เธอหันไปสบตาคนด้านหลังทำให้เธอไม่อยากจะไปด้วยสักนิด แต่ถ้าเธอไม่ไปมู่หรูเหยาก็คงสงสัยไม่น้อย
“ก็ได้ค่ะ อย่างนั้นฉันขอตัวสักครู่นะคะ”
“ได้ครับ” หยางฟงดีใจจนอออกนอกหน้าจนเทียนเฉินที่ยืนอยู่ด้านหลังกระแอมหนึ่งและพูดออกมาอย่างเย็นชา
“นายนี่เห็นสาวสวยไม่ได้เลยนะ ภรรยาของนายที่แต่งไปปีที่แล้วรู้หรือเปล่าว่านายมีนิสัยแบบนี้ ”
“เฮ้อ ! อะไรกันนี่นายไม่รู้เหรอว่าฉันนะเลิกรากับภรรยาคนนั้นไปแล้ว แต่ไม่แน่ไว ๆ นี่ฉันอาจจะมีภรรยาใหม่ก็ได้”
“พี่หยางฟงคงจะถูกใจเพื่อนของฉันใช่มั้ยคะ เธอเองก็คงยังไม่มีคนรักหรอกค่ะ ฉันสนับสนุนเดินหน้าเต็มที่เลยนะคะเราจะได้พบเจอกันบ่อย ๆ ” มู่หรูเหยาเดินเข้ามากอดแขนของเทียนเฉินพร้อมพูดอย่างดีใจ แต่ทว่าเทียนเฉินกลับสะบัดมือของเธอออกจากการจับกุมอย่างไม่พอใจ
‘ไม่เจอกันนานไม่คิดเลยว่าเธอจะมีน้ำมีนวลขึ้นขนาดนี้ คงยังชอบยั่วยวนผู้ชายไม่หยุดสินะ ฉันจะไม่ยอมให้เพื่อนของฉันมาตกหลุมพลางของเธอหรอก ’ เทียนเฉินคิดในใจไม่นานเสี่ยวหลิงได้เดินออกมา
ตอนที่ 32 ความเจ็บปวดที่งดงามเสี่ยวหลิงลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เธอคิดว่าตัวเองจะตายไปแล้วเสียอีก ความเจ็บปวดของการเบ่งลูกเป็นการเจ็บปวดเจียนตายจริง ๆ แต่ทว่าเมื่อได้ยินเสียงร้องของลูกน้อย เธอแทบลืมความเจ็บปวดนั้นไปจนหมดสิ้น“ตื่นแล้วหรือ? เป็นอย่างไรบ้างเจ็บแผลมากหรือเปล่า” “แม่ไป๋มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”“ฉันมาตั้งแต่เธอเข้าห้องคลอดแล้วล่ะ เหนื่อยมากสินะเธอหลับตั้งแต่คลอดลูกเสร็จและตื่นขึ้นในอีกวันเลย ฉันเฝ้าเธอทั้งคืนกลัวว่าเธอจะไม่ตื่นมาซ่ะแล้ว เกือบจะออกไปตามหมอมาตรวจดูเธอดีนะที่เธอตื่นขึ้นมาก่อน”“แล้วลูกละคะ เด็กเป็นอย่างไรบ้าง”“นี่ไงเล่าเจ้าตัวเล็ก ดีที่มีพยาบาลมาคอยช่วยดูและป้อนนมให้ไม่อย่างนั้นคงร้องทั้งคืน ส่วนเทียนเฉินเขาจะเฝ้าเธออยู่ที่นี่แต่ฉันไม่ไว้ใจกลัวจะดูแลกันไม่ดี แถมยังไม่เคยเลี้ยงเด็กอีกด้วยเลยให้กลับไปพักที่บ้านนะ นี่ก็คงจะเดินทางมาแล้วล่ะคงนอนไม่หลับทั้งคืนแน่ ๆ” แม่ไป๋อุ้มเด็กทารกตัวเล็กแต่เนื้อหนังเต็มไม้เต็มมือแถมยังมีแก้มที่ใหญ่จนแทบปิดจมูกหน้าตาน่าเกียจน่าชังมาวางไว้ที่แขนของเสี่ยวหลิงให้เธอได้กอดลูกสาว วินาทีนั้นน้ำตาของเธอไหลรินออกมาด้วยความตื้นตันเมื่อเห็น
ตอนที่ 31 หนีไม่พ้นกฎหมายเทียนเฉินเห็นมู่หวางฉีหลบเขารีบพาเสี่ยวหลิงมาหลบหลังรถเช่นเดียวกัน พวกพ้องของคุณพ่อก็รีบพากันหลบกระสุนกลัวจะโดนลูกหลง เสียงรถยนต์วิ่งเข้ามาจอดหน้าทุกคนพร้อมทหารหลายนายถืออาวุธมาเต็มมือไปหมด“ฉันคือนายพลเว่ยถิงชิง ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดของเขตมณฑลเจียงซีและมณฑลเติ่งหัว วางอาวุธและยอมจำนนแต่โดยดีหากไม่อยากสูญเสียไปมากกว่านี้ ไม่ว่าจะหนีไปทางไหนก็ไม่สามารถหนีรอดไปได้ทหารของหน่วยเราล้อมรอบไว้หมดแล้ว” นายพลเว่ยเดินลงรถมาอย่างไม่เกรงกลัว เทียนเฉินเริ่มมีสีหน้าดีขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนของเขามาช่วยทันเวลาพอดี“ฮ่า ฮ่าคิดว่าใครที่แท้ก็นายพลเว่ยนี่เอง เรื่องที่เกิดขึ้นมันแค่เรื่องเข้าใจผิดและเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่เห็นต้องให้ท่านนายพลมาที่นี่ด้วยตัวเองเลย”“เลิกพูดจาไร้สาระยังไม่รู้ตัวอีกหรือที่ฉันมาที่นี่เพราะอะไร อาวุธที่ถืออยู่เป็นอาวุธที่ไม่มีใครสามารถมีได้ง่าย ๆ มองจากสายตาแล้วไม่ใช่มีแค่อันเดียวลูกน้องด้านหลังก็ยังถืออาวุธสงครามครบมือ แบบนี้เรียกเล็กน้อยหรือ ? ตอนนี้ทางการมีหลักฐานที่คุณไปจับมือกับองค์กรมืด ฉันได้ดำเนินการจัดการตัดแขนตัดขาทุกเส้นทางแล้ว ยอมจำนนเสียเถอะอย่า
ตอนที่ 30 ช่วยเสี่ยวหลิงตอนนี้ทุกคนรู้ที่อยู่ของเสี่ยวหลิงผ่านซ่งเถา บอดี้การ์ดที่มีฝีมือต่างพากันเดินทางไปช่วยเหลือเสี่ยวหลิงไป๋ฟู่หนานสั่งให้คุณนายไป๋รออยู่ที่บ้านเผื่อว่านายพลเว่ยจะเข้ามาจะได้บอกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นให้เขารีบตามไปช่วยอีกแรง ส่วนเขารีบไปหาเพื่อนที่ร้านบะหมี่ ความเป็นเพื่อนเมื่อเห็นเพื่อนเดือดร้อนขอความช่วยเหลือรีบสั่งให้ภรรยาปิดร้านเขากับพรรคพวกแก๊งมังกรบะหมี่ไฟพากันยกพวกไปช่วยเสี่ยวหลิงอีกแรงโกดังร้าง“นังเสี่ยวหลิงเป็นยังไงบ้างอดข้าวอดน้ำมาทั้งวันยังแรงดีอยู่มั้ย”“เมื่อครู่ผมเข้าไปดูเหมือนว่าตอนนี้จะดูอิดโรยหมดแรงไปแล้วครับ” “เอาน้ำไปสาดมันสิ เมื่อเช้ายังปากดีอยู่เลย”“ได้ครับท่าน” มู่หวางฉีเดินเข้ามาเห็นสภาพของเสี่ยวหลิงที่นั่งพิงเสาอยู่ริมฝีปากแห้งเหือดขาดน้ำ เขาเดินไปเอาเท้าเขี่ยเธอเพื่อเรียกให้เธอตื่น“นี่นังเสี่ยวหลิงอย่ามาสำออย อดน้ำอดข้าวยังไม่ถึงวันเลยจะมาตายง่าย ๆ อย่างนี้ได้ยังไง” แท้ที่จริงเสี่ยวหลิงไม่ได้อดอย่างที่มู่หวางฉีเข้าใจแต่เธอแค่แสร้งเท่านั้น มีมิติจะปล่อยให้ตัวเองอดอยากทำไมกัน เธอวางแผนที่จะหนีในคืนนี้ด้วยการนำยาสลบแบบควันโยนใส่ชายฉกรรจ์ที่เ
ตอนที่ 29 รู้ที่อยู่ของเสี่ยวหลิงร้านบะหมี่เก่า ๆ แต่มีคนเข้าตลอดทั้งวัน ขายดิบขายดีเพราะความอร่อย ไป่ฟู่หนานนั่งลงที่เก้าอี้หมางเฟยเดินออกมาต้อนรับเมื่อเห็นใบหน้าของสหายเก่าเขายิ้มกว้างพูดเสียงดังเดินเข้ามากอดด้วยความคิดถึง“โฮ๊ะ ๆ คิดว่าใครที่แท้ก็สหายเก่าของฉันนี่เอง สบายดีมั้ยเป็นยังไงมายังไงถึงได้มาที่นี่ได้”“ฉันสบายดีแต่ตอนนี้เริ่มไม่สบายแล้วที่มาวันนี้เพราะอยากขอความช่วยเหลือจากนายสักหน่อย”“นายต้องการให้พ่อค้าขายบะหมี่ช่วยเหลืออะไร นายมันร่ำรวยเป็นเจ้าของโรงงานใหญ่โตคงมิใช่มายืมเงินหรอกนะ ฮ่า ฮ่า” ตามประสาเพื่อนหมางเฟยพูดทีเล่นทีจริงแต่เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเคลียดของเพื่อนกลับหุบยิ้มทันทีและเรียกหาภรรยา“เว่ยเว่ยช่วยดูหน้าร้านให้ฉันสักครู่ก่อนนะ ส่วนนายตามเข้ามา” เนื้อเสียงเปลี่ยนไปเป็นนิ่งเรียบเดินนำหน้าไป๋ฟูหนานเข้าไปด้านใน"เรื่องอะไรที่ทำให้นายไม่สบายใจ"“ตอนนี้ลูกสะใภ้ของฉันถูกจับตัวไป ฉันไปแจ้งความก็เหมือนไม่ได้ช่วยอะไร ก่อนหน้านี้ครอบครัวของฉันีปัญหากับตระกูลมู่ นายรู้บ้างมั้ยว่าตระกูลมู่ติดต่อกับองค์กรมืดฉันอยากจะให้นายช่วยตามหาลูกสะใภ้ฉันที ตอนนี้เธอท้องแก่ใกล้คลอดฉัน
ตอนที่ 28 ค่อย ๆ ทรมานตึง ตึง ตึงเจี้ยวจ้าว ๆเสียงฝีเท้าคนมากมายเดินไปมาพร้อมกับเสียงพูดกันมากมาย ทำให้ร่างบางสะลึมสะลืมยกเปลือกตาที่หนักอึ้งกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เธอจำได้ว่าตัวเองอยู่ในห้องน้ำกำลังจะเดินออกมาจากนั้นทุกอย่างดับวูบไปหมด ทว่าตอนนี้เธอกลับปวดเนื้อปวดตัวเหมือนระบมไปทั้งตัว‘อึดอัดจังเหมือนฉันโดนมัดยังไงอย่างนั้น’ เสี่ยวหลิงคิดในใจก่อนที่จะลืมตามองชัด ๆ เธอถูดมัดเอาไว้ติดเสาขนาดใหญ่ ในโกดังร้างที่มองไปทางไหนมีแต่ฝุ่นคละคลุ้มเต็มอากาศ ชายฉกรรจ์น่ากลัวมากมายหลายคนที่ยืนเฝ้าอยู่ล้อมรอบไปหมด“อะไรกันอย่าบอกนะว่าฉันถูกหลักพาตัว” เสี่ยวหลิงตระหนักได้ถึงเรื่องน่าเกลงกลัว ร่างเล็กสั่นสะท้านไปถึงด้านในหรือว่านี่จะเป็นจุดจบของเธอ ไม่ว่าเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อหาในนิยายตอนจบยังไงเธอก็หนีไม่พ้นความตายอยู่ดี ใจของเธอเต้นแรงมากกว่าเดิม ความกลัวเริ่มโหมกระหน่ำเข้ามาภายในจิตใจ“ฟื้นแล้วสินะ ใบหน้าก็สวยไม่น่าเลือกที่จะขัดใจคุณหนูของเราเลย เสียดายเสียจริง” เสียงเข้มขรึมดังขึ้นเมื่อเห็นเสี่ยวหลิงลืมตาขึ้นมา“พวกแกเป็นใครจับฉันมาทำไมฉันไปทำอะไรให้ หรือว่านี่เป็นฝีมือของหรูเหยา”“ฉลาดดีนิแต่นี่ไ
ตอนที่ 27 ลักพาตัวบ้านตระกูลไป๋เช้าวันนี้อากาศแจ่มใสระหว่างสองวันที่ผ่านมาเสี่ยวหลิงอยู่กับครอบครัวของเทียนเฉินได้รับการเอาอกเอาใจ การเคลื่อนไหวของฝั่งนั้นก็เงียบสงบ จนวันนี้คุณนายไป๋ชักชวนเสี่ยวหลิงออกไปห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อเตรียมของใช้เด็กอ่อนเข้าบ้าน“เสี่ยวหลิววันนี้เราออกไปข้างนอกกันมั้ย? ฉันคิดว่าเราควรซื้อของเตรียมเอาไว้ได้แล้ว ยังไม่มีของใช้เด็กอ่อนเลยหากไม่เตรียมไว้เกิดจู่ ๆ คลอดคืนนี้จะทำยังไง”“ไม่ได้ฉันไม่ให้ออกไปยิ่งตอนนี้เทียนเฉินไม่อยู่ด้วย ความปลอดภัยของทุกคนสำคัญมากกว่าเอาไว้เทียนเฉินกลับมาค่อยออกไป” ไป๋ฟู่หนานพูดขึ้นทันควันไม่อยากให้ทั้งสองออกไปข้างนอกเพราะเป็นห่วง“กลางวันแซก ๆ ไม่มีใครเขาลงมือกันหรอกนะ อีกอย่างเราไม่ได้ออกไปสองคนสักหน่อยยังมีบอดี้การ์ดตั้งหลายคนคอยตามประกบหน้าประกบหลัง หรือไม่อย่างนั้นคุณก็ออกไปด้วยกันสิ” คุณนายไป๋ยังไม่ยอมดึงดันที่จะไปข้างนอก จนพ่อของเทียนเฉินใจอ่อน“เอาย่างนั้นก็ได้ แต่ห้ามทั้งสองเดินเพ่นพ่านให้เดินจับกลุ่มกันไว้ เพิ่มบอดี้การ์ดสิบคนกำลังดี”“ดีเลย หนูเสี่ยวหลิงอยากได้อะไรหยิบได้เต็มที่เลยนะอะไรที่เป็นของใช้หลานฉันจะจ่ายเอง”